web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 148
Total: 148

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าของความรัก ตอนที่ 15  (อ่าน 1546 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ลำเนา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 68
เรื่องเล่าของความรัก ตอนที่ 15
« เมื่อ: 30 ธันวาคม 2013 เวลา 10:15:21 »
ตอนที่ 15

หลังอาหารค่ำน้าสาวทั้งสองของจีรธรขอตัวไปพักผ่อนแต่หัวค่ำ เพราะท่า ทางบุษบาจะมีอาการไข้เริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เนื่องจากอากาศเริ่มเย็นแต่เท่าที่จีรธรสอบถามอาการจากปทุมมาศก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก จีรธรจึงคาดเดาเอาเองว่าน้าสาวทั้งสองคงอยากให้เธอได้พูดคุยรวมถึงปลอบโยนปานวาดมากกว่า

“เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์สักหน่อยไหม ปาน” จีรธรทิ้งท้ายการเรียกชื่อไว้ชั่วอึดใจ เพราะยังไมค่อยชินสักเท่าไหร่ ปกติจะติดปากเรียกว่าคุณปลัดมากกว่า

“ขอบคุณค่ะ คุณน้าไม่ดุเอาหรือคะ มาชวนกันดื่มแบบนี้” ปานวาดถามด้วยความเกรงใจผู้ใหญ่

“นิดหน่อยเองค่ะ น้าบัวกับน้าบุษก็ดื่มบ้างบางครั้ง แค่ไวน์แก้วเดียวคงไม่ดุแน่ แต่ถ้าเราสองคนดื่มกันเป็นขวดแล้วออกมาเห็นเข้าละก็อาจจะโดนขวดไวน์ตีหัวเข้าให้ก็ได้” จีรธรหัวเราะคิกคักรู้สึกดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของปานวาด

“ปานแก้วเดียวก็หลับเป็นตายแล้วค่ะ”

“จริงหรือคะ ดีล่ะรู้จุดอ่อนแล้ว วันหลังจะแกล้งมอมเหล้าเสียให้เข็ด” จีรธรพูดยิ้มๆ นั่งลงข้างๆ ปานวาดซึ่งกำลังนำผ้าคุลุมไหล่ไปคลุมให้จีรธรซึ่งสองสาวอยู่ภายใต้ผ้าคลุมกันหนาวผืนเดียวกัน จีรธรยิ้มกับความมีน้ำใจของปานวาด

“มอมเหล้ามีไว้ล้วงความลับ แต่ปานไม่ค่อยมีความลับอะไรหรอกค่ะ บางเรื่องที่ไม่พูดก็เพราะสิ่งที่เราพูดอาจจะไปทำให้คนอื่นไม่สบายใจก็เลยเลือกที่จะไม่พูดเสียดีกว่า” ปานวาดยังมองออกไปที่ทิวเขาซึ่งอยู่ตรงหน้า ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามากระทบตัวของทั้งสองสาวที่เริ่มขยับเบียดตัวเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

“จะทำอย่างไรต่อคะ เรื่องคุณสา” จีรธรถามขึ้นโดยไม่หันไปมองปานวาดที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ

“รอ” เพียงคำเดียวที่หลุดออกมาจากปากของปานวาดซึ่งทำให้จีรธรต้องหันไปหาคนข้างๆ ที่พูดคำว่ารอฟังดูสั้นๆ ง่ายๆ แต่มันจะไม่เจ็บปวดใจมากไปหรือ

“รอ แล้วถ้าเกิดเงียบหายไปเลยล่ะคะ” จีรธรรู้สึกอึดอัดแทนกับคำว่ารอที่ปานวาดพูดไปเมื่อสักครู่ เพราะเป็นเธอคงอึดอัดตายก่อนแน่ถ้าจะต้องรออะไรที่ไม่มีจุดหมายอยู่แบบนี้

“ถ้าเป็นแบบนั้น สาก็คงไม่อยากจะติดต่อหรือคบหากับปานอีก เรื่องมันก็ต้องจบไม่ใช่หรือคะ” ปานวาดหันมามองสบตากับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ไม่คิดจะต่อสู้ดิ้นรนเลยหรืออย่างไรกันคะ แม่ไม่ชอบก็ตื้อสิ” จีรธรพูดยิ้มๆ ด้วยอยากให้กำลังใจปานวาด

“พยายามแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ผล อีกอย่างปานไม่อยากให้สาไม่สบายใจด้วยที่มาอยู่ด้วยที่นี่สาก็มีปัญหากับทางบ้านมากพอแล้ว บางที” ปานวาดเงียบไป

“โทรไปเดี๋ยวนี้เลย มานั่งคิดอยู่คนเดียวอยู่ได้ เอาเครื่องจี๊ดโทรก็ได้” จีรธรยื่นโทรศัพท์ส่งให้ปานวาดที่ไม่ยอรรับโทรศัพท์ไป จีรธรจึงกดโทรออกด้วยตัวเอง

