web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 149
Total: 149

ผู้เขียน หัวข้อ: ลวงรักฉบับร้าย ตอนที่ 8  (อ่าน 2152 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
ลวงรักฉบับร้าย ตอนที่ 8
« เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2014 เวลา 17:55:31 »
   วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่น่าเบื่อสำหรับธัญวรัตน์เพราะการที่ต้องทนเห็นหน้าคนที่ตัวเองไม่ชอบตลอดเวลามันทำให้เธอแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร
   แม้จะพูดคุยเฉพาะเรื่องงานเห็นหน้าเฉพาะเวลาจำเป็นแต่แค่เธอได้รับรู้ว่ามีคนๆนี้เดินป่วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจแล้ว
   เสียงเคาะประตูทำให้คนหน้างอต้องรีบปรับสีหน้าให้นิ่งมากที่สุดเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์เซ็งๆของตัวเองแต่พอเห็นว่าใครเดินเข้ามาในห้องธัญวรัตน์ก็ถึงกับผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
   “อาการหนักนะเพื่อนฉัน”
   พิชญาเอ่ยอย่างนึกขำเพราะไม่เคยเห็นท่าทางเบื่อหน่ายมากมายขนาดนี้ของเพื่อนรักเลยสักครั้ง
   “ก็ลองเป็นตัวเองดูบ้างสิแล้วจะรู้”
   “ไม่ดีกว่าเห็นสภาพแกแล้วฉันรับไม่ได้จริงๆ”
   “ถ้าจะมาซ้ำเติมกลับไปเลยนะ”
   “ถ้างั้นไว้เจอกันใหม่ละกัน”
   พิชญาเอ่ยขึ้นพร้อมกับการหันหลังเพื่อเดินกลับทำเอาเจ้าของห้องต้องรีบวิ่งไปดึงแขนเอาไว้แทบไม่ทัน
   “อะไรมาแป๊บเดียวก็จะกลับ”
   “ก็แกเป็นคนไล่จำไม่ได้เหรอ”
   ธัญวรัตน์มองหน้าคนพูดที่ทำหน้างอนใส่อย่างขำๆก่อนจะดึงตัวเพื่อนรักให้มานั่งที่โซฟา
   “อายุขนาดนี้ยังจะน้อยใจเป็นเด็กไปได้”
   “ฉันยังเด็กอยู่โว๊ย”
   “เด็กก็เด็กสิจะตะโกนทำไม”
   “อายไรนี่ห้องผู้บริหารนะใครจะเข้ามาได้ยินได้”
   พิชญาพูดเสียงดังลั่นก่อนจะนึกถึงธุระที่ทำให้ต้องพาตัวเองมาถึงที่นี่
   “ว่าแต่แกเป็นยังไงบ้าง”
   “เรื่องอะไรดีล่ะมีหลายเรื่องแย่ๆทั้งนั้น”
   “ไม่ร้ายแรงอย่างนั้นมั้งธัญ”
   เป็นคำพูดที่พิชญารู้สึกว่ามันไม่เข้าท่าเลยยิ่งมองเห็นความอึดอัดมากมายในดวงตาของเพื่อนรักก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันหนักมากเกินกว่าที่เธอคาดไว้ซะอีก
   เสียงเคาะประตูทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดค่อยๆลดระดับลงมาแต่พอรู้ว่าใครคือคนที่จะเข้ามาใบหน้าที่เริ่มผ่อนคลายของเจ้าของห้องก็กลับมาบึ้งตึงอีกครั้ง
   “มีอะไร”
   “เอากาแฟมาเสิร์ฟค่ะ”
   “สู่รู้นะฉันยังไม่ได้สั่งเอาไปเก็บเลย”
   “แต่ว่า…”
   “ไม่ต้องมาแต่ไปเลยไป๊ไม่อยากเห็นหน้า”
   เจ้าของห้องเอ่ยหน้ามุ่ยก่อนจะหันไปหาเพื่อนสาวที่เอาแต่สะกิดแขนตัวเอง
   “มีอะไร”
   “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่จะบอกว่าฉันเป็นคนสั่งเอง”
