ตอนที่ 16 วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันดีที่คนในบ้านเอกอมรกุล กำลังเตรียมตัวจะไปทำกิจกรรมของคู่รักที่เรียกว่าฮันนีมูน
“มันจะดีเหรอเพชร”
เสียงของอาศิราเอ่ยถามทันทีเมื่อจู่ๆก็ได้รับคำเชิญชวนจากน้องสาวให้ร่วมทริปนี้ด้วย
“ดีสิคะไปกันเยอะๆสนุกดี”
อวิกาตอบก่อนจะเดินไปจัดของในรถ
“มันจะไม่แปลกไปเหรอที่ฮันนีมูนแต่ดันไปกันมากกว่าสอง”
“พี่ศิราก็ไปคู่กับพี่รุ้งไงคะแบบนี้ก็ครบพอดี”
เป็นเสียงของคนที่ออกความคิดเรื่องนี้ มาธวีส่งยิ้มให้กับคนทั้งคู่พร้อมกับเดินมาสะกิดแขนคนที่เอาแต่จัดของในรถจนลืมทำอะไรอีกหนึ่งอย่าง
“เอาของลงมาครบหรือยังคะ”
อวิกาหยุดการจัดของทันทีก่อนจะหันไปมองหน้าคนถามแบบจับผิดจนมาธวีต้องหัวเราะออกมากลบเกลื่อน
“มองพี่แบบนี้พี่ก็เขินแย่”
วิธีพูดและทำท่าเหมือนหมีอ้อนขนาดนี้คาดว่าคงต้องการให้เธอทำอะไรสักอย่างและก็จริงอย่างที่อวิกาคาดไว้เพราะตอนนี้เธอต้องขึ้นไปแบกกระเป๋าของหมีอีกสองใหม่ใหญ่ที่แม่คุณแอบขึ้นไปจัดอีกรอบพอเธอจะให้เด็กไปยกก็ไม่ยอมสุดท้ายก็ต้องเป็นเธอเท่านั้นที่พี่หมียอมให้จับกระเป๋า
อาศิรามองตามหลังน้องสาวผู้เป็นที่รักด้วยความสงสารจับใจ ตอนเด็กคงไปแกล้งเขาไว้เยอะพอโตมาถึงได้โดนหมีโขกสับแบบนี้ คิดแล้วก็อดที่จะมองไปยังน้องสะใภ้บ้าอำนาจไม่ได้แต่แค่เพียงหันไปชายหนุ่มก็พบเข้ากับสายตาของคนข้างๆที่เหมือนมีคำถามหรือจ้องจับผิดอะไรสักอย่าง
“เดี๋ยวก่อนสิคะ”
มาธวีเอ่ยขึ้นพร้อมกับการเดินไปดักหน้าชายหนุ่มที่กำลังหันหลังให้เธอ อันที่จริงเธอก็ไม่อยากก้าวก่ายแต่จากเรื่องราวที่อวิกาเล่าให้ฟังและจากการสังเกตท่าทีของอาศิราและแพรวรุ่งเธอว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่โดนเฉพาะฝ่ายหญิงที่ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างแต่เธออยากให้มั่นใจกว่านี้อีกหน่อยเพื่อจะได้เริ่มแผนการสานรักในทริปนี้ได้แบบไม่ต้องกังวล
“น้องผึ้งมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ผึ้งแค่จะย้ำพี่ศิราอีกครั้งน่ะค่ะว่าต้องไปให้ได้นะคะ”
คนพูดยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปปัดเศษใบไม้ที่ติดอยู่บริเวณชายเสื้อออกให้คนตรงหน้า
อาศิรามองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจดูวันนี้น้องสะใภ้จะทำตัวแปลกๆแล้วไหนจะท่าทางกับแววตาที่มองมาทำเอาเขาถึงกับขนลุก…ไม่รู้ว่าอีกคนจะมาไม้ไหนแต่ที่รู้ๆมันน่ากลัวมาก!
“ถ้าไม่มีอะไรพี่ขอตัวก่อนนะ”
“จะไปเก็บของเหรอคะ”
“จ่ะ”
“งั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะพี่ศิรา”
รอยยิ้มที่ดูแปลกตาทำให้อาศิราได้แต่ยืนมองนิ่งๆเขาว่าวันนี้มาธวีทำตัวแปลกแต่ก็นึกไม่ออกจริงๆว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร ส่วนมาธวีก็ได้แต่อมยิ้มน้อยๆก่อนจะแอบชำเลืองมองไปยังด้านหลังของชายหนุ่มที่บัดนี้ไร้เงาของคนที่แอบมองคาดว่าแผนการกระตุ้นต่อม…กำลังไปได้ด้วยดีและมันจะได้ผลมากกว่านี้หากไปถึงยังสถานที่ที่พวกเธอกำลังจะไป รอยยิ้มดังนางพญาหมีค่อยๆเปิดออกมามันดูน่ากลัวจนอาศิราต้องค่อยๆแอบย่องออกมาอย่างเงียบๆ
ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอกเมื่อสามารถปลีกตัวออกมาได้ อาศิราเคาะประตูห้องนอนเบาๆแต่ก็ไร้การตอบรับจากคนข้างในเขาจึงเปิดประตูเข้าไปแบบถือวิสาสะ
คนที่อยู่ในห้องถึงกับสะดุ้งเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับใครอีกคนที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แพรวรุ่งมองหน้าคนที่เข้ามาครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าต่อโดยไม่สนใจอีกคนเลยแม้แต่น้อย
“ที่เชียงคานท่าจะหนาวเธอเอาเสื้อกันหนาวไปเยอะๆหน่อยนะ”
อาศิราเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าของอีกคนมาช่วยพับ
“ฉันพับเองได้”
แพรวรุ่งเอ่ยเสียงแข็งก่อนจะแย่งผ้าในมือชายหนุ่มกลับมาพับเอง
“ฉันช่วย”
คนพูดเอื้อมมือไปจับผ้าผืนนั้นเอาไว้ก่อนจะดึงกลับมาเตรียมจะพับแต่กลับถูกหญิงสาวหน้างอแย่งกลับไปอีก
“เธอนี่ดื้อจังนะถ้าลูกเกิดดื้ออย่างเธอฉันคงปวดหัวแย่”
ประโยคที่อาศิราแค่กะจะพูดแหย่เล่นๆกลับทำให้คนฟังถึงกับหน้าเสียขึ้นมาจริงๆจนชายหนุ่มต้องรีบหุบยิ้มก่อนจะเปลี่ยนจากนั้นบนเตียงเป็นย่อตัวนั่งกับพื้นเพื่อที่จะมองหน้าอีกคนได้ถนัดขึ้น
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า”
“เธอดูหน้าซีดๆนะไปนอนพักก่อนมั้ย”
“ฉันไม่เป็นอะไร”
“ฉันว่าถ้าเธอไม่ไหวเดี๋ยวฉันไปบอกน้องผึ้งว่าเราไม่ไปดีกว่ามั้ย”
เพียงแค่เอ่ยชื่อของใครบางคนก็ทำให้หัวใจของแพรวรุ่งเจ็บแปลบแบบไม่มีสาเหตุ เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกอะไรแบบนี้ทั้งหงุดหงิด อารมณ์เสียและที่สำคัญไม่อยากเห็นแม้แต่เสียวหน้าของผู้ชายคนนี้
“ไม่เป็นไร สงสัยลูกจะดิ้น”
คนพูดเชิดหน้าขึ้นก่อนจะหันมาตั้งใจเก็บของลงกระเป๋าต่อแต่คนฟังนี่สิถึงกับอึ้งอยู่นานจากนั้นก็เอาหูไปแนบที่ท้องของแพรวรุ่งอย่างลืมตัว
“คุณจะทำอะไร”
แพรวรุ่งเอ่ยออกมาอย่างตกใจแต่เธอก็ไม่ได้ถอนห่างหรือดันตัวอีกคนออกอย่างที่ใจคิด
“ผมจะบอกลูกว่าอย่าแกล้งแม่”
คนพูดยังคงเอาหูแนบไว้ที่เดิมแต่สายตาและรอยยิ้มของเขากลับถูกส่งมอบให้กับหญิงสาวที่นั่งอยู่จนแพรวรุ่งเผลอยิ้มตอบกลับแบบลืมตัว
“แล้วเราจะพาเค้าไปเที่ยวด้วยกัน”
พูดจบอาศิราก็จูบลูกในท้องเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองแพรวรุ่งที่กำลังยิ้มให้กับเขาและเพียงไม่นานรอยยิ้มนั้นก็ถูกเก็บคืนเมื่อเจ้าหล่อนรู้ตัวแต่แค่นี้อาศิราก็พอใจมากแล้วเขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะยอมให้ได้สัมผัสแบบนี้อย่างน้อยแพรวรุ่งก็ไม่ใจร้ายที่จะกีดกันไม่ให้เขาได้กอดกับลูกในท้อง