“บางทีมันอาจจะเป็นการจากแบบถาวรก็ได้ค่ะ” ปานวาดพูดจบก็หันไปมองจีรธรที่ยิ้มจางๆ เพราะปลายสายไม่มีการตอบรับใดๆ

“แล้วไม่เสียใจหรือคะ ถ้ามันจะต้องจบแบบนี้” จีรธรถามตรงๆ เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ในตอนนี้คิดหรือว่ารู้สึกอย่างไร

“ปานเสียใจตั้งแต่รู้ว่าสาต้องกลับกรุงเทพแล้วค่ะ แล้วก็เหมือนมีบางอย่างคอยตอกย้ำว่าจะไม่ได้พบกันอีก ปานถึงอยากให้สารู้สึกมีความสุขในช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน” ปานวาดพยายามกลั้นน้ำตาไว้แต่ก็ไม่ได้ผล

“รู้ว่าจะไม่ได้เจอกันอีก แล้วทำไมไม่รั้งไว้ล่ะ เป็นจี๊ดละก็จี๊ดคงรั้งเอาไว้สุดชีวิตแน่ๆ” จีรธรบอกสิ่งที่เธอคิด

“คนเราไม่ได้ใช้ชีวิตกันเพียงแค่สองคน เรายังมีคนรอบข้างอีกมากมายซึ่งสาก็มีครอบครัวที่รักและเป็นห่วงอยากให้สิ่งดีดี ปานเองก็มีชีวิตที่นี่มีสังคมของชาว บ้านที่ต้องดูแล ชีวิตคนเราก็ต้องดำเนินไปตามการตัดสินใจของแต่ละคนไม่ใช่หรือคะ” ปานวาดถามจีรธรซึ่งก็ดูจะเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินปานวาดพูด

“ก็จริง แต่ถ้าหาทางพยายามติดต่อหน่อย ก็ไม่เสียหายอะไรไม่ใช่หรือคะ” จีรธรพูดเสียงอ่อยๆ

“เราสองคนพยายามมาแล้วทั้งวันใช่หรือเปล่าคะ ปานถึงบอกคุณจี๊ดว่าสิ่งที่ทำได้ก็คือ รอ” ปานวาดค่อยๆ ดื่มไวน์ที่จีรธรนำมาให้

“รอ ต้องนานเท่าไหร่กันล่ะ” จีรธรรำพึงเบาๆ ปานวาดไม่มีคำตอบสำหรับคำถามที่จีรธรรำพึงออกมา

สองสาวนั่งกันอยู่เงียบๆ บทสนทนาจบลงที่คำว่า รอ คนที่ดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่พูดกลับมีน้ำตาไหลรินอยู่เป็นระยะ อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ แต่สองสาวดูจะคิดเหมือนกันว่ายังคงอยากจะหนังทดสอบความอดทนของตัวเองโดยมีไวน์ช่วยให้ความอบอุ่นสำหรับการต่อสู้กับลมหนาว ไวน์ในแก้วของทั้งสองสาวหมดลงในเวลารวดเร็ว จีรธรจึงหยิบแก้วมาจากมือของปานวาดเพื่อนำไปเติมให้

“พอแล้วค่ะ” ปานวาดบอกกับจีรธร

“อีกแก้วหลับสบายจะได้ไม่ต้องมานั่งน้ำตาไหลอยู่แบบนี้ นึกว่าไม่เห็นหรือ อย่างไรคะ อีกแก้วเดียวถ้าโดนน้าบัวกับน้าบุษดุละก็ จี๊ดรับผิดชอบเองค่ะ” จีรธรไม่ฟังการทัดทานวิ่งเข้าบ้านไป จนเกือบจะชนเข้ากับปทุมมาศ แต่ดีที่หยุดไว้ได้ทัน

“จะรีบไปไหนคะ วิ่งจนเกือบจะชนน้าเข้าแล้ว” ปทุมมาศถาม มองแก้วไวน์ในมือของจีรธร

“ขอโทษค่ะ จะมาเติมไวน์อีกแก้วค่ะ ขออนุญาตนะคะ น้าบัวคงไม่ไปบอกน้าบุษใช่หรือเปล่าคะ ดื่มปลอบใจคุณปลัดของคุณน้าทั้ง
สอง อีกแก้วเดียวค่ะ นะคะ นะ นะ” จีรธรทำน้ำเสียงอ้อนๆ ปทุมมาศช่วยเปิดตู้เย็นให้หลานสาวที่ยิ้มแป้นและหอมแก้มของเธอเสียงดังฟอด
แทนคำขอบคุณ

“อ้อนแบบนี้น้าก็ใจอ่อนสิคะ” ปทุมมาศยิ้มๆ กับหลานสาวที่ยิ้มหน้าเป็นอยู่ตรงหน้า

“น้าบัวน่ารักที่สุดในโลกเลยค่ะ น้าบุษนี่ช่างโชคดีจริงๆ ทำอย่างไรถึงจะหาแฟนได้อย่างน้าบัวสักคนนะ” จีรธรพูดออกมาโดยไม่ได้คิด
ถึงความแตกต่างของคู่รักหญิงชายและคู่รักซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยกัน

“พูดแปลกๆ นะคะ” ปทุมมาศพูดกับจีรธร

“แปลกตรงไหนคะ น้าบัว” จีรธรถามขณะที่รินไวน์ใส่แก้ว

“ก็ตรงที่จะหาแฟนอย่างน้าน่ะสิคะ” ปทุมมาศเริ่มต้นถามสาวน้อยที่กำลังทำท่าขะมักขะเม้นกับการเตรียมเครื่องดื่ม

“ก็ตามที่พูดค่ะ น้าบัวหาให้หน่อยนะคะ เอาแบบโคลนนิ่งน้าบัวมาเลยค่ะ ถ้าได้แบบนั้น จี๊ดจะดีใจมากเลยค่ะ” จีรธรยิ้มแป้นหอมไปที่แก้มอีกข้างของปทุมมาศน้าสาวของเธอ

“ทำพูดไปนะคะ ระวังอาจจะเจอแล้ว แต่เราไม่รู้ตัวก็ได้นะคะ” ปทุมมาศพูดจบจีรธรที่กำลังจะเดินออกไปที่ระเบียงรีบหันขวับมาทันที
ทำหน้ายุ่งๆ เหมือนมีคำถาม ซึ่งนั่นทำให้น้าสาวของเธอหัวเราะออกมากับหน้าตาแปลกๆ นั้น

“มีนัยนะคะ พูดแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนหอมอีกสองฟอดนะคะ น้าบัว” จีรธรยังคงยิ้มทะเล้นๆ และเดินกลับเข้ามาสวมกอดปทุมมาศที่กระชับอ้อมกอดเล็กน้อยพอให้คนที่ถูกกอดรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่มี

“ให้แก้วสุดท้ายแล้วนะคะ หมดก็เข้านอนกันได้แล้ว ไปนั่งตากลมเย็นนานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายด้วยกันทั้งคู่” ปทุมมาศบอกจีรธรด้วยความเป็นห่วง

“เจ้าค่ะ คุณน้าผู้เป็นที่รักยิ่ง” จีรธรทำท่าถอนสายบัวทำเอาน้าสาวของเธออดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“น้ากลัวว่าความน่ารักของคุณจี๊ด จะไปผูกพันความรู้สึกของใครเข้าสักวันจริงๆ เลยค่ะ” ปทุมมาศพูดอยู่คนเดียว เพราะตอนนี้จีรธรวิ่งออกไปที่ระเบียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปานวาดได้ยินเสียงวิ่งของจีรธร ซึ่งกำลังออกมาจึงรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลรินในทันทีไม่อยากทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกไม่สบายใจไปกับเธอด้วย จีรธรเห็นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่งแก้วให้และกลับเข้าไปภายใต้ผ้าคลุมสำหรับห่มกันหนาวเหมือนเดิม

“น้าบัวบอกว่าให้แก้วสุดท้ายแล้วนะคะ ดื่มหมดก็ต้องไปเข้านอนแล้วห้ามมานั่งตากลมเย็นเจี๊ยบกันนานนัก เดี๋ยวจะไม่สบาย” จีรธรพูดเร็วและรัวจนตัวเองก็อดขำไม่ได้เหมือนท่องจำคำของน้าสาวของเธอมาพูดอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่ต้องพูดเร็วขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหายใจไม่ทันกันพอดี” ปานวาดพูดยิ้มๆ หลังจากรับแก้วไวน์มาถือไว้

“กลัวลืมล่ะสิ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอกก็โดนน้าบัวดุกันพอดี” จีรธรอมยิ้มเพราะเธอแอบเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ของปานวาด

“ถามจริงๆ ค่ะ ชีวิตคุณจี๊ด ต้องเรียกจี๊ดเฉยๆ แล้วสินะ จี๊ดเคยมีความทุกข์บ้างหรือเปล่าคะ ตั้งแต่รู้จักกันมาเห็นอารมณ์ดีตลอดเลย” ปานวาดหันมามองสบตากับจีรธร