   ธัญวรัตน์ถึงกับชักสีหน้าใส่คนที่ทำให้ตัวเองหน้าแตกก่อนจะหันไปจ้องเขม็งยังคนที่แอบหัวเราะแต่จะเรียกว่าแอบก็คงจะไม่ถูกเมื่อเธอรู้ดีว่ากนต์รพีตั้งใจหัวเราะให้เธอได้ยินเพื่อยั่วโมโห
   “เอ่อ…ตกลงจะรับหรือว่าให้เอาไปเก็บดีคะ”
   เป็นประโยคที่ทำให้คนฟังแทบอยากจะกริ๊ดออกมาดังๆแต่เธอไม่มีทางทำแบบนั้นเพราะหากทำก็คงสมใจใครบางคน
   “อยากกินก็ไปกินข้างนอกในนี้เหม็นสาบฉันว่าเธอคงกลืนไม่ลงหรอก”
   จบประโยคธัญวรัตน์ก็ดึงตัวเพื่อนสาวให้เดินตามออกมาจากห้องทันทีทิ้งให้ใครอีกคนยืนทำหน้างงๆแต่พอนึกได้ก็ไม่ทันแล้วเพราะตอนนี้จะมองไปทางไหนก็ไร้เงาของเจ้านายสาว

   ที่ร้านกาแฟธัญวรัตน์รู้สึกมีความสุขมากเหลือเกินแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่เธอก็รู้สึกดีที่ได้ใช้ลมหายใจแยกจากคนที่แสนเกลียด
   “ดูแกอารมณ์ดีจังเลยนะ”
   “ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่ได้หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์แบบนี้เข้าปอดมาหลายวันแล้ว”
   “ขนาดนั้นเลยเหรอ”
   “ใช่ที่สุด”
   “ขอถามอะไรหน่อยสิ”
   “อะไร”
   “ทำไมแกถึงเกลียดเด็กนั่นจัง”
   ธัญวรัตน์มองหน้าคนถามครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มเพื่อใช้ความคิด
   มาคิดๆดูเธอเกลียดยัยนั่นเพราะอะไรนะ ทั้งๆที่คนอื่นๆที่ถูกเธอแกล้งพอพบหน้ากันเธอก็รู้สึกเฉยๆ
   อ๋อ…รู้แล้ว!
   “ก็เพราะยัยนั่นเป็นคนที่ด้อยที่สุดที่ฉันเคยลดตัวไปคุยด้วยน่ะสิ คิดดูสิทั้งอ้วนเตี้ยไม่มีชาติตระกูลฐานะก็จ๊นจนพูดรวมๆก็คือฉันไม่น่าหลงไปเลือกคนแบบนั้นตั้งแต่แรก”
   “แค่นี้อะนะที่ทำให้แกถึงกับเกลียด”
   “มีเยอะกว่านี้แต่ฉันว่าแค่นี้ก็มากเกินบรรยายแล้วสำหรับคำว่าเกลียด”
   ธัญวรัตน์หน้าตึงทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องอื่นๆที่เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ยิ่งพอภาพของคืนวันงานเลี้ยงลอยผ่านเข้ามาเธอก็ยิ่งต้องรีบสะบัดหัวแรงๆเพื่อหวังให้ภาพทุกอย่างหลุดออกไปให้หมดแต่เหมือนยิ่งอยากลบภาพต่างๆก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆยังดีที่ได้มือของคนข้างๆมาเขย่าให้ตื่นจากฝันร้าย
   พิชญาชี้ไปยังหญิงสาวสองคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ธัญวรัตน์ไม่ได้สนใจประเด็นความร่าเริงนั้นหรอกไอ้ที่เธอสนใจก็คือทำไมโลกต้องเหวี่ยงคนที่เธอเกลียดให้เข้ามาใกล้เธออีกแล้ว
   “โลกกลมดีนะธัญ”
   “ฉันว่าโลกแคบมากกว่าย้ายร้านกันเถอะ”
   พิชญาจับแขนคนที่พูดปุ๊บก็ลุกปั๊บเอาไว้พร้อมกับการดึงให้กลับมานั่งที่เดิม
   “มีอะไรค่อยพูดกันร้านใหม่”
   “ฉันว่าเราไม่เห็นจะต้องหนีเลยแค่อยู่ส่วนของใครส่วนของมันก็สิ้นเรื่อง”
   “แต่ฉันไม่อยากเห็นแม้แต่เงาของยัยนั่น”
