ตอนที่ 3
ฉลอง ทำนุ ถือว่าเป็นชาวเอเชียคนหนึ่งที่ทะเยอทะยานจนสามารถเอาตัวเองเข้าสู่ชั้นปลายแถวของกลุ่มผู้นำโลกได้สำเร็จ เขายังคงรักและอาศัยอยู่ในโซน SE หรือชื่อเต็มๆ ว่าโซนตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง และแน่นอนว่าฉลองเคยเห็นมากับตาว่าเกิดอะไรบ้างในปี 2015 นั่นทำให้สามสิบปีต่อมา เขากลายเป็นหนึ่งในผู้หาประโยชน์เข้าตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเขามองไม่เห็นว่าพวกเศษสวะมนุษย์เหลือขอที่รอดชีวิตจากการก่อการร้ายแสงครามครั้งนั้นมานอนแออัดรวมกันอยู่จะมีประโยชน์อะไรที่ต้องเอาเงินไปพัฒนาชีวิตพวกมัน ฉลองจึงเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อเอามาให้ลูกชายสามคนของเขาไปเรียนต่อในโซนอื่น โดยเฉพาะโซน NW ที่ถือว่าวิทยาการและการศึกษาล้ำหน้าที่สุด
รวมถึงการซื้อบ้านตากอากาศที่หาได้อย่างยากเย็น ...
เขาคิดว่าความเหนื่อยล้าจากการทำงานนั้นมากพอที่ตัวเองสมควรจะได้รับมัน แต่ก่อนอื่นต้องเดินทางไปจัดการเงินเหล่านี้ให้สะอาดเสียก่อน หากเขาฝากเงินเข้าที่นี่ ธนาคารจะรู้ทันที แต่แน่นอนว่าเขามีที่ซึ่งไว้ใจได้ให้แลกเปลี่ยนและใส่เงินเข้าในบัญชีโดยไม่มีคำถาม
ฉลองหาโอกาสที่เขาจะไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าที่โซนNE ซึ่งมีชาวเอเชียอยู่เยอะไม่แพ้กันเพื่อพักผ่อนและจัดการธุระให้เสร็จ ชายหนุ่มออกจากตึกที่ทำงาน นั่งรถลีมูซีนสีดำสนิท รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีเครื่องกรองมลพิษชนิดพิเศษพร้อมบัตรผ่านเส้นทางสำคัญเพื่อไปยังสนามบินกลางของโซน SE ให้ทันเวลา
เวลานี้เกือบสามทุ่ม...
สนามบินสมัยที่ฉลองยังเด็กนั้นไม่เหมือนตอนนี้สักเท่าไร เดี๋ยวนี้ที่นี่ต้องมีทหารเฝ้าเพื่อป้องกันทั้งการก่อการร้าย ตรวจกักกันโรคระบาด เป็นที่รู้กันดีว่าอาวุธชีวภาพในตอนนั้นส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอารักขาคนสำคัญต่างๆ ซึ่งฉลองต้องการเป็นคนกลุ่มนั้นอย่างไม่รู้จักเจียมตัวเอง สายตาเขาเหลือบมองท้องฟ้าเป็นระยะ เดี๋ยวนี้ท้องฟ้าไม่เหมือนตอนเขายังเด็ก เมฆไม่ขาวหมดจดนัก เมื่อไรที่มองเห็นฟองกลมๆ สีฟ้าขนาดใหญ่มหึมาพ่นขึ้นฟ้าแล้วแตกออก เขาก็รู้ทันทีว่าการล้างพิษเริ่มอีกครั้ง การฟื้นฟูนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขา
หากไม่ต้องใช้อากาศร่วมกันน่ะนะ...