“คนมีความสุขก็แบบนี้ แต่อันที่จริง จี๊ดอยากให้คนที่เรารักและอยู่รอบๆ ตัวเรามีความสุข ซึ่งนั่นก็เป็นความสุขของจี๊ดด้วย ร่าเริงเข้าไว้
คนรอบตัวก็สุขตัวเราก็สุขไปด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว” จีรธรพูดขำๆ แต่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เริ่มยิ้มกว้างขึ้น ลมเย็นๆ เริ่มพัดเข้าหาทั้งสองสาวจนต้องขยับเบียดตัวเข้าหากันมากขึ้นเพื่อจะได้รับไออุ่นที่ออกจากตัวของแต่ละคน

“มองโลกในแง่ดี ชีวิตก็เลยมีความสุข” ปานวาดพูด

“แล้วปานมองโลกในแง่ร้ายหรืออย่างไรกัน” จีรธรถาม

“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะคะ”

“ถ้าปานมองโลกในแง่ร้าย แล้วจะหาคนดีได้ที่ไหนกัน” จีรธรพูดยิ้มๆ

“หูฝาดไปหรือเปล่าคะ เหมือนจะได้ยินคำชมนะ” ปานวาดอมยิ้มหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ไม่ได้ชมสักหน่อยเลย ตรงไหนกันที่บอกว่าชม”

“นั่นสิ ถ้าได้รับคำชมจากจี๊ดก็คงแปลก” ปานวาดอมยิ้ม มือเย็นๆ ของเธอไปถูกเข้ากับมือเย็นเฉียบของจีรธร ปานวาดจึงวางแก้วลงข้างๆ ตัวแล้วจับมือจีรธรมากุมไว้ใช้สองมือกึ่งนวดและกึ่งถูช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ พร้อมกับมองอีกมือที่ถือแก้วของจีรธร สายตาอันอบอุ่นของปานวาดเหมือนกำลังสั่งการให้จีรธรยื่นมืออีกข้างมาให้ และเจ้าตัวที่ดูจะดื้อรันในบางที แต่ครั้งนี้ยอมอย่างง่ายดาย ปานวาดจับมืออีกข้างของจีรธรและทำเช่นเดียวกัน ความอบอุ่นดูเหมือนจะไม่ได้ปกคลุมอยู่ที่มือเพียงเท่านั้น จีรธรรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวอย่างไรชอบกลหรืออาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของไวน์ซึ่งแก้วที่สองกำลังจะหมดลง

“ขอบคุณนะคะ” จีรธรหันหน้าไปมองปานวาดที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับบอกขอบคุณสำหรับความอบอุ่นที่มีให้ แต่สิ่งที่เห็น คือน้ำตาที่อาบแก้มทั้งสองข้างของปานวาด น้ำตาไหลรินเหมือนจะไม่ยอมหยุดจีรธรไม่รู้ว่าสาเหตุมันคืออะไร แต่ก็น่าจะเกี่ยวกับคนที่ปานวาดบอกว่าการรอคือคำตอบของเธอ มือที่ได้รับความอบอุ่นไปเมื่อสักครู่กำลังช่วยเช็ดน้ำตาให้กับปานวาด และแนบไว้กับแก้มทั้งสองข้างของคนที่น้ำ ตากำลังค่อยๆ หยุดไหล จูบอันแผ่วเบาของจีรธร เริ่มเข้าทักทายปานวาดที่นิ่งไปได้สักครู่ก่อนที่ขยับริมฝีปากอันเย็นเฉียบตอบรับความรู้สึกดีดีนั้นจากจีรธร

“ขอโทษค่ะ” ปานวาดบอกขอโทษในทันทีที่จีรธรขยับถอยห่างออกไป

“จี๊ดว่าเราเข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ ดึกแล้วเดี๋ยวจะไม่สบาย” จีรธรลุกขึ้นยืนละล้าละลังไม่รู้จะทำอย่างไร

“จี๊ดหยุดก่อน” ปานวาดเห็นอาการที่จีรธรแสดงออกจึงเข้าสวมกอดเอาไว้ คนที่เดินไปมาเหมือนทำอะไรไม่ถูกก็หยุดยืนนิ่งๆ และเริ่มโอบกอดปานวาด

“จี๊ดขอโทษ ไม่รู้ทำบ้าอะไรลงไป” จีรธรกระซิบบอก

“ไม่เป็นไรค่ะ ไปเข้านอนนะคะ เดี๋ยวปานไปส่งนะ” ปานวาดคลายอ้อมกอดสบตากับจีรธรที่ไม่กล้ามองสบตากับเธอ

“จี๊ดขอโทษ” พูดจบจีรธรก็รีบเดินหนีไปทันที โดยไม่หันมามองคนที่กำลังมองตามเธออยู่

“ทำบ้าอะไรลงไปนะปานวาด ทำไมไม่หยุดไว้” ปานวาดบ่นกับตัวเองก่อนที่จะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมมองผ่านความมืดมิดไปยังทิวเขาด้านหน้านั้นอีกครั้ง




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.