   “ถ้าอย่างนั้นเราก็ยิ่งห้ามหนีเพราะถ้าแกหนีแกก็ต้องหนีไปตลอดลืมไปแล้วเหรอเมื่อก่อนแกไม่เห็นจะต้องหลบใครแบบนี้แล้วถ้าแกบอกว่าเกลียดไม่อยากเห็นหน้าสมัยก่อนฉันก็เห็นว่าแกเกลียดคนเค้าไปทั่วแต่แกก็ไม่เห็นเคยหลบเลี่ยงแบบนี้”
   คนฟังถึงกับจิกสายตาไปที่คนพูดจนพิชญาต้องหัวเราะออกมานน้อยๆเพื่อกลบสิ่งที่ตัวเองพูดพลาด
   “สาบานได้มั้ยว่านี่คือคำแนะนำ”
   “ร้อยเปอร์เซ็น”
   “ถ้างั้นก็แล้วไป”
   “แล้วแกจะเอาไงจะหนีหรือจะทำอย่างที่ฉันบอก”
   ธัญวรัตน์นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของเพื่อนรักบางทีการเผชิญหน้าอาจทำให้เธอรู้สึกดีมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้
   มาทางอีกโต๊ะหนึ่งที่กำลังถูกจับตามองโดยไม่รู้ตัวกนต์รพีก็กำลังเอ่ยเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อนรักฟังหลังจากที่ทนอึดอัดเก็บไว้คนเดียวจนแทบจะระเบิด
   “ฉันว่าแกพักกินน้ำก่อนดีมั้ย”
   มาริษาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นว่าเพื่อนรักแทบจะไม่เว้นวรรคในการพูดเลยสักคำหากเธอไม่เบรคไว้อาจน็อคได้เพราะหายใจไม่ทัน
   “จบพอดี”
   “อึดอัดน่าดูเลยเนาะ”
   “มาก”
   คำตอบสั้นๆแต่มาริษารู้ดีว่ามันมีความหมายที่ยืดยาวมากแค่ไหน
   เธอรู้ว่ากนต์รพีไม่ได้เข้มแข็งเหมือนอย่างภาพลักษณ์ที่แสดงให้คนภายนอกเห็นแล้วยิ่งต้องมาเจอหน้าคนที่เป็นเจ้าของเงาหลอนในหัวใจเจ้าตัวคงรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก
   แต่มาคิดดูอีกแง่หนึ่งเธอก็คิดว่ามันเป็นการดีเหมือนกันที่เพื่อนของเธอจะได้เห็นด้านเลวร้ายของผู้หญิงแบบนั้นใกล้ๆแล้วสักวันหัวใจของกนต์รพีก็จะชินชาไปเอง
   “งั้นกินข้าวเยอะๆนะจะได้มีแรงไปสู้กับยัยแม่มดนั่น”
   “ขอบใจแกมากนะอุตส่าห์มารับฉันออกมากินข้าว”
   “อย่าคิดมากจะให้ฉันมารับทุกวันก็ได้นะฉันเต็มใจ”
   “อย่าเลยที่ทำงานเราก็ใช่ว่าจะใกล้กัน”
   “ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าคิดมากกินๆเข้าไปเถอะน่ะ”
   มาริษาพูดตัดบทเพราะขืนให้ถกเรื่องนี้ก็คงไม่มีคำตอบอะไรเปลี่ยนแปลงในเมื่อเธอเต็มใจที่จะทำโดยไม่รู้สึกลำบากหรือเป็นภาระเลยสักนิดการได้มากินข้าวกับกนต์รพีทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
   และทุกความรู้สึกมันดีมากจนเธออยากทำแบบนี้บ่อยๆ
   กนต์รพีเงยหน้ามองเพื่อนรักที่นั่งเหม่อเหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างขนาดเธอร้องเรียกยังไม่ได้ยินแล้วไอ้ข้าวเม็ดเล็กๆที่ติดอยู่ที่มุมปากของคนนั่งเหม่อก็ทำให้เธออดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้และก่อนที่โต๊ะข้างๆจะมาหัวเราะร่วมด้วยกนต์รพีก็ต้องเอื้อมมือไปเขี่ยเม็ดข้าวออกให้มาริษาเสียก่อนและนั่นทำให้เจ้าตัวตื่นจากภวังค์พร้อมกับการดึงสายตาเข้าหาคนที่กำลังทำอะไรสักอย่างที่ริมฝีปากของเธอ
   “กะ กะแกทำอะไร”
   เป็นการพูดที่มาริษารู้สึกว่าเอ่ยออกมายากมากกว่าครั้งไหนๆยิ่งสายตาของเธอประสานเข้ากับสายตาของกนต์รพีที่ตอนนี้กำลังส่งยิ้มมาให้ก็ทำให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า
   อาการที่เกิดขึ้นชักจะทำให้มาริษากังวลใจกับตัวเองซะแล้วสิ
   “ช่วยแกไม่ให้เป็นตัวตลกไง”   
   กนต์รพีเอ่ยตอบพร้อมกับการดึงมือกลับนั่นแหละถึงทำให้อารมณ์ปั่นป่วนของมาริษาค่อยๆเบาลง
   “แกนี่กินข้าวเหมือนเด็กเลยนะจำได้มั้ยว่าตอนเรียนอยู่ฉันหยิบออกให้แกเกือบทุกมื้อที่เรากินข้าวด้วยกัน”
   “อืมๆ”
   มาริษาได้แต่พึมพำในคอเธอรู้ว่านี่คงเป็นความเคยชินของเพื่อนรักแต่ทำไมหัวใจของเธอมันกลับไม่เคยชินเลยสักครั้ง   “เด็กหนอเด็ก”
   “อย่ามาล้อ…ฉันรู้หรอกว่าที่แกหยิบออกให้ไม่ได้ทิ้งแต่แกแอบเอาไปกิน”
   “จะบ้าหรือไง!”
   กนต์รพีเอ่ยออกมาเสียงแข็งแต่เพียงครู่เดียวก็หลุดหัวเราะออกมา
   “ฉันพูดถูกใช่มั้ย”
   “แกเห็นด้วยเหรอ”
   “ไม่เคยพลาดซักครั้ง
   “น่าอายจังแกอย่าเอาไปบอกใครนะ”
   “ก็ได้แต่แกห้ามทำให้ฉันโกรธไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ถึงหูเดอะแก๊งค์แน่”
   คนถูกขู่ทำหน้าเหรอหราก่อนจะรีบลุกไปนวดให้คนพูดเพื่อเอาใจแต่กนต์รพีจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำให้หัวใจของเพื่อนรักกลับมาเต้นเร็วและแรงจนแทบจะทะลุออกนอกอก
   “ฉันจะไม่ดื้อกับแกเลย”
   หากเป็นแค่ประโยคคำพูดธรรมดาคงไม่สามารถทำให้มาริษาตัวแข็งทื่อได้แบบนี้แต่นี่คนพูดทั้งนวดทั้งเอาหน้ามาถูที่แก้มของเธอด้วยนี่สิ   
   “แกเป็นอะไรหรือเปล่า”
   กนต์รพีเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นเพื่อนรักนั่งนิ่งไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบแต่อย่างใดและความสงสัยเหล่านั้นก็ช่วยทำให้มาริษาฟื้นตัวได้ในที่สุดถึงแม้จะไม่มากแต่เธอก็ต้องผ่านสถานะการณ์ที่บีบหัวใจแบบนี้ไปให้ได้
   “แกโอเคมั้ย”
   “โอเคฉันแค่คิดอะไรนิดหน่อย”
   “อะไรเหรอ”
   “ก็คิดว่า…”
   มาริษาเว้นวรรคก่อนจะค่อยๆดึงตัวเองออกจากการบีบนวดของคนด้านหลังจากนั้นก็คว้ากระเป๋ามากอดไว้หลวมๆ
   “คิดว่าเม็ดเมื่อกี้แกเอาทิ้งหรือว่าเก็บกินน่ะสิ”
   พูดจบมาริษาก็รีบวิ่งไปทางห้องน้ำทันทีเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอมันคงเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างชัดเจนแล้วเธอรู้สึกได้ดังนั้นคงต้องหลบไปปรับอุณหภูมิให้อยู่ในสภาวะปกติเสียก่อนแล้วค่อยออกมาเจอตัวต้นเหตุอีกครั้ง
   ส่วนฝ่ายกนต์รพีก็ได้แต่อ้าปากค้างมองคนที่วิ่งหนีไปจนลับสายตาหากมาริษาออกมาคงต้องอธิบายกันยาวว่าเธอไม่ได้กินจริงๆ
   ตอนเรียนก็ไม่ได้กิน!
   ตอนนี้ยิ่งไม่ได้กิน!
   จริงจริงนะ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 พฤษภาคม 2014 เวลา 22:49:31 meAyou »




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.