Chapter 9วันพุธ:
กว่าปอนด์จะพาฮานะขึ้นแท็กซี่มาถึงบ้านของเธอแถวๆ ประชาชื่นก็เกือบตี 5 แล้ว รถแท็กซี่สีฟ้าแดงพาสองสาวมาถึงหน้าบ้าน 2 ชั้นหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง ตัวบ้านปิดเงียบ สาวเซอร์ไขกุญแจบ้านเข้าไปแล้วจูงมือแฟนสาวเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านที่มีห้องนอน 3 ห้องกับห้องน้ำอีก 1 ห้อง และมีเหลือที่ว่างอีกเล็กน้อยทำเป็นหิ้งพระตรงข้ามกับประตูห้องทางด้านขวา
“อย่าเสียงดังล่ะ เดี๋ยวแม่จะตื่น แม่ฉันไม่ชอบให้ใครทำเสียงดังตอนเช้ามืด ไม่งั้นอารมณ์จะไม่ดี” ปอนด์พูดพลางทำหน้าบุ้ยใบ้ไปทางห้องทางด้านขวามือที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเธอ
สาวยุ่นมองตามสายตาของเจ้าของบ้านไปแล้วพยักหน้ารับ “อื้อ”
ภายในห้องขนาดค่อนข้างเล็กของสาวไทยเมื่อเปิดเข้าไปก็จะพบโต๊ะและชั้นวางหนังสือที่แน่นไปด้วยหนังสือต่างๆ จนไม่มีที่ว่าง พร้อมกับวิทยุเครื่องเล็ก เตียงนอนที่คนสองคนสามารถนอนคู่กันได้พอดี ตรงข้ามกับโต๊ะหนังสือคือตู้เสื้อผ้าขนาดกลาง กับโต๊ะตัวเล็กเสมือนโต๊ะเครื่องแป้ง บนผนังห้องเต็มไปด้วยโปสการ์ดฝีมือของเธอเองที่วาดมาตั้งแต่สมัยมัธยม บนพื้นปาเก้ก็มีหนังสืออีก 2 – 3 เล่มวางนอนอยู่
“เล็กไปหน่อยนะ” เจ้าของห้องพูดอย่างอายๆ
“ไม่หรอก น่าอยู่มากเลยต่างหาก” ฮานะพูดพลางเดินไปดูที่รูปถ่ายครอบครัวของแฟนสาวที่วางไว้บนโต๊ะหนังสือ ภายในรูปมีชายหนุ่มและหญิงสาวที่คงจะเป็นพ่อและแม่ของปอนด์ เด็กผู้ชายผมสั้นในชุดนักเรียนยืนอยู่ข้างหญิงสาว และเด็กหญิงในชุดลำลองยืนยิ้มร่าอยู่ข้างผู้เป็นพ่อ
พ่อของปอนด์เสียชีวิตตั้งแต่สาวเซอร์เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น พี่โป้ง พี่ชายของปอนด์ที่อายุห่างกัน 5 ปี ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ บ้านหลังนี้มีปอนด์กับแม่ที่เป็นหัวหน้าพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใกล้บ้านอยู่เท่านั้นเอง
สาวเซอร์ดึงตัวแฟนสาวเข้ามากอด “อยากจะนอนเลยหรืออาบน้ำก่อนดี”
“อาบน้ำก่อนดีกว่า”
“งั้นฮานะจังอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นบนก็แล้วกัน เดินออกไปประตูที่สองทางขวามือนะ เดี๋ยวฉันจะลงไปอาบน้ำข้างล่าง”
“ค่ะ” ฮานะพูดแล้วหอมแก้มปอนด์ เธอหาเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไป
สองสาวนอนกอดกันกลมอีกครั้งหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ทั้งสองเข้าสู่ห้วงนิทราทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง
-----------------
เมื่อสาวเซอร์ตื่นลงมาชั้นล่างก็ปาเข้าไป 9 โมงแล้ว เธอทิ้งให้แฟนสาวนอนหลับอยู่ในห้องด้านบน เมื่อเธอเดินมาหาน้ำดื่มในห้องครัวก็ตกใจ
“แม่!”
