ตอนที่ 23
นิมารีบมาเปิดร้านแต่เช้าหลังจากที่ปิดไปช่วยเรื่องงานแต่งงานของพี่สาวของเธอ จนเกือบลืมเรื่องของเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาเมื่อคืน นิมามองเบอร์โทรศัพท์ที่เธอจดใส่กระดาษไว้ รู้สึกลังเลว่าควรจะโทรไปดีหรือไม่ ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของทองทิพย์ซึ่งก็ไม่ได้อยากให้เธอช่วยเหลือหรือรู้เรื่องอะไรนัก ไม่อย่างนั้นคงจะบอกหรือเล่าอะไรให้ได้รับรู้บ้างแน่ๆ
“อรุณสวัสดิ์ ขออาหารเช้า ชาและขนมอย่างด่วนเลย เพื่อนหิวมาก”
“คุณพุด” นิมาพูดและแสดงอาการดีใจจนพุทธชาดแปลกใจว่าทำไมได้เจอเธอถึงต้องดีใจขนาดนี้
“ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วยล่ะ” พุทธชาดถามยิ้มๆ นิมาจึงหันไปสั่งขนมกับชาให้พุทธชาดก่อนที่จะตามมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนรักของเธอ
“กำลังอยากได้ที่ปรึกษาอยู่พอดี ได้เบอร์ลึกลับนั้นมาแล้ว” นิมาบอก
“เบอร์ลึกลับ อ๋อนึกออกแล้วเบอร์ที่ทำให้สาวร้ายของนิ่มเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนั่นใช่หรือเปล่า” พุทธชาดถามและเฝ้าสังเกตอาการของเพื่อนของเธอ
“ใช่ แต่นิ่มยังไม่ได้โทรไปเลยนะ มัวแต่ยุ่งเรื่องเปิดร้านก็เลยลืมไปเลย”
“มาโทรให้” พุทธชาดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่นิมาถืออยู่ทำท่าจะกดโทรออก แต่พอดีกับที่โทรศัพท์ของนิมาโชว์รูปคนโทรเข้าขึ้นมาพอดี พุทธชาดแอบเห็นก็ยิ้มๆ กับรูปคู่ระหว่างนิมากับทองทิพย์ ซึ่งเจ้าของโทรศัพท์ยิ้มอายๆ กับรอยยิ้มทะเล้นๆ ของพุทธชาด
“โทรมาทำไมแต่เช้า” นิมาแกล้งพูด ยิ้มอายๆ แต่ไม่ยอมมองสบตากับเพื่อนรักของเธอ
“คิดถึงละสิท่า ก็เล่นหนีมาเปิดร้านตั้งแต่เช้าบอกสาวเจ้าไว้หรือเปล่าล่ะ” พุทธชาดแกล้งพูดแหย่นิมา พอดีกับที่พนักงานของร้านยกขนมและชากลิ่นหอมๆ มาวางให้เธอเลยเบนความสนใจจากนิมาไปที่ชาและขนมด้วยความหิว
“สวัสดีค่ะ” นิมาทักทายปลายสาย
“อยู่ไหนคะ ทำไมไม่ปลุกทิพย์ด้วยล่ะ” ทองทิพย์พูดน้ำเสียงอ้อนๆ
“ก็เห็นหลับสบายอยู่ นิ่มรีบมาเปิดร้านค่ะ ก็เลยไม่ได้ปลุก” นิมาพูดเบาๆ เพราะกลัวพุทธชาดจะรู้ว่าเธออยู่กับทองทิพย์เมื่อคืน
“ใจร้าย ปล่อยให้นอนกอดหมอนอยู่ได้ตั้งนาน ถ้าอย่างนั้นขอตามไปทานอาหารเช้าด้วยได้หรือเปล่าคะ” ทองทิพย์ยิ้มเมื่อนึกถึงขนมอร่อยๆ และชากลิ่นหอมๆ ที่ร้านของนิมา
“เชิญค่ะ คุณพุดก็อยู่ที่นี่ด้วย ไวไวนะคะ เพื่อนนิ่มกินจุเสียด้วยเดี๋ยวขนมจะหมดร้านเสียก่อน” นิมาหัวเราะเล็กๆ ทำให้คนที่ได้ยินอยู่ปลายสายยิ้มกว้างขึ้นกับเสียงหัวเราะอันสดใสที่ได้ยิน
“ได้ค่ะ แวะทานอาหารเช้าก่อนค่อยเข้าไปที่สถานออกกำลังกาย ท่าทางคงต้องทำงานเสียที ไม่อย่างนั้นพี่ทัดบ่นตายแน่ๆ” ทองทิพย์พูดบ่นถึงพี่ชายของเธอ
“ค่ะ เดี๋ยวพบกันค่ะ” นิมายิ้มหวานมองโทรศัพท์ในมือ เพราะมัวคุยเพลินจนลืมไปว่ามีเพื่อนนั่งอยู่ใกล้ๆ
“นอนบ้านไหนเมื่อคืน” พุทธชาดถามเสียงเข้ม
“ไม่ได้มีอะไรสักหน่อยนะ คุณพุด” นิมารีบพูดขึ้น
“แม่นิ่มนวล ไม่ได้ถามว่ามีอะไรกันหรือเปล่าเมื่อคืน เพราะมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพุดสักหน่อย แค่อยากถามว่านอนบ้านไหนที่ร้านหรือที่บ้านพี่ทัด” พุทธชาดยิ้มทะเล้นกับอาการแปลกๆ ของเพื่อนรักของเธอ
“แต่น้ำเสียงคุณพุด เหมือนนิ่มถูกดุอยู่เลยนะ นอนที่ห้องทิพย์เพิ่งมาที่ร้านเมื่อเช้านี้” นิมาพูดเสียงอ่อยๆ เหมือนคนที่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดแล้วยอมรับสารภาพ
“เหรอ แล้ว อันที่จริงตอนแรกก็ไม่ได้อยากรู้สักเท่าไหร่นะ แต่ในเมื่อเริ่มเรื่องแล้วไม่เล่าต่อสักหน่อยหรือ ว่าสาวร้ายของเราน่ารักมากแค่ไหน” พุทธชาดอมยิ้มแกล้งจ้องมองดวงตาคู่สวยของเพื่อนของเธอเขม็งคล้ายเป็นการจับผิด
“ก็น่ารักดี แต่เดี๋ยวไม่ได้มีอะไรอย่างที่คิด ทิพย์รับโทรศัพท์แล้วก็นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้าน นิ่มก็แค่ไปปลอบ แล้วเขาก็งอแงอยากให้อยู่เป็นเพื่อน ก็แค่นั้น” นิมารีบ อธิบาย
“ยังเล่าไม่ครบ” พุทธชาดอมยิ้มเพราะสังเกตจากอาการของนิมาที่รีบเล่าเหมือนเป็นการแก้ตัวมากจนเกินไป
“รู้ได้อย่างไรคะ ว่าเล่าไม่ครบ” นิมาถาม
“อย่ามาอิดออด ถ้าไม่มีบทรักก็น่าจะมีอะไรน่ารักๆ ซึ่งคงเล่าให้เพื่อนฟังได้ใช่ไหมแม่นิ่มนวล เล่ามาเสียดีดี พุดรู้นะว่านิ่มเล่าข้ามไป” พุทธชาดพูดให้นิมารู้สึกว่าเธอรู้ทัน
“ไม่น่ามีเพื่อนฉลาดๆ เลยจริงๆ ที่ข้ามไปก็กอดเขาบ้างเขากอดบ้างจนหลับไปด้วยกันทั้งคู่ แต่ที่รู้สึกได้สาวร้ายของเราหัวใจเต้นแรงมาก ไม่รู้คิดอะไรอยู่”
“อยากปล้ำเพื่อนพุดล่ะสิ” พุทธชาดหัวเราะเสียงดังจนพนักงานของร้านหันมามองแล้วยิ้มๆ ให้กับเธอ
“บ้าหรือพุด”
พุทธชาดหันมาสนใจเบอร์โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง และตัดสินใจที่จะโทรไปลองสอบถามปลายสายว่าอยู่ที่ไหนหรือเป็นใคร พุทธชาดทำท่าคิดและมองไปที่แผ่นกระดาษเล็กๆ นั้น นิมาสังเกตเห็นและรู้ว่าเพื่อนเธอกำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ
“ถ้าจะโทรไปเราก็ต้องไม่ให้คุณทิพย์รู้ว่าเป็นพวกเราคนใดคนหนึ่งโทรไป” พุทธชาดบอกกับนิมา
“หมายความว่าอย่างไรคะ” นิมาถาม
“เราต้องไม่ทิ้งร่องรอย เพราะถ้าเอาเบอร์ใครสักคนในกลุ่มพวกเราโทรไปปลายสายก็จะสามารถเก็บเบอร์ไว้ ซึ่งคุณทิพย์ก็ต้องรู้เข้าสักวันว่าเป็นพวกเรา”
“ช่างคิดจริงๆ เลย คุณพุด” นิมาหัวเราะเล็กๆ ยิ้มๆ กับการเป็นเจ้าความ คิดของเพื่อนรักของเธอ
“เอาไว้จะไปหาโทรศัพท์สาธารณะโทรไปดีกว่า” พุทธชาดสรุปให้นิมาฟัง
“ขอบคุณนะ คุณพุดที่ช่วย” นิมาบอกขอบคุณเพื่อนรักของเธอ
