เสียงเปิดประตูทำให้คนที่นั่งอยู่ในห้องต้องรีบเดินออกมาดูเพราะรู้ว่าใครกำลังเข้ามาเขาจึงต้องรีบออกมาต้อนรับเพราะดันผิดนัดลูกสาวตัวน้อยว่าจะไปรับที่โรงเรียนแต่ดันติดงานจนต้องให้นั่งรถกลับมาเองทั้งๆที่เป็นการไปเรียนครั้งแรกแท้ๆ “กลับมาแล้วเหรอพ่อเป็นห่วงแทบแย่”
กิตติเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดแต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของกนต์รพีก็ทำให้เขาถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเป็นที่สุดไม่รู้ว่าลูกสาวตัวกลมไปเจออะไรถูกใจเข้าให้ถึงได้หน้าบานได้ขนาดนี้
“โกรธพ่อจนเพี้ยนไปเลยเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วทำไมยิ้มแบบนั้นหรือนี่เป็นการงอนแบบใหม่ของวัยรุ่น”
“พ่อก็เวอร์ละทำผิดแล้วอย่ามาเนียนเลย”
กนต์รพีหันไปส่งค้อนให้กับคนเป็นพ่อทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเกือบหลงทางเพราะอีกฝ่ายเบี้ยวนัด
“โถ…พ่อผิดไปแล้วลูกจ๋าคราวหน้าจะไม่ทำแล้ว…ดีกันนะ”
“ก็แบบนี้ทุกที”
“แล้วดีด้วยมั้ยล่ะ”
กิตติทำเสียงอ้อนพร้อมกับการส่งสายตาระยิบระยับเหมือนดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาและครั้งนี้มีหรือจะพลาด
“ดีก็ได้เห็นแก่ของกินที่โต๊ะหรอกนะคะไม่งั้นง้อทั้งคืนก็ไม่หาย”
คนพูดเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดี
“เห็นแก่กินจริงนะยัยหมูของพ่อ”
กนต์รพีแทบจะคายหมูที่กำลังหยิบเข้าปากทิ้งแต่เธอก็ตัดใจไม่ได้เพราะรสชาติมันอร่อยจนทิ้งไม่ลงจริงๆ
เธอจึงทำได้เพียงใช้ลิ้นดันอาหารเก็บไว้ที่กระพุ้งแก้มจากนั้นก็หันไปส่งค้อนวงใหญ่ให้คนพูดแซวที่ดูจะไม่มีทีท่าว่ากลัวเลยสักนิดเพราะตอนนี้พ่อของเธอเอาแต่หัวเราะเสียงดังเหมือนตลกอะไรสักอย่างแต่สำหรับกนต์รพีในเวลานี้อาหารเบี้องหน้าน่าสนใจกว่าอะไรทั้งหมด
แล้วอีกอย่างหุ่นแบบเธอเขาเรียกอวบกำลังดีต่างหากพ่อเธอนี่ไม่เข้าใจวัยรุ่นเลยจริงๆ
วันที่สองของการมาเรียนวันนี้กนต์รพีรู้สึกคุ้นเคยกับโรงเรียนมากขึ้นแม้จะยังรู้จักเพื่อนในห้องไม่หมดและดูเหมือนหลายๆคนไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่คิดจะใส่ใจอะไรเพราะตอนนี้ความสนใจของเธอกำลังพุ่งเป้าไปที่สนามบอลที่ตอนนี้มีนางฟ้าเรียนพละอยู่
“จ้องขนาดนั้นไม่โดดลงไปหาเลยล่ะ”
คำพูดเหน็บแนมของคนข้างๆไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของกนต์รพีลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อยแต่กลับมีท่าทางเขินอายเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง
“เป็นมากเหมือนกันนะเนี้ย”
“บ้าเหรอไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”
“หน้าบานเท่าตัวขนาดนี้น่าเชื่อตายล่ะ”
คนฟังแทบกลิ้นตกเก้าอี้กับประโยคเจ็บแสบที่ได้ยินและเมื่อตั้งสติได้กนต์รพีก็หันไปทำตาขวางใส่คนพูดทันที
“เราไม่ได้หมายความแบบนั้นเอ่อ...หมายถึงทำหน้ามีความสุขน่ะ”
“ไม่ทันแล้วล่ะษา”
กนต์รพีจ้องหน้ามาริษาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างสะใจเมื่อแกล้งอีกฝ่ายได้สำเร็จ
“เราไม่โกรธษาหรอกเพราะเรารู้ตัวเองดี”
“พีคือเรา…”
“ไม่ต้องพูดหรอกเรารู้ว่าเราอ้วนแต่ก็น่ารักนะ”
เป็นคำพูดที่ไม่เข้าข้างตัวเองเลยสักนิดมาริษาอยากวิ่งไปขโมยกระจกในห้องน้ำมาให้คนพูดส่องเหลือเกินกนต์รพีจะได้รู้ว่าความคิดของตัวเองถูกหรือผิด
“ทำหน้าแบบนี้ไม่เห็นด้วยเหรอ”
“ก็ ก็เห็นด้วยที่บอกว่าอ้วนอะ”
“แล้วน่ารักล่ะ”
คนถามพยายามเค้นเอาคำตอบแต่ก็ไม่ได้รับสิ่งใดกลับมาเธอจึงหันไปหาใครบางคนที่ยืนอยู่ที่สนามบอลอย่างเซ็งๆและไม่รู้ว่าความบังเอิญหรืออะไรที่รุ่นพี่คนสวยก็หันมาทางเธอพร้อมกับโบกมือให้
“ถ้าไม่น่ารักจริงทำไม่ได้นะเนี้ย”
กนต์รพีพูดลอยๆพร้อมกับหันไปยักคิ้วให้กับคนข้างๆก่อนจะรีบหันกลับไปหาคนที่โบกมือให้ที่สนามเพื่อโบกมือกลับไปให้
เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ก็วันนี้แหละ…
ในโรงอาหารของโรงเรียนผู้คนเยอะแยะมากมายเหมือนเช่นทุกวันจนคนที่เพิ่งเลิกเรียนแทบจะไม่มีที่นั่ง
กนต์รพีถือถาดอาหารเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบก็ไม่เจอที่ว่างสักทีแต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงของใครคนหนึ่งตะโกนเรียกเสียงดัง
“ตะกี้พี่เรียกทีหนึ่งแต่พีคงไม่ได้ยิน”
ธัญวรัตน์พูดขึ้นก่อนจะลุกไปดึงตัวกนต์รพีให้มานั่งข้างๆ
“จะดีเหรอคะ”
“ดีสิคะ ดีที่สุดเลย”
กนต์รพีต้องเบนสายตาไปทางอื่นเพราะทนสู้สายตาหวานของรุ่นพี่คนสวยไม่ได้ดีที่คนทั้งโต๊ะไม่มีใครสนใจเธอเลยไม่อย่างนั้นเธอคงกินข้าวไม่ลง…เสียดายของแย่
หลังจากมื้ออาหารแสนหวานผ่านพ้นไปกนต์รพีพบว่าถึงจะอยู่ในช่วงเวลาที่เขินอายแต่ก็ไม่สามารถทำให้เธอหยุดกินข้าวจนเกลี้ยงได้หากไม่มีรุ่นพี่คนสวยมานั่งข้างๆป่านี้เธอคงจัดการเลียถาดไปแล้ว
“น้องพีกินข้าวดูอร่อยจังเลยนะคะ”
“เอ่อ…ค่ะ”
“ถ้าไม่รังเกียจกินของพี่ต่อก็ได้นะคะ”
คนพูดมองที่ถาดอาหารของตัวเองก่อนจะหันไปมองถาดของคนข้างๆทำเอากนต์รพีถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเพราะความแตกต่างที่ชัดเจนซะเหลือเกิน
“ไม่ดีกว่าค่ะพี พีอิ่มแล้ว”
“รังเกียจพี่เหรอ”
“เปล่านะคะ พีอิ่มแล้วจริงๆ”
“โล่งอกนึกว่ารังเกียจกันซะอีกถ้าเป็นแบบนั้นพี่คงเสียใจแย่”
ใบหน้าเศร้าของธัญวรัตน์ทำเอาคนฟังอย่างกนต์รพีร้อนใจเป็นที่สุดจนต้องเอื้อมมือไปจับมือรุ่นพี่คนสวยเอาไว้เพื่อหวังจะปลอบ
หากเป็นการกระทำที่มาจากคนอื่นธัญวรัตน์คงไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนมากขนาดนี้แต่นี้เธอกำลังถูกหมูจับมืออยู่นะจะสะบัดก็ทำไม่ได้หญิงสาวจึงทำได้เพียงแกล้งอายแล้วเมินหน้าหนีไปทางอื่นเพราะหากเผชิญหน้ากันแบบนี้เธออาจเผลอจิกตาใส่ยัยหมูนี่ก็เป็นได้!
รอยยิ้มพร้อมกับอาการเหม่อของลูกสาวตัวน้อยทำให้กิตติอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เพราะจากการสังเกตก็พอจะเดาออกว่านี่คืออาการของคนเป็นโรคอะไรแต่เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะกนต์รพีไปโรงเรียนแค่สองวันเองจะไปหลงใครได้เร็วขนาดนั้น
“มานั่งทำมิวสิคอะไรตรงนี้ยัยหมู”
“บรรยากาศดีๆจะเสียเพราะพ่อเรียกพีว่าหมูนี่แหละค่ะ”
“ทำไมล่ะพ่อว่าน่ารักดีออก”
“เป็นหมูเนี้ยนะคะน่ารัก…เชื่อก็บ้าแล้ว”
“น่ารักสิสำหรับพ่อไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงก็น่ารักหมดแหละ”
กิตติเอื้อมมือไปลูบหัวคนข้างๆเบาๆก่อนจะสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายไปพร้อมกัน
“มองอะไรคะ”
“มองคนมีความรัก”
“พ่อพูดอะไรคะอย่างพีนี่นะจะมีความรัก”
กนต์รพีพยายามหัวเราะออกมากลบเกลื่อนความรู้สึกที่มีอยู่ในใจแต่มีหรือที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนจะดูไม่ออก
“ไว้พร้อมค่อยบอกพ่อก็ได้ว่าใครคือผู้โชคดีคนนั้น”
เป็นประโยตทิ้งท้ายที่ถือว่าพูดออกมาตรงจุดเพราะตอนนี้กนต์รพีได้ฉุดมือของคนที่กำลังจะลุกให้กลับมานั่งที่
“ว่าไงยัยหมู”
“ตอนแรกก็ว่าจะบอกแต่ตอนนี้จะเปลี่ยนใจก็เพราะคำว่าหมูนี่แหละค่ะ”
“โอ๋ โอ๋โตเป็นสาวแล้วนะทำเป็นใจน้อยไปได้”
“คำก็หมูสองคำก็หมูอยากรู้จริงๆว่าถ้าพีเป็นหมูพ่อจะเป็นอะไร”
กิตติเดินเข้ามานั่งที่เดิมพร้อมกับการดึงตัวคนใจน้อยเข้ามากอดจากนั้นก็คลายออกช้าๆ
“เราก็เป็นครอบครัวหมูไงแล้วพ่อก็เป็น…พ่อหมูสุดหล่อ”
กนต์รพีมองหน้าคนพูดที่ดูมั่นอกมั่นใจมากอย่างอึ้งๆเคยนึกสงสัยว่าได้เชื้อความหลงตัวเองมาจากไหนและวันนี้นี่เองที่ทำให้เธอได้พบความกระจ่าง
พ่อของเธอใช่ย่อยซะที่ไหน
กิตตินั่งมองคนที่นอนหนุนตักอย่างเอ็นดู กนต์รพีเสียแม่ไปตั้งแต่สองขวบนั่นทำให้เขาต้องรับภาระทุกอย่างเพียงลำพัง
การเป็นทั้งพ่อและแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาก็พยายามทำให้ออกมาดีที่สุดแต่มันอาจไม่เพียงพอเพราะตอนนี้กนต์รพีกำลังไขว้คว้าหาความรักมาเติมเต็มโดยการรักใครอีกสักคน
…ที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน
“พีทำให้พ่อคิดมากเหรอคะ”
จู่ๆคนที่คิดว่าหลับไปแล้วก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับยิงคำถามที่คิดว่าตัวเองได้ก่อเรื่องไม่ดีเข้าให้แล้ว
“เปล่าพ่อคิดว่าพีหลับไปแล้วซะอีก”
กนต์รพีขยับเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเอนตัวลุกขึ้นนั่ง
“ความรู้สึกแบบนี้มันผิดมากมั้ยคะ”
ใบหน้าบวกกับน้ำเสียงเศร้าๆทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะดึงตัวเจ้าของเสียงมากอดเอาไว้
“ถ้าความรู้สึกห้ามได้พีก็จะไม่ทำแบบนี้พีไม่อยากทำให้พ่อผิดหวัง”
“แล้วใครบอกว่าพ่อผิดหวัง”
กนต์รพีดันตัวออกจากอ้อมกอดของคนเป็นพ่อพร้อมกับจ้องหน้าคนพูดอย่างแปลกใจ
“พ่อขอแค่ข้อเดียวคือให้ลูกของพ่อเป็นคนดีส่วนเรื่องอื่นพ่อยังไงก็ได้”
“พ่อพูดจริงเหรอคะ”
“เห็นพ่อเป็นคนชอบพูดเล่นหรือไง”
กิตติเอ่ยเสียงเข้มพร้อมกับการเก๊กหน้านิ่งแต่ทำได้เพียงไม่นานก็ต้องหลุดยิ้มออกมาเมื่อลูกสาวตัวกลมโผเข้ากอดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“รักพ่อที่ซู๊ดเล้ย”
“ข้อนี้ถูกต้องที่สุดถึงมีแฟนก็ต้องรักพ่อมากที่สุดเข้าใจมั้ย”
“เรื่องนี้มันแน่อยู่แล้วค่ะพ่อคือที่หนึ่งสำหรับพีอยู่แล้ว”
กนต์รพีพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆก่อนจะคลายอ้อมกอดออกด้วยสีหน้าที่เต็มล้นไปด้วยความสุข
พ่อของเธอยอมรับแค่นี้ก็เพียงพอแล้วต่อไปคงต้องเดินหน้าได้แล้วปล่อยให้พี่คนสวยรุกมานานต่อไปเธอต้องทำคะแนนบ้าง
กิตติมองตามหลังคนที่เดินราวกับคนละเมอเข้าห้องไปนึกอยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้ลูกหมูของเขาอาการหนักได้ถึงขนาดนี้แต่ด้วยงานที่ยุ่งในแต่ละวันทำให้เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะไปรับลูกคงต้องรอกนต์รพีพามาเปิดตัวที่บ้าน
ว่าแต่ว่าสองวันก็ตกหลุมรักซะแล้วไวไฟจริงๆเล้ย! ลูกใครหว่า