Chapter 14 : ต่อมเซ้นส์ซิทีฟ แม้ไม่มีหมอกแล้วแต่อากาศก็เย็นเกินไปเกินกว่าเด็กอ่อนแรกเกิดจะออกไปพบเจอมันได้ สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจหาอะไรเล่นกันใกล้ๆบ้านแทนออกไปที่สวนสาธารณะ สรุปก็เล่นมันอยู่ในสวนบ้านคุณหมอนี่แหละเพราะบ้านนี้ไม่ได้เป็นที่จัดงานสังสรรค์ มันจึงเหมาะสำหรับการมาหาเรื่องเล่นที่สุด
แล้วคุณหมอเจสก็ไม่ถูกทิ้งไว้คนเดียวด้วย..
คนเดียวเสียเมื่อไหร่ล่ะ อยู่กับภรรยากับเบบี๋ตัวจิ๋วตะหาก..
“เจส.. ออกมานี่สิ จะอยู่ในนั้นทำไม” ดาเรนโบกมือชวนอย่างรู้ทัน เธอเห็นเจ้าของบ้านยืนมองพวกเธอมานานแล้วแต่ยังไม่กล้าออกจากบ้านเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง
“มาเถอะ เราจะปิกนิกกันตรงนี้แหละ ไม่ไปไหนไกล” บอกอีกครั้งหลังเรียบร้อยกับการจัดแจงปูผ้าใบบนต้นหญ้าสั้นๆที่ชื้นน้อยๆจากละอองหมอกที่แดดยังเลียไม่แห้ง ข้างๆมีเด็กฝาแฝดหน้าไม่เหมือนกันกำลังช่วยราเชลถือของมาวางบนผ้าใบที่ปูไว้ ส่วนเด็กน้อยอิซซาเบลนั่งคอยอยู่ในที่นั่งวีไอพีในรถเข็นใกล้ๆ เฝ้ารอคนไปเล่นด้วยหรือชวนกินขนม ทั้งหมดดูท่าทางรื่นเริงกันเสียจริง ไม่มีหวั่นกับอากาศเย็นๆสักนิดเลย
ก็คนชอบเล่นจะกลัวหนาวได้ไง...
“จะออกไปได้ไง.. ดูนี่สิ” เจสสิก้าชี้มือที่เด็กทารกที่ซบบ่าตนอยู่ เขาใส่เสื้อผ้าตัวหนาทั้งเสื้อทั้งกางเกง มีถุงเท้าถุงมือพร้อม แถมใส่หมวกอีกต่างหาก ขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่อุ่นอีกก็ไม่รู้จะว่ายังไง สงสัยต้องจับไปต้ม...
เฮ้ย..นี่มันลูกฉันนะ ไม่ใช่ไก่!
“แล้วไงล่ะหมอ.. ก็เอาเจสซี่ออกมาด้วยสิ เพนนีจะได้นอนพัก ไหนๆลูกก็ติดเธอแล้ว ตรงนี้ไม่หนาวเท่าไหร่หรอก มีแดดส่องถึง” ราเชลช่วยเสริม รู้อยู่ว่าเพื่อนอยากออกมาร่วมวงสนทนากันแต่หล่อนห่วงลูกสาวแรกเกิด ตอนนั้นเธอก็เคยเป็น อยากคุยกับเพื่อนก็อยาก อยากอยู่กับลูกกับภรรยาก็อยาก เอาใจตัวเองไม่ถูกเลยจริงๆ แต่บางที..คุณหมออาจไม่เหมือนเธอ..
“มาสิเจส ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันช่วยดูเจสซี่ให้ก็ได้” ดาเรนเสนอตัวยิ้มแย้มอย่างมั่นใจ หากเสียงใสๆสองเสียงก็เอาตามอย่างไม่ต้องสอนกันเลย
“แอนเดรียอยากเจอเจสซี่.. อาเจสเอาเจสซี่ออกมาสิ ตรงนี้มีของกินเยอะแยะเลยนะ มะม๊าทำมาให้”
“มะม๊าบอกว่า ให้เอามาแบ่งกัน อมีเลียจะแบ่งอาเจสกับน้องด้วย”
เสียงใสๆของสาวน้อยคนสวยทั้งสองพาคนฟังใจอ่อนยวบไปไม่เป็น ทั้งสีหน้าท่าทางที่เห็นเจสสิก้ารู้สึกไม่ไหวจริงๆ เธอถอนหายใจและหันไปดูภรรยาที่ของีบอยู่ที่เก้าอี้นอน เห็นเพนนีกำลังหลับอย่างสงบหลังให้นมลูกแล้วก็คิดได้ว่า ควรให้หล่อนได้นอนสบายๆดีกว่า เข้าใจดีว่ายังไม่แข็งแรงดีนัก
ก็คนเพิ่งคลอดลูกทั้งคน ได้กลับมาอยู่บ้านเร็วกว่าที่คิดก็ดีเท่าไหร่แล้ว ตอนนิโคลคลอดเจ้าแฝดยังต้องอยู่โรงพยาบาลตั้งหลายวัน ก็นั่นคลอดทีเดียวสองคนเลยนี่นา..
เจ้าแฝดจะรู้ไหมเนี่ยว่า ทำให้แม่ตัวเองเจ็บขนาดไหนกว่าจะได้ออกมาเล่นซนแบบนี้ แต่จะว่าไป พวกเขาก็ทำให้นิโคลชื่นใจหลายอย่างอยู่เหมือนกัน หล่อนยังเคยบอกว่า คุ้มแล้วที่ยอมเจ็บตัวครั้งนั้นเพื่อแลกกับสองคนที่หล่อนรักนี้
แล้วเธอล่ะเพนนี.. เธอคิดว่าคุ้มไหมที่มีลูกของเรา..
“เดี๋ยวอาพาน้องออกไปค่ะอมีเลีย.. แอนเดรีย” ตัดสินใจหันไปบอกเด็กๆที่รอฟังข่าว สาวน้อยทั้งสองพยักหน้ารับรู้ก่อนหันไปเล่นต่อ
คุณหมอตบก้นเล็กๆของเจ้าของศีรษะน้อยๆที่หันไปมาอยู่บนบ่าของเธอ ท่าทางจะคุยเสียงดังเกินไปจนลูกหนวกหู ต้องปลอบให้หลับต่ออีกสักหน่อยจะได้ไม่งอแง โชคดีที่เคยช่วยนิโคลเลี้ยงเจ้าแฝดน้อยตอนเป็นทารกมา ประสบการณ์เลยสอนให้รู้ว่า จะจัดการกับเด็กทารกยังไง
กับลูกน่ะพอได้นะ แต่กับแม่ของลูกน่ะสิ ไม่เคย...
ใช่ว่า ดาเรนจะเคยปล่อยให้เธอปลอบนิโคลเมื่อไหร่นี่นา..
ดวงตาสีครามมองสาวที่กำลังหลับใหล เพนนีไม่รู้เรื่องเลยว่ามีใครกำลังมองอยู่ ทั้งที่เธอมองมานานแล้ว และยิ่งมองก็ยิ่งสงสาร จำได้ว่าเมื่อคืนหล่อนแทบไม่ได้นอน เจสซี่อ้อนแม่ทั้งคืน ถึงจะมีเธอคอยช่วยดูแต่ก็ทำอะไรให้ไม่ได้มากนัก เพราะลูกอ้อนทีก็เพราะหิว หิวก็ต้องกินนมจากเต้าเท่านั้น
แล้วก็ต้องเต้าที่มีน้ำนมด้วยนั่นแหละที่มันเป็นปัญหา..
ก็เธอไม่ใช่วัวนม..
แม้ไม่อยากให้ตื่นแต่ก็ทำใจไม่ได้ที่ห่างจากหล่อนไปเฉยๆ ในวันนี้เธอรู้แล้วว่า เธออยู่เพื่ออะไร เพื่อรักผู้หญิงคนนี้และเด็กคนนี้ที่อุ้มอยู่แนบอก จากที่เคยหลงทางมาแสนนาน วันนี้ฉันได้อยู่ในบ้านของฉันเสียที
บ้านที่มีเธอและลูกของเรา..