“ขอบคุณนะ”
“สำหรับอะไรคะ”
“ที่เธอยอมให้ฉันได้เอ่อได้…”
คำพูดตะกุกตะกักทำให้คนฟังถึงกับหน้าแดงแพรวรุ่งรีบหันหน้าไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง
“คุณมีสิทธิ์ ฉันห้ามไม่ได้หรอก”
พูดจบหญิงสาวก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันทีส่วนอาศิราก็ได้แต่อมยิ้มคิดทบทวนประโยคนั้นไปมา…ไม่ว่ามันจะมีความหมายอย่างไรแต่ที่รู้ๆก็คือแพรวรุ่งคงจะมองเขาในแง่ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
เมื่อมาถึงยังจุดหมายทั้งสี่คนต่างแยกย้ายเข้าที่พักโดยวันนี้จะมีไกด์กิตติมศักดิ์อย่างชายหนุ่มเพียงคนเดียวในทริปเป็นคนพาเที่ยว
เมื่อเข้าห้องมาธวีก็ทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีพร้อมกับมองไปยังประตูที่ตอนนี้กำลังมีเด็กยกกระเป๋าหน้าตาน่ารักเข้ามา
“ทำหน้าแบบนี้พี่ไม่ให้ทิปนะคะ”
ประโยคหยอกล้อของคนที่นอนสบายอยู่บนเตียงหาได้เรียกรอยยิ้มจากคนที่เหนื่อยแขนแทบหลุดมาได้ อวิกาเก็บกระเป๋าใบสุดท้ายเข้าที่ก่อนจะกระโดดลงไปนอนที่เตียงอย่างเร็วจนคนที่นอนอยู่ก่อนต้องกลิ้นหลบแทบไม่ทัน
“น้ำเพชร! ”
มาธวีเรียกชื่อคนที่ทำเธอเกือบตกเตียงแบบคาดโทษก่อนจะจัดการเอาหมอนนิ่มๆฟาดใส่คนที่กำลังหัวเราะเยาะเธอ
“โอ๊ย! ”
อวิการีบยกมือขึ้นมาบังหลังจากที่โดนไปแบบเต็มๆครั้งแรกแต่ก็ไร้หนทางต่อสู้เมื่อหมีกำลังจะใช้สองแขนและอีกหนึ่งตัวช่วยตะปบเธอ
“รับผลของการกระทำซะดีๆ”
น้ำเสียงเย็นๆเอ่ยออกมาพร้อมกับการเดินหลังชนกำแพงของอวิกาหญิงสาวทำได้เพียงส่งสายตาอ้อนวอนให้อีกฝ่ายแต่ไม้นี้คงไม่ได้ผลเมื่อหมีกำลังง้างอุ้งตีนใส่เธอแบบสุดแรงเกิด
อวิกาใช้มือบังอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนจากการเอามือบังเป็นปัดหมอนออกไปจากนั้นก็คว้าเอวของอีกคนมาแนบกับตัวเองและนั่นเหมือนจะได้ผลเมื่อมาธวีหยุดการกระทำแทบจะทันทีก่อนจะหันมาจ้องหน้าคนที่อยู่ดีๆก็กอดเธอ
“หยุดซะทีเพชรเจ็บไปหมดแล้วเนี้ย”
คนพูดทำหน้างอๆแต่มือก็ยังคงกอดเอวคนตรงหน้าไว้แน่
“หยุดแล้วก็ปล่อยพี่สิคะ”
มาธวีก้มหน้าพูดเธอรู้สึกว่าตอนนี้อุณหภูมิร่างกายของเธอกำลังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
“ปล่อย”
อวิกาเอ่ยทวนคำสั้นๆก่อนจะเริ่มคิดได้ว่าเธอกับอีกคนกำลังอยู่ในท่าทางแบบไหน
“ปล่อยพี่สิคะ”
มาธวีเอ่ยออกมาอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแขนของคนตรงหน้าออกจากเอวของเธอ
“กอดแบบนี้อุ่นดีออก”
อวิกาเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะซบหน้าเข้าที่ไหล่ของอีกคน
“น้ำเพชรอย่าเอาเปรียบพี่แบบนี้สิคะ”
คนฟังเงยหน้าขึ้นมาช้าๆก่อนจะค่อยๆคลายแขนของตัวเองออกจากนั้นก็ดึงแขนของคนพูดเอามาโอบไว้ที่เอวของเธอและสุดท้ายคนเจ้าเลห์ก็กระชับอ้อมกอดของตัวเองและครั้งนี้เธออนุญาติให้แม่หมีซบหัวลงที่ไหล่ของเธอได้
“แบบนี้ยุติธรรมพอมั้ยคะ”
มาธวียินยอมรับการกระทำของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเธอไม่คิดปฏิเสธหรือแม้แต่เล่นตัวเพราะเธอว่าแบบนี้มันก็แฟร์ดีไม่มีใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบดังนั้นอยู่แบบนี้สักพักก็ไม่น่าจะเป็นอะไร