ตอนที่ ๔
นับดาวกับน้ำตาลเดินเข้าไปในยังจุดนัดพบอย่างรีบเร่ง แต่พอไปถึงกลับเห็นทุกคนนั่งกระจายกันอยู่อย่างเซ็งๆ
“ขอโทษนะคะ ดาวทำให้รออีกหรือเปล่าคะเนี่ย” ถามเสียงอ่อน พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
“เปล่าหรอกคะ น้องดาวมาก่อนเวลาอีกนะคะ” รุ้งระวีหันมาบอก
“แล้วทำไมทุกคนทำหน้าตาเบื่อหน่ายขนาดนั้นล่ะค่ะ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า” นับดาวถามต่ออย่างสงสัย
“มีเรื่องขัดข้องนิดหน่อยค่ะ คือว่าบ้านสวนที่เราจะไปถ่ายทำกัน เค้าโทรมาบอกยกเลิก เพราะว่ามีคนตาย เราเลยเซ็งเพราะว่ายังหาที่ถ่ายทำใหม่ไม่ได้เลยจ๊ะ นี่ก็นั่งรอมลกับอ้อมกำลังช่วยกันหาที่ใหม่กันอยู่” รุ้งระวีให้ความกระจ่างกับเธอ
“บ้านสวนเหรอคะ เป็นแบบบ้านยกพื้นสูง อยู่ในสวนกล้วยไม้ มีสระบัวหลวงขนาดใหญ่ อยู่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ แบบนี้ใช้ได้หรือเปล่าคะ” นับดาวถาม ทำเอาเพลินพิณที่นั่งหน้าเครียดอยู่ไม่ไกล ถึงกับลุกเดินมาหาอย่างสนใจ
“คุณรู้จักสวนที่ว่านี้ด้วยเหรอคะ” ถามอย่างตื่นเต้นกับสิ่งที่นับดาวบอก เพราะที่ได้ยินเธอพูดมา มันดีกว่าที่เคยติดต่อไว้เสียอีก
“รู้จักดีเลยแหล่ะค่ะ”
“แล้วถ้าเราจะขอไปถ่ายทำ คุณพอจะติดต่อให้ได้หรือเปล่า” แววตาพราวระยับอย่างตื่นเต้น
“ก็คงต้องลองดู แต่ด่วนๆ แบบนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ ว่าจะได้หรือเปล่า เจ้าของเค้ายิ่งหวงๆ สวนซะด้วย” นับดาวบอก ทำเอาคนที่กำลังยิ้มๆ อยู่อย่างมีความหวังหน้าหมองลงทันที
“แต่ดาวจะพยายามช่วยพูดให้ล่ะกันนะคะ" นับดาวรีบบอก ทำให้ทุกคนรู้สึกมีความหวังขึ้นมา มองตามนับดาวที่เดินเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์
(“นะคะแม่ขา ดาวขอไปถ่ายละครที่บ้านสวนหน่อยนะคะ ไม่ดีเหรอคะ เราจะได้โปรโมทสวนของแม่ด้วย คนจะได้รู้จักเยอะๆ กล้วยไม้จะได้มียอดขายเพิ่มขึ้น แล้วดาวก็จะได้ทำงานอยู่ใกล้ๆ แม่กับน้องด้วย คิดถึงจะแย่แล้ว...นะคะ”) นับดาวออดอ้อนผู้เป็นแม่ ซึ่งมีสวนกล้วยไม้อยู่นครปฐม
แม่ของเธอแต่งงานใหม่กับเจ้าของสวนกล้วยไม้ มีน้องสาวที่น่ารักให้เธอหนึ่งคน ครอบครัวของแม่อบอุ่นสำหรับเธอ พ่อเลี้ยงกับน้องสาวของเธอรักเธอมาก ทุกครั้งที่เธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า เธอมักจะหลบไปอยู่กับแม่ ที่นั่นเป็นที่ๆ เธออยู่แล้วสบายใจที่สุด
ในที่สุดแม่ของนับดาวก็ตอบตกลง เพราะทนการอ้อนวอนของเธอไม่ไหว หรืออาจเป็นเพราะแม่ก็คงคิดถึงเธออยู่ไม่น้อย เป็นเวลานานมากแล้วที่เธอไม่ได้ไปเยี่ยม นี่เป็นโอกาสดีที่เธอจะได้ทำงานไปด้วย ได้อยู่กับคนที่เธอรักด้วย ทำให้นับดาวรู้สึกมีความสุขจนออกนอกหน้า เมื่อเข้าไปบอกกับทุกคน
“ไฟเขียวแล้วค่ะ”
ทุกคนร้อง เฮ...!!! อย่างดีใจ เมื่อนับดาวบอกข่าวดี ต่างคนต่างลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง เตรียมพร้อมที่จะทำงานทันที
