Chapter 6วันอาทิตย์:
ปอนด์ตื่นขึ้นราวๆ 7 โมงเช้า เธอรู้สึกถึงแปลกปลอมที่อยู่บริเวณลำคอและรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อตื่นเต็มตาก็พบว่าเธอกำลังนอนกอดฮานะแฟนสาวหมาดๆ ของเธออยู่ ใบหน้าของสาวยุ่นซุกอยู่ที่ตรงซอกคอของเธอ แขนทั้งสองของคนตัวเล็กกอดที่ลำตัวของปอนด์แน่น สาวเซอร์ยิ้ม แล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของฮานะแล้วก็ลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัว
“ฮานะจัง ตื่นเถอะ เราต้องไปขึ้นรถตอน 9 โมงนะ” ปอนด์เขย่าตัวสาวยุ่นให้ตื่น เจ้าของชื่องอแงพลิกตัวไปมาเล็กน้อยก่อนที่จะเอามือขยี้ตาแล้วค่อยๆ ชันตัวขึ้นมานั่ง
“กี่โมงแล้วเหรอ”
“เกือบ 8 โมงแล้ว รีบเก็บของแล้วออกไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“อื้อ”
ก่อนที่สาวยุ่นจะเดินลงจากเตียง เธอก็ใช้มือทั้งสองโอบไปที่ลำคอของอีกฝ่ายแล้วจูบที่แก้มสาวเซอร์อย่างขัดเขินเมื่อปอนด์เอียงแก้มข้างหนึ่งให้ราวกับบอกว่าขอ Morning Kiss หน่อย
“โอฮาโย โกซาเอมัส (อรุณสวัสดิ์)” เธอร้องบอกแฟนสาวชาวไทย เมื่อถอนริมฝีปากออกจากแก้มนุ่มของแฟนสาว ส่วนสาวไทยก็จูบกลับไปที่แก้มเนียนสวยของสาวญี่ปุ่นทันที
“โอฮาโย” ปอนด์โอบเอวฮานะแล้วยกสาวยุ่นลอยขึ้นจากเตียงก่อนที่จะวางฮานะลงยืนบนพื้น แล้วสาวแดนปลาดิบก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
อาหารเช้าวันนี้คือเครปและกาแฟ ณ ร้านใกล้ๆ กับเอเจนซี่ที่พวกเธอจองรถเอาไว้ หลังจากนั้นก็ขึ้นตุ๊ก ตุ๊ก เพื่อไปส่งที่ท่ารถนอกเมือง ตุ๊ก ตุ๊ก แวะรับนักท่องเที่ยวฝรั่งที่หน้าเกสต์เฮ้าส์อีก 2 – 3 ที่ แล้วก็ไปส่งที่ท่ารถ Mini Van คือรถเกาหลียี่ห้อฮุนได ที่มีขนาดเล็กกว่ารถตู้ในเมืองไทยครึ่งหนึ่ง แต่นั่งได้ 12 คน ปอนด์ยื่นตั๋วให้กับแม่หญิงลาวคนตรวจตั๋วแล้วเดินขึ้นรถไป โดยที่เธอกับฮานะนั้นนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ ส่วนผู้โดยสารที่เหลือเป็นฝรั่งนั่งด้านหลัง
“พี่ไม่เปิดแอร์เหรอคะ” สาวเซอร์ที่นั่งติดกับประตูรถ ถามคนขับที่อยู่ถัดจากแฟนสาวไป เมื่อรถเริ่มออกตัว
“ไว้เปิดตอนฮอดวังเวียงเด้อหล้า (ไว้เปิดตอนถึงวังเวียงนะน้อง)”
‘ฮ่วย แล้วจะมีแอร์เอาไว้ทำไมฟะ’ ปอนด์บ่นในใจแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
‘เปิดกระจกก็กระจก’ เส้นทางจากหลวงพระบางไปถึงวังเวียงประมาณ 210 กิโลเมตร เป็นทางขึ้นและลงเขา เส้นทางเต็มไปด้วยทางโค้งคดเคี้ยว พูดง่ายๆ น้องๆ เส้นทางภาคเหนือของประเทศไทยโดยเฉพาะแม่ฮ่องสอน สาวเซอร์ที่ขึ้นเหนือล่องใต้มานับครั้งไม่ถ้วนก็ดูเฉยๆ แต่ฮานะรู้สึกไม่ชินกับการนั่งรถขึ้นเขาเลยออกอาการแย่ ใบหน้าของเธอซีดขาวแลดูน่ากลัวจนปอนด์ต้องให้กินยาแก้เมารถแล้วให้แฟนสาวนอนซบไหล่ของเธอไป
ระหว่างทางผ่านหมู่บ้านชาวเขาหลายหมูบ้าน ไร่เลื่อนลอยของชาวเขา ภูเขาสูงชัน กองไฟจากการจุดไฟเผาป่า และภูเขาที่เกือบจะเป็นภูเขาหัวโล้นอยู่หลายจุดจากการตัดไม้ของชาวบ้าน นอกจากนั้นก็คืองานแต่งงาน ที่ระหว่างทางสาวเซอร์สามารถนับงานแต่งได้ถึง 4 งานเลยทีเดียว
รถแวะพักเข้าห้องน้ำอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งที่ปอนด์จำชื่อไม่ได้ เธอปลุกฮานะให้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตา ก่อนที่จะหาน้ำหวานๆ ให้แฟนสาวกินและซื้อลูกอม (มีบางยี่ห้อที่หาไม่ได้แล้วในเมืองไทย) เก็บเอาไว้กินระหว่างทาง หลังจากขึ้นรถได้สาวยุ่นก็หลับไปอีกครั้งหนึ่งเพราะฤทธิ์ยา
‘แฟนใครหว่าน่ารักจัง ขนาดหลับยังน่ารักเลย’ สาวเซอร์หันไปมองฮานะที่นอนซบไหล่เธออยู่ ปอนด์ใช้มือซ้ายโอบเอวบางๆ ของสาวยุ่นให้เข้ามาใกล้ตัวเธออีกนิดก่อนที่จะจัดท่าทางของแฟนสาวให้อยู่ในท่าที่เธอคิดว่าสบายที่สุด
ตลอดระยะเวลา 5 ชั่วโมงของการเดินทาง สาวไทยไม่ได้หลับเลยแม้แต่งีบเดียว เพราะต้องดูแลหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่นอนซบไหล่อยู่ข้างๆ อีกทั้งทัศนีย์ภาพของภูเขาและแมกไม้ที่นี่ก็ดูสวยดีจนไม่อยากหลับ ส่วนฝรั่งที่นั่งอยู่ด้านหลังน่ะเหรอ... หลับไปตามระเบียบ
รถมาถึงวังเวียงเวลาประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง เมื่อเอากระเป๋าลงจากรถเรียบร้อยแล้วปอนด์ก็กางคัมภีร์ Lonely Planet อีกครั้งเพื่อหาบ้านพัก
“ยังปวดหัวอยู่มั้ยฮานะจัง” ปอนด์ถามขณะที่มองดูสาวญี่ปุ่นที่ยังคงหน้าซีดอยู่กำลังยกเป้ขนาดกลางของสาวไทยขึ้นมาสะพาย (เป้ของฮานะหนักและใหญ่กว่า เลยแลกกันสะพาย)
“นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไรแล้ว ปอนด์ยังไม่ได้นอนเลยใช่มั้ย เหนื่อยแย่” ฮานะใช้มือลูบไปที่แก้มของแฟนสาวที่ดูท่าทางอ่อนเพลีย
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเราไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
ทั้งสองเดินหาบ้านพักที่เห็นตั้งอยู่ริมถนน ที่อีกด้านหนึ่งติดริมน้ำ แต่ราคาค่อนข้างแพงเกินไป บางแห่งก็ขึ้นค่าที่พักเป็นเท่าตัว ผิดไปจากข้อมูลที่ลงในหนังสือ (บอกแล้วว่ามันไม่อัพเดต: พี่พาย) สองสาวจึงเดินหาบ้านพักต่อไป สาวเซอร์และสาวยุ่นเดินข้ามสะพานไม้โยกเยกที่ยาวประมาณ 100 เมตร ไปยังอีกฟากหนึ่งของลำน้ำซอง สายน้ำหลักของเมืองวังเวียง เป็นที่น่าเสียดายว่าบังกะโลแถวนั้นเต็มหมด ฮานะบอกให้แฟนสาวเดินไปทางด้านซ้ายมือที่เห็นสะพานใหญ่อยู่ไกลขึ้นไป เผื่อว่าจะมีที่พัก ทั้งสองเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยหินก้อนกลมๆ แล้วปอนด์ก็หยุดเมื่อถูกฮานะดึงเป้ไว้
“ปอนด์ๆ เกสต์เฮ้าส์” สาวยุ่นบอกแฟนสาว เมื่อเห็นป้ายปักว่าเป็นเกสต์เฮ้าส์ที่เขียนว่า Molina Guest House ซ่อนตัวอยู่หลังทิวไม้ใหญ่
เมื่อเดินเข้าไปถามเรื่องห้อง ณ ตอนนั้นคุณลุงเจ้าของเฮือนพักบอกว่ามีบ้านเหลืออยู่ 1 หลัง กับห้องแถวที่เป็นห้องน้ำรวม 4 ห้อง บ้านหลังละ 60,000 กีบ และห้องแถวคืนละ 40,000 กีบต่อ 1 ห้อง ซึ่งทั้งบ้านทั้งห้องอยู่ในสภาพใหม่เอี่ยม
“จะนอนบ้านหรือจะนอนห้อง ฮานะจัง” สาวยุ่นคิดพักหนึ่งแล้วบอกว่า
“นอนบ้านดีกว่า จะได้เป็นส่วนตัวดี ฮิ ฮิ” ฮานะพูด ดูท่าทางกำลังจะวางแผนอะไรอยู่
ปอนด์เลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็ตามใจแฟนสาว หลังจากนั้นพวกเธอก็เก็บกระเป๋าที่บ้าน สภาพของบังกะโลที่นอนคือใต้ถุนสูง บันได 5 ขั้น ด้านหน้าบ้านเป็นโต๊ะขนาดเล็กพร้อมเปลญวน ประตูและฝาห้องทำจากตอกสาน มุงด้วยกระเบื้องตราห้าห่วงอย่างดี เมื่อเข้าไปด้านในก็เห็นฝูกขนาด 6 ฟุต ที่นอนได้ 2 คน กับมุ้ง ห้องน้ำในตัว แต่ไม่มีพัดลม
“อู..............” ทั้งคู่ส่งเสียงในลำคอด้วยความทึ่ง ห้องจัดได้สวยสมราคา เมื่อลงมาด้านล่างก็มานั่งคุยกับลุงเจ้าของเกสต์เฮ้าส์
“คุณลุงคะแถวนี้มีอะไรเที่ยวมั่งฺคะ”
“ก็พวกฝรั่งเค้าก็จะไปล่องห่วงยางตามน้ำ พายเรือ ไปเขา เที่ยวถ้ำกันล่ะหนู”
“แล้วถ้ำมันอยู่ไกลมั้ยอ่ะคะ”
“ก็ไปถ้ำพูคำ ก็ไปทางนี้” คุณลุงชี้ไปที่ด้านหลังของนาข้าวแห้งๆ ข้างและบ่อปลาของแก “ประมาณ 7 กิโลได้”
“7 กิโล ไปกลับก็ 14 กิโล ไกลเชียว”
“อื้อ ก็ไกลอยู่ แต่ระหว่างทางก็ยังมีถ้ำหลาย พวกเจ้าจะเข้าไปเบิ่งก็ได้”
“ค่ะ”
“คุณลุงคะ... แล้วสะพานนั้นละคะ” ฮานะชี้ไปที่สะพานใหญ่ที่เธอเห็นอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักนัก
“อ่อ สะพานแดง มันคือ 100% private bridge ข้ามทีก็ต้องเสียเงิน ไม่เว้นแม่แต่คนลาวเองก็เหอะ เห็นแก่ตัวจริงๆ เจ้าคนพวกนี้” ดูลุงแกท่าทางจะเจ็บใจเมื่อพูดถึงสะพาน
“พวกหนูบ่ต้องข้ามมันนะ ข้ามสะพานไม้ดีกั่วบ่ต้องเสียเงิน ถ้าบ่ข้ามสะพานไม้ก็เดินลุยน้ำเอาก็ได้ น้ำมันบ่ลึก”
ทั้งสองนั่งคุยกับลุงอยู่พักหนึ่งแล้วก็ออกเดินเที่ยว โดยเริ่มจากเดินลุยน้ำลอดใต้สะพานเพื่อประหยัดเงิน (งกนะนี่) ระดับน้ำไม่สูงมาก แค่ระดับเข่า แต่น้ำค่อนข้างแรง สาหร่ายใบเขียวสายพันธุ์ “สบายรูสิท่า” (คู่แข่งของสไปรูลิน่า... อย่าเชื่อนะมันเป็นมุข ตึ่งโป๊ะ) เต็มไปหมด ช่วงนั้นเย็นมากแล้ว ชาวบ้านทั้งหญิงชายนุ่งผ้าถุงและโสร่งออกมาอาบน้ำกันเต็มไปหมด
“ฮานะจังอยากอาบน้ำมั้ย” ปอนด์หันไปถามฮานะ
สาวแดนปลาดิบส่ายหน้า “ถ้าจะให้ฉันอาบ ปอนด์อาบให้ดูก่อนสิ”
“ถ้าฉันอาบ ฮานะจังต้องอาบให้น้า เอามั้ยล่า” ว่าแล้วสาวเซอร์ก็เดินเข้าไปหาแฟนสาวด้วยอาการหื่นเล็กน้อย – ปานกลางตามระดับน้ำทะเล
“อย่านะ ไม่เอานะ ปอนด์บ้า” ฮานะร้องลั่นแต่ก็หัวเราะไปด้วย เธอรีบเดินหนีปอนด์ขึ้นไปบนฝั่งทันที
“อย่าหนีเซ่ ฮานะจางงงงง” ปอนด์ตะโกนแล้วรีบเดินลุยน้ำตามไป
ทั้งสองเดินวนรอบเมืองวังเวียง เมืองเล็กๆ ที่รายล้อมด้วยเทือกเขาสูงมองเห็นสายน้ำกว้างสลับเนินทราย โดยมีเทือกเขาหินปูนเป็นฉากหลัง เมืองที่นี่แยกออกเป็นสัดส่วน ฝั่งหนึ่งเป็นที่อยู่ของประชาชนทั่วไป ส่วนอีกฝั่งหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น เมื่อเดินผ่านโรงเรียนก็พบกันหมู่โต๊ะจีนวางเต็มลานโรงเรียนประถม พร้อมซุ้มประตูโค้งรูปหัวใจ ‘งานแต่งอีกแล้ว แต่งกันเยอะดีเนอะ ถึงว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่คนท้องไม่ก็แม่ลูกอ่อน’ หลังจากนั้นทั้งสองนั่งกินข้าวตรงร้านอาหารลาวเล็กๆ ที่ตรงปลายสะพานด้านหนึ่งฝั่งเดียวกับบ้านพักที่ลุงเจ้าของเกสต์เฮ้าส์เรียกว่า “ส้นสะพาน” ส่วนสาวเซอร์เรียกเองว่า “ส้นตีนสะพาน” เอากะมันสิ
-----------------
สองสาวกลับมาถึงบ้านพักก็เป็นเวลาเกือบ 4 ทุ่มแล้ว พระจันทร์ข้างแรมส่องแสงสลัวๆ พอมองให้เห็นทางบ้าง ปอนด์และฮานะเดินกุมมือกันจนไปถึงบ้านพักของพวกเธอ เมื่ออาบน้ำกันเสร็จแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็มีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป ฮานะกำลังทาครีม ส่วนปอนด์ก็กำลังอ่านไกด์บุ๊คภาษาไทยของรุ่นพี่อยู่บนเตียงนุ่มในมุ้งที่กางเรียบร้อยแล้ว สาวยุ่นมุดมุ้งเข้ามานั่งข้างๆ สาวเซอร์พลางซบใบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่าย
“มานั่งนี่สิ” ปอนด์พูดพลางตบที่ตักของตนเอง ฮานะเคลื่อนตัวขึ้นไปนั่งบนตักของแฟนสาวอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นสาวไทยก็กอดสาวญี่ปุ่นหลวมๆ มือของคนนั่งตักก็คล้องไปที่ลำคอของอีกฝ่าย
“เหนื่อยมั้ยคะ วันนี้นั่งรถนานแถมต้องมาดูแลฉันอีก” ฮานะถาม
สาวเซอร์ส่ายหน้าแล้วกดริมฝีปากไปที่แก้มของแฟนสาว “นิดหน่อย แต่เห็นฮานะจังสบายดี แล้วก็เดินเที่ยวได้ ฉันก็รู้สึกดีไปด้วย หายเหนื่อยเลย”
“ขอบคุณนะคะ ปอนด์น่ารักที่สุดในโลกเลย” สาวยุ่นพูดพลางหอมแก้มสาวเซอร์ 1 ฟอดใหญ่
“รางวัลค่ะ”
“งั้นขออีกข้างจะได้เท่ากัน” ปอนด์พูดพลางเอียงแก้มอีกข้างที่ยังไม่ได้สัมผัสริมฝีปากของแฟนสาวให้ ฮานะหัวเราะแล้วก็จูบแก้มอีกข้างหนึ่งของสาวเซอร์
“นี่ปอนด์ คุณคิดว่าการที่เรารักกันมันเร็วไปรึเปล่า” คนตัวเล็กพูดขณะที่ซบใบหน้าลงกับซอกคอขาวของอีกฝ่ายหนึ่งหลังจากที่ทั้งสองเงียบไปอยู่นาน
“พวกเราเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วัน แล้วก็รักกัน แล้วก็กลายมาเป็นแฟนกันแบบนี้” ปอนด์กระชับวงแขนของตนเองให้แน่นขึ้น
“ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่า ความรักบางทีมันก็ไม่ต้องใช้เวลา แค่ใช้ใจก็พอ ฉันใช้ใจของฉันมองฮานะจัง แล้วฮานะจังก็ใช้ใจของตัวเองมองฉัน หัวใจของพวกเราตรงกัน เรามีความสุข ฉันว่ามันเพียงพอแล้ว”
ฮานะเงยหน้าขึ้นมองแฟนสาวชาวไทย เธอได้รับรอยยิ้มที่อ่อนโยนกลับคืนมา สาวญี่ปุ่นยิ้มตอบแล้วริมฝีปากของทั้งคู่ก็แนบชิดกัน
----------------
วันจันทร์:
ราวๆ 7 โมงเช้า สาวเซอร์ชาวไทยตื่นขึ้นก็พบว่าร่างกายของเธอเปลือย ไม่มีเสื้อผ้าเหลือติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เมื่อหันไปมองแฟนสาวที่นอนอยู่ข้างๆ ที่ไร้เสื้อผ้าติดตัวเช่นเดียวกันก็ตกใจ
‘ตายโหง... นี่ตู... กับฮานะจัง... มีจุด จุด จุด กันเลี้ยววววว’ ปอนด์เหลียวซ้ายแลขวามองหาเสื้อผ้าด้วยความตกใจ แต่ก็หยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงของสาวยุ่นที่ละเมอออกมาว่า
“ปอนด์ ไดสึคิ (ปอนด์ รักคุณจัง)”
ความตกใจเมื่อครู่หายไปหมดเหลือแต่ความปลื้มใจ หัวใจสาวเซอร์พองโตขึ้น 150% (เว่อร์ๆ) เธอก้มลงไปจูบแฟนสาวที่หน้าผากแล้วกระซิบบอกว่า “I love you too” หลังจากนั้นก็หอบเสื้อผ้า มุดออกจากมุ้งแล้วตรงไปที่ห้องน้ำทันที
สาวไทยสุดเซอร์ยืนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนหน้าฝักบัวขณะที่กำลังอาบน้ำให้หายงัวเงีย ภาพในหัวย้อนกลับไปประหนึ่งนั่งไทม์แมชชีนของโดราเอม่อน
-----------------
หลังจากเมื่อปอนด์เดินขึ้นไปล็อคประตูห้องและปิดไฟ เธอมุดมุ้งลงมานอนข้างๆ ฮานะ สาวแดนปลาดิบสวมกอดแฟนสาวชาวไทยทันทีที่ปอนด์ล้มลงนอนบนเตียง
“อะไรจ้ะคนสวย”
“อยากกอด” ฮานะตอบสั้นๆ แบบได้ใจความด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน ทำเอาสาวเซอร์หัวเราะออกมา
“อยากกอดก็กอดเลยสิคะ ให้กอดเต็มที่เลยอ่ะ” สาวไทยน้ำใจงามพูดอย่างใจกว้างแบบไม่มีกั๊ก เลยทำให้สาวญี่ปุ่นได้ใจ ทั้งกอดทั้งซุกจนอีกฝ่ายส่งเสียงหัวเราะเพราะจั๊กจี้
“ให้แค่กอดอย่างเดียวเองเหรอ” แหนะ ได้คืบจะเอาศอก ตามใจมากเกินไปรึเปล่าเนี่ยไอ้ปอนด์เอ้ย
สาวเซอร์มองหน้าแฟนด้วยรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้า “แล้วฮานะจังอยากจะทำอะไรล่ะคะ นอกจากกอด”
“ก็จูบ แล้วก็เอ่อ...”
‘ชะอุ้ย เอาจริงเหรอตัวเองงงงงงง’ ปอนด์กรีดร้องใจใน
“งั้น... ให้จูบก่อนแล้วกันนะ” สาวเซอร์พูดขึ้นหลังจากทั้งสองที่นอนจ้องหน้ากันอยู่นาน
ว่าแล้วปอนด์ก็เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้แฟนสาว ฮานะหลับตาลงเพื่อรับจูบอย่างรู้งาน ริมฝีปากนุ่มและอุ่นของทั้งคู่สัมผัสกันแนบแน่นและเนิ่นนาน เรียวลิ้นอุ่นของทั้งคู่ที่เกี่ยวพันกันเรียกเสียงครางอย่างพึงพอใจออกมาจากลำคอ มือเล็กของสาวญี่ปุ่นไล้ไปตามลำคอและแผ่นหลังของสาวเซอร์ทำเอาใจของปอนด์สั่น จูบที่เริ่มจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สาวไทยเริ่มใจกล้าเริ่มใช้มือลูบไล้ไปตามร่างกายของแฟนสาว จากใบหน้าลงมาที่ลำคอสวย ไล้เลื่อนลงมาเกาะกุมที่อกนุ่ม เอวบาง และสะโพกผาย ซึ่งเรียกเสียงครางจากแฟนสาวให้ดังยิ่งขึ้น
ปอนด์ถอดจูบออกแล้วมองไปที่ฮานะ ดวงตาของสาวญี่ปุ่นฉ่ำเยิ้ม ใบหน้าร้อนผ่าว ริมฝีปากอิ่มส่งเสียงหอบเล็กน้อย สาวเซอร์ยิ้ม
“ฮานะจัง คาวาอี้ (น่ารักจังเลย)”
รอยยิ้มหวานๆ ของสาวแดนอาทิตย์อุทัยส่งกลับคืนมายังปอนด์อย่างเขินอาย ฮานะโน้มลำคอของสาวเซอร์เข้ามาจูบอีกครั้ง จุมพิตอันแสนหวานของคนทั้งสองเริ่มขึ้นเป็นครั้งที่สองซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนจะร้อนแรงขึ้นกว่าเดิมเมื่อสาวเซอร์ลงรายละเอียดกับริมฝีปากอวบอิ่มของฮานะมากขึ้น สาวญี่ปุ่นเองก็โต้ตอบมาด้วยจูบอันหนักหน่วงกลับมาไม่แพ้กัน ปอนด์เลื่อนริมฝีปากของเธอลงมายังลำคอสวยของอีกฝ่าย มือหนึ่งเค้นคลึงที่หน้าอก ส่วนอีกมือหนึ่งลูบไล้ลงไปที่เอวบางของฮานะ สาวญี่ปุ่นบิดตัวไปมาพลางส่งเสียงร้องครางออกมาปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนาของสาวเซอร์ให้พุ่งสูงขึ้น
เสื้อผ้าของทั้งสองถูกปลดเปลื้องออกด้วยมือของคนทั้งคู่ตามความรู้สึกที่ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป เสียงครางต่ำๆ และเสียงหอบหายใจยังคงดังอย่างต่อเนื่องจากสองสาว รอยจูบและปลายลิ้นอุ่นถูกมอบให้กับร่างกายของกันและกัน คำบอกรักทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษและภาษาไทยส่งผ่านไปสู่อีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่รู้จบ จนกระทั่งเมื่อถึงจุดที่ไม่อาจทนได้ เสียงร้องเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยความรักก็ดังขึ้นจนกระทั่งเงียบเสียงลงไปพร้อมๆ กับภาษากายที่ทั้งสองมอบให้แก่กันและกัน
-----------------
สาวเซอร์สะบัดหน้าไปมาให้ตื่นจากภวังค์ ใบหน้าของเธอแดงก่ำเหมือนลูกตำลึงสุก เหนือเนินอกของเธอมีรอยสีแดงจางๆ ปรากฏอยู่ ฮานะเป็นคนฝากรอยนี้ไว้กับเธอ เมื่อเห็นดังนั้นความคิดเรื่องเมื่อคืนนี้ก็กระแทกเข้ามาในสมองอีก ปอนด์รีบล้างหน้าเพื่อหวังให้น้ำเย็นๆ ไล่ความทรงจำเมื่อคืนออกไป แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อคิดถึงคำบอกรักจากสาวญี่ปุ่นที่พร่ำบอกเธอตลอดคืน
“อ้ะ โอฮาโย” เสียงหวานๆ ดังขึ้นเมื่อสาวเซอร์เดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว ฮานะนั่งอยู่บนเตียง ผมสีดำยาวยุ่งเล็กน้อย ลำตัวของเธอมีผ้าห่มผืนใหญ่ปกปิดร่างกายไว้ สิ่งที่โผล่ออกมานอกผ้าห่มนั้นมีเพียงแค่ศีรษะและลำคอ
“โอฮาโย” ปอนด์พูดพลางเก็บมุ้งให้เข้าที่ เสร็จแล้วเดินลงมานั่งข้างๆ สาวยุ่น เธอจูบหน้าผากของฮานะแล้วยิ้มให้
ใบหน้าของสาวญี่ปุ่นมีสีออกแดงๆ ดูเหมือนว่าฮานะเพิ่งตื่นและเพิ่งจะนึกได้เช่นเดียวกันว่าเมื่อคืนเธอกับปอนด์ จุด จุด จุด กัน (ความรู้สึกช้าทั้งคู่เลยเนอะ) และที่ต้องซุกตัวกับผ้าห่มแบบนี้ก็เป็นเพราะเธอเขินและอายเกินกว่าที่จะโชว์ร่างเปลือยของตนเองให้แฟนสาวเห็น
“ไปแต่งตัวสิฮานะจัง เดี๋ยวจะได้ออกไปกินข้าวแล้วก็ไปเที่ยวถ้ำกัน” สาวญี่ปุ่นทำตาโตแก้มป่อง เธอส่ายหน้าเร็วๆ จนทำให้ผมยาวสีดำของเธอปรกหน้าปรกตา
“เป็นอะไรไป”
สาวเซอร์รีบจับศีรษะของแฟนสาวให้หยุดทันที โดยความที่กลัวว่าฮานะจะกลายเป็นตุ๊กตาติดสปริงหน้าคอนโซลรถที่หัวเด้งดึ๋งได้ ศีรษะของสาวยุ่นก็หยุดส่ายไปมา
“ฉ... ฉันกำลังโป๊อยู่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
“ห๋า”
“ฉันกำลังโป๊อยู่”
“เอ่อ... แล้ว...”
“อ่า... ฉันเขิน ม... มันน่าอาย”
เท่านี้ปอนด์ก็ถึงบางอ้อ แฟนสาวของเธอค่อนข้างจะเรียบร้อยตามอย่างผู้หญิงญี่ปุ่นที่ถูกเลี้ยงดูแบบไข่ในหิน อาการเขินอายเช่นนี้ก็เป็นเหตุผลที่เธอยอมรับได้
“งั้นเดี๋ยวฉันปิดตาแล้วฮานะจังก็รีบแต่งตัวนะ”
สาวแดนปลาดิบพยักหน้าช้าๆ “ห้ามแอบดูนะ”
“ไม่แอบดู สัญญา” สาวเซอร์ยกมือซ้ายขึ้นมาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอให้คำมั่น
“อื้อ”
“งั้นนับ 1 – 3 แล้วฉันจะหลับตานะ”
“หนึ่ง... สอง... สาม...”
สาวเซอร์หลับตาปี๋ ฮานะหัวเราะคิกคัก เธอยื่นหน้าเข้าไปจูบปอนด์แล้วรีบคว้าเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไป