กำแพงหัวใจ
หลายวันมานี้ที่มัทนาต้องคอยดูแลคนถูกงูกัดอย่างใกล้ชิดแม้ว่าจะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีแล้วก็ตามแต่จากท่าทางที่ดูอ่อนแรงของอีกฝ่ายทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ
“วันนี้คุณหทัยน่าจะลองทานข้าวเองดูนะคะ”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มค่อยๆหุบลงช้าๆพร้อมกับการสะบัดหน้าไปทางอื่นด้วยท่าทางไม่พอใจ
“ถ้าเธอไม่อยากป้อนก็เอาวางนั่นแหละเดี่ยวฉันกินเอง”
“เดี๋ยวที่ว่าคือเมื่อไหร่ค่ะ”
“เรื่องของฉันเธอเกี่ยวอะไรด้วย”
มัทนายิ้มให้กับอาการงอแงเหมือนเด็กไม่ได้อย่างใจของคนตรงหน้าก่อนจะลงมือตักข้าวต้มมาเป่าแล้วเอายื่นไปให้คนหน้างออีกครั้ง
“ไม่กิน”
“มัทป้อนแล้วไงคะอย่างอนกันเลยกินดีกว่าน๊าเดี๋ยวเย็นไปจะไม่อร่อย”
“ฉันเนี้ยนะงอนเธออย่ามาพูดบ้าๆใครจะมีนิสัยเด็กอย่างนั้น”
“ถ้าไม่งอนงั้นก็กินนะคะ”
“ไม่กิน ส่วนเธอถ้าไม่อยากป้อนก็วางไว้แล้วก็ออกไปเลยเบื่อขี้หน้า”
“โห แรงอะ”
มัทนาก้มมองข้าวต้มในถ้วยครู่หนึ่งก่อนจะอมยิ้มน้อยๆเมื่อคิดอะไรออก
“ไม่กินก็ไม่เป็นไรค่ะงั้นถ้วยนี้มัทขอนะคะ ดูสิน่ากิ๊นน่ากิน”
พูดจบมัทนาก็ตัดข้าวต้มเข้าปากทันทีพร้อมกับการบรรยายรสชาติของข้าวต้มด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้จนคนบนเตียงถึงกับเบ้ปาก
“อร่อยแบบนี้นี่เองคนถึงกินจนเกลี้ยงแล้วถ้าคุณอยากทานใหม่ก็ไปบอกให้แม่บ้านต้มให้ใหม่แล้วกันนะ”
มัทนาพูดไปกินไปด้วยรอยยิ้ม
“น่าเกลียดเวลาทานข้าวใครให้พูดไปด้วยแล้วนั่นจะกินจนหมดเลยเหรอได้ยินว่านั่นของฉันนิ”
“ก็คุณไม่กิน”
“ฉันไม่กินเธอก็ห้ามกิน”
“หวงก้างนี่นา”
“แล้วจะทำไม”
ใบหน้าและน้ำเสียงเอาแต่ใจทำให้มัทนาถึงกับต้องยอมแพ้แล้วยื่นถ้วยข้าวต้มส่งคืนให้กับเจ้าของตัวจริงแต่หทัยภัทรกลับปฏิเสธไม่รับ
“อ้าวก็ไหนบอกจะเอา”
“ก็เธอกินไปแล้ว”
“อ๋อ รังเกียจกันนี่เอง”
คนพูดทำหน้าจ๋อยเล็กน้อยก่อนจะวางถ้วยในมือไว้ที่โต๊ะ
“ที่ฉันให้เธอกินให้หมดเพราะเธอจะได้มีแรงดูแลฉัน”
“น้องสาวกับคนงานคุณมีตั้งเยอะตั้งแยะให้พวกเค้าดูไปสิ”
“เธอนี่ใจร้ายขึ้นทุกวันเลยนะ”
“ติดมาจากคนบางคนแถวนี้แหละ”
“เธอก็รู้ว่าตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว”
หทัยภัทรลุกขึ้นจากเตียงจากนั้นก็มุดหน้าเข้ากับแผ่นหลังของคนที่ยืนอยู่ทำเอามัทนาถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่คิดที่จะผลัดออกแต่อย่างใด
“ละครมันยังไม่จบอีกเหรอคะ”
“มันจะจบได้ยังไงเมื่อตอนนี้ฉันแยกไม่ออกแล้วว่าไหนคือละครอันไหนคือเรื่องจริง”
“ไม่ต้องแยกหรอกเพราะตั้งแต่มัทเข้ามาที่นี่ทุกอย่างก็เหมือนละครเพราะมองยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง”
มัทนาหันหน้ากลับมาหาเจ้าของห้องที่บัดนี้กำลังทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ หญิงสาวเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนจะพยุงอีกฝ่ายให้นั่งลง
“คุณพักผ่อนเถอะจะได้หายเร็วๆส่วนข้าวต้มเดี๋ยวจะให้แม่บ้านทำให้ใหม่”
พูดจบมัทนาก็ลุกเดินออกไปจากห้องทันทีเพราะขืนอยู่นานกว่านี้เธออาจแพ้ให้กับน้ำในตาของคนตรงหน้าที่กำลังไหลออกมา
หทัยภัทรถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะพยายามใช้ความคิดพิจารณาเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยเหตุผลแต่เธอจะสามารถใช้อะไรเป็นข้ออ้างได้ในเมื่อเธอยังหาจุดเริ่มต้นของความรู้สึกของตัวเองไม่ได้
“สวัสดีครับคุณหทัย”
แม้จะมาแค่เสียงแต่กลับทำให้หทัยภัทรรู้สึกเบื่อโลกขึ้นมาทันทีเพราะเธอจำน้ำเสียงนี้ได้อย่างแม่นยำ
“ไม่สบายก็ไม่บอกผมจะได้มาดูแล”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“โถ โถคนกันเองไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”
“ฉันอยากพักผ่อนขอตัวก่อน”
“เดี่ยวสิครับ”
ไม่พูดเปล่าแต่ไพโรจน์กลับคว้าข้อมือหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับกระชากเข้ามาสู้อ้อมกอดอย่างง่ายดาย
“ตัวรุ่มๆนะครับเนี้ย”
“ปล่อยฉัน! ”
“ปล่อยได้ยังไงครับตัวคุณหทัยหอมขนาดนี้ผมแทบจะอดใจไม่ไหว”
คนพูดสูดกลิ่นหอมที่ลอยมากับอากาศอย่างหลงไหลก่อนจะกระชับตัวคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“ปล่อยเดี่ยวนี้นะ! ”
ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้นที่ดังมากระแทกหูเพราะบัดนี้ใบหน้าของคนฉวยโอกาสได้ถูกซัดด้วยหมัดของเจ้าของเสียงจนเซเกือบล้ม
มัทนาประคองตัวคนถูกรังแกเอาไว้ก่อนจะประคองร่างเล็กให้เดินมายืนต่อหน้าคนที่เธอแจกหมัดไปให้
“ฉันจะไม่พูดอะไรมากมายแต่อย่ามายุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีก”
“นี่เธออีกแล้วเหรอ! ”
“ออกไปได้แล้วไร่นี้ไม่ต้อนรับคุณ”
“คนงานอย่างเธอเอาสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน ตลกเกินไปละ”
ไพโรจน์หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะมีน้ำสีแดงไหลออกมาจากจมูก
“เลือด แกกล้าดียังไงถึงมาทำร้ายฉันแบบนี้เตรียมไปนอนในคุกได้เลย”
“ก่อนจะทำอะไรกรุณาออกไปจากไร่ก่อนเพราะไม่งั้นคนแรกที่จะได้นอนในคุกคงจะเป็นคุณมากกว่า”
“นี่แก! ”
“เชิญ”
“คุณหทัยครับ”
ไพโรจน์หันไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าของไร่ตัวจริงแต่แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ หญิงสาวที่ตัวเองหมายปองกลับทำท่าทางพออกพอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไหนจะมือน้อยๆที่โอบเอวคนที่ทำร้ายเขาอยู่ตลอดเวลานั่นอีกแต่ที่หนักที่สุดก็คงจะเป็นการที่หทัยภัทรเอนหัวไปซบที่ไหล่คนข้างๆเหมือนกับคนหมดแรงหรือจะเป็นอย่างที่บุตรสาวของเข้าเล่าจริงๆ…ไม่อยากจะเชื่อ
“คุณกำลังหลงผิดผมช่วยได้นะ”
“ช่วยออกไปจากไร่ฉันดีกว่าค่ะมัทว่ายังไงฉันก็ว่าตามอยู่แล้ว”
“ผมไม่อยากจะเชื่อที่คุณไม่ชอบผมเพราะคุณมีรสนิยมแบบนี้เนี้ยนะ”
หทัยภัทรไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของคนตรงหน้าแต่ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกเป็นปลื้มที่ได้รับการปกป้องจากมัทนาแม้อีกฝ่ายจะดูเกรงๆเวลาทำก็เถอะ
“คุณหทัยครับ! ”
“เลิกบ้าซะทีได้มั้ยคุณไพโรจน์! ”
เสียงตะโกนจากบุคคลที่สี่ทำให้คนทั้งสามต่างหันไปมองพร้อมๆกัน
“ฉันว่าพี่หทัยก็ชัดเจนดีออกนะแล้วทำไมคุณถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“อะไรที่เกี่ยวกับพี่หทัยก็คือเรื่องของฉัน”
“เธอกำลังจะส่งเสริมพี่สาวในทางที่ผิดอยู่นะที่จริงเราน่าจะร่วมมือกันได้”
ไพโรจน์หันมาใช้การพูดปรองดองแทนเพราะหากสามารถดึงปาลิตามาเข้าร่วมได้อะไรๆก็คงง่ายขึ้น
“เสียใจด้วยนะฉันไม่มีวันร่วมมือกับคนที่พี่สาวฉันเกลียดขี้หน้าแล้วอีกอย่างฉันว่าความหมายของคำว่ารักมันยิ่งใหญ่มากจนคนอย่างคุณไม่มีวันเข้าใจหรอก”
“นี่หลอกด่าฉันนิ อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอก็คิดจะกินพี่สาวตัวเองเหมือนกัน”
ปาลิตาหันไปมองหน้าหทัยภัทรด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะกลับมาจัดการกับคนปากหมาอีกครั้ง
“ถ้าว่างๆก็ให้เด็กที่บ้านอัดเทปเวลาพูดไว้นะจะได้ย้อนฟังฉันเชื่อว่าถ้าคุณได้ฟังวนไปวนมาคงจะรู้ว่าทำไมพี่หทัยถึงได้ไม่ชอบคุณ”
“อย่ามาอวดดีฉันเป็นผู้ใหญ่นะ ออ…ผิดเพศกันหมดถึงได้อยู่ด้วยกันได้สินะเข้าใจแล้วๆ”
ประโยคและใบหน้าล้อๆของคนพูดถึงกับหงายหลังเพราะไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้ามาซ้ำแผลเก่าอีกแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือปาลิตา
“ถ้ายังไม่หยุดพูดฉันจะลากแกไปท้ายไร่คงรู้นะว่าที่นั่นมีอะไร”
“แก…”
พูดยังไม่ถึงประโยคปากที่เต็มไปด้วยเลือดก็ถูกกระแทกด้วยหมัดอีกครั้งก่อนที่มัทนาจะดึงคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้
“เบี้องหลังของแกไม่ว่าจะเป็นตื้นลึกหนาบางฉันสืบแป๊บเดียวก็รู้เพราะฉะนั้นอย่างมายุ่งกับผู้หญิงของฉันอีก!”
ไพโรจน์ถึงกับยกมือขึ้นปิดหน้านึกไม่ถึงว่าคนที่ดูใจเย็นจะกระหน่ำหมัดได้มากขนาดนี้แล้วไหนจะแววตาเวลาพูดที่ดูดุดันนั่นอีกไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้กุมความลับอะไรของเขาไว้หรือว่าลูกสาวตัวดีจะหลุดเล่าเรื่องเด็ดออกไปนะ
“อย่าคิดว่าฉันกลัวนะแค่ไม่อยากมีเรื่องกับเด็ก”
คนพูดกล่าวออกมาอย่างมีฟอร์มก่อนจะเดินถอยหลังออกมาทีละก้าว
“ขอให้ไปกันให้รอดนะถ้าอกหักจากยัยนี่ผมไม่รับเซ้งคืนแล้วนะไปแล้วก็ไปเลย”
พูดจบไพโรจน์ก็หันหลังเดินไปทันทีเพราะจากสิ่งที่เห็นและได้ยินไม่ว่าความลับที่มัทนากุมไว้คืออะไรมันก็ไม่ดีแน่หากจะถูกอีกฝ่ายเปิดเผยออกมา…เอาเถอะน่ะแค่ผู้หญิงคนเดียวเดี่ยวหาใหม่ก็ได้
หทัยภัทรมองแผ่นหลังของคนที่เอาแต่ยืนนิ่งตั้งแต่เหตุการณ์คลี่คลายก่อนจะเดินไปแตะที่ไหล่กว้างอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ตกใจตัวเองนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“ทำไมเหรอ”
“มัทไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนรุนแรงแล้วก็ก้าวร้าวขนาดนี้”
“จะโทษว่าติดฉันอีกล่ะสิ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
มัทนาหันมามองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยใบหน้าที่สับสน
“แค่ไม่คิดว่าการปกป้องคนที่ตัวเองรักมันจะต้องใช้อารมณ์เดือดมากขนาดนี้”
หทัยภัทรหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อสะดุดกับคำบางคำที่คนตรงหน้าหลุดออกมา
“การเป็นคนถูกรักมันดีแบบนี้นี่เองนะ”
“พูดอะไร”
“นั่นสิพูดอะไร”
หทัยภัทรไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเพราะตอนนี้เธอกำลังรู้สึกเต็มตื้นกับประโยคที่ได้ยินและครั้งนี้เธอก็มั่นใจว่าคนปากหนักคิดไม่ต่างไปจากเธอแน่นอน