“ขอบคุณมากนะคะน้องดาว” รุ้งระวีเข้ามาจับมือขอบคุณนับดาว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่รุ้ง เราทำงานกันเป็นทีม มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันซิคะ” นับดาวบอก ยิ้มเลยไปถึงคนข้างหลัง เพลินพิณมองมาแววตาเหมือนอยากจะขอบคุณเธอเช่นกัน นับดาวเขียนแผนที่ทางไปบ้านสวนให้กับรุ้งระวี ซึ่งเธอก็ให้นฤมลเอาไปถ่ายเอกสารแจกจ่ายให้กับทุกคน และรีบเร่งออกเดินทางกันอย่างเร่งด่วน เพราะเสียเวลากันมามากแล้ว
ใช้เวลาไม่นานนัก ทุกคนก็เดินทางถึงบ้านสวน ซึ่งทั้งแม่และพ่อเลี้ยง ออกมารอต้อนรับทุกคนอย่างยินดี ทันทีที่รถตู้ซึ่งมีนับดาวนั่งมากับรุ้งระวี และเพลินพิณรวมถึงอ้อมใจ จอดสนิทลงตรงหน้าบ้านไม้ชั้นเดียว ยกสูงแบบบ้านทรงไทยสมัยก่อน อยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของพรรณไม้นาๆ ชนิด นับดาวแทบจะพุ่งลงไปทันทีที่รถจอด ถลาเข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่ ที่ยืนรอต้อนรับอยู่อย่างดีใจ ก่อนจะยกมือไหว้อนุสรณ์พ่อเลี้ยงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยต้อนรับอย่างอบอุ่น
“สวัสดีค่ะแม่ ลุงสอน หนูคิดถึงแม่จังเลยค่ะ”
ทุกคนที่เดินตามมา ต่างมองหน้ากันอย่างสงสัย แล้วต้องแปลกใจอีกรอบ เมื่อนับดาวแนะนำให้รู้จักเจ้าของสวนว่าเป็นแม่ของเธอเอง
“ทุกคนค่ะ นี่คุณนภาแม่ของดาวเองค่ะ แล้วก็นี่ลุงอนุสรณ์ เป็นครอบครัวของดาวค่ะ”
ทุกคนต่างยกมือไหว้ และพูดคุยกับเจ้าของบ้านได้พักใหญ่ แล้วก็เริ่มลงมือทำงาน ตามจุดที่อนุสรณ์วาดแผนที่สวนของเขาให้กับเพลินพิณ ซึ่งเธอได้เดินสำรวจดูจนทั่วแล้วพร้อมกับอ้อมใจ ว่าจะใช้ส่วนไหนบ้างให้ตรงตามบทที่อ้อมใจเขียนมากที่สุด อันไหนที่ใช้ไม่ได้เธอก็ขอให้อ้อมใจแก้บทสดๆ ตรงนั้นเลย เพื่อให้ตรงตามโลเกชั่นที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ในเรื่องเพลินเพลงเสน่หา อ้อมใจเขียนไว้ว่าบ้านสวนจะเป็นบ้านแม่ของนางเอกเพียงอร ซึ่งบังเอิญตรงกับความเป็นจริงของนับดาวอย่างเหมาะเจาะ
‘อะไรมันจะช่างบังเอิญได้ขนาดนี้นะ ยังจะมีเรื่องอะไรให้บังเอิญได้อีกหรือเปล่าเนี่ย’ นับดาวยืนครุ่นคิดยิ้มๆ ทำให้เพลินพิณที่ยืนอยู่ไม่ไกล มองมาทางนั้นพอดี ถึงกับอึ้งกับภาพที่มองเห็น ยามที่นับดาวยิ้มอยู่กับตัวเอง ช่างเป็นภาพที่สวยงามในสายตาของเธอนัก จนต้องยกกล้องแอบเก็บภาพนั้นไว้
“ดูคุณมีความสุขมากเลยนะ ที่ได้มาที่นี่” เพลินพิณเอ่ยอยู่ด้านหลัง ทำเอานับดาวสะดุ้งเล็กน้อย เพราะเธอกำลังปล่อยใจเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศรอบๆ ตัว
“ค่ะ เวลาที่ดาวมาอยู่ที่นี่ มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด ครอบครัวใหม่ของแม่ ทำให้ดาวมีความสุข อบอุ่น และไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินเลยสักครั้ง ต่างกับบ้านที่อยู่ทุกวัน มันเหมือนกองไฟยิ่งเข้าใกล้ยิ่งร้อน” เสียงในตอนท้ายแผ่วเศร้า ทำเอาคนที่ฟังอยู่ นึกอยากเอื้อมมือไปดึงร่างนั้นเข้ามากอดปลอบประโลม ใครจะนึกว่านักร้องดังที่ใครๆ เห็นว่ามีเพียบพร้อมทุกอย่าง เป็นลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ระดับประเทศ จะมีความหมองเศร้าซ่อนอยู่
“พี่ดาวจ๋า เดือนคิดถึงพี่ดาวที่สุดเลยค่ะ” เสียงแจ้วๆ ของเด็กหญิงดังมาก่อนตัว ก่อนที่เจ้าของเสียงจะโผล่มา แล้ววิ่งถลามาอยู่ในอ้อมแขนของนับดาวที่อ้ารออยู่ก่อนแล้ว ตั้งแต่ได้ยินเสียงทักนั้น
“พี่ก็คิดถึงน้องมากเหมือนกันค่ะ เพิ่งเลิกเรียนเหรอเรา อ้อ...นี่นับเดือน น้องสาวดาวเองค่ะ เดือนจ๋าสวัสดีคุณเพลินพิณสิจ๊ะ ผู้กำกับการแสดงของพี่ค่ะ” หันไปบอกเพลินพิณที่มองทั้งคู่อย่างสนใจ
“สวัสดีค่ะ” นับเดือนสาวน้อยวัย 12 ขวบที่ได้ชื่อมาจากชื่อของนับดาว ยกมือไหว้เพลินพิณ พร้อมยิ้มให้อย่างสดใสสมวัย เพลินพิณรับไหว้ ก่อนจะเอื้อมมือไปโยกศีรษะสาวน้อยอย่างเอ็นดู
“สวัสดีค่ะ ชื่อนี่คล้องจองกันเลยนะคะ สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ” เอ่ยทักยิ้มๆ
“แม่เค้าเป็นคนโรแมนติกค่ะ ดูได้จากชื่อของเราทั้งสองคน” นับดาวบอกเล่าแววตาเปี่ยมสุข ทำให้เพลินพิณพลอยซึมซับความสุขนั้นไปด้วย
“แม่บอกว่าพี่ดาวมาถ่ายละครที่บ้านเราเหรอคะ เดือนขอไปดูด้วยได้หรือเปล่าคะ” สาวน้อยเอ่ยถามพลางมองหน้าคนนั้นที คนนี้ทีอย่างออดอ้อน
“ได้สิคะ” เพลินพิณบอกก่อนจะยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“เย้...! ผู้กำกับใจดีที่สุดเลยค่ะ” นับเดือนร้องอย่างดีใจ
“เรียกพี่เพลินก็พอค่ะน้องเดือน” เพลินพิณทักท้วงยิ้มๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ เรียกผู้กำกับดูเท่กว่า” คำพูดของนับเดือนทำเอานับดาวหัวเราะคิก กับเพลินพิณที่ทำสีหน้าปั้นยากก่อนจะพึมพำ
“เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเล้ย”
“เรียกว่าสำเนาเลยดีกว่าค่ะ” นับดาวบอกกรั้วเสียงหัวเราะ ขณะที่นับเดือนมองทั้งสองอย่างสงสัย ว่าตัวเองพูดอะไรผิด แต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะเอาความจริง กลับทำหน้าเศร้าบอกเรื่องของตัวเอง
“เสียดายนะคะ ที่เดือนไม่รู้ล่วงหน้าว่าพี่ดาวจะมาถ่ายละครที่นี่ เดือนจะได้ชวนเพื่อนๆ มาดูพี่ดาว เพื่อนเดือนจะได้เชื่อซะทีว่าเราเป็นพี่น้องกันจริงๆ”
“ทำไมเหรอจ๊ะ” นับดาวถามอย่างแปลกใจ
“ก็พวกเพื่อนเดือน ไม่มีใครยอมเชื่อว่าเราเป็นพี่น้องกันนะสิคะ เค้าบอกว่าพี่ดาวออกจะขาวสวย แต่เดือนทั้งดำทั้งขี้เหร่” บอกเสียงอ่อย
“ใครว่า...น้องเดือนออกจะน่ารัก ถึงแม้จะคล้ำไปหน่อยก็เถอะ ดูตานี่สิ แล้วยังจะรอยยิ้มอีกเหมือนพี่ดาวยังกะแกะ” เพลินพิณบอกอย่างปลอบใจ
“จริงเหรอคะผู้กำกับ เหมือนจริงๆ นะคะ” ร้องถามท่าทางดีใจ
“จริงสิคะ นี่ไงนั่งชิดๆ กันหน่อยค่ะ กอดกันด้วย เดี๋ยวพี่จะถ่ายรูปให้สวยๆ ให้รู้กันไปเลยว่าเหมือนกันขนาดไหน” เพลินพิณบอกยิ้มๆ ก่อนจะหยิบกล้องโพรารอยด์คู่ใจของเธอ ขึ้นมาถ่ายภาพสองพี่น้อง ก่อนจะหยิบรูปที่เลื่อนออกจากกล้องมาสะบัดสองสามที รอไม่นานภาพก็ปรากฏชัดขึ้น
“นี่ไงคะ เหมือนกันจริงหรือเปล่าน๊า” ถามพร้อมกับยื่นรูปภาพไปให้นับเดือนที่จ้องมองอย่างดีใจ แต่นับเดือนกลับยื่นให้นับดาวดูแทน พร้อมกับคำถามหวั่นๆ
“เหมือนหรือเปล่าคะพี่ดาว"
“เหมือนสิคะ สำเนาชัดๆ มาพี่จะเซนต์ให้ด้วยเป็นหลักฐานไปอวดเพื่อนๆ ถ้ายังมีใครไม่เชื่ออีก เดือนก็ลากมาบ้านเราเลย พี่อยู่อีกตั้งหลายวัน” นับดาวบอกน้องสาวคนเดียวยิ้มๆ ก่อนจะหยิบปากกาในกระเป๋าขึ้นมาเขียนบนภาพ (พี่นับดาวรักนับเดือนน้องสาวคนนี้ที่สุดจ๊ะ) และเซ็นต์กำกับให้ด้วย ทำเอานับเดือนที่รับไปอ่าน ถึงกับยิ้มกว้างโผเข้าสวมกอดนับดาวอย่างดีใจ
“ขอบคุณค่ะพี่ดาว ขนาดนี้แล้วไม่เชื่อก็อย่าเชื่อเนอะ ที่สำคัญเรารักกันใช่ไหมคะ”
“ใช่จ๊ะ” นับดาวตอบน้องสาว แต่สายตามองสบตากับเพลินพิณอย่างขอบคุณ เพลินพิณมองตอบและยิ้มให้อย่างมีความสุข กับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า
บรรยากาศบ้านสวนร่มรื่นเย็นสบาย ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น นับเดือนตามติดเฝ้าดูการทำงานของพี่สาวอย่างใจจดใจจ่อ เพลินพิณอนุญาตให้นับเดือนเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ เธอ ขณะที่เธอกำกับการแสดงได้ด้วย
ฉากที่ถ่ายทำเป็นฉากที่เพียงอร นางเอกในเรื่องถูกทางบ้านของพระเอก ไปข่มขู่ให้เลิกกับพระเอกโดยพาว่าที่เจ้าสาว คนที่ทางบ้านของพระเอกจะให้แต่งงานไปให้เห็นด้วย ทำให้นางเอกเสียใจหนีกลับบ้านสวน ฉากที่ถ่ายเป็นฉากที่นางเอกกำลังเศร้า เพราะคิดถึงพระเอก และร้องเพลงอยู่ในสวนอย่างเศร้าเสียใจ นับดาวก็ร้องได้อย่างเศร้าสะเทือนใจ ไม่มีที่ติ
'เฝ้าแต่คอยรอรักอยู่
หมายชื่นชูรักคู่ใจ
กลับไม่สมดังฝันใฝ่
นับวันร้างไกล
เขาไยด่วนตัดรอน
แอบไปมีคนรักใหม่
แท้ดวงใจไร้แน่นอน
ไม่นานนักรักคลายคลอน
ทุกวันผันจร
มิเคยย้อนกลับคืน
ปวดร้าวเพียงใด
ช้ำใจสู้จำกล้ำกลืน
ไปรักคนอื่น
ดีแล้วอย่าคืนมาเลย
สิ้นสวาทกันเสียที
รักไม่มีเหมือนดั่งเคย
อย่ากลับหวนชวนชื่นเชย
ฉันกลัวแล้วเอย
เพราะเคยช้ำอกตรม '
***เพลง สิ้นสวาท ศรัณย่า กล่อมกรุง 3***
"พี่ดาวร้องเพลงเพราะจังนะคะ" นับเดือนกระซิบบอกเพลินพิณ ซึ่งพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะกระซิบตอบ
"นอกจากจะร้องได้ไพเราะแล้ว เสียงยังหวานด้วยค่ะ" ทั้งสองสาวแต่ต่างวัยจ้องมองไปยังคนๆเดียวกัน ด้วยความรู้สึกชื่นชมเหมือนกัน ความรู้สึกชื่นชมของเพลินพิณส่งผ่านทางสายตา ไปถึงคนที่กำลังร้องเพลง ซึ่งมองมาทางกล้องที่กำลังบันทึกภาพอยู่ ซึ่งอยู่ติดกับที่เพลินพิณนั่งอยู่ สายตาที่ทอดมองมาเหมือนมีบางอย่างส่งเลยมาถึงเธอ นับดาวเผลอมองจ้องดวงตาคู่นั้น รู้สึกอุ่นวาบในใจ.