Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๗ : ดั่งพิษรักมารุมทรวง
เจ้าหญิงนลินยุพาเสด็จมาพำนัก ณ พระตำหนักซึ่งพระเจ้าชัยวรรธนะกับพระนางศุภาวลัยจัดรับรองพระนาง พระพี่เลี้ยงกันตาและเหล่านางกำนัลตามมาปรนนิบัติพระนางด้วยความจงรักภักดี
“พระธิดาเพคะ ทรงเสวยพระโอสถสักนิดเถิดเพคะ” พระพี่เลี้ยงกันตานำพระโอสถมาถวายเจ้าหญิงนลินยุพา
“เรามิได้เป็นอันใดดอกกันตา เราเพียงแต่...” พระธิดาตรัสตอบด้วยพระสุรเสียงสั่น พระพักตร์ซีดเผือด
‘โอสถที่เจ้านำมาถวายฤๅจะรักษาโรคพิษรักในใจเราได้ กันตาเอ๋ย’ เจ้าหญิงนลินยุพาทรงนึกในพระทัย
“พระองค์ทรงพึงใจเจ้าหญิงนลินยุพาใช่ฤๅไม่” พระพี่เลี้ยงกันตาทูลถามพระธิดาพร้อมกับจ้องพระพักตร์พระนางนิ่ง
“เจ้าเอ่ยอันใดออกมากันตา น้องหญิงมณีจันทร์เป็นสตรีเยี่ยงเดียวกันกับเรา เราจะพึงใจนางได้เยี่ยงใดกัน” พระธิดาแสร้งตรัสปฏิเสธพระพี่เลี้ยงด้วยพระสุรเสียงขุ่น ทรงพยามยามปกปิดพระอาการขวยเขิน
“โถ่ ! ทูลหัวของหม่อมฉัน ถ้าพระองค์มิได้ทรงพึงใจพระนาง เหตุอันใดพระพักตร์ของพระองค์ถึงได้ซีดราวไร้ซึ่งพระโลหิตเยี่ยงนี้เพคะ”
“เราบอกเจ้าแล้วมิใช่ฤๅว่าเราอ่อนกำลังจากการเดินทาง พักชั่วครู่ก็จะทุเลาลง หาได้พึงใจผู้ใดไม่” ยิ่งตรัสพระสุรเสียงยิ่งสั่น พระเสโทชื้นๆเกาะพราวทั่วพระพักตร์ เนื่องด้วยพระนางทราบดีว่าทรงพึงใจเจ้าหญิงมณีจันทร์มากเพียงใด
พระพี่เลี้ยงกันตาอยากจะเอ่ยคำแย้งพระดำรัสของพระธิดาแต่นางกำนัลได้เข้ามากราบทูลพระธิดาเสียก่อนด้วยเหตุว่าเจ้าชายธราเทพพระเชษฐาของพระนางมาขอเข้าเฝ้า พระนางทรงอนุญาตเจ้าชายธราเทพเสด็จเข้ามาในพระตำหนักของพระขนิษฐา
“เจ้าเป็นอันใดมากหรือเปล่าน้องหญิง” เจ้าชายธราเทพทรงประทับนั่งเคียงข้างพระขนิษฐาและตรัสถามด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยน
“น้องมิได้เป็นอันใดเพคะเสด็จพี่ เพียงแต่อ่อนกำลังจากการเดินทางเท่านั้นเพคะ” พระธิดานลินยุพาหลบพระเนตรของพระเชษฐาโดยการซบพระพักตร์ไปที่พระอุระของพระองค์ พระนางจะเอ่ยอันใดออกไปได้เล่าว่าพระอาการประชวรที่เกิดขึ้นเกิดจากพิษรักมารุมทรวงหาได้เกิดจากเหตุอื่นไม่
“อาจจะด้วยยังไม่เสวยพระกระยาหารด้วยกระมัง กันตาเจ้าไปเตรียมพระเครื่องมาเถิด เราจะเสวยพร้อมน้องหญิงของเรา”
“เพคะพระโอรส”
เพียงชั่วครู่พระพี่เลี้ยงกันตาและเหล่านางกำนัลได้อัญเชิญพระสุพรรณภาชน์บรรจุพระเครื่องเสวยพร้อมด้วยถาดผลไม้นานาชนิดซึ่งแกะสลักอย่างวิจิตรประณีตงดงามส่งกลิ่นหอมขจรขจายน่าเสวยมาถวายเจ้าชายธราเทพและเจ้าหญิงนลินยุพา พระโอรสและพระธิดาของนาง
“น้องหญิงของพี่ หากวันหนึ่งน้องหญิงมณีจันทร์มาเป็นพี่สะใภ้ของน้อง น้องจะว่าอันใดฤๅไม่” ขณะที่ทรงเสวยพระกระยาหารร่วมกันอยู่นั้น จู่ๆพระเชษฐาก็มีพระดำรัสขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“พระองค์ทรงตรัสว่าเยี่ยงใดฤๅเพคะเสด็จพี่ น้องฟังไม่ถนัดนัก” เจ้าหญิงนลินยุพาทูลถามพระเชษฐาให้แน่พระทัยว่าพระองค์ทรงสดับมิผิด
“มิได้มีอันใดดอก เสวยต่อไปเถอะน้องหญิง มัสมั่นปลาเทโพนี่เจ้าโปรดมิใช่ฤๅ เสวยมากๆเจ้าจะได้มีกำลังดังเดิม” เจ้าชายธราเทพทรงตักแกงมัสมั่นปลาเทโพพระราชทานแด่พระขนิษฐา
“ขอบพระทัยเพคะ เสด็จพี่เพคะพระองค์เคยพึงใจผู้ใดฤๅไม่เพคะ” พระขนิษฐาทูลถามพระเชษฐาด้วยแววพระเนตรเลื่อนลอย
“เจ้าถามพี่ด้วยเหตุอันใดน้องหญิง ฤๅว่าเจ้าพึงใจผู้ใด เจ้าพึงใดเจ้าพี่อติรัณณ์ฤๅ” เจ้าชายธราเทพทรงถามพระขนิษฐาด้วยรอยแย้มสรวล
“มิได้เพคะเสด็จพี่ เพียงแต่น้องอยากทราบความในพระทัยของพระองค์เท่านั้นเพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสปฏิเสธพระเชษฐาด้วนพระสุรเสียงตะกุกตะกัก
“เยี่ยงนั้นฤๅ เสวยต่อเถิดน้องหญิง น้องเพิ่งเสวยไปเล็กน้อยเท่านั้น เดี๋ยวพระเครื่องจะชืดเสียหมด” เจ้าชายธราเทพทรงบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถามของพระขนิษฐา
“เพคะเสด็จพี่” เจ้าหญิงนลินยุพาเสวยพระกระยาหารต่อเพียงเล็กน้อยก็ทรงหยุดเสวย ทรงเสวยพระสุธารสตามในทันที
“อิ่มแล้วฤๅน้องหญิง ถ้าเยี่ยงนั้นเสวยผลไม้นี่เถิด” เจ้าชายธราเทพตรัสพร้อมทรงนำพระสุพรรณภาชน์บรรจุผลไม้นานาชนิดไปวางไว้ตรงหน้าพระขนิษฐา
“เพคะ”
จากนั้นความเงียบงันได้มาเยือนเมื่อทั้งองค์พระองค์ต่างมิได้มีพระดำรัสใดๆออกมาอีกจวบจนเสวยพระกระยาหารเสร็จสิ้น เจ้าชายธราเทพจึงเสด็จกลับพระตำหนักของพระองค์ เมื่อลับพระวรกายของพระเชษฐาแล้วเจ้าหญิงทรงขมวดพระขนงมุ่น สิ่งที่พระเชษฐาตรัสออกมาหมายความว่าเยี่ยงใดหนอ เหตุใดเมื่อได้ทรงสดับแล้วพระทัยของพระนางราวกับมีเข็มนับร้อยๆเล่มๆมาทิ่มแทงเยี่ยงนี้
................................................................................
ณ อุทยานในนครบุปผาลัย
เจ้าหญิงนลินยุพาเสด็จมาประพาสอุทยานของนครบุปผาลัยพร้อมด้วยกันตาพระพี่เลี้ยงและเหล่านางกำนัลในเวลาจวนสิ้นทิวาวารแดดในยามเย็นกำลังลงสู่สมัยใกล้วิกาล ทอแสงแผ่ซ่านไปยังทุ่งดอกไม้ในอุทยาน แลละลิ่วเห็นเป็นทางสว่าง ไปทั่วประเทศสุดสายตา ดูประหนึ่งมีหัตถ์ทิพย์มาปกแผ่อำนวยสวัสดี เบื้องบนมีกลุ่มเมฆเป็นคลื่นซับซ้อนสลับกันเป็นทิวแถว ต้องแสงแดดจับเป็นสีระยับวะวับแววประหนึ่งเอาทรายทองมาโปรยปราย เลื่อยลอยละลิ่วๆ เรี่ยๆ รายลงจรดขอบฟ้า แดดยามสนธยาสาดแสงผ่านท้องฟ้าสีคราม พร้อมสายลมพลิ้วพัดดอกลั่นทมร่วงผล็อยๆ ลงสู่เบื้องล่าง แลดูดารดาษดั่งพื้นหญ้าสีน้ำตาลปูด้วยพรมดอกไม้สีขาวนวลงามตา
ณ อุทยานภายใต้ท้องฟ้าสีคราม มีสระปทุมจันทราที่มีดอกบัวนานาพรรณ กำลังบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณนั้น นานๆสักครั้งจะมีลมพัดมาแผ่วเบาเหมือนขี้เกียจเสียเต็มประดา โอบอุ้มปุยเมฆสีขาวลอยฟ่องผ่านไปอย่างเชื่องช้า น้ำค้างจับตัวเกาะอยู่ตามยอดหญ้า น้ำในสระปทุมจันทรานั้นดูเงียบสงัด และเงียบดุจแผ่นกระจกนานๆ สักครั้งจะมีปลาใหญ่น้อย โผล่ขึ้นมาสูดอากาศอันบริสุทธิ์และทำให้เกิดระลอกคลื่นน้อยๆเข้าสู่ฝั่ง
พระนางทรงชมนกชมไม้ซึ่งอุดมสมบูรณ์มิต่างจากแมกไม้ในไพรวัน สารพันที่จะมีทั้งหมู่มวลดอกไม้หลากสี และดอกไม้สีขาวเห็นแล้วก็น่าเพลิดเพลินไม่เมินได้ พระธิดาทรงพระดำเนินไปอยู่ท่ามกลางดอกไม้หลากสี อุปมาเหมือนหนึ่งภุมรินบินวะว่อน เที่ยวซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ พบดอกไม้อันวิเศษต้องประสงค์หลงเคล้าคลึงรสทิพย์
เจ้าชายอติรัณณ์ทรงทอดพระเนตรพระอาการเยี่ยงนั้นของเจ้าหญิงนลินยุพาด้วยรอมแย้มสรวล กิริยาใสซื่อบริสุทธิ์ของพระนางประทับพระทัยพระองค์ยิ่งนัก
“หายป่วยแล้วฤๅน้องหญิง” เจ้าชายอติรัณณ์ทรงตรัสถามเมื่อพระนางเหลียวมาเห็นพระองค์แล้วก้มยอกรถวายบังคมอย่างชดช้อยงดงาม
“เพคะ น้องขอพระราชทานอภัยที่มาที่นี่โดยได้รับอนุญาตจากเสด็จพี่ฤๅเสด็จอาทั้งสอง”
“ไม่เป็นไรมิได้ อาณาเขตของเมืองบุปผาลัยทุกพื้นที่น้องหญิงมีสิทธิ์เที่ยวชม น้องจะรังเกียจฤๅไม่หากพี่จะอาสาพาน้องเที่ยวชมอุทยานแห่งนี้”
“ด้วยความยินดีเพคะ หากพระองค์จะทรงพระกรุณาต่อน้อง”
จากนั้นเจ้าชายอติรัณณ์ทรงนำเสด็จเจ้าหญิงนลินยุพาประพาสชมนกชมไม้ในอุทยานด้วยความเกษมสำราญเบิกบานพระราชหฤทัย เจ้าหญิงนลินยุพาทรงทอดพระเนตรพบปทุมมาสีทองกอหนึ่งส่องประกายเรืองรองงดงามยิ่งนักประกอบกับกลิ่นอันหอมฟุ้งทำให้พระนางทรงโปรดจึงทรงตรัสให้พระพี่เลี้ยงกันตาเด็ดดอกไม้นั้นมาถวายพระองค์
“กันตา เราอยากได้ดอกบัวกอนั้นเหลือเกิน เจ้าไปนำมาให้เราได้ฤๅไม่”
“เพคะพระธิดา” พระพี่เลี้ยงกันตาเดินไปเตรียมจะเด็ดดอกบัวมาถวายแต่เจ้าชายอติรัณณ์ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปเด็ดมาเสียก่อนพระพี่เลี้ยงกันตา ก่อนที่จะนำมาพระราชทานแด่เจ้าหญิงนลินยุพา
“น้องหญิง น้องชอบดอกบัวนี่ฤๅ รับไว้เถิดจ๊ะพี่ให้”
“ขอบพระทัยเพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงรับดอกบัวพระราชทานจากเจ้าชายอติรัณณ์มาไว้ในพระหัตถ์ ทรงนำดอกบัวกอนั้นมาชิดพระนาสิกทรงสูดกลิ่นหอมของปทุมมานั้นเต็มพระปัปผาสะ ๑
จากนั้นเจ้าชายธราเทพและเจ้าหญิงมณีจันทร์เสด็จพระราชดำเนินมาประพาสอุทยานแห่งนี่ด้วยเช่นกัน ทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรเห็นเจ้าชายอติรัณณ์และเจ้าหญิงนลินยุพาทรงประพาสอยู่ก่อนแล้วจึงพากันเสด็จพระดำเนินไปหาทั้งสองพระองค์
“น้องหญิง ดอกบัวในมือเจ้างดงามเสียนี่กระไร น้องไปได้แต่ใดมา” เจ้าชายธราเทพตรัสถามพระขนิษฐา
“เสด็จพี่อติรัณณ์ พระราชทานมาให้น้องเพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสตอบพระเชษฐาด้วยพระพักตร์เรียบเฉย ทรงชำเลืองพระเนตรไปยังเจ้าหญิงมณีจันทร์ซึ่งพระราชดำเนินตามเสด็จเจ้าชายธราเทพมาอย่างเงียบเชียบ
“เป็นดังน้องหญิงพูดฤๅเสด็จพี่ น้องเกรงแต่นางจะเที่ยวเด็ดดอกไม้โดยพละการ จะมิบังควรพระเจ้าค่ะ” เจ้าชายธราเทพทูลถามเจ้าชายอติรัณณ์ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระภราดา ๒
“น้องหญิงพูดมิผิดดอกน้องธราเทพ เราเป็นผู้ให้ดอกไม้นั้นแก่นางเอง” เจ้าชายอติรัณณ์ทรงแย้มพระสรวล พระพักตร์ของพระองค์แดงซ่านด้วยพระลิหิตที่ได้สูบฉีดไปทั่วพระพักตร์คมเข้มนั้น
เจ้าชายธราเทพทรงสังเกตแววพระเนตรของเจ้าชายอติรัณณ์คราทอดไปยังพระขนิษฐาของพระองค์ด้วยความปิติ การเสด็จมาเยือนนครบุปผาลัยของทั้งสี่พระองค์ก็เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีของทั้งสองนครให้แน่นแฟ้นเป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้นจึ่งเป็นการดียิ่งหากเจ้าชายอติรัณณ์จะทรงพึงใจพระขนิษฐาของพระองค์
ตรงข้ามกับเจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงมีพระพักตร์ซีดเผือดเมื่อทรงทราบว่าพระเชษฐาได้ทรงพึงใจเจ้าหญิงนลินยุพามิต่างจากพระองค์ พระนางทรงทอดพระเนตรไปที่พระเชษฐภคิณี ๓ นัยน์พระเนตรของทั้งสององค์จึงสบกันโดยบังเอิญสร้างความขวยเขินให้บังเกิดขึ้นในพระทัยของทั้งสององค์ยิ่งนัก
“เจ้าล่ะน้องหญิงมณีจันทร์ โปรดดอกไม้ใดฤๅไม่ พี่จะนำมาให้น้องบ้าง” เจ้าชายธราเทพตรัสถามเจ้าหญิงมณีเมื่อทรงเห็นว่าพระนางมิได้ทรงตรัสอันใดออกมาเลยนับตั้งแต่เสด็จพระดำเนินมาถึงอุทยานแห่งนี้
“น้องมิโปรดเพคะ” พระดำรัสของเจ้าหญิงมณีจันทร์ทำให้ เจ้าชายธราเทพแลเจ้าหญิงนลินยุพาทรงขมวดพระขนงมุ่นอย่างทรงประหลาดใดเพราะทรงไม่เคยสดับมาก่อนว่าในพิภพจบแดนจะมีสตรีนางใดมิโปรดดอกไม้
“มิต้องประหลาดใจดอกน้องทั้งสอง น้องหญิงมณีจันทร์มิใคร่จะโปรดดอกไม้นัก นางโปรดอยู่อย่างเดียว คือ พระจันทร์ ชมได้ทุกเมื่อเชื่อวันโดยมิหน่าย สมชื่อมณีจันทร์นั่นแล” เจ้าชายอติรัณณ์ตรัสก่อนจะทรงพระสรวล ทำให้เจ้าชายธราเทพแลเจ้าหญิงนลินยุพาทรงพระสรวลตามด้วย
“เยี่ยงเดียวกับเสด็จพี่นลินยุพาทรงโปรดปทุมมา สมชื่อนลินยุพาใช่ฤๅไม่เพคะ” พระนางทรงตรัสถามออกมายังผลให้ผู้ถูกถามก้มพระพักตร์งุดด้วยความเขินอายก่อนจะทรงตรัสตอบคำถามด้วยพระสุรเสียงสั่น
“เยี่ยงนั้นแลน้องหญิง แต่ถ้าเราจะให้ดอกไม้แด่น้อง น้องจะรับฤาไม่” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสพร้อมกับทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปเด็ดดอกมณฑาขาวซึ่งอยู่ใกล้ๆพระองค์ส่งให้เจ้าหญิงมณีจันทร์
“ขอบพระทัยเพคะเสด็จพี่นลินยุพา” เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงรับดอกมณฑาขาวจากพระหัตถ์เจ้าหญิงนลินยุพาแต่ด้วยพระหัตถ์ที่สั่นด้วยไม่นึกว่าพระเชษฐภคิณีที่พระองค์ทรงพึงใจจะพระราชทานดอกไม้มาให้ ยังผลให้ดอกไม้นั้นร่วงหล่นไปยังพื้น พระนางทรงก้มเก็บดอกไม้นั้นแต่ดอกไม้ก็มีรอยช้ำไปเสียแล้ว
“ดอกไม้ช้ำเสียแล้ว ประเดี๋ยวพี่จะเด็ดให้น้องใหม่” เจ้าชายธราเทพตรัสก่อนจะทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปเด็ดดอกกรรณิการ์มาส่งให้พระนางทรงรับด้วยพระหัตถ์อีกข้าง เจ้าหญิงนลินยุพาทรงทอดพระเนตรการกระทำของพระเชษฐาด้วยพระราชหฤทัยที่ชอกช้ำมิต่างจากดอกมณฑาขาวซึ่งมีรอยช้ำนัก
จวบจนย่ำค่ำทั้งสี่พระองค์จึงทรงพระราชดำเนินกลับพระตำหนักด้วยพระพักตร์ที่แช่มชื่นของเจ้าชายทั้งสองพระองค์ พระทัยที่อิ่มเอิบด้วยความเต็มตื้นของเจ้าหญิงมณีจันทร์ด้วยเหตุที่ทรงได้รับพระราชทานดอกไม้จากองค์ที่พระนางทรงพึงใจ และพระราชหฤทัยที่ชอกช้ำของเจ้าหญิงนลินยุพา
................................................................................
๑ พระปัปผาสะ หมายถึง ปอด
๒ พระภราดา หมายถึง พี่ชาย น้องชาย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นชาย
๓ พระเชษฐภคิณี หมายถึง พี่สาว ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหญิง