web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 39
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 34
Total: 34

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 17  (อ่าน 3476 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
ตอนที่ 17
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 18:30:44 »
ตอนที่ 17

   รวิกานต์เดินชายหาดอยู่เพียงลำพัง วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งแสงจันทร์จึงส่องสว่างได้มากจนสามารถมองเห็นทุกสิ่งรอบกายได้อย่างชัดเจนและไม่น่าเชื่อ…ว่ามันจะส่องเข้าไปถึงข้างในหัวใจของเธอจนทำให้ได้รู้ว่ามีใครที่แฝงตัวอยู่ในนั้น
   หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า ดวงดาวมากมายกำลังอวดแสงของตัวเองช่างดูเจิดจรัสราวกับว่าบนท้องฟ้าเป็นเวทีการแข่งขันหากแต่ทำไมเธอกลับไม่รู้สึกซึมซับกับความงดงามที่ได้เห็น ตอนนี้หัวใจของเธอกำลังห่อเหี่ยวเป็นที่สุด ตั้งแต่ภาสกรมาที่นี่ละอองดาวก็แทบจะไม่หันมามองเธอเลยและนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจจนต้องออกมาเดินอยู่ตรงนี้

   กลับมาทางด้านสองหนุ่มสาวที่กำลังนั่งทานข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรม ละอองดาวหันไปมองที่ประตูอยู่บ่อยครั้งจนชายหนุ่มที่นั่งด้วยอดสงสัยไม่ได้จนต้องถามออกมา
   “คุณดาวมองหาใครหรือเปล่าครับ”
   คนถูกถามดึงสายตากลับมายังคนที่นั่งด้วยก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ
   “กานต์ไปไหนคะไม่เห็นเลยตั้งแต่เย็น”
   “เห็นบอกนัดเพื่อนไว้หรืออะไรสักอย่างผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ”
   “อะไรนะคะ!”
   ภาสกรเงยหน้าขึ้นมองคนที่จู่ๆก็ทำน้ำเสียงดุใส่เขาอย่างแปลกใจจนละอองดาวต้องรีบฉีกยิ้มออกมากลบเกลื่อนอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะปกติของตัวเอง
   “คือดาวแค่เป็นห่วงน้องกานต์น่ะค่ะเห็นหายไปตั้งแต่เย็น”
   ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับส่งยิ้มตอบกลับไปให้
   “ไม่ต้องห่วงนะครับเดี๋ยวก็คงกลับ”
   ยังไม่ทันขาดคำคนที่ถามหาก็ปรากฎตัวขึ้นแต่หาได้ตรงเข้ามาที่โต๊ะนี้ทันทีเพราะตอนนี้รวิกานต์กำลังหยุดคุยอยู่กับใครบางคนที่ละอองดาวรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยเห็นที่ไหน
   “นั่นไงครับพูดถึงก็มาเลย”
   ภาสกรมองที่น้องสาวตัวแสบก่อนจะหันไปสะกิดคนที่ถามหาแต่แล้วเขาก็ต้องดึงมือกลับเมื่อเห็นว่าคนข้างๆกำลังจ้องไปยังรวิกานต์แทบไม่กระพริบตาอยู่แล้วท่าทางจะตาไวกว่าเขาซะอีก
   “นั่นเพื่อนรวิกานต์เหรอคะ”
   “ไม่ใช่หรอกครับน้องคนนั่นน่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่เราคุยด้วยที่เคาน์เตอร์”
   ละอองดาวนึกย้อนกลับไปวันที่เกิดความผิดพลาดหน้าเคาน์เตอร์และใบหน้าซีดเผือกของพนักงานคนนั้นก็ลอยเข้ามาในความคิด หญิงสาวดึงสายตากลับมายังโต๊ะของตัวเองเธอกำลังสงสัยว่าสองคนนั่นไปรู้จักกันได้ยังไงหากแต่ช่วงนี้เธอก็ยอมรับว่าไม่ค่อยได้สนใจรวิกานต์สักเท่าไหร่เพราะมัวแต่วุ่นเรื่องพาภาสกรไปดูสถานที่ที่จะสร้างเพิ่มเติมแล้วไหนจะงานของที่นี่ที่เธอต้องตรวจดูด้วยตัวเองอีกมันเยอะแยะมากมายจนแทบไม่มีเวลาทำอะไรเลย
   “ไงตัวแสบหายไปไหนมา”
   และแล้วคนที่อยู่ในหัวข้อการสนทนาตั้งแต่ต้นก็เดินมาถึงโต๊ะจนได้ รวิกานต์หันไปมองคนที่ทักเธอก่อนจะแอบมองไปยังคนตรงหน้าที่ทำหน้าบูดทันทีเมื่อเธอเข้ามา ละอองดาวคงไม่พอใจที่เธอเข้ามาขัดจังหวะดินเนอร์สินะถึงได้ทำหน้าไม่รับแขกแบบนี้…
   “ไปเดินเล่นมาค่ะ”
   “ไหนบอกพี่จะไปรับเพื่อน”
   “เอ่อ…พอดี…พอดีเพื่อนเปลี่ยนใจไม่มาแล้ว”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักจนทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างพร้อมกับชี้นิ้วไปยังคนมีพิรุธ
   “อย่าบอกนะว่า…”
   “ว่าอะไร”
   “ว่า”
   หญิงสาวตัวสูงปัดมือพี่ชายที่ชี้หน้าตัวเองแบบล้อๆออกพร้อมกับทำหน้างอใส่จนภาสกรอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
   “หัวเราะอะไร”
   “ก็กานต์ทำหน้าเหมือนตอนเด็กเลย”
   คนถูกว่ายกมือขึ้นจับที่ใบหน้าของตัวเองก่อนจะหันไปมองคนพูดอย่างสงสัย
   “พูดเป็นเล่น”
   “จริงๆนะ”
   ภาสกรพูดออกมาก่อนจะหันไปเล่าเรื่องสมัยเด็กให้คนที่นั่งเงียบได้ฟัง
   “คุณดาวรู้มั้ยครับว่าคนแถวนี้ถ้าโกหกแล้วถูกจับได้จะต้องทำหน้างอหรือไม่ก็ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน”
   “พูดเล่นอยู่ได้พี่กรพอแล้ว”
   รวิกานต์ลุกขึ้นโวยวายใส่พี่ชายตัวเองเสียงดังจนโต๊ะข้างๆมองมา เธอถึงได้รู้สึกว่ากำลังทำให้โต๊ะอื่นตกใจไปด้วยหญิงสาวนั่งลงอย่างเร็วก่อนจะทำหน้างอหนักกว่าเดิม
   “เห็นมั้ยล่ะครับ”
   “พี่กร”
   “โอ๋ๆๆ”
   ชายหนุ่มหันมาลูบหัวคนที่กำลังโมโหเบาๆพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด
   “ถ้าไม่หยุดกานต์จะโกรธพี่กรจริงๆด้วย”
   “จ้าพี่ขอโทษ…ว่าแต่แอบไปเดทกับน้องคนตะกี้หรือเปล่าน่ะ”
   จบประโยคคนถูกล้อก็หน้าแดงขึ้นมาทันทีอันที่จริงสิ่งที่พี่ชายของเธอพูดมันไม่มีเรื่องจริงเลยสักนิดแต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆเธอถึงรู้สึกร้อนที่ใบหน้าขึ้นมาอาจเพราะ…ย้อนกลับไปเมื่อสักครู่เธอกำลังจะเดินมาที่โต๊ะแต่แล้วขาทั้งสองข้างกลับไม่มีแรงที่จะก้าวเดินเมื่อมองไปเห็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูสนิทกันมากซะจนเธอไม่อยากจะเข้าไปเป็นก้าง เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจนเธอรู้สึกว่ามีมือของใครบางคนเข้ามาสะกิดที่แขน
   “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
   รวิกานต์หันไปมองเจ้าของเสียง เธอนึกแปลกใจว่าเคยไปรู้จักกับหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ตอนไหนและดูมันจะชัดเจนมากจนคนที่มาทักถึงกับหน้าแดงรู้สึกเขินที่คนที่ทักจำตัวเองไม่ได้
   “ฉันชื่อปลาค่ะคุณกานต์คงจำฉันไม่ได้”
   คนฟังยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำยอม
   “จำคนที่หน้าเคาน์เตอร์ไม่ได้เหรอคะคนที่คุณช่วยไว้”
   “ออ…คุณนั่นเอง”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาหลังจากที่นิ่งคิดอยู่นานว่าแต่ตอนทำงานกับเลิกงานดูจะต่างกันมาซะจนเธอจำแทบไม่ได้
   “ว่าแต่อย่าเรียกคุณเลยนะคะฟังแล้วมันกระดากยังไงไม่รู้เรียกกานต์เฉยๆก็ได้”
   “ได้เหรอคะ”
   “ได้สิทำไมจะไม่ได้ดูๆไปเราน่าจะอายุใกล้ๆกันเป็นเพื่อนกันได้สบาย”
   คนพูดเอ่ยออกมาอย่างเป็นกันเองหากแต่คนฟังนี่สิถึงกับยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงหู
   “ขอบคุณนะคะที่ไม่รังเกียจ”
   “ค่ะ”
   “แล้วถ้าอยากเป็นมากกว่าเพื่อนล่ะคะ”
   รวิกานต์แทบจะหุบยิ้มลงทันทีถ้าไม่ติดว่าจะเป็นการเสียมารยาทก็นะ…เธอน่าจะดูสายตาที่จ้องมาออกแต่ดันเผลอเปิดช่องให้แบบเต็มๆ ส่วนคนพูดก็หัวเราะกับสีหน้าตกใจของคนที่คุยด้วยท่าทางเธอคงจะเปิดตัวแรงไปหน่อยเจ้าตัวถึงได้ทำหน้าเอ๋อแบบนี้
   “อึ้งเลยเหรอคะ”
   “เอ่อ…”
   “งั้นปลากลับก่อนดีกว่าประเดี๋ยวจะมืดไปกว่านี้”
   คนพูดเอื้อมมือไปแตะที่แขนอีกคนเบาๆ
   “ปลาพูดจริงนะคะ”
   รวิกานต์มองคนที่เดินไปอย่างทึ่งๆดูท่าทางหน้าตาซื่อๆไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนแบบนี้แถมยังมีทิ้งท้ายบอกชื่อที่พักกับเบอร์ห้องให้กับเธอเรียบร้อย…ของเขาแรงจริงๆ
   หญิงสาวต้องสะบัดเรื่องราวที่ผ่านมาออกไปจากหัวเมื่อถูกภาสกรเขย่าตัวอย่างแรงจนแทบตกเก้าอี้
   “ทำอะไรของพี่”
   “เราแหละเป็นอะไรเรียกตั้งนานก็ไม่ตอบ”
   “เปล่าซะหน่อย”
   “อย่าบอกนะว่ากำลังวางแผนย่องไปหาผู้หญิงคนตะกี้”
   ชายหนุ่มยังไม่หยุดแกล้งเพราะนานๆทีจะได้เห็นน้องสาวตัวแสบออกอาการเขินมากมายขนาดนี้
   “จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว”
   “คุณดาวครับคืนนี้ฝากดูด้วยนะครับอย่าให้ไปเถลไถลที่ไหน”
   ภาสกรหันไปหาตัวช่วยแต่แทนที่จะได้รับการสนับสนุนกลับได้รับเพียงใบหน้านิ่งที่ไม่บ่งบอกหรือแสดงอารมณ์อะไรเลยจนเขาต้องเป็นฝ่ายหยุดพูดไปเอง

   ทั้งสามคนเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าของโรงแรมที่เปิดโล่งทำให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ทั่วทุกทิศทางและยังตั้งบาร์เล็กๆไว้คอยให้บริการสำหรับคนที่ต้องการมานั่งดื่มและพักผ่อนแบบชิวล์ๆ
   “สวยมากเลยนะครับบรรยากาศดีจนแทบไม่อยากกระพริบตา”
   ภาสกรเอ่ยออกมาจากความรู้สึกข้างในเพราะสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของเขามันงดงามจริงๆ
   “คุณดาวเก่งมากเลยนะครับ”
   “ไม่หรอกค่ะต้องขอบคุณคนออกแบบ”
   “แต่ถ้าเจ้าของไม่อนุมัติมันก็สร้างออกมาไม่ได้”
   ชายหนุ่มเอ่ยชมไม่ขาดปากจนละอองดาวต้องน้อมรับคำชมนั้นด้วยรอยยิ้ม รวิกานต์ยิ้มออกมาอย่างฝืนๆเมื่อมองเห็นคนทั้งคู่พูดคุยและหยอกล้อกันมันคงจะน่าดูกว่านี้ถ้าหัวใจของเธอไม่ดันมาเล่นตลกแบบนี้ซะก่อน
   “ดื่มอะไรกันดีคะเดี๋ยวดาวไปคุยกับเด็กที่บาร์แล้วจะเอามาให้”
   ละอองดาวเอ่ยถามเมื่อเดินมานั่งยังโต๊ะที่จองเอาไว้
   “ผมไม่ค่อยถนัดเครื่องดื่มพวกนี้ให้คุณดาวแนะนำแล้วกันครับ”
   “เอางั้นเหรอคะ”
   “ครับ”
   “แล้วเธอล่ะ”
   “ไม่เป็นไรเดี๋ยวกานต์ไปสั่งเองดีกว่าค่ะ”
   รวิกานต์ลุกเดินออกมาทันที เธออาจไม่ใช่ผู้เชียวชาญแต่ก็ไม่ได้อ่อนด้อยประสบการณ์ถึงกับไม่รู้ว่าตัวเองชอบกินอะไรและก็ไม่ได้พิการขาลีบจนเดินมาเอาเองไม่ได้ หญิงสาวตกใจในถ้อยคำที่ผุดขึ้นมาในความคิดนี่เธอกำลังว่าให้พี่ชายตัวเองอยู่นะเนื่ยและไม่ทันได้ระวังเธอจึงเดินชนเข้ากับใครบางคนโดยไม่ตั้งใจ รวิกานต์รีบคว้าร่างบางเข้ามาประคองไว้ในอ้อมกอดก่อนที่อีกฝ่ายจะล้มลงเสียก่อนแต่แทนที่จะได้รับการต่อว่าคนในอ้อมกอดกลับกระซิบคำพูดแปลกๆออกมาซะงั้น
   “คืนนี้ดาวสวยจังนะคะ”
   เสียงในอ้อมกอดเบาหวิวแต่กลับส่งผลให้คนฟังรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัวเมื่อรวิกานต์หันมามองหน้าคนพูดก็แทบอยากจะปล่อยมือแต่คงทำได้ยากเพราะตอนนี้เธอกำลังถูกอีกคนล็อคตัวเอาไว้
   “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ คิดถึงจัง”
   หญิงสาวในอ้อมกอดไม่พูดเปล่าแต่กลับโน้มหน้าอีกคนลงมาเพื่อจะฉกริมฝีปากเรียวบางที่แสนจะยั่วยวนเธอเหลือเกินแต่แผนการช่วงชิงเรียวปากก็ไม่ประสบความสำเร็จเมื่อมีใครบางคนเข้ามาแทรกกลางระหว่างเธอทั้งคู่
   “ไหนบอกจะมาเอาค็อกเทลไม่ใช่เหรอ”
   หญิงสาวตัวเล็กเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งๆพร้อมกับหันมาทำตาเขียวใส่คนที่เดินมาโดยไม่รอเธอ
   “ก็…ก็ใช่ไง”
   “แล้วไหนล่ะ”
   “เอ่อ…”
   รวิกานต์ไม่รู้ว่าทำไมแต่ละคำถามของคนตัวเล็กถึงได้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและหาคำตอบได้ยากเย็นขนาดนี้แต่ที่รู้ก็คืออาการที่เธอเป็นเขาเรียกว่าร้อนตัวใช่มั้ย
   “สวัสดีค่ะคุณคาว”
   นิศามณีเอ่ยทักทายคนมาใหม่ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะดังเพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่ากำลังถูกตัดออกจากวงโคจรของคนทั้งคู่
   ละอองดาวหันไปมองหน้าคนที่เรียกชื่อเธอถูกก่อนจะค่อยๆนึกว่าตัวเองไปรู้จักผู้หญิงที่แต่งตัวเปรี้ยวจนแทบเข็ดฟังนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่อะไรมันก็ไม่สำคัญเท่ากับยัยมะนาวนี่กำลังจะกินคนของเธอ…ใช่เธอพูดได้อย่างไม่ละอายใจเพราะรวิกานต์ทำงานกับเธอก็ต้องเป็นของเธอสิหรือใครจะเถียง
   “โทษทีนะฉันไม่รู้จักเธอ”
   ประโยคแสนเหวี่ยงดังออกจากปากทันทีเมื่อจบความคิดแทบจะไม่ต้องทำความรู้จักอะไรให้มากมายเพราะตอนนี้เธอกำลังเอื้อมมือไปกระชากแขนของคนที่ยืนทำหน้าซื่อให้เดินตามมา
   “เดี๋ยวสิคะ”
   นิศามณีเดินมาดักหน้าทั้งสองสาวที่ทำท่าจะเดินหนีเธอไปทั้งๆที่ยังคุยกันไม่จบ จากนั้นเธอก็หยิบนามบัตรขึ้นมาส่งให้กับทั้งสองสาว
   “งั้นฉันขอแนะนำตัวเลยนะคะฉันนิศาเป็นน้องของพี่ธรเอ่อคุณอาจจะรู้จักในชื่อธรรมธร”
   คนพูดเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจหากแต่เธอก็ต้องรู้สึกเสียหน้าเมื่อคนที่คุยด้วยไม่ค่อยจะสนใจโดยเฉพาะยัยตัวเล็ก
   นี่ที่เอาแต่จะลากตัวรวิกานต์ออกไปให้ห่างเธอ
   “แค่นี้ใช่มั้ย”
   พูดจบละอองดาวก็จัดการกระชากรวิกานต์ออกจากจุดเสี่ยงทันทีเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้ ยิ่งเป็นพี่น้องกับคนอย่างธรรมธรแล้วด้วยยิ่งไม่น่าคบแต่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดก็คือยัยนั่นกำลังทำให้สถานที่สุดโรแมนติกแห่งนี้เปอะเปี้ยนไปด้วยนมเพราะขยันทำหกเหลือเกินแล้วไหนจะคนที่เธอฉุดกระชากลากถูกมานี่อีกใช่ว่าเธอจะไม่เห็นสายตาที่แอบชำเลืองมองไปทางนั้นอยู่บ่อยๆจนรู้สึกทนไม่ได้ต้องลากตัวออกมา…มีเหมือนกันทำไมต้องไปอยากดูของอื่นแล้วนี่เธอเป็นอะไรทำไมต้องมาหัวเสียมากมายขนาดนี้ด้วยนะ…




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.