web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 161
Total: 161

ผู้เขียน หัวข้อ: ลวงรักฉบับร้าย ตอนที่ 6  (อ่าน 2065 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
ลวงรักฉบับร้าย ตอนที่ 6
« เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2014 เวลา 16:51:09 »
   คนในร้านพูดคุยเสียงดังแต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของคนที่กำลังใช้ความคิดเลยสักนิดยิ่งพอนึกถึงเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันงานเลี้ยงก็ยิ่งทำให้เจ้าของความคิดอารมณ์เสียงมากขึ้นจนเผลอใช้มือขยี้ที่ปากเพื่อหวังให้ความสกปรกที่ได้รับหลุดออก
   “หยุดๆเป็นอะไรของแก”
   คนมาใหม่รีบเอ่ยห้ามพร้อมกับการถลาตัวเข้าไปจับมือธัญวรัตน์เอาไว้เพื่อให้หยุดการกระทำรุนแรงที่ริมฝีปาก
   “ทำบ้าอะไรเดี๋ยวปากก็ฉีกหรอก”
   “ฉันแค่อยากเช็ดสิ่งสกปรกออก”
   “เบาๆก็ได้มั้งคะคุณเพื่อน”
   “ไม่ได้!”
   ธัญวรัตน์เอ่ยเสียงแข็งก่อนจะดึงทิชชูที่วางบนโต๊ะมาเช็ดที่ปากซ้ำอีกครั้งจนคนห้ามถึงกับอ่อนใจเพราะรู้ว่าหากเพื่อนคนนี้ดื้อขึ้นมาใครก็ห้ามไม่ได้ดังนั้นการปล่อยให้ทำตามใจชอบจนกว่าจะพอใจจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
   “แล้วมีอะไรด่วนหรือเปล่าถึงได้โทรจิก จิก จิกฉันให้ออกมาแบบนี้”
   พิชญาถามขึ้นทันทีเมื่อนึกออกถึงเหตุผลที่ทำให้ต้องมานั่งในร้านกาแฟแห่งนี้ทั้งๆที่อยู่ในเวลางาน
   “เบื่อ”
   คำตอบสั้นๆทำเอาคนฟังถึงกับสะอึกเมื่อคิดว่าตัวเองต้องยกเลิกการประชุมที่สำคัญเพื่อมาหาสิ่งที่คิดว่าด่วนและสำคัญกว่าแต่เหตุผลที่ได้รับมันใช่เหรอ
   “ขอยาวกว่านี้ได้มั้ย”
   “เบื่อมาก”
   “โอเค…งั้นฉันกลับ”
   คนพูดคว้ากระเป๋าเตรียมลุกกลับแต่ก็ถูกธัญวรัตน์จับแขนเอาไว้พร้อมกับส่งสายตาเย็นๆมาให้
   “ฉันพอจะรู้นะว่าแกอยากให้ฉันอยู่ต่อแต่ช่วยทำสายตาอ้อนวอนแทนข่มขู่ได้มั้ย”
   “เกินไปฉันไปข่มขู่แกตั้งแต่ตอนไหน”
   “ก็ทุกครั้งที่มองมานั่นแหละอยากรู้จริงๆว่าบนโลกนี้จะมีใครได้เห็นแววตาหวานๆของธัญวรัตน์ พิเสกไพศาลบ้าง”
   ธัญวรัตน์มองคนพูดด้วยหางตาก่อนจะวางกาแฟในมือลงช้าๆ
   “ไม่มี”
   “ชัดเจน”
   “แน่นอน”
   “แต่มานึกๆดูก็มีอยู่บ้างนะตอนสมัยเรียนไงเยอะด้วย”
   พิชญาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องสนุกที่ทำกันในกลุ่มแต่พอนึกถึงเหยื่อรายเด็ดที่เจอเมื่อคืนก็ทำให้เธอต้องหันมาทำสายตาเจ้าเลห์ใส่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
   “เด็กอ้วนของเธอเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
   ธัญวรัตน์ถึงกับสำลักน้ำแต่ยังดีที่หยิบทิชชูปิดปากได้ทัน
   “ถึงขนาดสำลักเลยเหรอเมื่อคืนฉันเห็นนะ”
   “เห็นอะไรมิทราบอีกอย่างอย่าพูดถึงยัยนั่นฉันขยะแขยง”
   “แน่ใจเหรอฉันเห็นเธอมองตาเป็นประกายเชียว”
   “พิชญา! ถ้ายังไม่หยุดพูดเรื่องบ้าๆนี้อีกละก็เธอได้เจอดีแน่”
   คนถูกขู่แกล้งยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ
   “ไม่พูดแล้วๆแต่ฉันเพิ่งรู้นะว่าพอรีดไขมันหมูออกหมดสภาพจะออกมาดีเวอร์ขนาดนี้”
   “พิชญา!!”