“เรื่องแค่นี้เอง อยากได้สาวร้ายก็ต้องงัดความร้ายกาจออกมาใช้บ้าง นิ่มก็เหมือนกันอย่าไปแสนดีกับสาวร้ายมากนักนะ ร้ายๆ ใส่บ้างถ้าเขาร้ายมา” พุทธชาดพูดด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าเพื่อนเธอคงจะไม่ถอยกลับแน่
“รอเจอก่อนไหมล่ะ เดี๋ยวก็มา” นิมาบอกกับพุทธชาด
“ไม่ดีกว่า ท่าทางสาวร้ายของนิ่ม ดูจะไม่ค่อยชอบพุดสักเท่าไหร่นะ มองทีเหมือนอยากจะเอามีดมาปาดคออย่างไรอย่างนั้นเลย”
พุทธชาดพูดขำๆ
“ก็เกินไปอะไรจะขนาดนั้น” นิมาพูดเหมือนออกรับแทน
“ไม่ทันไร เห็นสาวร้ายดีกว่าเพื่อนเสียแล้ว งอนไปดีกว่า” พุทธชาดลุกขึ้นยิ้มให้นิมาก่อนที่จะเข้าไปสวมกอดลา
“กอดแน่นๆ หน่อย” นิมาแกล้งกอดพุทธชาดเสียแนบแน่น
“เมื่อคืนกอดแน่นแบบนี้หรือเปล่า” พุทธชาดกระซิบถามแล้วหัวเราะคิกคักก่อนที่จะออกจากร้านขนมไป
พุทธชาดกลับออกไปไม่นานนัก ทองทิพย์ก็เดินเข้ามาหน้าตาดูไม่ค่อยดีนัก นิมามองดูหน้านิ่งๆ ของคนที่เดินเข้ามา โดยไม่มีรอยยิ้มสักนิด เดินมานั่งลงตรงที่พุทธชาดนั่งอยู่เมื่อสักครู่
“ทานอะไรดีคะ” นิมาถามคนที่ทำหน้านิ่งๆ อยู่ตรงหน้าของเธอ
“กอดแน่นไปนะ” ทองทิพย์พูดเสียงเรียบๆ
“กอดอะไรแน่น” นิมาถาม
“ก็นิ่มกอดคุณพุดแน่นไป ไม่เห็นต้องกอดแน่นขนาดนั้นเลยนะ ทีเวลากอดทิพย์ไม่เคยเห็นจะแน่นเท่ากอดคุณพุด” ทองทิพย์พูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ
“มาแอบดูอยู่หรือคะ” นิมาพูดยิ้มๆ
“ไม่ได้แอบ จอดรถอยู่เห็นเข้าพอดี” ทองทิพย์อธิบาย
“ก็นิ่มรักคุณพุด กอดแน่นๆ ก็ไม่เห็นแปลก” นิมาพูดแหย่คนที่ทำคิ้วขมวดหน้ายุ่งๆ อยู่
“ก็จริงคนรักกันก็ต้องกอดกันแน่นๆ ทิพย์ไม่เคยถูกใครรักมากขนาดนั้น ได้แค่หลวมๆ ก็ถือว่าโชคดีแล้ว” ทองทิพย์พูดเสียงอ่อยๆ
“มาค่ะ พูดเสียน่าสงสาร มาจะกอดให้แน่นกว่าที่กอดคุณพุดอีก” นิมายิ้มให้ทองทิพย์ที่ยังคงทำหน้านิ่งๆ ไม่ยอมลุกขึ้นยืน
“ต้องให้อ้อนวอน” ทองทิพย์พูดขึ้นลอยๆ แต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนหลังจากที่นิมายื่นมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น
“งอแงมากนะคะ นอนไม่เต็มอิ่มหรือเปล่า” นิมานึกขำท่าทางงอแงเป็นเด็กๆ ของสาวร้าย
“ก็หวง” ทองทิพย์กระซิบบอกหลังจากเข้าสวมกอดกระชับนิมาไว้
“ดูเป็นคนมีค่าขึ้นมาเลยนะคะ มีคนมาบอกว่าหวงแบบนี้”
“ไม่เห็นแน่นเท่าคุณพุดเลย” ทองทิพย์ยังอ้อนต่อ
“แน่นมากแล้วนะคะ”
“ไม่อยากได้แค่กอด” ทองทิพย์ยังคงพูดเหมือนงอแง
“คิดอะไรทะลึ่งอยู่หรือเปล่าคะ” นิมากระซิบถามคนที่อยู่ในอ้อมกอด
“รักกันบ้างหรือเปล่า” ทองทิพย์พูดลอยๆ กระชับอ้อมกอดอีกเล็กน้อย
“คำถามเดียวกัน ตอบได้หรือเปล่าล่ะ” นิมากระซิบเบาๆ แต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากความเงียบ จนกระทั่งคำบางคำที่หลุดออกมาจากปากของทองทิพย์ที่คงจะนิ่งคิดอยู่นานกว่าจะคิดคำพูดนี้ออกมาได้
“อยากรัก” ทองทิพย์ถอนใจค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกจากนิมา
“แล้วหัวใจของใครมากั้นกลางระหว่างหัวใจของเราสองคนไว้ล่ะคะ” นิมาถามและตั้งความหวังว่าจะได้ยินคำตอบไม่ว่าจะตอบเช่นไรก็ตาม
“ไม่มีหัวใจใครทั้งนั้น” ทองทิพย์บอกกับนิมา
“แต่ก็ไม่ได้รัก” นิมาพูดน้ำเสียงราบเรียบเสียจนคนฟังรู้สึกหัวใจเหมือนโดนเข็มแหลมๆ ทิ่มแทง
“นิ่ม” ทองทิพย์ไม่รู้จะพูดอย่างไร
“ก็ยังดีที่บอกกันก่อน จะได้ไม่ถลำลึกไปกว่านี้ จะได้ไม่ต้องอกหักอีกครั้ง”
“โกรธทิพย์หรือคะ” ทองทิพย์ถามตรงๆ
“เปล่าค่ะ เราไม่ใช่คนรักกัน ทิพย์ไม่รักนิ่มมันก็ไม่ได้แปลกอะไร” นิมาพูดดูจริงจังจนทำเอาคนได้ยินใจเสียขึ้นอีกเป็นก็กอง ผู้หญิงที่ดูอ่อนหวานอย่างนิมาแต่เมื่อถึงเวลาเด็ดเดี่ยวก็ดูน่ากลัวเอาการอยู่
“ก็อยากจะรัก ถ้านิ่มไม่ได้เป็น” ทองทิพย์เกือบจะพูดสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาแต่ก็ยับยั้งไว้ได้ก่อน
“นิ่มเป็นอะไรคะ” นิมาถามพร้อมจ้องมองทองทิพย์เพื่อรอคำตอบ
“สวัสดีค่ะ แม่” โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาช่วยให้ทองทิพย์ไม่ต้องตอบคำถามที่ตัวเองไม่ค่อยอยากจะตอบนัก
“สวัสดี หนูทิพย์”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ โอบเป็นอย่างไรบ้างคะ” ทองทิพย์รีบถามในทันที
“ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ตั้งแต่เมื่อวันนั้นก็ยังไม่ฟื้นเลย นอนนิ่งๆ จนแม่ใจคอไม่ค่อยดี” ผู้หญิงปลายสายบอกกับทองทิพย์
“โอบเปราะบางเกินไป พอมีอะไรมากระทบหรือทำให้เสียใจ” ทองทิพย์รำพึงเบาๆ กับตัวเอง
“แม่โทรมาถาม เพราะมีเบอร์คนอื่นโทรเข้า ถามโน้นถามนี่แต่แม่ไม่ได้บอกอะไรไปนะ ก็เลยคิดว่าโทรมาบอกทิพย์ไว้ก่อนดีกว่า”
“ขอบคุณค่ะ อาจจะแค่โทรผิดก็ได้ค่ะ ถ้าโอบตื่นขึ้นมา แม่โทรบอกทิพย์ด้วยนะคะ สำหรับเรื่องค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ
คะ ทิพย์จะเป็นคนจัด การทั้งหมดให้เองค่ะ” ทองทิพย์บอกกับปลายสายที่จบการสนทนาไปในทันที
ทองทิพย์ยังคงนั่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สาเหตุที่ทำให้เธอต้องบินกลับมาทั้งๆ ที่ตัวเองก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำงานอยู่ต่างประเทศสักพัก มีเรื่องราวอีกมากมายเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครได้รับรู้หรือคอยให้คำปรึกษา ทุกอย่างเธอตัดสินใจด้วยตัวเองและการกลับมาของทองทิพย์ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกชุ่มชื่นมีความสุข ก็เพราะเจ้าของร้านขนมแห่งนี้ที่มีไมตรีให้เธอตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในร้าน รอยยิ้มในวันแรกที่ได้เห็น
ทำให้ทองทิพย์ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อได้นึกถึง
“นิ่ม” ทองทิพย์พูดชื่อนิมาพร้อมด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวลในทันที