ตอนที่ 7 รถยนต์สีดำเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านอยู่นานแต่คนในรถกลับไม่มีท่าทีจะเดินลงเลยสักนิด
“ถึงแล้วค่ะ”
อวิกาเอ่ยออกมาเมื่อคนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆเอาแต่นั่งเหม่อไม่ยอมลง
“พี่ผึ้งคะ พี่ผึ้ง”
เสียงเรียกจากอีกคนทำให้มาธวีต้องจำใจหลุดออกจากภวังค์ก่อนจะหันกลับมามองหน้าคนพูดแบบงงๆ
“ถึงแล้วค่ะ”
คนฟังมองรอบๆตัวก่อนจะหันไปดูผู้โดยสารคนอื่นๆที่กลายเป็นอากาศไปแล้ว
“ลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“เพชรส่งทุกคนหมดแล้วค่ะเหลือพี่ผึ้งคนสุดท้าย”
“เหรอ”
มาธวีรับคำก่อนจะก้มมองนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ขอบใจที่มาส่ง”
หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างเชื่องช้าไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่อยากลงจากรถคันนี้เลย
“ดึกแล้วเนาะ”
แทนที่เปิดประตูแล้วมาธวีจะก้าวลงไปจากรถแต่เธอกลับพลิกตัวกลับมานั่งยังจุดเดิมพร้อมกับทำการรื้อของในกระเป๋าออกมา
“ค่ะดึกแล้วพี่ผึ้งหาอะไรคะ”
อวิกามองคนข้างๆอย่างสงสัยก่อนจะมองนาฬิกาอย่างอ่อนแรงนี่มันก็ดึกจริงๆสมควรที่เธอจะพักได้แล้วมั้ง
“พี่ดูของในกระเป๋าก่อนว่าครบมั้ยไม่อยากลืมไว้ที่รถน้ำเพชรน่ะ”
มาธวีนึกทึ่งกับประโยคที่หลุดออกมานี่เธอกล้าพูดมาได้ยังไงเพราะตั้งแต่นั่งรถคันนี้เธอก็มั่นใจว่าตัวเองไม่เคยจะแตะต้องกระเป๋าใบนี้เลยสักนิด
“ครบมั้ยคะ”
คนถูกถามนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะจำใจพยักหน้ารับพร้อมกับพาตัวเองลงจากรถแบบไม่เต็มใจนัก
“งั้นเพชรกลับก่อนนะคะฝากกราบสวัสดีคุณลุงด้วย”
คนพูดโบกมือให้เจ้าของบ้านก่อนจะหันกลับมาเตรียมขับรถแต่แล้วคนที่ยืนอยู่ข้างนอกก็เคาะกระจกเรียกให้อวิกาหันกลับมาอีกครั้ง
“ค๊ะ”
อวิกาลดกระจกลงก่อนจะจ้องหน้าอีกคนด้วยความสงสัย
“ขับรถดีๆนะ”
มาธวีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถ้อยคำแบบนี้ออกมาจากนั้นหญิงสาวก็ตั้งท่าจะเดินเข้าบ้านแต่เจ้าตัวก็ยังไม่วางใจจนต้องเคาะกระจกรถเพื่อให้เจ้าของรถหันกลับมาหาเธออีกครั้ง
“ถึงแล้วโทรบอกด้วยนะ”
พูดจบมาธวีก็รีบวิ่งเข้าบ้านทันทีส่วนคนถูกสั่งก็ได้แต่อมยิ้มน้อยๆไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าชีวิตน้อยๆของเธอจะได้รับความห่วงใบจากพี่หมีกับเขาด้วย
มาธวีเข้าห้องพร้อมกับเดินตรงไปที่เตียงก่อนจะก้มลงหยิบกล่องใบหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไปขึ้นมาจากนั้นหญิงสาวก็เปิดกล่องพร้อมกับหยิบของจากในกระเป๋าเอาไปใส่ไว้ รอยยิ้มหวานค่อยๆปรากฎขึ้นโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัวก่อนจะปิดกล่องลูกกวาดลงอย่างเบามือ
“ง้อยังกับเด็กยัยแคระบ้า”
หญิงสาวเอ่ยพาดพิงถึงเจ้าของลูกกวาดรูปหมีใส่แว่นทั้งหมดนี้ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะยังเก็บเอาไว้และไม่อยากจะเชื่อว่าอีกคนจะกล้าใช้ลูกไม้แบบนี้กับเธอ
ในบ้านเอกอมรกุล อาศิราถึงกับเดินกระสับกระส่ายไปมาเพราะไม่คิดว่าจะถูกบิดาบังเกิดเกล้ากลั่นแกล้งแบบนี้ครั้นพอจะอ้าปากพูดอะไรก็เป็นต้องถูกด่ากลับมาตลอด ชายหนุ่มเปิดประตูห้องนอนก็พบเข้ากับใครบางคนที่กำลังจัดแจงปูที่นอนอยู่ข้างเตียง
“ทำอะไรของเธอ”
“หั่นผักมั้งคะคุณก็เห็นอยู่”
แพรวรุ่งอดที่จะกวนกลับไม่ได้เธอชักเริ่มเบื่อกับผู้ชายจอมหาเรื่อง ปากเสียแถมยังเจ้าอารมณ์คนนี้เสียแล้วนี่ถ้าไม่เพราะคุณกำธรขอไว้เธอไม่มีทางจะมาเหยียบในห้องนี้เป็นแน่
“เธอนี่ชักจะปากจัดขึ้นทุกวัน”
ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งของเตียง
“มาอยู่แค่ไม่กี่วันทำมาเป็นปากกล้าขาแข็ง”
ชายหนุ่มเอ่ยว่าให้อีกคนในห้องแบบลอยๆแต่เพียงไม่นานอะไรบางอย่างก็ลอยมากระทบที่หัวคนพูดจนต้องร้องลั่น
“เธอกล้าปาฉะ…”
อาศิรายกมือขึ้นลูบหัวพร้อมกับหันมาตวาดใส่คนที่ปาของใส่ตัวเองแต่เขาก็เอ่ยได้ไม่ทันจบเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู
“อย่างให้ฉันเห็นว่าแกแกล้งอะไรหนูรุ้งอีกนะ”
น้ำเสียงเย็นๆของกำธรทำให้คนถูกสั่งการถึงกับยืนนิ่งเป็นก้อนหินและเมื่อประตูถูกปิดลงชายหนุ่มก็รีบเดินไปล็อคห้องทันทีเพราะเกรงว่าบิดาอาจจะกลับมาอีก
“ได้ยินมั้ยเธอทำให้ฉันถูกดุ”
“ฉันเนี้ยนะ”
“ใช่เพราะฉะนั้นเลิกทำตัวงี่เง่าแล้วก็ขึ้นมานอนบนเตียงเดี๋ยวนี้”
อาศิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่คนฟังนี่สิกลับนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแต่อยากใดนั่นทำให้คนออกคำสั่งถอดหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะเดินเข้าไปอุ้มคนไม่เชื่อฟังขึ้นมา
“นี่คุณจะทำอะไร”
แพรวรุ่งโวยวายทันทีเมื่อชายหนุ่มถือวิสาสะอุ้มเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”
“ไม่ทำก็ปล่อยสิ!”
“จะปล่อยก็ได้แต่เธอเลิกโวยวายแล้วก็อยู่นิ่งๆได้มั้ย”
“ไม่! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
คนถูกอุ้มยิ่งโวยวายเสียงดังขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองขาดอิสรภาพ
“เงียบ!”
“ไม่! ปล่อยฉัน ปล่อยเดี่ยวนี้”
“ไม่เงียบใช่มั้ย”
ชายหนุ่มวางตัวคนดื้อลงกับเตียงก่อนจะใช้ร่างกายของตัวเองทาบทับลงไปเพื่อไม่ให้อีกคนดิ้นได้
แพรวรุ่งหายใจถี่และแรงขึ้น ตอนนี้เธอกำลังกลัว กลัวว่าเรื่องแบบเดิมจะเกิดขึ้นอีกกลัวจน…
“แพรวรุ่ง แพรวรุ่ง”
อาศิราร้องเรียกอีกคนอย่างร้อนใจนี่เขาแค่กะจะแกล้งเล่นเฉยๆไม่นึกว่าแพรวรุ่งจะบอบบางมากขนาดนี้ ชายหนุ่มรีบลุกไปหยิบยาดม ยาลม ยาหมองมาก่อนจะจัดการทำหน้าที่คนดูแลจำเป็นอย่างทุลักทุเล
แพรวรุ่งลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะยกมือขึ้นสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง หญิงสาวรู้สึกโล่งอกที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่นอนฟุบอยู่ข้างๆเตียง
“คุณศิรา”
เจ้าของชื่อขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนบนเตียงแบบเต็มตา
“แพรวรุ่ง”
อาศิรายิ้มกว้างอย่างลืมตัวเมื่อเห็นว่าคนที่เขาแกล้งเมื่อคืนฟื้นแล้ว
“เธอฟื้นแล้วฉันดีใจที่สุดเลย”
ไม่พูดเปล่าแต่ชายหนุ่มกลับดึงมือหญิงสาวตรงหน้าเข้ามากุมไว้
“ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่”
“เอ่อ ฉันไม่เป็นไร”
แพรวรุ่งเอ่ยออกมาแบบงงๆเธอไม่เคยได้ยินประโยคแบบนี้จากอาศิราเลยสักครั้งส่วนเรื่องรอยยิ้มยิ่งไม่ต้องพูดถึงบทจะได้เห็นก็มาเป็นชุดทำเอาเธอตั้งตัวแทบไม่ทัน
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยทำให้คนดีใจได้สติขึ้นมาชายหนุ่มจึงค่อยๆปล่อยมือออก
“ขอโทษฉันคงทำให้เธอตกใจเอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะพาเธอไปฝากท้องเตรียมตัวด้วยนะ”
อาศิราตัวจริงกลับมาแล้วพร้อมกับใบหน้านิ่งๆที่เจ้าตัวพยายามปั้นขึ้นมา จากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เขารู้ว่าแพรวรุ่งบอบบางมากแค่ไหนและระหว่างเขากับหล่อนก็มีเพียงคำว่าลูกเท่านั้นที่เป็นสายใย หากทำอะไรให้หญิงสาวโกรธอีกอาจจะกระทบกับเด็กในท้องก็เป็นได้ ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปพร้อมกับทิ้งคำถามมากมายให้กับคนที่นอนอยู่แต่แพรวรุ่งก็ไม่อยากเก็บเอามาเป็นกังวลขอแค่คนที่ออกไปไม่ขับไหล่เธอกับลูกก็พอ
อาศิราหันไปมองคนที่เดินตามอย่างไม่ค่อยพอใจนักไม่เข้าใจทำไมบิดาต้องให้คนสวนอย่างพงศกรมาด้วย ชายหนุ่มสะบัดไล่อารมณ์หงุดหงิดของตัวเองออกไปจากหัวก่อนที่สายตาจะประสานเข้ากับใครคนหนึ่งที่กำลังเดินตรงมาหาตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณศิรา”
หมอมิลค์เอ่ยทักทันทีที่เดินมาถึง เธอรู้สึกดีใจมากที่ได้เจออาศิราชายหนุ่มที่ตัวเองแอบปิ้งแม้จะเป็นรักข้างเดียวก็ตามที
“สวัสดีครับหมอมิลค์”
“มาทำอะไรคะ”
คุณหมอคนสวยเอ่ยถามอย่างสงสัยก่อนจะมองไปยังชายหญิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“เอ่อ พา พา พา…”
คนฟังอดหัวเราะกับท่าทางของคนพูดไม่ได้ก่อนจะเดินไปดูหญิงสาวที่ท่าทางจะเป็นคนไข้
“หน้าตาซีดเชียวหมอว่าเข้าไปนอนพักก่อนมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับผมนัดอาหมอไว้แล้วขอตัวก่อน”
อาศิราเอ่ยขึ้นแทรกก่อนจะเดินไปดึงแขนแพรวรุ่งให้มาอยู่ข้างตัวเอง
“ไปก่อนนะครับไว้เจอกัน”
หมอมิลค์มองตามคนที่รีบร้อนเดินออกไปด้วยความสงสัยแต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะมันคงจะไม่งามหากเธอจะเข้าไปวุ่นวายกับอาศิรามากกว่านี้
บรรยากาศภายในลิฟท์มีแต่ความเงียบไม่มีใครพูดอะไรจนพงศกรอดไม่ได้ต้องเอ่ยระบายความอัดอั้นออกมา
“ทำไมคุณไม่บอกหมอผู้หญิงคนนั้นว่ารุ้งเป็นใคร”
“ไม่เกี่ยวกับนาย”
“คุณน่าจะให้เกียรติ์รุ้งบ้างยังไงก็คนเหมือนกัน”
“ไม่เหมือน เพราะแกเป็นแค่คนสวนอย่างมาพูดมาก”
“นี่คุณ!”
“พอเถอะทั้งสองคนถึงไม่อายคนอื่นก็อายตัวเองบ้าง”
แพรวรุ่งตะคอกใส่คนทั้งคู่ก่อนจะเดินออกจากลิฟท์ไปทันทีเมื่อประตูเปิด
อาศิรารีบเดินเข้าไปขนาบข้างคนอารมณ์เสียพร้อมกับดึงตัวเข้าห้องตรวจทันทีเมื่อมาถึง
“คนนอกห้ามเข้า”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเสียงดังเพื่อบอกให้คนที่คิดจะตามเข้าไปได้รู้ตัวและก็ได้ผลเมื่อพงศกรได้เพียงแต่ยืนมองตาละห้อย
“สวัสดีครับอาหมอ”
“มาแล้วเหรอไหนขออาดูหน้าหลานสะใภ้หน่อยซิ”
หมอพงษ์เทพเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับส่งยิ้มให้กับหญิงสาวตัวเล็ก
“ตาถึงนะเรา”
“นี่อาหมอพงษ์เทพเพื่อนคุณพ่อ”
“สวัสดีค่ะ”
แพรวรุ่งยกมือไหว้คนตรงหน้าที่ดูท่าทางใจดีก่อนที่จะนั่งลงตามที่เจ้าของห้องบอก
หมอพงษ์เทพจัดการเช็กร่างกายทุกอย่างของหลานสะใภ้อย่างรวดเร็วจากนั้นก็นำผลมาแจ้งแก่คนทั้งคู่
“แข็งแรงดีนะทั้งแม่ทั้งลูก”
“เหรอครับแล้ว แล้วลูกผมผู้ชายหรือผู้หญิงครับ”
คนถามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเพื่อรอคอยคำตอบ
“แกจะบ้าเหรอศิราเดือนเดียวยังเป็นวุ้นอยู่เลย”
อาศิราหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาแบบอายๆ
“นึกว่าอาหมอจะเก่งกว่านี้”
“อะไรนะ!”
“ล้อเล่นครับ อาหมอเก่งที่สุดในโลกเลย”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นบังหน้าตัวเองอย่างเร็วพร้อมกับยกนิ้วให้คนตรงหน้าเพื่อเป็นการการันตี
“ถ้าคลอดมา หนูรุ้งคงได้เลี้ยงลูกถึงสองคนเลยแหละอาว่า”
แพรวรุ่งอดที่จะยิ้มให้กับสิ่งที่ได้ยินไม่ได้ไม่อยากจะเชื่อว่าคนนิสัยเสียจะมีมุมขี้อ้อนแบบนี้แล้วหากคนที่อาศิรามาอ้อนเป็นเธอบ้างมันจะเป็นยังไงนะ…นึกภาพไม่ออกจริงๆ
เปิดจอง "สัญญาวิวาห์กำมะลอ" วันนี้ - 10 ธ.ค 56 ^^ รายละเอียดการจอง
ราคาเล่มละ 350 บาท
ค่าส่งลงทะเบียน 30 บาท
รวมที่ต้องโอน 380 บาท
สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคา 250 บาท
โอนเงินมาได้ที่
ธนาคารกสิกรไทย
สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่
457-211-232-8
ชื่อบัญชี สมทรัพย์
โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่
Mail
mydestiny_k@hotmail.com Tel 087-0591110
Line samakae
fb facebook.com/mea.you.927
ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