ฉันรักเธอนะรู้ไหม..ยัยตัวเล็ก..
คุณหมอประคองตัวลูกสาวไว้พร้อมก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากแม่ของเด็ก เพนนีส่งเสียงงัวเงียและเปิดดวงตาเพลียๆขึ้นมองหน้า
“เจส.?”
“เธอไปนอนที่ห้องดีไหม.. ฉันไปส่ง ตรงนี้ดูไม่ค่อยสบายเท่าไหร่” ถามเสียงห่วงใย อีกฝ่ายยิ้มเขินๆทั้งลืมตาแทบไม่ขึ้น ตนก็ยิ้มขำๆและอดไม่ได้ที่จะขอวิจารณ์ “ดูเป็นสาวขึ้นนะ รู้ตัวไหม.?”
“ฟังดูเหมือนคำชมนะ แต่ฉันว่าคุณกำลังเหน็บฉันอยู่” เพนนีอมยิ้ม ตาหวานฉ่ำไม่รู้ตัว คงเพราะกำลังง่วงเพลีย แต่คนที่เห็นมันรู้สึกใจสั่นแปลกๆจนต้องกลืนน้ำลาย
อา.. ถ้านึกอยากฟัดแม่ของลูกตอนนี้จะผิดไหมนะ ยั่วไม่รู้ตัวเล้ย..
“เจสซี่ยังหลับอยู่เลยนี่นา.. ชอบหลับกลางวันมากกว่าหรือไงนะลูก กลางคืนกวนแม่ตลอด”
เสียงภรรยาพูดกับลูกพาคนแอบเพ้อคืนสติ พอดีกับที่หล่อนยกมือมาขอลูกไปอุ้มเอง “เดี๋ยวก่อนก็ได้เพนนี เค้ายังหลับ เดี๋ยวขยับมากๆก็ตื่นอีก อีกอย่างเธอจะได้นอนต่อด้วย ยังดูเพลียอยู่เลย”
“แต่จะกวนคุณมากเกินไปน่ะสิ เมื่อคืนคุณก็ไม่ค่อยได้นอนเหมือนกัน”
“เอาเถอะ เธอต้องเพลียกว่าฉันอยู่แล้ว อย่าลืมสิเธอเพิ่งคลอด อะไรๆก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง”
“ว้าว.. คุณพูดเหมือนฉันเป็นรถที่เครื่องเคราข้างในรวนเลยนะ” พูดขำเพราะอันที่จริงเขินและกลัวเล็กน้อย ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่หมอที่ดูแลเธอมาตลอดตั้งแต่กระบวนการแรกของการมีลูกจนถึงวันคลอด เธอคงไม่เชื่อหรอกว่าเธอยังปลอดภัยดี เพราะมันไม่เหมือนเดิมเลย ร่างกายเธอมันแปลกๆ แต่มันก็คงเกิดจากธรรมชาติจริงๆ ธรรมชาติสร้างให้มันเป็น
แม้ว่าชีวิตน้อยๆตรงหน้าเธอตรงนี้จะต้องอาศัยวิทยาศาสตร์ช่วยสร้างขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นธรรมชาติที่รักษาเขาให้อยู่กับเธอมาได้จนถึงวันนี้ วันที่เขามีสิทธิ์ลืมตาดูโลกเหมือนเด็กคนอื่นๆ และคงมีความสุขเหมือนคนอื่นเค้านะลูก
“เธอเป็นมนุษย์..เพนนี.. อะไหล่ของเธอต้องอาศัยเวลาในการซ่อมแซม ไม่ใช่จะแกะอันที่ใช้ได้ไม่ดีออกแล้วเปลี่ยนอันใหม่เข้าไปได้เมื่อไหร่ล่ะ” คุณหมอทำเสียงดุราวพูดกับคนไข้ดื้อๆ หากคนไข้ที่เคยดื้อเคยรั้นมาตั้งแต่ที่รู้จักกันกลับยิ้ม ไม่มีท่าทีจะโกรธหรืองอน ประหลาดจริง..
หรือเพราะมีเบบี๋.. เธอเลยเปลี่ยนไป..
เหมือนนิกกี้เหรอ.?
“คุณรู้ไหม.. ฉันดีใจนะที่มีเค้า”
เจสสิก้ากระพริบตา แล้วมองตามมือบางๆที่ลูบหลังเด็กทารกที่ตนอุ้ม ไม่อยากเชื่อเลยว่า มือคู่นี้ที่เคยเอาไม้ทีไล่ตีเธอตอนที่เจอกันครั้งแรกจะกลายมาเป็นมือที่อ่อนโยน อบอุ่น และเป็นสื่อกลางส่งผ่านความรู้สึกของเจ้าของมัน
และเธอคิดว่า ลูกสาวของพวกเธอคงจะรู้สึกถึงมันได้..
“แล้วเธอรู้ไหมว่า เด็กๆอย่างเจสซี่หรือเจ้าแฝดจะมีต่อมรับความรู้สึกพิเศษ” คุณหมอเลิกคิ้วให้ภรรยาเมื่อขยับลงมานั่งกับหล่อนที่เคลียร์ที่ให้เธอ ตอนนี้ถึงจะได้ยินเสียงเพื่อนๆกับหลานๆคุยกันอยู่เบื้องหลัง เธอก็ยังรู้สึกอยากคุยกับผู้หญิงคนนี้มากกว่า บางทีอาจจะต้องเบี้ยวนัดเจ้าแฝดซะแล้ว...
แต่บางทีเจ้าสองแสบอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่านัดกันไว้ ยังไงก็มีสาวน้อยจากนิวยอร์คอีกคนเป็นเพื่อนเล่นด้วยนี่นา..
“คุณจะบอกว่า เด็กๆมีอวัยวะที่ไม่เหมือนผู้ใหญ่.?” เพนนีถามพาซื่อ พอเห็นรอยยิ้มขำๆจากคุณสามีก็เริ่มรู้ตัวว่าพลาดเสียแล้ว โก๊ะให้หล่อนเห็นอีกล่ะ
“ขำเข้าไป ฉันนึกว่า คุณจะดีขึ้นบ้างแล้วนะ” ว่างอนๆแก้มป่องๆก็เลยถูกหอมไปหนึ่งที เขินไปซะอีก พักนี้ไม่รู้เป็นอะไร โดนไม่ค่อยได้ มันเขินแปลกๆ มันน่าจะชินแล้วนะกับพฤติกรรมเค้า หรือเพราะฉันเพิ่งจะโตเป็นสาว.?
ว้าว.. เป็นสาวเพราะมีลูกมาหนึ่งคนเนี่ยนะ!
เจสสิก้าว่าจะขำต่อหากเพราะกลัวแม่ของลูกสาวจะงอนไปใหญ่จึงตัดใจยอมเลิกแกล้งชั่วคราว ถึงพฤติกรรมเหมือนสาวน้อยช่างงอนจะน่ารักดี แต่ไอ้ที่เห็นน่ารักๆแบบนี้อาจจะกลายเป็นอย่างอื่นก็ได้ ถ้าหล่อนโกรธจริงขึ้นมา
“นี่อย่างอนสิ เซ้นส์ซิทีฟจริงๆด้วย สงสัยฮอร์โมนยังไม่คงที่”
“เยี่ยมนะ รู้แล้วก็ยังทำ”
“ก็รีแอคชั่นของเธอมันกระตุ้นให้ฉันอยากทำนี่นา เธอผิดนะเพนนี” คนปากไวพูดเร็วเกินกว่าสมองจะห้ามได้ทัน ดวงตาสีครามจึงเห็นคนฟังตาโตแทบหลุดจากเบ้า เอาแล้วล่ะสิ!
“โอ้คุณหมองี่เง่า เอาลูกคืนมาให้ฉันเลย ฉันจะเอาเค้าไปนอนในห้อง!” เพนนีแบมือขอลูกคืน หากแทนที่อีกคนจะยื่นเขาคืนมากลับลอยหน้าลอยตาอุ้มเอาไว้แบบนั้น เธอถึงกับต้องกัดฟันระงับความโกรธ
“คุณ!”
“เพนนี.. ฉันไม่ได้บอกเหรอว่า เด็กเล็กๆแบบนี้เค้าเซ้นส์ซิทีฟมาก และเค้ารู้ได้ด้วยการสัมผัสว่าคนที่สัมผัสตัวเค้าอยู่รู้สึกยังไง เพราะฉะนั้น ถ้าเธออารมณ์เสีย ฉันไม่ให้เธออุ้มเค้าหรอก” คนชอบแกล้งยังไงก็ห้ามตัวเองได้ยาก เจสสิก้าเผยยิ้มอย่างเหนือกว่าขณะที่อีกคนกลอกตาระอา
เอิ่ม..มันเป็นรีแอคชั่นที่ฉันต้องการไหมนะ..แบบนี้.?
“สรุปแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ฉันจะได้ไม่คุยกับคุณให้เปลืองน้ำลาย”
ไม่ใช่ล่ะ แม่เจสซี่โกรธจริงแล้ว.. แล้วฉันจะเอาไงต่อดี.?
ขณะที่สมองยังคิดไม่ออก ดวงตาก็มองเห็นร่างบางฝืนลุกขึ้นทั้งตัวยังโคลงเคลง หัวคงยังมึนอยู่แน่ๆ แล้วจะฝืนทำไม ดื้ออีกล่ะสิ!
“เพนนีจะไปไหน.?”
“ฉันเบื่อ ไม่อยากเห็นหน้าคุณ” พูดไปอย่างนั้น อันที่จริงก็เพราะรู้ว่าขืนอยู่ต่อเธอต้องมึนมากขึ้นเพราะโดนกวน ใจจริงก็อยากเล่นด้วยแต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยให้ โชคดีที่อีกฝ่ายเข้าใจจึงไม่ถือโทษโกรธกัน กลับกันคุณหมอกลับมาช่วยประคองเธอเดินทั้งที่กำลังอุ้มลูกสาวที่ซบบ่าอยู่
“คุณ.. ไม่ต้องหรอก” เพนนี่แย้ง อารมณ์เปลี่ยนอีกครั้งกับสีหน้าห่วงใยของคนโผมาประคองตัวราวกลัวเธอล้ม อยากขอบคุณ อยากชม แต่ปากเธอหนักเกิน พูดอะไรดีๆ พูดอะไรที่ตรงกับใจไม่ค่อยเป็น
แต่คุณคงเห็นนะว่า ฉันรักคุณ.. มันยืนยันอยู่กับคนที่คุณอุ้มอยู่นั่นแล้ว..
เจสซี่คือตัวแทนความรักของฉัน.. อย่าให้ฉันต้องสาธยายเลยนะ..
“ฉันไม่เป็นไร.. คุณอยากไปหาเพื่อนก็ไปเถอะ” สายตาเธอมองไปนอกบ้านเหมือนรู้ว่ามีบางอย่างอยู่ที่นั่น หันไปก็เห็นหลายคนกำลังสนุกกันอยู่ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทุกคนดูมีความสุขดี พวกเขาหัวเราะ พวกเขายิ้มร่าเริง เธอเองก็อยากไปร่วมวง คิดถึงเสียงแจ้วๆของเด็กแฝดเหมือนกัน แต่ตัวเธอ....
เธอคงไม่ไหว และไม่อยากจะเป็นภาระใครให้ดูน่าสมเพช แต่ใครจะคิดแบบนั้นกันล่ะ ก็เธอเป็นครอบครัวของพวกเขา หรือไม่ใช่...
อะไรที่ทำให้เธอคิดว่า ตัวเองแปลกแยก ฝาแฝดก็รักเธอนะ ไม่รู้สิ..
“ฉันไปเอาเสื้อคลุมหนาๆมาให้ดีกว่า เจ้าแฝดคงดีใจถ้าเธอจะออกไปนั่งเล่นด้วย บ่นคิดถึงเธออยู่นะ” น้ำเสียงที่พูดชักชวนอย่างใจดีพาให้อารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด ราวว่าอ่านใจเธอได้อย่างนั้น
เพนนีเงยขึ้นมองหน้าคนชวน รอยยิ้มใสๆที่เห็นมันทำให้ใจอ่อนยวบเฉย เลยพยักหน้ารับไม่รู้ตัว เห็นอีกทีคุณสามีสุดเซ็กซี่ก็เดินหายเข้าไปในบ้านพร้อมลูกสาวที่อุ้มไม่ปล่อย ดวงตาเธอมองตามหลังพวกเขาไป หากก็ตกใจกับสัมผัสที่ท่อนแขน มันเหมือนมีมืออุ่นๆเล็กๆมาจับ หันกลับมาก็พบว่ามีบางคนที่ตาสีฟ้าแหงนหน้ามองเธออยู่ด้วยสายตาไร้เดียงสาและน่ารัก
มันทำให้ยิ้มอย่างอดไม่ได้ทุกทีให้ตายสิ..
ใช่สิ ก็ฉันรักเจ้าของดวงตาคู่นี้ไม่แพ้ลูกสาวตัวเอง.. ฉันเห็นเค้ามาตั้งแต่เกิด จนมาตัวเท่านี้แล้ว.. นิกกี้จูเนียร์...
“ว่าไงคะแอนเดรีย.?” ทักทายเจ้าของมือและใบหน้าน้อยๆที่เงยขึ้นหา เธอก้มตัวลงหาเขาอย่างอัตโนมัติ ถึงเธอจะไม่ใช่คนสูงแต่สำหรับเด็กยังไม่สี่ขวบ จะเตี้ยกว่าก็คงไม่ใช่ คนแคระก็ยังสูงกว่าเลยนะ ถ้าแบบนั้น..
“ไปเล่นกันข้างนอกไหม.?” สาวตัวน้อยเสียงใสถามแววตามีความหวัง คนฟังใจอ่อนยวบไม่รู้จะปฏิเสธยังไงได้ ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยไหว เธอยังยิ้มให้เขาหน้าตาเฉย รับปากเฉยเลยด้วย
“ไปสิคะ แต่เดี๋ยวรออาเจสกับเจสซี่แป๊บนึงนะ” บอกเด็กน้อยเสียงอ่อนโยน ท่าทางเธอก็อ่อนโยนไปด้วย เธอไม่รู้ตัวหรอกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ หากคนที่เดินออกมาเจอ เห็นแล้วยิ้มไม่หุบ
มีลูกแล้วน่ารักขึ้นเป็นกอง ไม่ได้เป็นกันทุกคนนะเนี่ย..
“เจสซี่ไปไหน.?”
“เอ่อก็...” ว่าจะตอบตามความจริง หากเสียงกระแอมจากด้านหลังก็ชะงักเธอ แล้วคำตอบก็ตามมา
“น้องอยู่นี่ค่ะลูก แอนเดรียอยากคุยด้วยเหรอ.?”
หันไปมองคนตอบ สบตากันกับคุณหมออย่างไม่ตั้งใจ แปลกอีกแล้วที่เธอรู้สึกอายกับสายตายิ้มๆแบบนี้ ท่าทางไม่ดีแล้วหัวใจ รักเค้ามากขึ้นเหรอ.?
แต่เพราะอะไรล่ะ เพราะเค้าใส่ใจและดีกับเธอมากขึ้นหรือเปล่า..
หรือเพราะเค้าอ่อนโยนแบบนี้กันล่ะ.?
“เดี๋ยวอาเอาเสื้อให้น้าเพนนีก่อนนะคะ แล้วเราออกไปเล่นกันข้างนอก”
“แล้วเจสซี่กินหนมได้หรือยัง ข้างนอกมีขนมเยอะเลย มะม๊าทำมาให้ แอนเดรียแบ่งให้ก็ได้”
“แอนเดรียทานกับอมีเลียเถอะค่ะ เจสซี่ยังไม่มีฟันเลย แล้วแบ่งอิซซี่บ้างไหม.. อิซซี่ทานได้แล้วนะ”
“อิซซี่กินไรไม่เป็นหรอก ชอบฉีกเละเทะมากกว่า”
ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากัน กลั้นความขำเอาไว้เพราะคำพูดไร้เดียงสาของเด็ก “อิซซี่ชอบเล่นมากกว่ากินมั้ง”
“อาราเชลบอกว่า อิซซี่กลัวอ้วนเหมือนแอนเดรีย”
คุณหมอถามต่อไม่ออกเพราะมัวแต่กลั้นหัวเราะ ส่วนอีกคนหัวเราะไปนานแล้ว แล้วก็เห็นคนงงตาใสๆอยู่ตรงนี้ แอนเดรียไม่รู้จริงๆว่าผู้ใหญ่หัวเราะอะไรกัน ก็พูดเรื่องจริงนี่นา...
“อาราเชลชอบแกล้ง”
สองผู้ใหญ่นิ่งไปถนัดกับเสียงใสๆแต่จริงจังของเด็กตาสีฟ้า เจสสิก้าเห็นหน้ามุ่ยๆของแอนเดรียแล้ว ก็พอเดาได้แล้วว่าทำไมถึงมาตามเธอ มาตามเพนนี
โดนขัดใจมาล่ะสิ เหมือนแม่ไม่มีผิดเลยนะ เธอเต็มๆเลยนิกกี้!
“อาราเชลแกล้งเพราะแอนเดรียน่ารักไงลูก อาชอบหนูไง ถึงได้แกล้ง”
“แต่แอนเดรียไม่ชอบ อมีเลียก็ชอบแกล้งเหมือนกัน นิสัยไม่ดี” เสียงใสๆเถียงน่าเอ็นดู คิ้วขมวด แก้มป่องน่าฟัด พวกเธอมองหน้ากัน ปรึกษาหารือ..
“แอนเดรียก็แกล้งคืนสิคะ เอาไหม เดี๋ยวน้าช่วย” เพนนีเสนอตัวหน้าซื่อ ไม่รู้ตัวหรอกว่าจะติดกับเด็ก ติดกับความไร้เดียงสา แอนเดรียมองหน้าเธอสงสัย เหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง
“ว่าไงคะ โอเคมั้ย.?”
“ให้เจสซี่ไปเตะก้นอมีเลีย อาราเชลด้วย”
ผู้ใหญ่สองคนชะงักอีกรอบ ก่อนส่ายหน้าหัวเราะแทบจะพร้อมกัน แล้วรีบหยุดก่อนที่จะถูกเด็กน้อยงอน ก็ตั้งใจจะช่วยไม่ให้งอนนี่นา..
“โอเคค่ะโอเค.. แต่เดี๋ยวดูก่อนนะว่า เจสซี่ตื่นหรือยัง..” เพนนีพูดเอาใจหลาน มันคุ้มที่เห็นเขายิ้มร่ามีความหวังขึ้นมาทันที ก็รู้นี่ว่าแฝดคนน้องคนนี้เป็นเสือยิ้มยากที่สุด ต้องเอาใจให้ถูกทาง เลียนแบบปะป๊าดาเรน...
“เจส.. ขอตัวเจสซี่หน่อย” เธอพูดขอ คุณหมอตัวสูงก็นั่งลงให้มองคนตัวน้อยที่ยังคอไม่แข็ง และไม่ใช่แค่เธอที่เข้าไปดูลูกสาว สาวน้อยตาสีฟ้าก็ขอเข้าไปดูด้วย ตาสีสวยๆเหมือนแม่ของแอนเดรียดูสนใจน้องเล็กน่าดู
เห็นเป็นของเล่นอันใหม่หรือเปล่าเนี่ย..
“น้องยังเล็กนะคะ เล็กกว่าอิซซี่อีก หนูต้องค่อยๆจับน้องนะ เดี๋ยวเจ็บ ร้องไห้งอแงเลย”
“แอนเดรียไม่ขี้แกล้งเหมือนอมีเลียหรอกน้าเพนนี” หนูน้อยแมคคอลลี่คนเล็กบอกเสียงหนักแน่น คนฟังทำหน้าทึ่งทำปากเป็นรูปตัวโอตะลึง เห็นผู้ใหญ่อีกคนยิ้มถูกใจ
ใช่สิ หลานรัก.. รักจริงๆ นิกกี้จูเนียร์!
