ตอนที่ 11
รสากับปานวาดเปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามา ภายนอกในตอนแรกที่ได้มองออกไปก็ดูมืดสนิท แต่เพียงครู่เดียวเมื่อสายตาปรับให้เข้ากับความมืดมิดได้ภาพของทิวเขาและต้นไม้ก็เริ่มโชว์ความงดงามในยามค่ำคืนให้ได้เห็น ปานวาดกุมมือรสาไว้อยากให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอบอุ่น และอยากให้รู้สึกอย่างนั้นอยู่ตลอด เวลาถึงแม้จะต้องอยู่ห่างไกลกันก็ตาม
“สวยมากนะคะ” ปานวาดพูดขึ้นเมื่อมองไปจนไกลสุดตา
“ค่ะ ในความมืดได้ซ่อนความงดงามเอาไว้ พรุ่งนี้เช้าเราก็จะเห็นความงด งามอีกแบบ” รสายิ้มจางๆ ให้ปานวาดซึ่งกระชับมือที่กุมมือของรสาไว้แนบแน่น
“กุมมือสาอยู่แบบนี้ ได้ยืนใกล้ๆ แบบนี้ มองอะไรก็สวยไปหมด”
“แสดงว่าสาไม่สวยอย่างนั้นซิ เพราะมองอย่างอื่นสวยไปหมด” รสาอมยิ้ม
“เปล่าค่ะ สวยค่ะ สวยมาก สวยจนไม่อยากให้ไป” ปานวาดยิ้มจางๆ
“สาก็ไม่ได้อยากไป แต่ปานก็รู้ว่าแม่เป็นอย่างไร ถ้าสาไม่กลับ แม่ก็จะต้องมาวุ่นวายกับปานจนเดือดร้อนจนได้ สาเป็นห่วงปานนะ”
“ขอบคุณค่ะ เลิกคิดดีกว่าใช้เวลาอย่างมีความสุขให้เหมือนที่คุณน้าทั้งสอง กับคุณจี๊ดแนะนำกันดีกว่านะคะ” ปานวาดพูดยิ้มๆ ก่อนที่จะสูดลมหายใจลึกๆ รสาก็ทำเช่นเดียวกับปานวาดพร้อมรอยยิ้มสวยๆ ที่ยิ้มให้กัน
“สาคงคิดถึงที่นี่มากแน่ๆ บ้านคุณน้าทั้งสองอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรัก ความเข้าใจ ความห่วงใย น่าอิจฉาคุณจี๊ดนะคะ”
“ค่ะ ปานอิจฉาคุณจี๊ดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มากราบคุณน้าทั้งสองท่านแล้วค่ะ” ปานวาดพูดแล้วหัวเราะเล็กๆ
“น่าเสียดายที่จะไม่มีโอกาสได้รับรู้ เรื่องเล่าของความรักของคุณน้าทั้งสอง คนนะคะ แต่ปานเล่าให้ฟังได้นี่นา นะคะ โทรไปเล่าให้สาฟังนะคะ ถ้ามีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวที่ท่านทั้งสองเล่า”
“ได้ค่ะ มาขอกอดหน่อยนะ” ปานวาดยิ้มหวานและอ้าแขนออกเสียจนกว้าง
“สารักปานนะ” รสาโผเข้ากอดปานวาดแนบแน่น
“คุณหมองอแงเสียแล้วค่ะ ไม่เอาค่ะ อย่าร้องไห้นะคะ คนดี” ปานวาดพูดปลอบใจ พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก เธอเองก็พยายามปลอบใจตัวเองไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมาเช่นกัน
“พยายามแล้วที่จะไม่ร้องไห้นะคะ” รสายิ้มทั้งน้ำตา ซึ่งปานวาดกำลังช่วยเช็ดให้เหือดแห้งไปจากใบหน้าของรสา
“ยิ้มหน่อยนะคะ อยากเห็นยิ้มสวยๆ ของคุณหมอ” ปานวาดจูบเบาๆ ที่ปากบางสวยของรสา
“ดวงตาแสนเศร้าขนาดนี้ จะให้สายิ้มออกได้อย่างไรคะ”
“เศร้าที่ไหนกันคะ ดูซิยิ้มกว้างขนาดนี้” ปานวาดพยายามยิ้มกลบเกลื่อนไม่อยากให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ารู้สึกไม่สบายใจ
“ก็แค่ตัวไกลกัน ใช่หรือเปล่าคะ” รสาพูดเหมือนเป็นคำถาม
“ใช่ค่ะ หัวใจปานอยู่กับสาตลอดเวลาอยู่แล้ว” ปานวาดอมยิ้มมองสบตาคนที่กำลังยิ้มหวานให้เธอ
รสาตื่นแต่เช้ามืด ลงมาช่วยปทุมมาศเตรียมอาหารเช้า จีรธรและบุษบาลงไปสำรวจต้นไม้รอบๆ บ้าน และช่วยกันรดน้ำโดยมีปานวาดช่วยเป็นลูกมือให้ การพูดคุยและเสียงหัวเราะดังแว่วๆ ทั้งในครัวและบริเวณหน้าบ้านที่กำลังพูดคุยกันเรื่องต้นไม้ใบหญ้า รวมถึงเรื่องของชาวบ้านที่ปานวาดมีหน้าที่ต้องคอยช่วยดูแลทุกข์สุข
“ปลัดคะ อย่างจี๊ดถือเป็นชาวบ้านที่ปลัดต้องช่วยดูแลทุกข์สุขแล้วหรือยังคะ” จีรธรถาม
“แน่นอนค่ะ คุณจี๊ด นอกจากเป็นชาวบ้านแล้ว คุณจี๊ดยังเป็นเหมือนเพื่อนด้วยนะคะ ปานก็ต้องดูแลอย่างดีและที่สำคัญเป็นหลานคุณน้าที่ปานเคารพนับถือ ก็ต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อยค่ะ” ปานวาดพูดยิ้มๆ มองสบตากับบุษบาที่อมยิ้มกับคำพูดของปานวาดที่จีรธรถามเพียงนิดเดียวอธิบายเสียยืดยาว
“น้าบุษเป็นพยานนะคะ ว่าปลัดพูดอะไรไว้ ตั้งแต่นี้ต่อไปความสุขของชาว บ้านที่แสนดีของคุณปลัด ก็คือการไม่ถูกกวนโมโห ตกลงตามนี้นะคะ” จีรธรหัวเราะคิกคักเดินไปรดน้ำต้นไม้ต้นอื่นในทันทีที่พูดจบ
“ร้ายนักแม่คนนี้ ฉลาดเป็นกลด อย่าถือสาเลยนะคะ หนูปาน” บุษบาบอกกับปานวาดที่ยืนยิ้มมองตามจีรธรที่เดินไปรดน้ำต้นไม้อีกด้านหนึ่ง
“คุณจี๊ดน่ารักออกค่ะ น้าบุษ สร้างรอยยิ้มให้ปานกับสาได้ตลอด ปากอาจ จะดูร้าย แต่ข้างในมีความห่วงใยให้เราสองคนอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ” ปานวาดยิ้ม
“แต่บางทีก็ล้นเกินไป กับน้าเองบางทีก็พูดเล่นเสียจนต้องดุกันเลยทีเดียว” บุษบาส่ายหน้าเมื่อมองไปที่จีรธร
“แต่คุณจี๊ดก็ทำให้เรายิ้มออกนะคะ ถึงแม้จะกวนไปสักหน่อย” บุษบากับจีรธรหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เสียงดังไปถึงคนที่เดินหนีไปรดน้ำต้นไม้ทางด้านข้างของตัวบ้าน จนกระทั่งแอบส่งเสียงถามออกมา
“แอบนินทาจี๊ดกันอยู่แน่ๆ เลย ใช่หรือเปล่าคะ หัวเราะกันเสียงดังขนาดนี้” จีรธรอมยิ้มและรดน้ำต้นไม้ต่อไป
“ดูสิ ดู” บุษบาบอกกับปานวาด ซึ่งยิ้มมองไปทางจีรธรที่ยืนหันหลังให้เธอ
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย รสากับจีรธรก็ทำหน้าที่บริการชาร้อนๆ และขนมสำหรับทุกคนที่มานั่งสูดอากาศบริสุทธิ์กันที่ระเบียงบ้าน
“มาพักบ้านน้าบุษกับน้าบัว เหมือนได้มาพักในรีสอร์ทเลยนะคะ อากาศดีวิวก็สวยมากค่ะ” รสานั่งลงข้างๆ ปานวาด
“แต่เด็กๆ อยากหนูสา อยู่นานๆ เข้าก็อาจจะเบื่อก็ได้นะคะ มันไม่มีอะไรนอกจากภูเขา ต้นไม้ เสียงนกเสียงกา เสียงแมลงต่างๆ” บุษบาพูด
“ถ้าเลือกได้ สาจะฝากชีวิตไว้ที่นี่เลยค่ะ” รสาพูดขึ้น
“ดีค่ะ น้าบัวกับน้าบุษจะได้ดุจี๊ดให้น้อยลงหน่อย ถ้าได้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนเพิ่ม” จีรธรพูดให้ดูขำๆ เพราะไม่อยากให้รสาวกเข้าเรื่องที่จะต้องกลับกรุงเทพอีก
