ตอนที่ 18
ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโต๊ะแอบชำเลืองมองหน้าทั้งสองสาวด้วยความรู้สึกแปลกใจ ตอนไปยังเห็นดีๆกันอยู่กลับมาไหงละอองดาวถึงได้ทำหน้าเหวี่ยงแบบนี้
“บนนี้อากาศดีนะครับ”
ภาสกรเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนเพราะตอนนี้บรรยากาศที่เขานั่งอยู่มันวังเวงยังไงชอบกลแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากใครเลย ชายหนุ่มจึงยกแก้วขึ้นดื่มแก้เก้อจนหมดก่อนจะคิดหาเรื่องคุยใหม่
“คุณดาวครับ…คุณดาว”
ละอองดาวหันไปมองคนที่เรียกชื่อเธอเสียงดังด้วยสีหน้าไม่พอใจแต่เมื่อนึกขึ้นได้หญิงสาวจึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่านี่คะ”
“ผมเห็นคุณดาวเงียบๆคิดว่าเบื่อซะอีก”
คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆจนคนฟังอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ ละอองดาวสะบัดความรู้สึกแย่ๆที่เข้ามารุมในความคิดของตัวเองออกไปพร้อมกับทำตัวให้กลับมาร่าเริงอีกครั้ง
“ดาวไม่เบื่อหรอกคะมากับคุณกรใครจะไปทำแบบนั้นได้”
ประโยคบวกกับน้ำเสียงหวานทำเอารวิกานต์ถึงกับสำลักค็อกเทลออกมาทางรูจมูกก่อนจะรีบดึงทิชชู่มาเช็ดอย่างเร็วเพราะเกรงว่าคนอื่นจะเห็นแต่คงไม่ทันเสียแล้วเพราะเธอกำลังถูกจ้องมองด้วยสายตาต่อว่าทั้งจากพี่ชายและคนที่นั่งตรงข้าม
“สงสัยรีบดื่มไปหน่อยขอโทษที เชิญต่อเลยค่ะ”
รวิกานต์เอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด คนกำลังจะเข้าได้เข้าเข็มกันแต่เธอดันพ่นน้ำออกทางจมูกโชว์ซะงั้น…ตลกดีนะแต่เธอกลับหัวเราะไม่ออกเลยสักนิด
หญิงสาวอีกโต๊ะหนึ่งนั่งมองคนทั้งสามอยู่นาน เธอเฝ้าสังเกตทุกกิริยาท่าทางก็พอจะรู้ว่าคนที่เธอพอใจดูจะเป็นส่วนเกินมากที่สุดแต่ก็ยังอดแปลกใจกับท่าทางแสนหวงของละอองดาวไม่ได้แล้วก็นึกย้อนไปถึงวันที่ธรรมธรบอกกับเธอว่าคนทั้งสองคบกันแต่จากที่เห็นเธอว่าพี่ชายของตัวเองคงโดนหลอกแล้วล่ะ นิศามณีฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อประโยคนี้ดังก้องในหัวคราวนี้เธอจะไม่ปล่อยให้คนที่ถูกใจหลุดมือไปอีกแล้ว
“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ”
เร็วยิ่งกว่าความคิดเมื่อนิศามณีเดินเข้าไปหาคนทั้งสามทันทีพร้อมกับโปรยยิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่
“ได้มั้ยคะ”
เหมือนหญิงสาวมาใหม่จะดูออกว่าจุดอ่อนอยู่ที่ใครเธอจึงหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้กับชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโต๊ะ
“เอ่อ…”
ภาสกรพยายามหันไปถามความคิดเห็นของอีกสองคนที่นั่งด้วยแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับเขาจึงได้แต่ยิ้มรับแทนคำพูด
“สวัสดีค่ะ”
นิศามณีเอ่ยทักทายคนใจดีที่ยอมให้เธอนั่งด้วยก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกสองคนที่เหลือ
“นิศาค่ะเป็นเพื่อนกับกานต์”
“อ๋อ…สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยทักตอบก่อนจะหันไปมองหน้าน้องสาวอย่างล้อเลียน
“มีเพื่อนสวยๆแล้วเก็บเงียบเลยนะ”
รวิกานต์มองหน้าคนพูดก่อนจะหันไปมองคนมาใหม่ที่ตอนนี้นั่งเบียดจนเธอจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว
“นิศาไม่ใช่คนสำคัญอะไรหรอกค่ะกานต์เค้าถึงมองไม่ค่อยเห็น”
คนพูดตีหน้าเศร้าจนภาสกรนึกสงสารเพราะไม่รู้ว่าน้องสาวตัวดีของตัวเองไปสร้างวีรกรรมอะไรไว้แต่หวังว่าคงไม่ได้ไปหักอกเขาหรอกนะ
“รวิกานต์”
คนถูกเรียกชื่อหันไปมองพี่ชายของตัวเองที่ตอนนี้ตีหน้ายักษ์ใส่เธอราวกับทำผิดร้ายแรง…ให้มันได้อย่างนี้สิวันนี้มีแต่คนอารมณ์บูดใส่เธอ
“กานต์ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“เอาความจริง”
“จริงที่สุดแล้ว”
สองพี่น้องทำปากขมุบขมิบใส่กันเพื่อให้การสื่อสารเข้าใจกันแค่สองคนแต่กลับยิ่งสร้างความสงสัยให้กับคนที่มองโดยเฉพาะคนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา
“คุยอะไรกันคะ”
ละอองดาวเริ่มทนไม่ได้กับท่าทางมีลับลมคมในของคนทั้งคู่ยิ่งดูไม่ออกเธอก็แทบอยากจะดึงตัวรวิกานต์มาเค้นคอถามให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“เอ่อ…เปล่าครับ”
“นั่นสิคะแต่ถ้าเป็นเรื่องนิศาไม่ต้องคิดมากนะคะถึงกานต์จะไม่เห็นความสำคัญของนิศาแต่สำหรับนิศากานต์สำคัญที่สุด”
คนพูดเอื้อมมือไปแตะที่แก้มขาวของคนข้างๆพร้อมกับยิ้มหวานออกมาไม่น่าเชื่อว่าเธอจะรู้สึกดีกับรวิกานต์มากมายขนาดนี้ทั้งๆที่ตอนแรกไม่คิดจริงจังอะไรแต่พอมาตอนนี้เธอกลับรู้สึกอยากครอบครองอีกคนมากขึ้นจนน่าตกใจ
“ยินดีที่ได้รู้จัก!”
ประโยคทักทายแบบห้วนๆดังขึ้นพร้อมกับการยกแก้วขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนักของคนพูดทำให้นิศามณีหัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อได้เห็น ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าละอองดาวกำลังรู้สึกอย่างไรแต่มันคงจะน่าเกลียดเกินไปหากเธอไม่ยกแก้วของตัวเองขึ้นมา นิศามณีค่อยๆละมือจากแก้มขาวนุ่มของคนข้างๆอย่างเสียดายแต่เธอคิดว่าตัวเองยังมีเวลาอีกเยอะเพราะฉะนั้นวันนี้เธอจะหันมาเล่นกับคนหน้าบูดสักตั้ง ดูสิว่าเจ้าหล่อนจะงัดมุขอะไรมาขัดคอเธอ
“ยกแก้วสิ!”
ละอองดาวเอ่ยออกมาเสียงดังจนเจ้าตัวเองยังตกใจแต่มันช่วยไม่ได้จริงๆเมื่อตอนนี้อารมณ์ของเธอมันพุ่งปรี๊ดจนเกินจะห้ามได้ ยิ่งตอนที่ยัยผู้หญิงไร้ยางอายยกมือไปสัมผัสที่แก้มของ รวิกานต์เธอต้องยอมรับว่าวินาทีนั้นแทบอยากจะสาดเหล้าในแก้วใส่หน้าหล่อนหากไม่ติดว่ามีภาสกรนั่งอยู่ข้างๆป่านี้นิศามณีคงไม่ได้นั่งเชิดหน้าแบบนี้เป็นแน่ ว่าแต่ทำไมเธอรู้สึกคุ้นเคยกับอารมณ์แบบนี้จังเหมือนเคยเป็นมาก่อน…
ฝั่งรวิกานต์เกิดอาการตกใจจนเซไปหาคนข้างๆเมื่อคนตรงหน้าจงใจตะโกนใส่หน้าเธอแต่เจ้าตัวก็รีบดึงตัวกลับมายังจุดเดิมเพราะรู้สึกเสียววูบกับสายตาของละอองดาวที่ทำราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอ
ทั้งสี่คนยกแก้วขึ้นชนกันเบาๆก่อนจะยกดื่มอย่างไม่มีใครยอมใครโดนเฉพาะละอองดาวกับนิศามณีที่ดูจะจริงจังจนแทบจะเลียหยดน้ำในแก้วหากทำได้