สาวไทยเชื้อสายจีนวัยกลางคนในชุดกระโปรงสีขาว หมวกอันเป็นเอกลักษณ์ของนางพยาบาลวางอยู่บนโต๊ะกินข้าว หญิงคนที่กำลังล้างแก้วกาแฟอยู่หน้าอ่างล้างจานก็ร้องทักเสียงแหว
“อ้าว ไอ้ปอนด์ กลับมาแล้วเหรอ ไปไหนมาไหนไม่รู้จักบอกจักกล่าว รู้มั้ยว่าพวกหนูซีเค้าเป็นห่วงมากเลยนะ” เจอหน้าก็ใส่เป็นชุดเลย แม่ใครเนี่ย
“ค่าๆ ทราบแล้วค่า ผิดไปแล้วค่าคุณปิ่นแก้ว แล้วทำไมยังไม่ไปทำงานอีก” ปอนด์พูดด้วยเสียงสำนึกผิดแต่ใบหน้ากลับล้อเลียนไม่เศร้าเหมือนอย่างที่พูด
“เดี๋ยวเหอะ ยังจะมาล้อเลียนแม่อีก” ปิ่นแก้ว แม่ของสาวเซอร์ว่าเสียงแหว แต่ก็อดหัวเราะกับใบหน้าของลูกสาวไม่ได้ “วันนี้มีประชุมบ่ายย่ะ แล้วไปเที่ยวมาน่ะเป็นยังไงบ้าง”
“ดีมากเลย ไม่รู้สึกดี แล้วก็มีความสุขขนาดนี้มาก่อน” ปอนด์ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
“หน้าบานมาเชียว ไปเจออะไรดีๆ มาล่ะ”
สาวเซอร์ลงไปนั่งลงข้างๆ แม่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม่ ถ้าหนูจะบอกว่า หนูได้เจอคนที่หนูอยากอยู่ด้วยกับเค้าตลอดชีวิตที่ลาว แม่จะคิดว่าไง”
“ก็ดีน่ะสิ แม่จะได้โล่งอกว่าลูกสาวแม่ไม่ขึ้นคานแล้ว” น่าน คุณแม่ยิงมุขกลับ
“อย่าพูดเล่นดิแม่ เอาจริงๆ” สาวเซอร์พูดเสียงเข้มขึ้น
“เข้มมาเชียว งั้นแม่ก็จะบอกว่า แม่ดีใจที่ลูกรู้ว่าคนๆ นี้เป็นคนที่ลูกเลือกแล้ว... แต่เอ ได้มาเป็นฝรั่งหรือลาวล่ะ” แหนะ ยังไม่วายยิงมุขต่อ
“โหยยย แม่อ่ะ อย่าเพิ่งเล่นมุขดิ เอาจริงๆ ซีเรียสนะ สรุปว่าแม่โอเคที่หนูมีแฟนใช่ป่ะ”
“ใช่แล้ว”
“แล้ว... ถ้าหนูจะบอกว่า แฟนหนูคนนี้ไม่ใช่ฝรั่ง กับ ลาว แต่เป็นคนญี่ปุ่น แม่จะว่าไง”
“ไฮโซจังลูกแม่ ได้หนุ่มยุ่นมาเป็นแฟนด้วย ดีสิแม่จะได้กินซูชิทุกวัน คิก คิก” อีกและ วันนี้แม่กินอะไรผิดปกติรึเปล่าเนี่ย ยิงมุขถี่แต่เช้าเลย
“แล้วถ้าหนูจะบอกว่า แฟนหนูไม่ใช่หนุ่มยุ่น แต่เป็นสาวยุ่นล่ะ”
“..............” ไม่มีคำตอบออกมาจากปากของปิ่นแก้ว เธอจ้องหน้าลูกสาวด้วยแววตาที่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“แฟนหนูเป็นผู้หญิง สาวญี่ปุ่น เราสองคนเจอกันที่ลาว”
หญิงวัยกลางคนจ้องไปที่ดวงตาของลูกสาว แววตาของปอนด์เป็นประกาย บ่งบอกว่าเธอจริงจัง ปิ่นแก้วถอนหายใจออกมา “ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”
สาวเซอร์เล่าเรื่องทุกอย่างตั้งแต่ต้นให้แม่ของเธอฟัง ตั้งแต่การเดินทางออกจากรุงเทพฯ การพบกันครั้งแรกของเธอและฮานะ ถูกเพื่อนทิ้ง ท่องเที่ยวในหลวงพระบาง ความรู้สึกแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้นในตัวของเธอที่มีต่อสาวยุ่น จนไปถึงการตกลงว่าจะคบกัน และการท่องเที่ยวด้วยกันของสองสาวที่ลาว
“แกรักเค้าจริง แม่รู้ เอาเถอะ แกเลือกแล้วนี่ แม่ก็คงจะขัดใจอะไรแกไม่ได้”
“แม่รับได้ใช่มั้ยเรื่องที่หนูมีแฟนเป็นผู้หญิง”
“ก็คนมันรักไปแล้วนี่ จะทำไงได้ ถ้าแม่ห้ามแกก็คงไม่ฟังใช่มั้ยล่ะ เจ้าเด็กดื้อ” รู้ทันอีกและ แต่แม่น่ารักจังเลยที่ยอมรับในตัวหนูและแฟนหนู
“ขอบคุณค่ะ” ปอนด์เดินเข้าไปกอดแล้วก็หอมแม่หนึ่งฟอดใหญ่ก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว
ปิ่นแก้วมองตามลูกสาววิ่งขึ้นบันไดไปอย่างงุนงง “จะรีบไปไหนของเค้านะ”
เมื่อปอนด์เปิดประตูห้องมาก็พบว่าฮานะตื่นแล้ว สาวยุ่นกำลังนั่งดูภาพวาดของเธอบนผนังอยู่
“โอฮาโย” สาวแดนปลาดิบร้องทัก
“โอฮาโย” เจ้าของห้องทักตอบแล้ววิ่งเข้ามากอดแล้วพรมจูบไปที่ใบหน้าของแฟนสาวยกใหญ่
“เดี๋ยวๆๆๆ ปอนด์ เป็นอะไรน่ะ อ้ะ อย่านะมันจั๊กจี้นะ อย๊า” ฮานะร้องห้ามเมื่อสาวเซอร์ซุกไซ้ที่ลำคอขาวของเธออยู่
เมื่อเสียงร้องห้ามดังขึ้นปอนด์ก็หยุดทันที (กลัวโดนงอนอีก) “แฮะๆ ขอโทษที คนมันดีใจไปหน่อย”
“ดีใจ ดีใจเรื่องอะไร”
สาวเซอร์ดึงมือฮานะให้ลุกขึ้นจากเตียงแล้วจูงมือแฟนสาวเดินออกนอกห้อง “มาสิ”
สาวยุ่นเดินตามออกไปอย่างว่าง่าย ทั้งสองเดินลงไปชั้นล่าง ปอนด์พาสาวแดนปลาดิบไปที่ห้องครัว ภายในห้องนั้นฮานะเห็นหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“แม่ นี่ฮานะจัง แฟนหนู” ปอนด์บอกกับแม่ ปิ่นแก้วหันมาตามเสียงของลูกสาวจ้องมองไปที่สาวญี่ปุ่น
สาวเซอร์กระซิบที่ข้างหูของแฟนสาว “ฮานะจัง นี่ปิ่นแก้ว แม่ของฉัน”
ดวงตาของฮานะเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำบอกของปอนด์ เธอมองหน้าแฟนสาวที่ยิ้มกว้างให้ แล้วหันไปมองหญิงวัยกลางคนที่ทำหน้าฉงนสงสัยมองเธออยู่
“ซา...หวัด...ดี...ก่ะ ฉาน...ชือ...ฮานะก่ะ คิมิฮิโระ ฮานะก่ะ ยิง...ดี...ตี้...ได้...รู้จัก...ก่ะ ฝาก...ตัว...ด้วย...นะก๊ะ” สาวญี่ปุ่นร่างเล็กยกมือขึ้นมาทำท่าไหว้ให้แม่ของคนรักพร้อมกับแนะนำตัวเป็นภาษาไทยที่แอบฝึกมาอย่างกระท่อนกระแท่น
ปิ่นแก้วยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวที่ลูกสาวของเธอเจอและพบรักในลาว สาวญี่ปุ่นคนนี้หน้าตาน่ารัก กิริยาเรียบร้อยแต่ก็แฝงไปด้วยความเข้มแข็ง เธอคิดว่าน่าจะปราบลูกสาวจอมเฮี้ยวของเธออยู่เมื่อได้ฟังประสบการณ์จากคำบอกเล่าของปอนด์ หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาหาแล้วสวมกอดฮานะ
“ดีใจมากจ้ะที่ได้พบกับหนู” ปิ่นแก้วกระซิบบอกสาวยุ่นเป็นภาษาอังกฤษที่ดูท่าทางตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกกอด
“ค... ค่ะ คุณป้า”
สาววัยกลางคนผละอ้อมกอดออกแล้วพูดว่า “เรียกคุณป้าไม่ได้ ต้องเรียกว่าคุณแม่นะ” เธอยิ้มให้กับฮานะ
สาวญี่ปุ่นยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำนั้น “ค่ะ คุณแม่”
แล้วสองสาวก็นั่งคุยกันในห้องครัวกันอย่างออกรส ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทั่วไป เรื่องครอบครัว พฤติกรรมของปอนด์ และวิธีกำหราบสาวเซอร์ โดยลืมไปเลยว่าสาวเซอร์ลูกสาวและแฟนสาวของตนเองนั้นนั่งหน้าเซ็งเป็นหมาเหงาอยู่ในห้องนั่งเล่นเพราะไม่มีใครสนใจ
-----------------
“แม่ไปก่อนนะฮานะจัง เดินทางปลอดภัยล่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะลูกบ้านนี้ต้อนรับหนูเสมอ” ปิ่นแก้วตะโกนบอกสาวยุ่นเสียงอ่อนเสียงหวานก่อนที่จะออกจากบ้านเพื่อไปประชุม ฮานะยิ้มแก้มปริเมื่อได้ยินคำนี้จากแม่ของแฟนสาว
ก่อนออกไปเธอหันมาสั่งลูกสาวที่นั่งหน้าเป็นตูดอยู่หน้าจอทีวีด้วยเสียงที่เข้มขึ้นว่า
“ไปส่งฮานะจังดีๆ ล่ะ แล้วไปพูดกับคุณลุงคุณป้าเค้าดีๆ ด้วย อย่ากวนใส่ ถ้าแกทำให้พวกเขาโกรธ ไม่ต้องมาคุยกับแม่อีกเลย”
“ง่า... แม่อ่ะ”
“ไม่ต้องมาแม่อ่ะเลย ดูแลฮานะจังให้ดีๆ ห้ามสอนให้ทำอะไรพิเรนท์ๆ ด้วยนะ”
“โหยยย เห็นฮานะจังดีกว่าลูกตัวเอง แม่เบอร์ห้า”
“อ้ะแน่นอน ฮานะจังออกจะน่ารัก เรียบร้อย แม่รับเป็นลูกสาวแม่อีกคนนึงแล้วนะ แต่เอ... แม่ยังไม่เข้าใจอยู่เลยว่าเห็นอะไรดีในตัวลูกสาวแม่คนนี้ถึงยอมเป็นแฟนด้วย”
“อ่า... ลูกสาวแม่ก็มีดีล่ะน่า สาวญี่ปุ่นถึงได้ติดใจ”
“อย่ามาทำเป็นพูดดี แม่ละกลัวเหลือเกิน กลัวว่าถ้าคนนี้หลุดมือไปจะไม่ใครมาแลลูกสาวแม่อีก ไปล่ะ” แหนะ มีแอบกัดก่อนไปด้วย แม่ใครเนี่ยร้ายจริงๆ
“ขับรถดีๆ ล่ะแม่” ปอนด์ตะโกนบอก แล้วก็นั่งหน้าเซ็งต่อเมื่อได้ยินคำพูดของแม่ ชิ หลุดมือเหรอ ไม่มีทาง ไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก ก็เค้ารักของเค้านี่นา
สาวยุ่นเดินมานั่งตักลูกสาวเจ้าของบ้านอย่างเอาใจ เมื่อเห็นแฟนสาวหน้าบูด
“เป็นอะไรไป งอนอะไรเหรอ”
“เปล่านี่” สาวเซอร์ตอบพลางหันหน้าหนี
ฮานะหัวเราะเล็กน้อยแล้วใช้มือทั้งสองจับไปที่ใบหน้าของปอนด์ให้หันมามองเธอ
“ไม่งอนก็ไม่งอนค่ะ” พอพูดจบก็ประทับจูบไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย
จูบหวานๆ พาใจของทั้งสองล่องลอย แต่ก่อนที่จะเตลิดไปมากกว่านี้สาวเซอร์เองเป็นฝ่ายที่ถอนริมฝีปากออก
“คุยอะไรกับแม่น่ะ นานจัง”
“ก็เรื่องทั่วๆ ไป คุณแม่ของปอนด์ใจดีจังเลย น่ารักมากด้วย”
“ดีแล้ว สบายใจแล้วเรื่องนึง ยังเหลืออีกเรื่องนึง”
“เอ๋ เรื่องอะไรเหรอ”
“ขออุบไว้ก่อนนะ เดี๋ยวก็รู้เอง” ว่าแล้วปอนด์ก็จูบฮานะอีกครั้งก่อนที่ทั้งสองจะไปหาอะไรกินแล้วเตรียมตัวออกจากบ้าน
-----------------
บ่าย 2 โมง สาวเซอร์พาฮานะมาถึงอพาตเม้นท์แถวๆ ประตูน้ำสถานที่ๆ คุณลุงกับคุณป้าของสาวญี่ปุ่นพักอาศัยอยู่จนได้ ใจของปอนด์เต้นแรงเมื่อเธอจะต้องพบกับผู้ปกครองของแฟนสาว
‘ใจเย็นไว้ไอ้ปอนด์ ใจเย็น’ สาวเซอร์บอกกับตัวเอง เธอหันไปมองฮานะที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ปอนด์รู้สึกว่าตัวของเธอหนักอึ้ง ที่หนักไม่ใช่เพราะเป้ใบใหญ่ของแฟนสาวที่เธอสะพายอยู่ แต่เธอกำลังหนักใจว่าเธอจะแนะนำตัวเองกับญาติของฮานะอย่างไรดี
‘จะบอกว่าเป็นแฟนไปโต้งๆ ดีมั้ยว้า หรือบอกไปก่อนว่าเป็นเพื่อน แล้วค่อยบอกทีหลังว่าแฟน หรือไม่ต้องพูดอะไรเลยดีวะเนี่ย’“คุณลุงกับคุณป้ากำลังลงมา” สาวยุ่นบอกกับปอนด์ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงล็อบบี้ของอพาตเม้นท์หรูใจกลางเมือง ทำเอาสาวเซอร์ตื่นจากภวังค์
“ตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก ตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก
เธอทำให้ฉันต้องมาเปลี่ยนไป ตั้งแต่วันที่พบเธอ
เธอเปลี่ยนวันและคืนที่เงียบเหงาให้กลับกลายเป็นวันที่สดใส
เธอทำให้คนที่ไม่เคยรักใคร ต้องเผลอล่องลอยไปกับการรักเธอ”
(เพลงภวังค์: Skykick Ranger)
ยิ่งเสียงเพลงดังจากวิทยุที่เปิดคลอตรงล็อบบี้ ยิ่งทำให้สาวไทยหัวใจเต้นแรงขึ้น เป็นเพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าเธออยากจะบอกความสัมพันธ์ของเธอและฮานะให้กับลุงกับป้าของแฟนสาวให้รับรู้น่ะสิ
“อื้อ” ปอนด์รับสั้นๆ ด้วยเสียงในลำคอ ท่าทางของเธอดูเครียด
อึดใจหนึ่งต่อมา ชายญี่ปุ่นตัวผอมๆ ศีรษะล้านวัยกลางคนพร้อมกับหญิงร่างอวบ ผมสั้นหน้าม้า วัยไล่เลี่ยกันเดินออกมาจากลิฟต์
“โอจี้ซัง โอบ้าซัง (คุณลุง คุณป้า)” เมื่อฮานะเห็นบุคคลทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปหา
“ฮานะจัง” ทั้งสองร้องตอบ
และแล้วทั้งสามก็ส่งเสียงโช้งเช้งเป็นภาษาญี่ปุ่น ดูท่าทางแล้วคุณลุงกับคุณป้าของสาวยุ่นจะรู้สึกดีใจมากที่มีคนจากครอบครัวของตนเองมาเยี่ยมที่นี่
“ปอนด์ มานี่สิ” ฮานะเรียกสาวเซอร์เข้าไปหา “นี่คุณลุง คิมิฮิโระ คัทซึโยชิ กับคุณป้า คิมิฮิโระ มิเอะ คุณลุงคะ คุณป้าคะ นี่ปอนด์ค่ะ คนที่หนูเล่าให้ฟัง”
ปอนด์ยกมือไหว้บุคคลทั้งสอง “สวัสดีค่ะ ฮาจิเมะมาชิเตะ วาตาชิวะปอนด์เดส โดโซะ โยโรชิคุ โอเนไงชิมัส (ชื่อปอนด์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากตัวด้วยนะคะ)” เธอพูดแนะนำตัวเป็นภาษาไทยกับภาษาญี่ปุ่นที่แอบท่องมาโดยไม่ให้แฟนสาวรู้ เล่นเอาฮานะยิ้มแก้มปริไปเลย
สองลุงป้ายิ้มแล้วก็ยกมือรับไหว้แบบคนที่อยู่เมืองไทยมานาน “สวัสดีคับ สวัสดีค่ะ”
คุณลุงหัวล้าน (เฮ้ย พูดงี้เลยเหรอ) ของสาวยุ่นก็พูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “ขอบคุณมากนะครับที่ดูแลฮานะจังเป็นอย่างดี”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีค่ะ”
“รบกวนแย่เลยนะคะ” คุณป้าอ้วนพูดขึ้นมาบ้าง
“ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีค่ะ” ประโยคเดิมถูกส่งขึ้นมาพูดทวนซ้ำ เพราะความประหม่าเลยไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี
เมื่อทักทายกันเสร็จฮานะหันไปพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างรวดเร็วโดยที่สาวเซอร์ไม่รู้เลยว่าเธอกำลังคุยอะไรกับญาติทั้งสอง รู้เพียงแค่ว่าคุณลุงหัวล้านและคุณป้าอ้วนหน้าซีดเอาๆ แถมยังมองมาที่เธออยู่บ่อยๆ หลังจากนั้นทั้งสามชนชาติญี่ปุ่นก็ถกเถียงกันเป็นภาษาแม่ของตนเองอยู่นาน ทำให้ตัวแถม (?) หรือผู้สังเกตการณ์อย่างปอนด์ยืนมองไปมองมาอย่างเอ๋อๆ เมื่อไม่รู้จะทำอะไรเลยเดินหลบฉากออกมาด้านนอก แล้วแอบดูทั้งสามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ท่าทางของแฟนสาวดูจริงจังมาก เสียงหวานๆ ของเธอเข้มขึ้น ใบหน้าดูเครียดขึ้น
“โห้ย โห้ย วากัตตะ วากัตตะ (เอาล่ะ เอาล่ะ เข้าใจแล้วๆ)” คุณลุงหัวล้านพูดขึ้นพลางส่ายหน้าอย่างระอา ส่วนคุณป้าอ้วนก็ทำหน้าเหมือนจะยอมแพ้
“โดโหมะ อาริงาโตะ โกซาเอมัส (ขอบพระคุณมากค่ะ)” ฮานะโค้งให้ทั้งสอง แล้วหันมายิ้มกว้างให้กับปอนด์
คุณลุงเดินมาหาสาวเซอร์แล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “ฝากฮานะจังด้วยนะปอนด์ซัง” เขายกมือมาตบไหล่ของสาวไทย ใบหน้าของเขากำลังดูเหมือนกำลังมอบสิ่งสำคัญของเขาให้กับเธอ ปอนด์มองหน้าเขาด้วยความงงสุดขีด เมื่อเธอหันไปมองคุณป้าอ้วนก็เห็นหญิงวัยกลางคนที่กำลังซับน้ำตา
“กรุณาดูแลเธอด้วย ผมขอความกรุณาฝากเธอให้คุณดูแล” อ่า พูดอะไรกันเนี่ยยยยยยยย หนูมะเข้าใจ
คุณลุงหัวล้านยังคงพูดต่อไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “ผมขอฝากฮานะจังไว้กับคุณจริงๆ นะครับ”
“เอ่อ... คือ...”
“นะครับ”
ด้วยความงงสุดขีดและไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี จนคำพูดเดิมหลุดปากออกไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีค่ะ”
คุณลุงหัวล้านยิ้ม ตบไหล่เธอดังปึ้กอีกสองครั้งแล้วก็ขอเป้ของหลานสาวที่ปอนด์สะพายอยู่เพื่อที่จะเอาขึ้นไปเก็บ เขาเดินกลับไปคุยกับสาวยุ่นและภรรยาอยู่ 2 – 3 คำ คุณป้าอ้วนหันมายิ้มแหยๆ แล้วโค้งให้กับสาวเซอร์ ปอนด์ยิ้มงงๆ กลับไป แล้วฮานะก็เดินมาหา
“ปอนด์...” สาวยุ่นเดินเข้ามากอด
“เอ่อ... ฮานะจัง นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่เล่าเรื่องของเราให้คุณลุงกับคุณป้าฟังเท่านั้นแหละ”
“เรื่องของเรา”
“อื้อ ก็เรื่องที่เราคบกันไง ฉันเล่าให้พวกท่านฟัง”
ง่า... ทำไมตัดหน้ากันแบบนี้ล่า กะจะบอกซะหน่อย ไม่ใช่ว่าไม่กล้าน้า แค่หลบออกมาทำใจเท่านั้นเอ๊ง
“ร... เหรอ แล้วพวกท่านว่ายังไงล่ะ”
ฮานะหันไปมองคุณลุงกับคุณป้าที่กำลังคุยกันด้วยความเคร่งเครียด แล้วพูดว่า “ดูท่าทางพวกท่านจะช็อค”
‘ก็แหงอ่ะดิ ไม่ช็อคก็ไม่รู้จะว่าไงและ ใครจะไปรับมุขได้ไวเหมือนกับแม่ฉันล่ะ’ สาวเซอร์คิดในใจ
“พวกท่านคิดว่าเรื่องนี้ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันยืนยันว่าฉันจริงจัง จริงจังมากจนฉันคิดว่าฉันอยากจะอยู่ที่นี่ อยู่กับปอนด์”
สาวยุ่นบีบมือปอนด์แน่น “ฉันพูดจนกระทั่งพวกท่านยอมรับ ยอมรับว่าฉันรักปอนด์จริงๆ และปอนด์ก็รักฉันจริง”
“แน่นอน ฉันรักฮานะจัง และจะไม่มีใครนอกจากฮานะจัง” สาวเซอร์ยิ้มพลางใช้มือลูบไปที่แก้มใสๆ ของแฟนสาว
“ฉันขอคุณลุงคุณป้าไปนอนบ้านปอนด์ แต่พวกท่านไม่ยอมเพราะคุณพ่อกับคุณแม่โทรมาหาพวกท่านทุกวัน ฉันก็เลยต้องอยู่ที่นี่”
“ไม่เป็นไร อยู่ที่นี่เถอะ ฉันจะโทรหาฮานะจังทุกวัน”
“คุณลุงกับคุณป้าให้ฉันชวนปอนด์ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน พวกท่านอยากรู้จักปอนด์ให้มากกว่านี้”
“อื้อ ไปสิ”
บรรยากาศภายในโต๊ะอาหาร ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นแถวสุขุมวิท สาวญี่ปุ่นตัวเล็กดูเหมือนจะมีความสุขที่สุด เธอพูดคุย เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เธอประสบพบเจอมาที่ประเทศลาว รวมถึงการหยอกล้อกับแฟนสาวที่ดูท่าทางเงียบผิดปกติ (เพราะเกร็งและกลัว) และคุณลุงหัวล้านกับคุณป้าอ้วนที่ดูออกงงๆ กับการเปลี่ยนแปลงของหลานสาวเป็นอย่างมาก