ภายในโต๊ะที่ตอนนี้ได้ตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมาเพราะเกรงว่าอาจถูกลูกหลงได้
“มีใครจะพูดอะไรมั้ย”
เป็นคำถามที่ทุกคนในโต๊ะต่างพากันก้มหน้าก้มตาและผู้โชคดีที่ได้รับความสนใจให้เป็นคนคลี่คลายคำถามก็คืนคนที่กนต์รพีคิดว่าน่าจะเป็นตัวการอันดับต้นๆที่นั่งข้างๆเธอ
“แกจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ…ษา”
เจ้าของชื่อถึงกับขนลุกในน้ำเสียสยิวที่ได้ยินแล้วไหนจะสายตาที่จับจ้องมองมายังตัวเธอนั่นอีกและพอเงยหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนอื่นๆกลับได้รับการเมินเฉยและไม่สนใจจนเธออยากลุกตะโกนด่าออกมาทีตอนวางแผนล่ะก็เสนอหน้ากันจริงแต่พอแผนแตกเธอกลับเป็นผู้รับเคราะห์เพียงคนเดียว
“ก็ได้ฉันพูดเองแต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่ามันคือความคิดเห็นของคนทั้งกลุ่ม”
พูดจบมาริษาก็กวาดสายตาไปยังเพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะทีละคน
“นี่หมายความว่าพวกแกรู้เรื่องหมดเลยใช่มั้ย”
“ก็อยากให้มันออกมาดี”
“แล้วเป็นไงล่ะดีสมใจมั้ย”
กนต์รพีพูดด้วยน้ำเสียงประชดทำให้คนในโต๊ะยิ่งหน้าเสียเข้าไปอีกโดยเฉพาะตัวการของเรื่องที่นั่งตัวลีบลงเรื่อยๆ
“เอาเถอะฉันรู้ว่าพวกแกหวังดี”
“ใช่ๆพวกเราหวังดีนะ”
“ถูกทุกอย่างที่พวกเราทำก็เพื่อตัวแกเองนะ”
พอกนต์รพีพูดว่าเข้าใจคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาก็เงยหน้าขึ้นมาประสานเสียงและฉีกยิ้มกันทั่วหน้า
“ขอบใจแต่คราวหน้าไม่ต้องแล้วนะ”
“เอาน่ะพวกเราทุกคนสำนึกผิดแล้วแต่ที่ทำก็เพื่อตัวแกเองนะ”
มาริษาตัดสินใจเอ่ยความในใจออกมาเพราะเธอก็อยากให้เพื่อนรักได้รู้จุดประสงค์ของเรื่องที่ทำในวันนี้
“แกรู้ตัวบ้างมั้ยว่านับตั้งแต่เกิดเรื่องแกก็เอาแต่หลบหน้ายัยรุ่นพี่พวกนั้นทั้งๆที่แกไม่ได้เป็นคนผิด”
“ฉัน…เอ่อ…ไม่คิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเจอนี่นา”
“แต่เพราะการหลบเลี่ยงแบบนั้นทำให้แกต้องพลาดที่จะได้เข้าโรงเรียนดีๆงานดีๆเลยนะ”
“เรียนที่ไหนก็ได้ฉันไม่ได้ยึดติด”
“กนต์รพีแกโตมากพอที่จะเผชิญหน้าได้แล้วแกดูสิยัยพวกนั้นก็มีตา หู จมูก ปากแล้วก็มือสองมือเหมือนกับเรา”
กนต์รพีหันไปมองยังบุคคลที่มาริษาเอ่ยถึงก่อนจะดึงสายตาที่สั่นไหวกลับมาซึ่งอาการแบบนี้ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของคนข้างๆได้
“ฉันรู้ว่าแกฝังใจแต่แกจะยอมให้ยัยนั่นอยู่เหนือแกตลอดไปเหรอ”
“ฉันก็อยากจะทำอย่างที่แกพูดแต่…”
ประโยคสุดท้ายที่ขาดหายทำให้มาริษากับเพื่อนคนอื่นๆต่างเดินเข้ามาแตะไหล่และบีบมือกนต์รพีเพื่อให้กำลังใจนั่นทำให้เจ้าตัวพอจะยิ้มออกได้บ้าง
“อย่ากลัวสิตอนเด็กพวกเราสู้อะไรไม่ได้เพราะเราเป็นน้องแต่ตอนนี้พวกเราพร้อมไฝ้วกันทุกคน”
“ใช่”
กนต์รพีมองเพื่อนๆที่พูดให้กำลังใจด้วยความตื้นตันถึงแม้จะไม่ได้เจอกันหลายปีแต่มิตรภาพของคำว่าเพื่อนก็ยังคงอยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลง
“ขอบใจขอบใจจริงๆ”
“นี่อย่าบอกนะว่าแกกำลังจะร้องไห้”
มาริษาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นกนต์รพียกมือขยี้ที่ตา
“งั้นพอเถอะฉันไม่อยากเห็นน้ำตาหมู”
“ใครหมู!”
“แหม๋จะใครล่ะคะอย่าลืมสิหมูตัวผอมๆยาวๆก็มีออกเกลื่อน”
“จะหาเรื่องฉันใช่มั้ย”
“เปล๊า”
“ไม่หาเรื่องแต่แกเรียกฉันว่าหมูนี่นะ”
“ล้อเล่นน๊าแกจะได้ไม่ร้องไห้ไงจริงมั้ยพวกเรา”
คนพูดเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มแต่พอหันไปหาตัวช่วยรอยยิ้มของมาริษาของค่อยๆหดหายเพราะตอนนี้ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเธอเลยสักคนอาจเพราะทุกคนได้ประจักษ์กับฤทธิ์ของหมูตกมันไปแล้วจึงไม่มีใครกล้ากระตุ้นต่อมโกรธของกนต์รพี
ครั้งนี้เธอก็พลาดเองที่ไปพูดในสิ่งที่เพื่อนรักไม่ชอบจากนี้ไปคงต้องรับผลของคำพูดหลุดปากแล้วสินะ
มาริษาหันไปส่งยิ้มให้กับคนข้างๆที่ตอนนี้กำลังบิดไปบิดมาเพื่อวอมร์ร่างกายจากนั้นกนต์รพีก็เดินเข้ามาพร้อมการสวมกอดคนพูดล้อจากกอดหลวมๆก็ค่อยๆแน่นขึ้น แน่นขึ้น แน่นขึ้นจนคนถูกกอดหน้าแดงเพราะเริ่มหายใจไม่ออก
ไม่เข้าใจว่ากนต์รพีไปเอาบทลงโทษแบบนี้มาจากไหนแต่ตอนนี้ที่มาริษาคิดก็คืออยากแตะมือเปลี่ยนตัวกับใครสักคนในกลุ่มเพราะคาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งนาทีตัวของเธอก็จะแตกสลายไปด้วยฝีมือของยัยหมูโหดกนต์รพี
กนต์รพียึดอ่างล้างมือไว้เป็นที่พึ่งหลังจากที่พบว่าตัวเองกำลังประสบพบเจอกับคำว่าโลกหมุนแต่เหมือนขอบอ่างจะลื่นเกินไปจึงทำให้มือที่จับอยู่หลุดออกจนเจ้าตัวถึงกับเซล้มลง
“เจ็บชะมัด”
คนล้มบ่นให้กับความซุ่มซ่ามของตัวเองแล้วไหนจะความรู้สึกมึนๆที่ยังคงมีอยู่เพราะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เยอะเกินนี่อีก
เธอไม่น่าหลงเชื่อมาริษาเลย…ได้เรื่องจนได้
แต่แล้วก็เหมือนโชคจะเข้าข้างเมื่อจู่ๆก็มีคนใจดียื่นมือเข้ามาฉุดให้ลุกขึ้นและกนต์รพีก็รีบรับน้ำใจจากคนใจดีแบบไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองว่าเป็นใครด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ”
กนต์รพีเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างแต่เพียงแค่ได้เห็นหน้าของคนที่มาช่วยเท้าของเธอก็เดินถอยออกอย่างรวดเร็ว
“เธอนี่ยังซุ่มซ่ามเหมือนเดิมเลยนะ”
คนพูดยิ้มออกมาน้อยๆเป็นรอยยิ้มที่กนต์รพีเชื่อว่าหากเป็นคนอื่นคงทำให้เธอรู้สึกดีมากกว่านี้แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้เธอคิดว่ามันเหมือนกับรอยยิ้มของแม่มด!
กนต์รพีเมินหน้าไปทางอื่นก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อออกไปจากห้องน้ำให้เร็วที่สุดแต่กลับถูกดึงแขนเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“อย่าหันหลังให้ฉัน”
เสียงตวาดลั้นห้องน้ำทำให้กนต์รพีรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้นางฟ้าจอมปลอมได้กลับคืนสู่ร่างแม่มดที่แท้จริงแล้ว
“พี่ต้องการอะไร”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอหรอกเพราะสิ่งที่เธอมีมันไม่มีค่าเลยสำหรับฉัน”
น้ำเสียงและประโยคเย้ยหยันทำให้คนที่ถูกว่าเริ่มจะมีอารมณ์โกรธผุดขึ้นมาจนเจ้าตัวต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนหาเรื่องอย่างสุดจะกลั้น
“แล้วมาจับทำไม”
กนต์รพีพูดพร้อมกับชายตามองมือที่จับแขนของตัวเองเอาไว้และนั่นคงจะทำให้ธัญวรัตน์รู้ตัวจึงรีบดึงออกพร้อมกับการวิ่งไปที่ก๊อกน้ำล้างมือเป็นการใหญ่
“ประสาท”
คนถูกหาเรื่องบ่นออกมาเบาๆก่อนจะหันหลังเพื่อจะเดินไปที่ประตูอีกครั้งแต่แล้วเท้าที่จะก้าวเดินก็ต้องชะงักเมื่อถูกธัญวรัตน์วิ่งเข้ามาขวางไว้
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงฉันบอกว่าไม่ชอบให้ใครหันหลังให้!”
กนต์รพีมองหน้าคนพูดครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแสดงความเบื่อหน่ายออกมาทางสีหน้า
“นี่เธอกล้าถอนหายใจใส่ฉันเหรอ”
“ทำไมล่ะคะพีจะหันหลังหรือถอนหายใจมันก็เป็นสิทธิ์ของพี”
“ฉันไม่ชอบ!”
“พี่ไม่ชอบก็เรื่องของพี่ ไม่มีอะไรขอตัวก่อนนะคะ”
“ไม่ได้! ฉันยังไม่อนุญาต”
“พี่เมาแล้วไปหาที่นอนเถอะค่ะจะมาหาเรื่องกันทำไม…เสียเวลา”
“กล้าว่าฉันเหรออย่างกับตัวเองไม่เมาถึงได้ไปนอนกองกับพื้นแบบนั้น”
“ค่ะพีเมางั้นขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
“ให้ไปก็ได้แต่เธอต้องไปขอโทษฉันต่อหน้าเพื่อนๆก่อน” “ขอโทษ…เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่พวกเธอจงใจมาหาเรื่องฉันตอนเริ่มงานไง”
กนต์รพีนึกย้อนไปถึงตอนที่กลุ่มพวกเธอเดินเข้าที่โต๊ะของคนตรงหน้าและเหตุการณ์นั้นเธอก็รู้ว่าเป็นพวกเธอเองที่ผิดแต่…เธอจะไม่มีวันทำตามความต้องการของผู้หญิงคนนี้
“อ๋อ…นึกออกล่ะ แต่ไม่ไปค่ะ”
“นี่เธอ!”
“ค่ะไม่ไปแล้วก็หลีกทางด้วยค่ะจะไปหาที่นอนเมามากแล้ว”
เป็นคำพูดที่ธัญวรัตน์ฟังออกทันทีว่าอีกฝ่ายตั้งใจพูดกระแนะกระแหนเธอและไม่ต้องรอช้าเมื่อฝ่ามือน้อยๆจัดการสมนาคุณด้วยการฟาดลงที่แก้มของคนปากดีด้วยแรงทั้งหมด
“มากไปแล้วนะ”
คนถูกตบตะคอกออกมาเสียงดังด้วยความโมโหที่เจ้าตัวไม่สามารถจะระงับได้อีกต่อไป
“น้อยไปด้วยซ้ำกับคำพูดอวดดีของเธอ”
“พี่นี่มัน…”
กนต์รพีไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรดีเพื่อให้คนตรงหน้าได้รู้สึกแต่แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอพร้อมกับสายตาที่จ้องมองของบางอย่างที่ธัญวรัตน์อมอยู่
“นี่คงไปพนันกับเพื่อนอีกล่ะสิว่าจะพาพีไปขอโทษได้หรือเปล่า”
“ไม่ต้องมาอวดรู้ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”
คนถูกสั่งยกยิ้มที่มุมปากครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหัวเราะเสียงดังจนธัญวรัตน์นึกฉุนเมื่อเห็นคนตรงหน้าอารมณ์ดีแบบไร้สาเหตุ
“เป็นบ้าหรือไงอยู่ๆก็หัวเราะ”
“ตอนแรกก็ไม่เป็นมาเป็นตอนคุยกับพี่นี่แหละ”
ธัญวรัตน์ยกมือขึ้นเตรียมฟาดสั่งสอนคนปากดีอีกครั้งแต่คราวนี้เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันถึงได้คว้าแขนของเธอได้ทัน
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะยัยบ้า!”
“ไม่ปล่อย”
กนต์รพีเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบจับมืออีกข้างของคนตรงหน้ามารวบเข้าไว้ด้วยกัน
“เธอจะทำอะไร”
“ก็เล่นเกมกับพี่ไงคะ”
“เกมบ้าเกมบออะไรกันปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับมีเพียงสายตาและการเดินเข้ามาใกล้จนธัญวรัตน์ต้องก้าวถอยหนีทีละก้าวจนในที่สุดเธอก็หมดหนทางที่จะไปได้อีกแล้วเมื่อตอนนี้หลังของเธอชนเข้ากับกำแพง
“เกมนี้มีชื่อว่า…ลูกอมรสอะไรเอ่ย”
ธัญวรัตน์นึกสงสัยกับสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะเล่นแต่แล้วทุกอย่างก็กระจ่างอย่างรวดเร็วเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าเข้ามาประกบกับริมฝีปากของเธอและที่น่าตกใจก็คือกนต์รพีค่อยๆแทรกลิ้นเข้าไปในปากของเธอพร้อมกับการพยายามควานหาอะไรบางอย่าง
ดวงตาของคนถูกจูบถึงกับลุกวาวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าชื่อเกมและสิ่งที่ตัวเองกำลังอมอยู่คืออะไร
กนต์รพีเคลื่อนหน้าออกมารวดเร็วแต่มือของเธอก็ยังล็อคตัวคนตรงหน้าเอาไว้เพราะอีกฝ่ายทั้งดิ้น ทุบ ขวนแล้วไหนจะการพยายามกัดลิ้นเธออีกดีนะที่ถอนจูบได้ทัน
“เอ…ยังไม่คอยมั่นใจเลยอีกทีดีมั้ยนะ”
“ก็ลองดูจะกัดให้ลิ้นขาดเลย”
ประโยคที่พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดบวกกับแววตาโหดที่ส่งมาทำให้กนต์รพีชักจะไม่มั่นใจในการกระทำของตัวเองจนเผลอปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระและธัญวรัตน์ก็ไม่รอช้าที่จะดันตัวเองออกพร้อมกับการรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดของตัวเองผลักคนตรงหน้าจนล้มลง
“ถ้าเธอกล้าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังฉันเอาเธอตายแน่!”
คนพูดวิ่งไปล้างปากของตัวเองจากนั้นก็เช็ดแรงๆเพื่อหวังให้สัมผัสที่น่าขยะแขยงหลุดออก
“เธอนี่มันน่ารังเกียจตั้งแต่เด็กยันโตเลยนะฉันไม่น่าเข้าใกล้เธอเลยจริงๆ”
พูดจบธัญวรัตน์ก็รีบเดินออกไปจากห้องน้ำทันทีเพราะตอนนี้เธอรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงกนต์รพีมากซะจนไม่อาจทนให้อีกฝ่ายอยู่ในรัศมีสายตาได้
กนต์รพียกมือแตะที่ปากของตัวเองเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำอาจเพราะอารมณ์โกรธบวกกับสติที่มีไม่มากนักทำให้เผลอทำเรื่องแบบนั้น
แต่มีเรื่องที่น่าหนักใจกว่านั้นก็คือหากต้องเผชิญหน้ากับธัญวรัตน์อีกครั้งเธอควรจะทำหน้าอย่างไร
แต่มาคิดๆดูแล้วธัญวรัตน์คงไม่มีอารมณ์มองหน้าเธอหรอกเพราะฝ่ายนั้นคงเตรียมทุบเธอทันทีที่พบหน้า!