“ที่นี่สวยนะคะ”
นิศามณีพูดพร้อมกับมองหน้าคนที่นั่งข้างๆก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา
“เราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้”
หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้คนข้างๆทีละน้อยจนในที่สุดการเคลื่อนตัวของเธอก็หยุดลงเมื่อรู้สึกได้ว่ารวิกานต์หมดหนทางขยับหนีแล้ว
“วันนั้นถ้าพี่ธรไม่เข้ามายุ่งกานต์คงไม่ขยับหนีนิศาแบบนี้ใช่มั้ยคะ”
คนพูดเอื้อมมือไปปัดเส้นผมของอีกคนที่มาขวางทางระหว่างเธอกับรวิกานต์อย่างเบามือพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานที่แสดงความต้องการบางอย่างออกมาอย่างชัดเจน
“ผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ชายของนิศาเอง”
“ค๊ะ”
รวิกานต์เผลอลืมตัวหันมาหาคนพูดเพราะสงสัยก่อนจะเกิดอาการอึ้งไปพักใหญ่เมื่อสายตาของเธอดันแลไปเห็นอกขาวอวบอิ่มที่อีกคนต้องการเผยโชว์ให้ทุกคนได้เห็นมันไม่แปลกแต่…หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอช้าๆมันใกล้มากไปหน่อยมั้ย
นิศามณียิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะรีบดึงหน้าคนที่กำลังจะหันกลับให้อยู่ที่เดิมเธอรู้ว่าตอนนี้เหยื่อของตัวเองกำลังค่อยๆตกหลุมพลางแล้ว
“อุ๊ย!”
จู่ๆหญิงสาวสุดเซ็กซี่ก็ปล่อยมือออกจากคนที่นั่งข้างๆก่อนจะยกมือมาปิดตาตัวเอง
“เป็นอะไรคะ”
“ไม่รู้อะไรเข้าตาค่ะกานต์ช่วยดูให้นิศาหน่อยได้มั้ย” ประโยคและน้ำเสียงแสนอ้อนแบบนี้มีหรือที่รวิกานต์จะปฏิเสธลง หญิงสาวจึงคอยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อหวังจะช่วยเหลือแต่แล้วคนที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นอย่างเร็วพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเลห์จนรวิกานต์เริ่มจะเดาทางออกแล้วว่าอีกคนต้องการอะไร
นิศามณีโอบต้นคอของคนใจดีเอาไว้แน่นก่อนจะส่งสายตาหวานไปให้ เธอสัมผัสได้ว่าหัวใจของรวิกานต์กำลังเต้นแรงมากแค่ไหน หญิงสาวจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของคนที่เธอกำลังกอดอยู่ในนั้นยังคงส่องแสงสวยงามน่าหลงใหลดังเช่นคราวก่อนและตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีแรงดึงดูดมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก มากจนตอนนี้เธอแทบอย่างจะเข้าไปอยู่ข้างในคงจะดีไม่น้อยหากดวงตาคู่นี้มองมาที่เธอแค่คนเดียว
หญิงสาวทั้งสองแทบจะกระเด็นออกจากกันเมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนผ่าแทรกกลางเข้ามา
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
ละอองดาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆพร้อมกับดัน รวิกานต์ออกไปจากที่นั่งก่อนจะนั่งลงแทนที่อย่างเร็ว
“ฉันว่าคุณมากกว่านะที่มีปัญหา”
นิศามณีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่างจากคนที่เข้ามาใหม่ เธอชักไม่อยากทนกับคนหวงก้างซะแล้ว
“ไม่นิคะ”
ทั้งสองสาวจ้องกันด้วยสายตาที่แสนจะฟาดฟันดูเอาเถอะไม่มีใครคิดจะสนใจคนที่โดนถีบ..เอ้ย! โดนผลักจนตกเก้าอี้อย่างรวิกานต์เลยสักคน
เมื่อเวลาล่วงเลยเข้าเกือบเที่ยงคืนก็ได้เวลาที่ต้องแยกย้ายกลับเข้าห้องกันซะที
“นิศาเหมือนมึนๆเดินไปส่งที่ห้องหน่อยได้มั้ยคะกานต์”
คนพูดเอื้อมมือไปใกล้คนที่ถูกเปลี่ยนที่นั่งแต่ยังไม่ทันจะไปถึงก็ถูกละอองดาวคว้าเอาไว้
“ไปส่งก็ได้ค่ะแต่ว่าไปกันหมดนี่น่าจะอุ่นใจกว่า”
เอาอีกแล้วสายตาที่แสนจะเชือดเฉียดกันแบบนี้ของทั้งสองสาวทำเอาภาสกรถึงกับงงด้วยไม่เข้าใจว่าคนทั้งคู่กำลังเล่นอะไรอยู่หรือว่าไปเกลียดกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่…แต่เท่าที่ดูคงจะแค้นกันมานานมากแล้ว
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักของนิศามณี หญิงสาวจึงหันกลับมาเอ่ยขอบคุณทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปใกล้รวิกานต์อีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
ประโยคเจาะจงที่เอ่ยออกมาอย่างตั้งใจจนคนฟังอดยิ้มออกมาไม่ได้บางมุมของผู้หญิงคนนี้ก็ดูหวานอย่างไม่น่าเชื่อ
นิศามณียิ้มอย่างพอใจอย่างน้อยคืนนี้เธอก็ได้มองรอยยิ้มนี้อย่างเต็มตาถึงแม้ใจจริงอยากจะดึงเจ้าของดวงตาสวยเข้าห้องก็ตามที
“ที่นี่สวยมากนะคะคุณดาว”
หลังจากซึมซับรอยยิ้มจากรวิกานต์จนรู้สึกพอใจ นิศามณีก็หันมาสนทนาส่งท้ายกับเจ้าของโรงแรมที่ยืนทำหน้าบูดอยู่ตลอดเวลา
“สมแล้วนะคะที่ชื่อนับดาว”
“ค่ะ”
เป็นเพียงคำตอบสั้นๆถ้าไม่ติดว่าที่นี่คือโรงแรมของตัวเองเธอคงโยนยัยนมโตเข้าห้องไปแล้ว
“นับเท่าไหร่ก็คงจะไม่หมดจริงมั้ยคะคุณกร”
ภาสกรมองคนที่จู่ๆก็หันมาคุยกับเขาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววเลยแม้แต่น้อยหากแต่ชายหนุ่มก็ส่งยิ้มไปให้พร้อมกับคำตอบสั้นๆ
“ครับ”
“คุณกรชอบดาวดวงไหนที่สุดคะ”
“อืม…ผมชอบทุกดวงครับเพราะทุกดวงมีความสำคัญพอๆกัน”
“แล้วคุณดาวล่ะคะชอบดวงไหน”
“ฉันจำเป็นต้องบอกคุณด้วยเหรอ”
“เป็นความลับเหรอคะ”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
นิศามณียิ้มให้กับคนที่ไม่ยอมตอบคำถามก่อนจะหันไปปัดเสื้อให้รวิกานต์เอาดื้อๆ
“เสื้อเลอะอะไรคะ”
รวิกานต์มองตามที่อีกคนบอกก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นรอยบางอย่างที่เสื้อ
“งั้นนิศาขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้กับคนที่มาส่งก่อนจะมาหยุดยืนข้างๆละอองดาว
“หวังว่าเราคงจะไม่ชอบดวงเดียวกันหรอกนะคะ”
คนพูดเดินเข้าห้องไปทันทีพร้อมกับรอยยิ้มแบบสะใจส่วนละอองดาวก็เริ่มจำความรู้สึกนี้ได้แล้วเธอเคยรู้สึกเกลียดคนๆหนึ่งแบบนี้แหละแต่ดูเหมือนจะไม่มากมายเท่านี้ ครั้งก่อนเธอเคยนึกอยากจับอรวรรณมัดแล้วเอาไปโยนกลางป่าแต่มันยังไม่เลวร้ายมากเท่าไหร่เมื่อเธอคิดอยากจะไปเก็บยัยนั่นกลับมาแต่ครั้งนี้นิศามณีทำให้เธออยากถ่วงน้ำคนแบบไม่ให้มีโอกาสลอยขึ้นมาอีก ยิ่งได้เห็นรอยลิปสติกที่ถูกประทับไว้ที่เสื้อของรวิกานต์เธอก็ยิ่งรู้สึกเกลียดคนที่เพิ่งเดินไปเข้ากระดูกดำ…