“โอ้.. งั้นก็โอเคค่ะลูก งั้นเราจะไปกันได้หรือยังเอ่ย” ถามลองเชิงหลาน เจ้าตัวเล็กตาสีฟ้าที่ยิ้มหน้าบานก็พยักหน้าเร็ว ดึงมือเธอขึ้นมาตั้งใจให้ยืนและเดินไปด้วยกัน คนถูกดึงอารามยังยืนไม่ค่อยตรง ทรงตัวยังไม่ดี เธอเกือบล้มเพราะไม่อยากขัดใจหลานรัก หากคนรู้ดีก็มารับตัวได้ทันทุกที
ดวงตาสองสีมองประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ และเธอพลัดหลงไปในดวงตาคู่งามสีครามอย่างช่วยไม่ได้ สมองเธอชาไปชั่วคราว ลืมหมดแล้วเห็นแค่ดวงตาและปากของคนคนนี้ เพนนีเกือบจะเงยหน้าขึ้นหาคนที่ก้มลงมาหากัน พลันต้องชะงักกับเสียงคัดค้านที่ดูเหมือนจะได้จังหวะเสียจริงๆ
“อาเจสจะปล่อยน้าเพนนีได้หรือยัง แอนเดรียรอเมื่อยแล้ว”
และแล้วเธอสองคนก็หัวเราะเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ รู้แค่ว่าการถูกขัดจังหวะแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าโกรธอะไร คุณหมอปล่อยเธอให้ยืนเองแล้วส่งเสียงขอโทษขอโพยหลานก่อนกลับมามองตากัน
“นำไปก่อนก็ได้ แล้วฉันจะตามไป อย่าให้เจ้าเสือน้อยโกรธ”
“โอเค..” เธอตอบสั้นๆ จูบมือเล็กๆของเด็กน้อยเจสซี่ที่สบตามะม๊าด้วยดวงตาสีเหมือนคนอุ้ม ดูๆไปลูกก็เหมือนคุณหมอมากกว่าเธอนะ ตั้งใจใช่ไหม..
“แล้วตามไปเร็วๆนะ เพราะฉันอาจต้องการ... หมอนพิง” เพนนีขำกับคำท้ายของตัวเองก่อนจะเดินตามเด็กที่จูงมือเธอไม่ปล่อย เด็กน้อยแอนเดรียคงต้องการแบ็คอัพเวลาที่มะม๊าไม่อยู่ใกล้ๆ เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกเดินมาหาเธอมากกว่าขอให้ปะป๊าดาเรนช่วย แต่คิดอีกทีคงเป็นอย่างที่คุณหมอบอกเอาไว้...
เด็กเล็กๆมักจะรู้อะไรมากกว่าที่ผู้ใหญ่รู้มัน.. แต่มันคืออะไรกันล่ะ.?
.......................................................
เอาเรื่องน่ารักๆนี้มาส่งค่ะ ตอนนี้อาจจะไม่มีปะป๊ามะม๊าของน้องแฝดอยู่ด้วยกัน ไม่มีมะม๊านิกกี้ เพราะมะม๊านิกกี้อยู่อีกบ้านนะคะ แต่ไม่เป็นไรนะ มีนิกกี้จูเนียร์มาแทน อิอิ
ตอนนี้ขอยกให้บ้านคุณหมอเจสค่ะ ไม่ค่อยได้พูดถึงบ้านนี้เลยเนอะ สงสารเจสซี่
โอเคค่ะ แถลงกันไปแล้วนะว่า ทำไมตอนนี้เป็นแบบนี้ เรามาเข้าเรื่องนี้กันดีกว่า
ภาคสามของ เจ้าสาวที่กลัวฝน (แต่เลิกกลัวนานล่ะ) กำลังเปิดให้จองอยู่นะคะ ตั้งแต่วันนี้-15 มกราคมนี้ค่ะ ใครสนใจเข้าไปดูรายละเอียดได้ตามนี้เลย
http://www.yuriread.com/index.php?topic=311.msg377#newแล้วเจอกันค่ะ จะลงให้อ่านกันถึงตอนที่ 20 นะคะ ขอบคุณค่ะ