web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 13
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 6
Total: 6

ผู้เขียน หัวข้อ: กำแพงหัวใจ ตอนที่ 2  (อ่าน 1997 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
กำแพงหัวใจ ตอนที่ 2
« เมื่อ: 04 มกราคม 2014 เวลา 08:42:25 »
   เมื่อมัทนาจัดของเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวเอนกายลงนอนช้าๆหมายจะพักผ่อนสักงีบแต่หัวยังไม่ทันถึงหมอนเจ้าตัวก็ต้องเด้งตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูติดๆกัน
   “มาแล้วๆใจเย็นๆ”
   เจ้าของห้องต้องส่งเสียงไปต้อนรับแขกก่อนเพราะรู้สึกเหมือนกับว่าคนมาเยือนจะไม่พักมือที่เคาะเลยไม่รู้จะรีบไปไหน
   ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงร้องของคนที่ยืนอยู่ข้างนอก มัทนาตกใจอยู่ไม่น้อยที่ดันเปิดประตูไปชนใส่หัวคนที่ยืนรออยู่จนเจ้าตัวล้มลงไปกองกับพื้น
   “ทำบ้าอะไรของเธอ”
   มัทนาอ้าปากค้างก่อนจะรีบไปประคองคนที่กองอยู่กับพื้นให้ขึ้นมาแต่ความหวังดีของเธอก็ถูกสบัดทิ้งพร้อมกับการเหวี่ยงตัวเธอไปกองกับพื้นบ้าง
   “คุณทำอะไรเนี้ย”
   “ทำให้เธอรู้ไงว่าอย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
   คนฟังยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ไม่แน่ใจว่าทำอะไรผิดหรือว่าตัวเธอน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอถึงทำให้ต้องมากองอยู่กับพื้นแบบนี้
   “ออกมาคุยกันข้างนอก”
   
   มัทนาจ้องมองด้านหลังของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงของไร่ รูปร่างเล็กดูบอบบางบวกกับน่าตาที่ดูสวยแตกต่างจากชาวไร่ชาวสวนทั่วไปจนเธอไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงแบบนี้จะสามารถคุมคนงานชายเป็นร้อยๆได้แต่ก็อย่างว่าใครไม่ได้สัมผัสกับนายหญิงแสนสวยคนนี้ด้วยตัวเองก็คงไม่รู้หรอกว่าเจ้าหล่อนมีสิ่งที่น่ากลัวซ่อนอยู่
   “ถ้ายังไม่เลิกจ้อง ฉันจะควักลูกตาเธอออกมา”
   นั่นประไร! เป็นเพียงเสียงในความคิดของคนถูกว่าเท่านั้นเพราะสิ่งที่เจ้าตัวทำได้ในตอนนี้ก็คือก้มหน้าลงพร้อมกับการถอยหลังออกมาห่างๆเพื่อตั้งหลัก
   “ฉันนัดเธอสิบโมง”   
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยใบหน้านิ่งๆพร้อมกับหันไปจ้องคนที่ยืนทำหน้าเหมือนกับงงอะไรสักอย่าง
   “ทำหน้าแบบนี้จะสื่ออะไร”
   “เปล่าค่ะ”
   “แต่ฉันพอจะดูออก”
   “ดูออก”
   “ใช่ เธอกำลังไม่พอใจฉัน”
   คนถูกกล่าวหาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ นี่เธอกำลังถูกยัดเยียดข้อกล่าวหาโดยที่ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้อยู่ใช่มั้ย
   “คุณหทัยภัทรกำลังเข้าใจผิดนะคะ มัทไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น”
   “งั้นเหรอแล้วสิ่งที่เธอกำลังพูดออกมานี่เค้าเรียกว่าแก้ตัวหรือเปล่าล่ะ”
   “ไม่ใช่ค่ะมัทก็แค่อยากอธิบาย”
   “แต่สำหรับคนงานที่นี่สิ่งที่เธอกำลังทำเรียกว่าการแก้ตัว”
   มัทนาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีก เธอพอจะเข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่ถูกใส่ร้ายแต่ไม่สามารถแก้ตัวออกมาได้ก็วันนี้แล้วไหนจะสายตาที่ไม่เป็นมิตรที่มองมายังเธอตลอดเวลานั่นอีกมันทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ
   “ฉันมาหาเธอก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง”
   คนพูดก้มมองนาฬิกาครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบสายตากับคนที่คุยด้วยที่ตอนนี้ได้เบือนหน้าไปทางอื่นเป็นที่เรียบร้อย
   “เธอน่าจะรู้นะว่าการที่เราไม่มองหน้าคนที่คุยด้วยคือการไม่ให้เกียรติแต่ก็ช่างเถอะเพราะฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าเธอเหมือนกัน”
   มัทนารู้สึกว่าหูของตัวเองอาจเพี้ยนไปจนทำให้ได้ยินถ้อยคำที่ไม่รื่นหูเมื่อสักครู่เพราะใครเลยจะเกลียดหน้ากันได้ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
   “เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเถอะ”
   “ค่ะ”
   “ที่นี่มีแต่คนใช้แรงงานอันนี้ฉันคงไม่ต้องสาธยายให้เสียเวลา”
   คนพูดโยนเสื้อผ้าเก่าๆที่มัทนาคิดว่ามันคือชุดฟอร์มของคนงานแต่เธอว่าควรจะเปลี่ยนเอาไปทำผ้าขี้ริ้วได้แล้วนะถ้าจะเก่าขนาดนี้
   “ไปเปลี่ยนชุดซะ”
   “เอ่อ มันจะดีเหรอคะ”
   คนพูดหยิบชุดที่กองตรงหน้าขึ้นมาดุก่อนจะจัดการสะบัดจนฝุ่นที่ติดอยู่ฟุ้งไปทั่ว
   “ทำบ้าอะไรของเธอ”
   เสียงตะคอกทำให้มัทนาหยุดการกระจายฝุ่นพร้อมกับหันไปมองคนที่ตวาดใส่เธอ
   “มัทก็แค่ขจัดฝุ่นที่เกาะอยู่แต่ไม่คิดว่ามันจะเยอะขนาดนี้”
   คนพูดยิ้มเก้อก่อนจะรีบหุบยิ้มลงเมื่อเจอเข้ากับสายตาเอาเรื่องของใครอีกคน
   “รีบๆไปใส่สิ!”
   “แต่…”
   “ไม่มีแต่แล้วก็เลิกพูดมากได้แล้วเธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาต่อรอง”
   มัทนากำเสื้อไว้แน่ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อทำตามอย่างที่เจ้านายสาวบอก เธอไม่รู้หรอกว่าจะต้องใช้ระยะเวลานานสักเท่าใดที่จะสามารถทำให้คนเกลียดกันได้แต่สิ่งที่เธอเพิ่งประจักษ์ในเวลานี้ก็คือคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังกำลังรู้สึกเช่นนั้นกับเธอ หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างกังกลแต่เธอเองก็คงทำอะไรได้ไม่มากนอกจากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของตัวตัวมันเอง

   เมื่อมาถึงยังไร่องุ่น มัทนาก็ได้รู้จักกับพี่เลี้ยงที่จะคอยสอนงานให้กับเธอแต่จากการประเมินด้วยสายตาคงจะเรียกว่าพี่ไม่ได้เพราะท่าทางจะอายุพอๆกับเธอหรืออาจจะน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำ
   “สวัสดีค่ะฝากตัวด้วยนะคะ”
   มัทนาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่กลับถูกอีกฝ่ายชักสีหน้าใส่จนเจ้าตัวต้องรีบกลืนรอยยิ้มลงคออย่างรวดเร็ว
   “คนที่นี่ทำไมถึงดุจังนะ”
   เสียงบ่นพึมพำในลำคอแต่กลับไปกระทบหูใครบางคนจนเจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาร่วมวง
   “ตั้งใจทำงานหน่อยเอาให้คุ้มกับเงินค่าตัว”
   มัทนาหันไปมองเจ้าของน้ำเสียงเย้ยหยันที่จงใจพูดกระทบเธอและเมื่อเห็นว่าเป็นใครความสงสัยก็หายไปทันทีเพราะเธอรู้ว่าคนพูดตั้งใจหาเรื่องเธอจริงๆนั่นแหละ
   “พี่นรีคุมเข้มๆหน่อยนะคะดูท่าทางจะไม่ค่อยเชื่อง”
   “นี่คุณ!”
   คนถูกว่าแทบจะกระโจนเข้าใส่คนพูดจาดูถูกตัวเองแต่เดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกใครอีกคนเข้ามาขวางไว้พร้อมกับผลักเธอจนล้มลง
   “ฉันให้เธอมาทำงานไม่ได้ให้มาเป็นนักเลง…ไปทำงานซะ!”
   พูดจบนายหญิงของไร่ก็เดินไปทางอื่นพร้อมกับรอยยิ้มสะใจของคนที่จงใจมาหาเรื่อง
   “คิดจะมีเรื่องกับฉันงั้นเหรอ”
   ปาลิตามองคนที่ยังคงกองอยู่กับพื้นด้วยหางตา
   “เจียมตัวเองไว้บ้างนะว่ามาอยู่ในฐานะอะไร ท่องไว้จะได้ไม่กำแหง”
   คนพูดเดินยิ้มอย่างสะใจออกไปส่วนมัทนาทำได้เพียงกำมือเอาไว้แน่นด้วยความรู้สึกเจ็บใจที่ไม่สามารถระบายออกมาได้
   “เธอเลือดออก”
   หญิงสาวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ย่อตัวลงก่อนจะค่อยๆจับมือที่เปื้อนเลือดให้คลายออกจากนั้นก็ฉุดมือคนบาดเจ็บให้ลุกขึ้นก่อนจะจูงมือให้เดินตามตัวเองไป

   มัทนามองแผลที่มือสลับกับใบหน้าของคนที่กำลังใส่ยาให้ตัวเองอย่างแปลกใจ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาปาลิตาเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าพี่นั่นก็แสดงว่าอีกคนก็ต้องอายุมากกว่าเธอแน่นอน…
   “โอ๊ย! เบาๆสิคุณ”
   อยู่ๆการใส่ยาที่นุ่มนวลก็เริ่มรุนแรงขึ้นจนเจ้าของบาดแผลต้องร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่มัทนาเหมือนจะเห็นรอยยิ้มที่แอบผุดขึ้นบนใบหน้าของอีกคนแว๊บๆก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่แน่ใจว่ารอยยิ้มนั้นมีความหมายอะไรแต่อย่างน้อยเธอก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่แง่ลบแน่นอน
   “ฉันชื่อนรีรัตน์ เรียกนรีเฉยๆก็ได้”
   มัทนายิ้มออกมาน้อยๆเมื่อได้ยินประโยคที่อีกคนพูด ในเวลานี้ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นมิตรกับเธอมากที่สุดสินะ…
   “ฉันชื่อมัทนาค่ะ เรียกว่ามัทก็ได้”
   นรีรัตน์เงยหน้าขึ้นจ้องคนที่เอ่ยแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มมาให้กับตัวเองอย่างอึ้งๆก่อนจะรีบเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องแล้วเดินเอาไปเก็บจากนั้นก็โยนถุงมือให้กับคนที่นั่งยิ้มอยู่
   “ไปทำงานกันเถอะเสียเวลามามากแล้ว”
   พูดจบนรีรัตน์ก็เดินหน้านิ่งนำออกไปส่วนคนที่เหมือนจะยิ้มค้างก็ต้องค่อยๆหุบยิ้มลงอย่างงๆพร้อมกับนึกย้อนถึงสิ่งที่ตัวเองได้พูดออกไปซึ่งมันมีเพียงไม่กี่คำแต่กลับทำให้คนที่เหมือนจะเป็นมิตรแปรเปลี่ยนเป็นศัตรูได้อย่างน่าใจหาย
   “เร็วๆสิถ้าขืนชักช้าฉันจะไปทำอย่างอื่นแล้วนะ”
   น้ำเสียงห้วนๆทำให้มัทนาต้องรีบสลัดความสงสัยทิ้งไปเพราะตอนนี้เธอคงต้องก้มหน้ารับคำสั่งทุกอย่างจนกว่าจะถึงวันของเธอ…ว่าแต่จะมีวันนั้นมั้ยนะ
   
   หทัยภัทรจับจ้องภาพคนสองคนที่กำลังพูดคุยกัน คนหนึ่งคือพี่สาวแท้ๆของปาลิตาซึ่งเป็นคนที่เธอไว้ใจและรักมากดังเช่นปาลิตาส่วนอีกคนคือตัวแทนของความเกลียดที่เธอเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน
   “ที่จริงน่าจะให้ตาเป็นคนสอนงานนะคะ พี่นรีใจอ่อนเกินไปอาจทำให้เสียเรื่อง”
   ปาลิตาจับจ้องไปยังเป้าหมายเดียวกับคนข้างๆ เธอรู้สึกไม่มั่นใจในตัวพี่สาว ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแต่นรีรัตน์ใจอ่อนเกินกว่าจะทำร้ายใครได้ เธอหวังให้เป็นเพียงแค่ความคิดของตัวเองเพราะสิ่งที่พวกเธอกำลังทำอยู่นี้เพื่อสั่งสอนคนที่บังอาจทำร้ายคนที่พวกเธอรัก
   “พี่เชื่อว่านรีทำได้”
   “ถ้าเป็นตา ยัยหน้าจืดนั่นคงร้องกลับบ้านตั้งแต่วันแรก”
   คนพูดยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ของมัทนา
   “แบบนั้นไงล่ะพี่ถึงให้นรีทำหน้าที่นี้”
   “ทำไมล่ะคะ หรือว่าพี่หทัยสงสารมัน”
   ปาลิตาแสดงสีหน้าไม่พอใจทันที ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าคนข้างๆกำลังคิดอะไรอยู่แต่ความรู้สึกบางอย่างมันคอยสะกิดความคิดเธออยู่ตลอดเวลาว่าให้คอยระวังยัยหน้าจืดคนนี้ให้ดี
   “อย่าทำให้เสียเรื่องนะตา จำไว้ว่าความเจ็บปวดและทรมานไม่ควรมอบให้กับคนที่เราเกลียดแค่วันเดียวแต่เราสามารถทำให้มันเนิ่นนานกว่านั้น ยิ่งนานยิ่งดีนี่ต่างหากคือความสะใจที่แท้จริง”
   หทัยภัทรเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันไปมองเป้าหมายอีกครั้ง ใบหน้าและรอยยิ้มที่ปาลิตาไม่ค่อยได้เห็นและนึกอยากเห็นมาตลอดแต่มาครั้งนี้เธอกลับรู้สึกอยากให้คนข้างๆทำหน้านิ่งแทนเผื่อบางทีจะลดความน่ากลัวลงไปได้บ้าง
   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.