“มาปลูกบ้านอยู่ด้วยกันก็ยังได้เลยนะคะ หนูปาน หนูสา น้าสองคนจะได้ไม่เหงา เวลาหลานสาวไม่อยู่” ปทุมมาศบอกปานวาด และรสาที่พนมมือไหว้ขึ้นพร้อมๆ กัน
“ขอบพระคุณมากค่ะ น้าบัว เอาไว้ถ้ามีโอกาสอย่างนั้นจริงๆ สากับปานจะมารบกวนนะคะ” รสายิ้มให้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน
“ปลัดก็มาปลูกรอไว้ก่อน คุณสามาเมื่อไหร่ก็มาอยู่ได้เลย ดีไหมคะ” จีรธรหันไปถามรสาที่นั่งอมยิ้ม นึกขำกับปานวาดที่ทำหน้าตาแปลกๆ
“ดีเหมือนกันนะคะ จะได้มาขออาศัยทานข้าวทุกวัน คุณจี๊ดจะเลี้ยงไหวหรือเปล่าล่ะคะ” ปานวาดเริ่มต่อปากต่อคำกับจีรธรที่เริ่มทำหน้ามุ่ย จ้องปานวาดเขม็ง
“ก็ต้องทำงานแลกค่ะ” จีรธรพูด
“ดีเหมือนกันนะคะ หนูปาน ได้มาอยู่เป็นเพื่อนบ้านกัน ไปอยู่ที่บ้านพักคนเดียวเหงาแย่” บุษบาซึ่งอยากแกล้งหลานสาวเอ่ยปากชวน
“ขอบคุณค่ะ น้าบุษกับน้าบัว ใจดีกว่าคุณหลานสาวเยอะเลยนะคะ” ปานวาดหัวเราะ เมื่อมองเห็นจีรธรกำลังมองจ้องเธอเหมือนจะเอาเรื่อง
“น้าทำให้ทานก็ได้ค่ะ หนูปาน” ปทุมมาศเสนอตัว
“ใช่แล้ว อร่อยกว่ายายจี๊ดแน่ๆ น้ารับรองค่ะ” บุษบาอมยิ้มหันไปมองหลาน สาวที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ ปทุมมาศ
“โอ้โห โดนรุมเละเลยเรา ไปทำงานดีกว่า อย่างน้อยคนที่รีสอร์ทก็ไม่รุมเราเป็นแน่แท้” จีรธรลุกขึ้นพนมมือไหว้ ปทุมมาศและบุษบาที่กำลังรับไหว้หลานสาวแบบยิ้มๆ
“ให้สากับปานไปช่วยไหมคะ ขับรถให้ก็ยังดี คุณจี๊ดจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากนัก” รสาอาสาแล้วหันไปสบตากับปานวาดซึ่งกำลังพยักหน้าเห็นด้วยกับรสา
“ถ้าอยากไปเที่ยวก็เชิญค่ะ ทานกลางวันที่โน่น บ่ายๆ ค่อยกลับ” จีรธรยิ้ม
“ก็ดีนะ ไปกันได้แล้วเด็กๆ เบื่อเสียงยายจี๊ดเต็มทนแล้ว จะได้เงียบๆ บ้าง” บุษบาแกล้งพูดขึ้น
“เดี๋ยวหนีกลับบ้าน แล้วอย่ามาโทรตามนะคะ” จีรธรหัวเราะ เดินเข้าไปกอดแล้วหอมแก้มปทุมมาศและบุษบา น้าสาวทั้งสองของเธอก่อนที่จะออกไปที่รีสอร์ท
ปานวาดกับรสาเดินดูบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทของจีรธร ซึ่งพอลงจากรถ ความขี้เล่นเหมือนจะถูกกองทิ้งไว้บนรถของปานวาดเสีย
มากกว่า ตอนนี้ดูจริงจังเอาการเอางานกับการตรวจสอบ และการดูแลแขกผู้ที่มาเข้าพักเป็นอย่างดี แทบจะเป็นคนละคนกับที่ปานวาดและรสารู้จัก
“ไม่แปลกใจเลยนะคะ ที่คุมคนงานได้ขนาดนี้” รสาพูดลอยๆ เมื่อมองไปที่จีรธรที่กำลังสั่งงานกับคนที่ดูแลสวนของรีสอร์ท
“นั่นซิคะ ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตา ปานก็แทบจะไม่เชื่อสายตาเลยนะคะ ยังกวนโมโหกันอยู่ในรถอยู่แท้ๆ ลงรถปุ๊บเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย” ปานวาดพูด
“สาวเก่งก็แบบนี้แหละคะ ปาน สำหรับคุณจี๊ดเธอดูเก่งสารพัดเลยนะคะ ปกติผู้หญิงทำงานก็จะไม่ค่อยสนใจเรื่องทำอาหาร แต่คุณจี๊ดมีพร้อม แถมยังร่าเริงสดใสอีกต่างหาก ครบสูตรจริงๆ” รสาพูดด้วยความชื่นชมในความเป็นจีรธร
“น่าชื่นชมนะคะ คุณจี๊ดมีมิตรภาพดีดีให้เราสองคน ด้วยใจจริง”
“เพ้อแล้วนะคะ” รสาแกล้งแซวปานวาดที่ยิ้มๆ มองไปที่จีรธร
จีรธรมัวแต่ทำงานของเธอ จนเกือบลืมไปว่ามีแขกมาด้วยสองคนที่ตอนนี้คงจะไปเดินเล่นกันรอบๆ บริเวณรีสอร์ท ไม่นานนักสองสาวก็กลับเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม จีรธรก็ยิ้มได้ เพราะรอยยิ้มของทั้งสองสาวที่มาเป็นแขกของเธอดูสดใสขึ้นกว่าเมื่อวานมาก
“เป็นอย่างไรบ้างค่ะ คุณสา คุณปลัด เดินทั่วหรือยังคะ” จีรธรถามดูเป็นงานเป็นการจนปานวาดอดที่จะยิ้มไม่ได้
“ยังไม่ทั่วเลยค่ะ คุณจี๊ด แต่รีสอร์ทสวยมากนะคะ” รสาบอกกับจีรธร
“ทานกลางวันกันก่อนดีกว่าค่ะ แดดชักเริ่มแรงแล้ว เดี๋ยวบ่ายๆ ค่อยไปสำรวจใหม่ก็ได้ค่ะ” จีรธรบอกกับทั้งสองสาว
ปานวาดไม่ค่อยได้พูดได้คุยอะไรนัก เพราะเกรงว่าจะอดไปยั่วโมโหเจ้าของ รีสอร์ทไม่ได้ จีรธรเองก็นึกขำเมื่อเห็นปลัดเงียบจนน่าแปลกใจ
“ไม่อร่อยหรือคะ คุณปลัด เงียบเชียว” จีรธรถามยิ้มๆ
“อร่อยมากค่ะ โดยเฉพาะขนม” ปานวาดบอกกับจีรธร
“ขนมฝีมือคุณยายที่เป็นคนป่วยของคุณหมอรสา จำได้หรือเปล่าคะ” จีรธรถาม ทั้งรสาและปานวาดจึงหันมายิ้มให้กัน
“จริงหรือคะ คุณจี๊ด” รสาถาม
“ค่ะ จี๊ดให้มาพักอยู่ที่นี่ ช่วยเรื่องขนมไทยที่คุณยายถนัด เวลาป่วยหรือไม่สบายจะได้มีคนดูแลได้ พอไปบอกว่าคุณสากับคุณปลัดจะมาทานข้าว ก็เลยเตรียมขนมไว้ให้น่ะคะ” จีรธรยิ้มๆ กับสองสาวที่เป็นแขกของเธอ
“ขอบคุณนะคะ คุณจี๊ด ที่ดูแลคนพื้นที่ละแวกใกล้เคียงอย่างดี ใครเจ็บไข้ได้ป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็มาขอยาที่นี่ รวมถึงเรื่องทุนการศึกษาของนักเรียนด้วย” ปานวาดได้ข้อมูลเหล่านี้มาจากคนงานและพนักงานของรีสอร์ท
“เรื่องนั้นต้องไปขอบคุณ สองสาวที่บ้านค่ะ จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว จี๊ดแค่มารับช่วงต่อเท่านั้นเอง” จีรธรบอก
“น่าเสียดายนะคะ ที่สาไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ ไม่อย่างนั้นเราสามคนคงได้ช่วยชาวบ้านร่วมกัน” รสาพูดเสียงอ่อยๆ
“ไม่ยากค่ะ เวลาคุณสาแวะมาเยี่ยมคุณปลัด เราก็มาเปิดศูนย์แพทย์เคลื่อน ที่กันก็ได้ แค่นี้เราก็ได้ทำงานด้วยกันแล้วค่ะ ใช่ไหมค่ะ คุณ
ปลัด” จีรธรพยักเพยิดให้ปานวาดพูดอะไรบางอย่าง
“ใช่ค่ะ ปานเห็นด้วย” ปานวาดยิ้มให้จีรธร
“น่าสนใจดีเหมือนกันนะคะ เอาไว้สาจะลองคิดดู กลับมาคราวหน้าจะได้ทำงานเพื่อช่วยชาวบ้านร่วมกับคุณจี๊ด” รสายิ้มกว้างขึ้น นั่นทำให้จีรธรรู้สึกมีความสุขไปด้วย เมื่อได้เห็นคนที่เป็นเพื่อนถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่นานนักมีความสุข