   “โอเคๆเปลี่ยนเรื่องก็ได้ล้อเล่นนิดเดียวก็ไม่ได้”
   “ไม่ได้! ฉันไม่ชอบไม่อยากได้ยินเรื่องของยัยนั่นแม้แต่น้อย อย่างคิดที่จะพูดถึงอีก”
   พิชญามองคนพูดที่มีสีหน้าจริงจังอย่างสงสัยปกติเพื่อนเธอคนนี้ก็ไม่ค่อยจะชอบใครอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเกลียดแต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ดูเหมือนว่าธัญวรัตน์จะออกแนวเกลียดรุ่นน้องคนนี้เป็นพิเศษหรืออาจเป็นเพราะการถูกหาเรื่องเมื่อคืนวันงานเลี้ยง
   นั่นสินะคืนวันนั้นเธอรู้ดีว่าธัญวรัตน์ปริ๊ดแตกจนถึงกับลากเธอออกจากงานแบบไม่ได้บอกกล่าวกับใครเลย
   “งั้นมาเข้าเรื่องที่เธอเรียกฉันออกมาร้านกาแฟดีกว่าตกลงจะบอกได้หรือยังว่าเป็นอะไร”
   ธัญวรัตน์มองหน้าคนถามอย่างชั่งใจก่อนจะถอดหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเป็นที่สุด
   “ทะเลาะกับคุณลุงมาอีกแล้วเหรอ”
   “เรื่องนั้นฉันชินมาตั้งนานแล้วล่ะ”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าปลงๆและการกระทำแบบนั้นก็ยิ่งทำให้พิชญาอยากรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เพื่อนสาวตกอยู่ในอาการแย่ๆแบบนี้
   “แล้วเป็นอะไรล่ะนอกจากเรื่องนี้ฉันก็ไม่เห็นว่าเธอจะคิดมากกับเรื่องอะไร”
   “นี่ไม่ได้หลอกว่าฉันใช่มั้ย”
   “เปล๊า…แค่นึกไม่ออกจริงๆ”
   “พ่อจะหาเลขาใหม่ให้ฉัน”
   “ทำไมล่ะคนเก่าลาออกไปไหน”
   “ไม่ได้ลาออกแต่ฉันเพิ่งไล่ออกไปเมื่อวันก่อน”
   “อะไรนะ!”
   “ได้ยินไมผิดหรอกก็จะให้ฉันทนได้ยังไงทำงานก็ชักช้าไม่ได้ดั่งใจแถมยังทึมๆโง่ๆพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องอีก”
   “แต่ฉันได้ข่าวว่าคนนี้จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยนะแถมยังมีประสบการณ์การทำงานกับต่างประเทศมาตั้งสามปี”
   พิชญาดึงเรื่องที่พอจะรู้ออกมาพูดพร้อมกับการจ้องหน้าเพื่อนสาวเพื่อหาคำตอบ
   “เอาจริงๆ”
   “ฉันไม่ชอบ”
   “แค่นี้นี่นะ”
   “ใช่ เธอก็รู้นิว่าการฝืนใจทำงานกับคนที่เราไม่ชอบมันให้ความรู้สึกแย่ขนาดไหนและคนอย่างฉันก็จะไม่ทน”
   “แล้วเป็นไงล่ะไม่ทนสุดท้ายโดนดีจนได้”
   พิชญามองเพื่อนสาวที่นั่งหน้าตึงเข้าไปใหญ่ที่จริงเรื่องการเปลี่ยนเลขาไม่ใช่เรื่องใหม่ของธัญวรัตน์เลยสักนิดเพราะเจ้าตัวมักจะวนเวียนอยู่ในวัฏจักรของเลขาหน้าใหม่อยู่เสมอ
   “ฉันควรจะทำยังไงดีคราวนี้คุณพ่อไม่ยอมถอยให้รู้มั้ยประโยคสุดท้ายท่านว่ายังไง”
   ธัญวรัตน์เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มที่พิชญามองออกได้ทันทีว่าคนพูดรู้สึกอย่างไร
   ครอบครัวของเพื่อนเธอถือได้ว่ามีฐานะร่ำรวยอันดับต้นๆของจังหวัดแถมธัญวรัตน์ยังเพียบพร้อมไปทั้งรูปสมบัติทำให้ได้รับความสนใจจากใครหลายๆคนแต่คนเพียงคนเดียวที่เพื่อนสาวของเธออยากให้สนใจมากที่สุดกลับเย็นชาและห่างเหิน
   คนนั้นจะเป็นใครไปได้ล่ะนอกจากคุณปรมิน พิเสกไพศาล พ่อแท้ๆของธัญวรัตน์ พิเสกไพศาลนั่นเอง
   “พ่อบอกว่าถ้าไม่เอาคนของพ่อก็ให้ฉันเลิกทำงานที่นี่แล้วไปหาทำที่อื่นนี่น่ะเหรอคำพูดของคนเป็นพ่อ”
   “ใจเย็นๆนะคราวนี้ฉันว่าเธอน่าจะยอมไปก่อน”
   “ฉันมีทางเลือกอื่นอีกงั้นเหรอ”
   “เลขาคนใหม่ของเธอคงไม่เลวร้ายอะไรหรอก…มั้ง”
   “เธอก็รู้นิคำว่าคนของคนอื่นโดยเฉพาะพ่อของฉันมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
   ธัญวรัตน์นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่พ่อของเธอส่งคนมาสอดส่องเรื่องของเธอโดยการใช้คำว่าคนดูแลแล้วจากนั้นเป็นยังไงล่ะเรื่องของเธอถูกรายงานถึงหูของพ่อเธอทุกเรื่องแล้วบทสรุปสุดท้ายก็คือการมาโต้เถียงกันในเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่ทะเลาะกันจนเธอเตลิดออกจากบ้านไปแต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อก็ไม่แม้แต่จะตามหาจนเธอต้องซมซ่ามกลับบ้านเองและสิ่งที่ได้รับหลังจากก้าวเท้าเข้าบ้านก็คือสายตาดูแคลนแต่เธอก็ไม่คิดจะใส่ใจเพราะบ้านหลังนี้เป็นของแม่เธอสิ่งนี้ละมั้งที่ทำให้เธอกับพ่อยังอยู่ด้วยกัน
   สิ่งเดียวที่พ่อกับเธอมีเหมือนกันก็คือหัวใจรักผู้หญิงคนเดียวกันแม้ท่านจะจากไปแล้วแต่ท่านก็ยังอุตส่าห์ทิ้งสายใยบางๆที่คอยเชื่อมระหว่างเธอกับพ่อบังเกิดเกล้าไว้
   “ธัญ ธัญ”
   เสียงเรียกทำให้ธัญวรัตน์ตื่นจากความคิดก่อนจะรีบสลัดความกังวลใจออกไป
   “อย่าคิดมากเลยนะเดี๋ยวมันก็ดีเอง”
   “ถ้าไม่เห็นแก่แม่ฉันคงไปแล้ว”
   “พูดอะไรแบบนั้น”
   “บ้านแม่ หุ้นแม่ทุกอย่างแม่ตั้งใจให้ฉันฉันถึงทิ้งมันไม่ได้”
   “งั้นเธอก็ต้องสู้ไม่ต้องกังวลฉันว่าคนที่ต้องคิดหนักน่าจะเป็นคนของคุณลุงมากกว่านะไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนโชคร้ายคนนั้น”
   “นี่เธอกำลังเข้าข้างฉันอยู่ใช่มั้ย”
   “แน่นอนเราเพื่อนกันนิแต่อย่าให้ถึงกับวิ่งร้องไห้ออกจากห้องเลยนะฉันขอร้อง”
   “พิชญา!”
   “ก็ได้ๆจัดหนักๆมีอะไรให้ช่วยก็บอก”
   “แบบนี้ค่อยฟังรื่นหูหน่อย”
   ธัญวรัตน์ยกยิ้มที่มุมปากนึกเป็นต่อเมื่อได้กำลังเสริมมาอยู่ในมืออย่างน้อยสองหัวก็ย่อมดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว
   
   และแล้วก็ถึงวันที่กนต์รพีจะต้องเริ่มงานใหม่ที่เธอรู้สึกไม่ถนัดเอาซะเลยถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับสายงานที่เธอเรียนมาแต่มันก็ออกจะผิดด้านไปบ้างก็ตรงที่ต้องไปอยู่ในออฟฟิตแทนที่จะได้ออกไปลุยงานข้างนอก
   กนต์รพีนั่งรออยู่ข้างนอกครู่หนึ่งก่อนจะถูกเรียกตัวให้เข้าไปข้างในห้องผู้บริหาร
   “สวัสดีค่ะ”
   “นั่งสิ”
   ชายสูงวัยแต่งตัวภูมิฐานที่นั่งอยู่ในห้องเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อเห็นหน้าพนักงานคนใหม่
   “กิตติคงบอกเกี่ยวกับงานให้หนูฟังบ้างแล้วใช่มั้ย”
   “ค่ะท่าน”
   “กิตติเป็นคนเก่งและฉันเชื่อว่าหนูทำได้เชื้อย่อมไม่ทิ้งแถว”
   “พีจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
   “ได้ยินแบบนี้ฉันก็หายห่วงหากมีเรื่องอะไรให้มาบอกฉันได้และที่สำคัญขอให้หนูอดทนถือว่าฉันขอร้อง”
   “คุณท่านมีบุญคุณกับพวกเรามากหากมีอะไรที่เราสองพ่อลูกจะทำให้ได้พีก็เต็มใจค่ะ”
   กนต์รพีเอ่ยออกมาจากใจจริงเธอรู้ว่าชายสูงวัยที่นั่งอยู่เบื้องหน้าคือผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือครอบครัวจนพ่อของเธอสามารถเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองได้แม้จะเป็นเพียงแค่กิจการเล็กๆแต่ก็ถือว่าเป็นบุญคุณที่มากมายเหลือเกินสำหรับครอบครัวของเธอและพอรู้ว่าผู้มีพระคุณต้องการให้มาช่วยงานมีหรือที่เธอจะปฏิเสธ
   เสียงเปิดประตูทำให้คนที่อยู่ในห้องต้องหันไปมองเป็นตาเดียวกันแต่เมื่อสายตาโฟกัสที่ผู้มาเยือนได้แล้วกนต์รพีถึงกับเกิดอาการหายใจติดขัดและลมแทบจับเมื่อคนเข้ามาเอ่ยเรียกผู้มีพระคุณของเธอว่าพ่อ!
   “กว่าจะมาได้นะ”
   “ธัญก็มาแล้วนิคะคุณพ่อจะเอาอะไรอีก”
   “แกจะพูดอะไรหัดไว้หน้าฉันบ้างเปิดตาดูบ้างว่าฉันมีแขกอยู่ในห้อง”
   ธัญวรัตน์ถอนหายใจเสียงดังก่อนจะสะบัดหน้าไม่พอใจไปยังแขกที่ถูกกล่าวถึงและพอเห็นว่าบุคคลที่สามเป็นใครเธอก็แทบจะเดินเข้าไปคว้าคอ
   “จะทำอะไร!”
   เสียงดุๆของบิดาทำให้ธัญวรัตน์ได้สติขึ้นมาก่อนจะเดินกลับไปยืนที่จุดเดิมพร้อมกับการระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองเอาไว้
   “ฉันต้องขอโทษแทนลูกสาวด้วยที่ทำกริยาแบบนั้น”
   “พ่อคะ! จะขอโทษคนแบบนั้นทำไม”
   “หยุดพูดได้แล้ว”
   “ทำไมคะขนาดคนต่ำๆแบบนี้พ่อยังเห็นมันน่ายกย่องกว่าลูกสาวตัวเองอีกเหรอเป็นคนดีจังเลยนะคะ”
   “ยัยธัญ!”
   “ค่ะ ธัญลูกสาวคนเดียวของคุณพ่อไงคะยังดีนะที่จำได้”
   “ถ้าแกจงใจจะหาเรื่องก็ออกไปก่อนฉันไม่มีเวลาให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้”
   “ก็ดีค่ะงั้นธัญขอตัวก่อนนะคะในห้องนี้ไม่น่าอยู่เลยสักนิด”
   พูดจบธัญวรัตน์ก็เดินออกไปจากห้องทันทีทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะมาคุยดีๆแต่จนแล้วจนรอดก็ทะเลาะกันอีกจนได้
   หญิงสาวหยุดเดินก่อนจะหันไปมองที่หน้าห้องของบิดาที่ตอนนี้มีใครอีกคนนั่งอยู่ในนั้นด้วย
   กนต์รพีมาทำอะไรที่นี่นั่นคือคำถามแต่เธอก็ไม่คิดจะหาคำตอบเพราะถ้าเธอเจอยัยนั่นเดินเฉิดฉายในตึกนี้แม้แต่เสี้ยวเงาเธอจะสั่งให้รปภจับโยนออกนอกตึกทันที!
   ทางด้านกนต์รพีที่เพิ่งผ่านสงครามภายในก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาแค่นั่งเฉยๆเธอก็สามารถทำให้ธัญวรัตน์ปริ๊ดแตกได้เท่านี้ไม่อยากจะคิดถึงวันเริ่มงานเลยหากอีกฝ่ายรู้ว่าเลขาคนใหม่เป็นใครคงอาละวาดน่าดู
   ใจหนึ่งนึกท้ออยากถอนตัวแต่พอมองหน้าเศร้าๆของผู้มีพระคุณแล้วก็ไม่สามารถเอ่ยปากอะไรได้เธอคงต้องอดทนให้มากที่สุดอย่างที่คุณปรมินบอกจริงๆ
   การมาเจอธัญวรัตน์ในวันนี้ทำให้กนต์รพีค้นพบข้อเท็จจริงเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับคำว่าบุพเพ่ที่อีกฝ่ายบอกเมื่อตอนเรียนมันคือความเท็จเพราะการเจอกันติดๆสามครั้งแบบนี้เขาเรียกว่าผีผลัก!...ต่างหาก…

   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.