ทันทีที่ลงจากรถลีมูซีนฉลองก็ก้าวเข้าสู่ทางเดินห้องกระจกใส อากาศสดชื่นเหมือนใหม่ พนักงานต้อนรับโค้งคำนับให้
อย่างว่า เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ทุกคนจะบินได้... เขาไม่เคยสนับสนุนพวกสายการบินต้นทุนต่ำมาแต่แรก พอเดี๋ยวนี้ไม่ต้องนั่งรอขึ้นเครื่องใกล้กับคนระดับกลางเขาก็ยิ่งภูมิใจ
“ท่านครับ เที่ยวบินของท่านจะออกภายในยี่สิบนาทีนี้แล้วครับ” พนักงานสายการบินคนหนึ่งเดินมาพร้อมเด็กยกกระเป๋า ฉลองยอมให้ยกทุกใบ ยกเว้นใบหนึ่งซึ่งเป็นกระเป๋าสีดำสนิท
“เดี๋ยวการ์ดฉันจะถือไปเอง...”
แล้วพนักงานต้อนรับก็โค้งคำนับเขา ก่อนจะพาเดินไปยังประตูทางขึ้นเครื่องบิน
ฉลองเลือกที่นั่งในระดับเฟิร์สคลาสเพื่อไม่ให้ใครรบกวน และแน่นอนว่ามันเป็นระดับเฟิร์สคลาสสมชื่อจริงๆ ทั้งความสะดวกสบาย เงียบสงบ แอร์โฮสเตสส่วนตัวซึ่งวันนี้เขารู้สึกโชคดีไม่น้อยเนื่องจากเธอทั้งสวยและดูเด็กกว่าคนอื่นๆ
“ยินดีต้อนรับค่ะท่าน ดิฉัน ฮิเดโกะ แอร์โฮสเตสส่วนตัวของท่านประจำเที่ยวบินนี้ค่ะ”
หญิงร่างบางในชุดสีแดงสด ดูแล้วสวยใสจนชายวัยกลางคนอย่างเขาอยากจะย้อนวัยตัวเองเสียจริงๆ เธอรับสูทของเขาไว้ รวมทั้งกระเป๋าถือสีดำสนิทในมือบอดีการ์ด เพื่อนำไปเก็บในช่องใส่ของส่วนตัวพร้อมกัน ทว่าบอดี้การ์ดร่างยักษ์ไม่ยอมให้เธอคลาดสายตา แถมยังตามแอร์โฮสเตสสาวไปถึงที่เก็บของส่วนตัวของฉลอง ก่อนจะยึดเอากุญแจลอคเกอร์มาไว้กับตัวเขาเอง
…………………………………
“ชักช้าจริงๆ เลย”
เสียงของซิกนัสดังลอดผ่านเครื่องขยายเสียงซึ่งฟินิกส์เสียบไว้ที่หูของเธอ ร่างบางหงุดหงิดใจเล็กน้อยกับความใจร้อนของคู่หู
“มีลิงกอริล่าขวางตู้อยู่ แถมยังเอากุญแจไปอีกน่ะสิ” ร่างบางบอกเสียงแผ่ว ทั้งที่เธอเช็คข้อมูลกับเจเจแล้ว และซื้อกระเป๋าแบบเดียวกันมาเปลี่ยนเรียบร้อย ทว่าไม่มีโอกาสสักที
“อีกสิบนาทีถ้าเธอไม่สำเร็จฉันได้ละลายตายคาห้องเครื่องแน่ ลาก่อนนะทูนหัว”
“ไอ้บ้า” ฟินิกส์ค้อนใส่คู่หูทีหนึ่งโดยที่ซิกนัสไม่เห็น แต่ก็หัวเราะชอบใจเพราะนึกภาพออก
“อะไรนะ” บอดี้การ์ดของฉลองหันมาถาม ฟีนิกส์ยิ้มทำหน้าเหรอหรา แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เปล่าค่ะ อีก 10 นาทีถึงจะปิดประตูเครื่อง จะรับเครื่องดื่มอะไรก่อนไหมคะ?” บอดี้การ์ดส่ายหน้าแทนคำตอบ ท่าทางจะขัดเขินไม่น้อยเมื่อเจอคำหวานๆ เข้า
ว่าแต่หมอนี่หูดีจัง...
“หนูจ๊ะ” ฉลองเรียกแอร์โฮสเตสส่วนตัวของเขา หารู้ไม่ว่าเธอเป็นนักโจรกรรมสาวคนเดียวกับที่ทางการประกาศเตือนอย่างลับๆ “ฉันอยากอ่านข่าววันนี้ มันกดตรงไหน”
“อ๋อค่ะ” ฟินิกส์สาวเดินตรงไปหาก่อนจะกดปุ่มตรงกลางที่พักมือฝั่งขวาข้างกายของฉลอง กลิ่นหอมๆ ของเธอทำเอารองผู้อำนวยการหน้าเงินถึงกับเคลิ้มฝันทีเดียว
“ฉันเกลียดหน้ามันจริงๆ ให้ตายเหอะ” ซิกนัสบ่นอุบออกมาจากเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กในหูของฟินิกส์ คู่หูเธอมองเห็นหน้าฉลองซะใกล้ ผ่านกล้องตัวเล็กที่ติดอยู่บนกระดุมเสื้อของชุดยูนิฟอร์มสายการบิน “เฮ้ยไอ้เฒ่าตัณหากลับ กล้ามองที่รักของฉันแบบนี้เรอะ...!?!”
ขี้บ่นจริงๆ เลย ซิกนัสเนี่ย...
หน้าจอสีเหลี่ยมบางใสปรากฏขึ้นทันที หลังจากที่สาวสวยกดลงบนปุ่มนั้น มันคือจอสองมิติที่ฉายภาพออกมา ฉลองสามารถเลือกได้ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือรับข่าวสารแบบอ่านหรือรายงานข่าว ซึ่งปกติก็มีอยู่ทั่วไปตามบ้านคนรวย เธอรู้ว่าชายคนนี้ต้องการอะไร
ถ้าฉันปลดกระดุมเสื้อสักสองเม็ดแล้วนั่งบนตัก ไอ้แก่นี่จะหัวใจวายตายไหม...
“ขอบใจจ้ะ” เขาบอก
น่าเสียดายที่เสน่ห์ของเธอเหมือนใช้ไม่ได้กับบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉลอง เห็นทีต้องหาแผนการใหม่ ... ว่าแล้วฟินิกส์ก็หายไปราวครึ่งนาทีก่อนจะกลับมาพร้อมกับน้ำสีฟ้าสวยๆ สองแก้ว
“welcome Drink ค่ะ” แอร์โฮสเตสสาวยื่นถาดให้ฉลอง เขารับไปอย่างว่างาย ไม่วายตอนจับแก้วต้องแอบสัมผัสมือเธอนิดหนึ่ง หญิงสาวถอนใจ
“โฮะ ไอ้นี่มันหาโอกาสแต๊ะอั๋งเธออีกแล้วนะ...!!”
นั่นไง ว่าแล้วว่านายซิกนัสต้องบ่น...
“ขอบใจจ้ะ”
เอาล่ะนะ ฉันขอแค่แปบเดียวเท่านั้นเอง...
…………………………………
ฉลองนั่งดูข่าวต่างๆ ผ่านทางเจ้าจอสี่เหลี่ยมใส สนุกกับการเอานิ้วสัมผัสเบาๆ แล้วเลื่อน มันก็เปลี่ยนไปอีกข่าวหนึ่งเรื่อยๆ จนเห็นข่าวปล้นบ้านนายพล
“หนูจ๊ะ” ฉลองหันไปข้างหลัง แวบหนึ่งเขาเห็นว่าแอร์โฮสเตสส่วนตัวหายไป แต่แค่เพียงแวบหนึ่งเท่านั้นจริงๆ สาวสวยกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
“คะท่าน?”
“เครื่องจะขึ้นหรือยัง” เขาถาม เมื่อเห็นว่าตัวเองขึ้นมาได้นานพอสมควรแล้ว
“อีกห้านาทีค่ะ ขณะนี้กำลังให้ผู้โดยสารทั่วไปขึ้นเครื่องค่ะท่าน” เธอบอกก่อนจะค่อยๆ เดินถอยไปเพื่อให้ผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามานั่งที่
เจ้าบอดี้การ์ดด้านหลังก็ดันหลับสนิทไปเสียแล้ว...
เขาหันมาสนใจหน้าจอ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหารายการกีฬาดู แอร์โฮสเตสคนหนึ่งก็เดินเข้ามายืนตรงหน้า คนนี้ไม่สวยเท่าไรนัก ดูมีอายุงานมากเหมือนแอร์โฮสเตสชั้นเฟิร์สคลาสคนอื่นๆ
“สวัสดีค่ะท่าน ดิฉันชื่อ ฮันน่า เป็นแอร์โฮสเตสส่วนตัวของท่านประจำเที่ยวบินนี้ค่ะ” ร่างบางยิ้มอย่างเป็นมิตร แบบเดียวกับโปสเตอร์การท่องเที่ยวของโซน SE เป๊ะ
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันน่ะมีแอร์ส่วนตัวแล้วนะ” ฉลองขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“แต่ดิฉันได้รับแจ้งอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวยืนกราน ก่อนที่สจ๊วตคนหนึ่งจะเดินเข้ามาสอบถาม
“มีอะไร”
“คือ ท่านฉลองบอกว่ามีแอร์ส่วนตัวแล้ว แต่ฮันน่าห์กับแอร์โฮสเตสของชั้นเฟิร์สคลาสเพิ่งจะเดินเข้ามาเองนะคะ”
พอสจ๊วตหนุ่มหล่อได้ยินดังนั้นก็หน้าถอดสีด้วยความประหลาดใจ รีบหันไปชี้แจงกับฉลองทันที เมื่อฉลองรู้ว่านี่ไม่โกหกแน่ แถมยังไม่เคยมีแอร์โฮสเตสชื่อฮิเดโกะอยู่ในสายการบินนี้ ใจก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“ไอ้บ๊อบบี้!!!”
เขาตวาดลั่น บอดี้การ์ดก็ยังไม่ได้สติ แน่ใจแล้วว่าต้องโดนวางยาอย่างแน่นอน เขารีบดึงกุญแจที่คาอยู่ในมือของบอดี้การ์ดตัวเองทันที ก่อนจะเดินเข้าไปยังลอคเกอร์ส่วนตัว ท่ามกลางความตกใจของพนักงานและผู้โดยสาร
ในนั้นยังมีกระเป๋าสีดำสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ ฉลองถอนหายใจออกมา เขาเอามันกลับมาที่เบาะนั่งของตัวเอง ก่อนจะเปิดกระเป๋าใบนั้นออกเพื่อตรวจเช็ค แล้วจึงได้พบว่า...
กระเป๋าใบนั้น ไม่มีธนบัตรใดๆ เลยสักใบเดียว มันมีเพียงแต่พื้นที่ว่างเปล่า กับขนนกสีเพลิงที่ถูกวางไว้ตรงกลางเพื่อให้คนเห็นยิ่งรู้สึกบ้าคลั่ง
“โธ่โว้ยยย!!!!”
ฉลองร้องลั่นด้วยว่าความโกรธของเขาถึงขีดสุด ก่อนจะตะโกนสั่งพนักงานที่ยืนอยู่ตรงนั้น “ไปตามหาอีนั่นเดี๋ยวนี้ ไปจับอีฮิเดโกะมาให้ได้!”
.........................................
คลาดสายตาเพียงเสี้ยววินาที ฟินิกส์ก็ถือโอกาสสลับกระเป๋า ซิกนัสเป็นคนเตรียมกระเป๋าใบที่เหมือนกันไว้ให้พร้อม ถือว่าฉลองพลาดเองที่ชอบใช้แต่กระเป๋ายี่ห้อเมอร์เร่ รุ่นคลาสสิก ลิมิตเตทอิดิชั่นเป็นประจำ และซิกนัสก็หาของปลอมแปลงมาได้อย่างแนบเนียน ฟินิกส์รู้ว่าจังหวะที่เหมาะที่สุดคือตอนที่แอร์โฮสเตสจริงๆ จะเข้ามาดูแล บวกกับผู้โดยสารทั่วไปจำนวนมาก หญิงสาวก็แค่เปลี่ยนกระเป๋า รีบเข้าห้องน้ำ ถอดชุดออก รวมทั้งหน้ากากที่เป็นซิลิโคนบางๆ พอให้เปลี่ยนใบหน้าของเธอเป็นสวยใสอย่างกับคนเชื้อสายญี่ปุ่น เปลี่ยนรูปคิ้ว ปาก จมูก คงไว้เพียงดวงตาและใช้คอนแทคเลนส์สีใส่ลงไปแทน หญิงสาวลอกมันออกทั้งหมดแล้วเปลี่ยนอันใหม่อย่างชำนาญ ก่อนจะเหลือเพียงชุดคนทำงานทั่วไป
และแน่นอนว่าเธอมีตั๋วโดยสารแล้ว...
หญิงสาวศึกษาข้อมูลเครื่องบินรุ่นนี้มาอย่างดี พออกจากห้องน้ำเธอก็แค่เดินลงไปทางห้องพักพนักงานซึ่งทุกคนง่วนอยู่กับการต้อนรับ ก่อนจะเปิดช่องลมสี่เหลี่ยมด้านล่างของเคาท์เตอร์บาร์สำหรับจัดอาหารเสิร์ฟผู้โดยสาร จากนั้นก็โยนกระเป๋านั่นลงไป แล้วรีบกลับขึ้นมา
ทำทีเป็นออกมาแล้วเดินหาที่นั่ง จนกระทั่งแอร์โฮสเตสคนหนึ่งเห็นท่าทาง งกๆ เงิ่นๆ ของเธอ
“คือ ... ทำไมที่ของดิฉันมีคนนั่งล่ะคะ” หญิงสาวตีหน้าซื่อถาม นางฟ้าบนเครื่องบินรับตั๋วมาดูแล้วก็ต้องตกใจ
“ตายจริง ทำไมดูกันไม่ดีเลยนะ ของคุณเป็นไฟลท์ข้างๆ กันนี่ค่ะ เอ่อ... คุณปวารตี” เธอหันมองฟีนิกส์ ซึ่งบัดนี้กลายเป็นสาวเชื้อสายอินเดีย คิ้วเข้ม ผิวคล้ำ หน้าคม
“เแย่จริงๆ ทำไมพวกคุณไม่เช็คให้ดีก่อน ฉันเสียเวลามากเลยนะ” หญิงสาวยกไม้ยกมือ ส่ายหัวเบาๆ ทำท่าเหมือนพวกเชื้อสายอินเดียไม่มีผิด
“ทางเราต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปส่งที่ห้องรับรองผู้โดยสารนะคะ” พนักงานสาวหน้าเสียรีบผายมือเชิญให้ฟินิกส์ออกไปจากตรงนั้นทันที หญิงสาวไม่ลังเลที่จะลงจากเครื่องนี้ แม้ใจจะจดจ่อกับบางอย่าง
เธอยิ้มเยาะน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงแว่วของคนโวยวายที่เพิ่งรู้ตัวว่าของมีค่าของตัวเองหายไป
“เอ่อ... มีอะไรกันเหรอครับ” สจ๊วตหนุ่มคนหนึ่งดักทางไว้ก่อนจะถาม พอเขาได้ความจากเพื่อนร่วมงานก็หันมาขออนุญาตค้นตัว
แน่นอนว่าฟีนิกส์ยอมแต่โดยดีและไม่มีอะไรเสียหายแม้แต่น้อย กระทั่งบัตรประจำตัวยังมีหน้าปวารตีติดอยู่ พนักงานต่างขอโทษและปล่อยให้เธอลงจากเครื่อง ทั้งยังไปส่งเธอนั่งรอ แต่ฟินิกส์ร้อนใจเกินกว่าจะรอได้ เมื่อมีจังหวะเธอรีบหลบออกไปและติดต่อซิกนัสทันที
“ซิกนัส เป็นไงบ้าง...” หญิงสาวพูดเบาๆ ทำทีหยิบเทเลแกรมขึ้นมาทั้งที่ความจริงแล้วเธอกำลังคุยกับเครื่องขยายเสียงอันจิ๋วในหูตัวเอง
“ซิกนัส ตอบฉันสิ ซิกนัส..”
อีกฝ่ายยังคงเงียบ ถึงแม้ว่าฉลองจะโวยวายแค่ไหน แต่ไม่มีทางที่เครื่องจะเลื่อนไฟลท์แน่ และถ้ามันเตรียมบินขึ้นเมื่อไรล่ะก็... คู่หูของเธอคงได้เป็นศพนอนเฝ้าเครื่องบินลำนั้นไปตลอดกาล
“ซิกนัสเป็นไงแล้วล่ะ หายไปไหนเนี่ยตอบฉันสิ” ร่างบางเดินไปมาด้วยความร้อนรน ก่อนจะรีบเกาะกระจกดู และถึงได้เห็นว่า เครื่องบินลำนั้นพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าไปแล้ว
ซิกนัส...
“คิดถึงฉันแทบขาดใจเลยเหรอที่รัก” เสียงเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายดังขึ้นมาจากเครื่องขยายเสียงอีกครั้ง คราวนี้กวนให้อารมณ์เมื่อครู่ละลายหายกลายเป็นโมโหทันที
“โทษที... พอดีฉันทำเครื่องขยายเสียงหลุดตอนที่แอบบออกมาทางช่องเครื่องบินอะ โหย หายากชะมัดเลย กลับไปที่ฐานเมื่อไรจะอัดเจ้าเจเจให้น่วมเล้ย มาบอกได้ว่าทางในห้องเครื่องอะหมูๆ ฉันหลงไปตั้งสองนาที เกือบไปแล้วสิ อ้าว... ทำไมเงียบไปเลยล่ะ ฟีนิกส์”
ซิกนัสมัวแต่โม้เรื่องของตัวเอง โดยไม่ได้รู้เลยว่าอีกฝ่ายห่วงเสียจนน้ำตาไหล
คนที่จะโดนอัดก่อนก็คือนายนั่นล่ะ ไอ้บ้าซิกนัส...! ฮึ่ม!! อยากจะชกนายซักเปรี้ยงจริงๆ
“แล้วทีนี้จะจัดการยังไงต่อ ไปที่ฐานเลยไหม” ฟินิกส์พูดตัดบท ทว่าเทเลแกรมส่วนตัวของเธอนั้นดังขึ้น “แปบนะ ซิกนัส เหมือนจะมีงานเข้ามา”
“ตามนั้น” อีกฝ่ายบอกแล้วหยุดการติดต่อไป...
ร่างบางมองดูเทเลแกรมซึ่งรัฐให้เธอไว้สำหรับทำงาน เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เธอก็ถอดเครื่องมือสื่อสารกับซิกนัสออก ก่อนจะเดินไปเรื่อยๆ และรับสายเพื่อคุย ปรับเสียงให้เป็นทางการทันที
“ค่ะผู้พันเจมส์... อ๋อค่ะ ตอนนี้ดิฉันกำลังอยู่ข้างนอก...”
“คุณหมอณัฐณิชา เกิดเหตุระเบิดที่คลังยา รีบมาด่วนเลยนะ”
ฟินิกส์ ที่ใครๆ รู้กันดีกับอีกด้านหนึ่ง ว่าเธอคือณัฐณิชาหรือหมอนิ ถึงกับยืนนิ่งเมื่อรู้ว่าโบอา เพื่อนของเธอก็อยู่ที่นั่นคืนนี้!!!
…………………………………