ตอนที่ 16
วันนี้เป็นวันแรกของการมาดูงานรวิกานต์เดินตามคนตัวเล็กที่กำลังวุ่นอยู่กับการสั่งนู้นนี่นั่นพนักงานจนไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเธอ หญิงสาวนึกทึ่งที่ละอองดาวสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองเธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ดูบอบบางและน่าทะนุถนอนแบบนี้จะทำงานที่หนักขนาดนี้ได้
ตอนนี้เธอทั้งคู่เดินลงมาที่สวนของโรงแรมแดดที่สาดส่องมากระทบร่างกายรุนแรงมากซะจนรวิกานต์คิดว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นเถ้าธุลีได้หากไม่รีบหาที่กำบังแต่กลับกันคนที่ดูน่าจะอ่อนแอมากกว่าเธอกลับเดินฝ่าเปลวแดดได้อย่างไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวตัวสูงมองภาพคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกชื่นชมก่อนจะเดินไปอยู่ข้างๆพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาซับเหงื่อให้
“ทำอะไรของเธอ”
ละอองดาวหันมามองคนข้างๆพร้อมกับปัดมืออีกคนออก
“เหงื่อคุณออก”
“ไม่เป็นไรแต่ก็ขอบใจนะ”
คนพูดส่งยิ้มให้คนหวังดีก่อนจะเดินไปหาคนงานที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งแต่แล้วหญิงสาวตัวเล็กก็ต้องพบกับความประหลาดใจอีกครั้งเมื่อจู่ๆท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงกลับค่อยๆมีร่มเงามาแทนที่ ละอองดาวหันไปมองด้านหลังก็พบกับตัวการที่อุตสาห์หอบร่มยักษ์มากางให้กับเธอ
“ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรเหมือนกันค่ะ”
“เธอนี่ดื้อจังนะ”
“แต่น้อยกว่าคุณ”
ละอองดาวมองหน้าคนที่ตื้อไม่เลิกก่อนจะหันหลังกลับไปจัดการงานต่อหากว่าเธอมีเวลามากกว่านี้รวิกานต์ได้เจอของดีแน่
หญิงสาวตัวเล็กทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรงแค่เธอไม่ได้เข้ามาดูไม่กี่วันทำไมมีแต่ปัญหาให้ต้องแก้มากมายขนาดนี้ ละอองดาวลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้
“มาวันแรกก็งานหนักเลยเนาะ”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับยื่นผ้าเย็นให้คนที่นั่งหมดแรง
“ให้ฉันเหรอ”
ละอองดาวถามออกมาด้วยสีหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อจนรวิกานต์ต้องดึงมืออีกคนขึ้นมาแล้วเอายัดใส่
“ฉันถามดีๆนะ”
คนพูดทำหน้างอเล็กน้อยก่อนจะเอาผ้าที่ได้รับแบบยัดเยียดมาเช็ดหน้า
“ก็แล้วในห้องนี้มีใครบ้างล่ะคะนอกจากคุณกับฉัน”
“ตอบดีๆก็ได้นิว่าแต่เข้ามาห้องคนอื่นรู้จักเคาะบ้างก็ดีนะ”
“คุณไม่ได้ล็อค”
“แล้วยังไง”
หญิงสาวตัวเล็กหันมาทำตาเขียวใส่คนที่ไม่รู้จักรับความความผิดของตัวเองก่อนจะหันไปมองทางอื่น
“เธอโตแล้วนะรวิกานต์ไม่ใช่เด็กที่ทำความผิดแล้วใครๆเค้าก็จะยกโทษให้”
พูดจบละอองดาวก็ลุกขึ้นไปคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำทันทีก่อนจะตะโกนให้คนที่นั่งอยู่ลงไปรอข้างล่าง
รวิกานต์มองแผ่นหลังของคนที่เพิ่งเดินจากไปจนลับสายตานึกแปลกใจกับความรู้สึกห่วงใยที่มอบให้กับผู้หญิงคนนี้ที่มันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนตัวเธอเองก็ชักจะหวั่นใจ
ตอนนี้รวิกานต์เดินเล่นอยู่ที่หาดหน้าโรงแรม หญิงสาวมองป้ายที่ตั้งข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม“นับดาว”เธอเอ่ยเรียกชื่อของสถานที่ออกมาเบาๆพร้อมกับมองไปรอบๆสมแล้วที่ใช้ชื่อนี้เพราะเมื่อตกอยู่ในความมืดไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหนของโรงแรมก็จะสามารถเห็นดาวได้ไม่ยากโดยเฉพาะบริเวณที่เธอยืนอยู่นี้มันน่าจะเหมาะที่สุดแต่เพียงไม่นานรอยยิ้มบนหน้าของรวิกานต์ก็ค่อยๆจางหายไปเมื่อสายตาของเธอหันไปเจอเข้ากับชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา
“มาไม่รอพี่เลยนะ”
ภาสกรเอ่ยออกมาทันทีเมื่อเดินเข้ามาใกล้น้องสาวหากแต่สายตาของเขาก็ยังจับจ้องที่ใบหน้าของเจ้าของโรงแรมนี้อยู่ไม่วางตา
“อันนี้ต้องถามคุณ…เอ่อพี่ดาวมั้งค่ะ”
รวิกานต์หันไปโทษหญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้ามันช่างดูน่าหมั่นไส้ในสายตาของเธอจริงๆ
“ความผิดของคุณดาวเหรอครับเนื่ยแบบนี้ต้องมีปรับโทษนะครับ”
ละอองดาวหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะแอบส่งสายตาดุให้กับคนที่โยนความผิดมาให้ตัวเองแต่เธอก็คงเถียงอะไรไม่ได้เพราะทุกอย่างคือเรื่องจริง
“ดาวต้องขอโทษด้วยนะคะพอดีต้องรีบมาเคลียร์งาน”
“ผมล้อเล่นครับถึงคุณดาวจะหนีมาก่อนแต่ผมก็จะตามมาให้ได้”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาแบบทีเล่นทีจริงหากแต่กลับทำให้คนฟังอย่างละอองกาวถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ดาวไม่ได้หนีซะหน่อย”
“แต่ยังไงก็ต้องโดนทำโทษ เพราะฉะนั้นเย็นนี้ให้ผมเป็นเจ้ามือถือซะดีๆ”
“เอ๋…คุณกรพูดอะไรผิดหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ”
“แต่ถ้าทำโทษก็ต้องเป็นดาวสิคะที่เลี้ยง”
“แบบนี้แหละครับไม่เหมือนใครดี”
ละอองดาวพยักหน้ารับก่อนจะพาชายหนุ่มไปเช็กอินที่เคาน์เตอร์แต่เมื่อไปถึงก็มีเหตุทำให้หญิงสาวตัวเล็กต้องได้หงุดหงิดเมื่อห้องที่เธอให้พนักงานกันไว้ได้หลุดไปแล้ว
“ฉันจำได้ว่าบอกและย้ำเธอหลายรอบเลยนะ”
หญิงสาวตัวเล็กเอ่ยออกมาเสียงดังพร้อมกับถ่ายทอดความรู้สึกไม่พอใจทั้งหมดผ่านทางสายตาให้พนักงานที่ยืนหลังเคาน์เตอร์ได้หน้าซีดไปตามๆกัน
“ว่ายังไงไหนลองอธิบายมาซิ”
“คือ…เอ่อดิฉันเห็นว่าเกิดเวลาเช็กอินมานานแล้วก็เลย…”
คนพูดเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาจนคนรอบข้างสังเกตุเห็นความกลัวจากเจ้าตัวได้อย่างชัดเจนแต่ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาช่วยเหลืออะไรได้ เมื่อครั้งนี้แขกที่พนักงานสาวมีเรื่องด้วยคือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของที่นี่
“ว่ายังไง”
“พอดีมีแขกเข้ามาวอคอินแล้วแล้วดิฉันก็นึกว่าคุณคนนี้จะไม่มาแล้วก็เลยปล่อยห้อง”
“ก็เลยปล่อยห้องพูดง่ายจังนะ”
ละอองดาวทวนคำพูดของคนหน้าซีดพร้อมกับเคาะมือเป็นจังหวะเบาๆ
“ถ้าวันหนึ่งเธอเดินทางมาเหนื่อยๆแล้วหวังว่าจะมาทิ้งตัวนอนให้สบายในโรงแรมที่ไหนสักแห่งที่จองไว้แล้วจู่ๆพนักงานก็ดับความหวังขอเธอด้วยคำง่ายๆแบบนี้เธอจะรู้สึกยังไง”
คนถูกว่าได้แต่ก้มหน้าก้มตารับคำต่อว่าเพราะเธอก็รู้สึกผิดจริงและเหตุการณ์ดูจะร้ายแรงมากขึ้นไปอีกเมื่อเธอดันไปก่อเรื่องกับเจ้านายตัวเอง
“ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะค่ะคุณดาว”
คนพูดยกมือขึ้นไหว้หากแต่พอมองไปยังใบหน้าของคนที่เธอพูดด้วยหญิงสาวก็ต้องรีบหลบสายตาทันที
“ฉันว่าเธอไม่เหมาะกับงานแบบนี้หรอก”
ประโยคที่เอ่ยออกมาทำเอาคนฟังแทบหมดแรงพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆซึมออกมา
“ฉัน…”
แต่ไม่ทันที่ละอองดาวจะเอ่ยประโยคให้จบก็ถูกหญิงสาวที่มาด้วยดึงแขนไปทางอื่นก่อน
“เธอจะทำอะไร”
ละอองดาวสะบัดแขนออกจากอีกคนก่อนจะหันไปมองหน้ารวิกานต์ด้วยความไม่พอใจ
“คุณนั่นแหละใจเย็นๆเรื่องแค่นี้เอง”
รวิกานต์เอ่ยตอบออกมาบ้างเธอรู้สึกไม่ชอบใจที่เอะอะคนตรงหน้าก็เอาแต่โวยวายพนักงานคนนั้นอาจทำผิดแต่มันก็ไม่รุนแรงมากถึงขั้นที่จะทำแบบนี้
“ฉันเป็นเจ้าของที่นี่จะทำอะไรก็ได้”
คนพูดเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกโมโหและนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้ามาหักหน้าเธอแบบนี้
“ฉันรู้แต่แค่ขอให้คุณใจเย็นก่อนแล้วคุณจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเค้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
รวิกานต์เอ่ยออกมาอย่างใจเย็นพร้อมกับการเดินเข้าไปจับมือคนเจ้าอารมณ์เอาไว้
“คนสวยต้องใจดีด้วยสิถึงจะครบสูตร”
คนพูดยิ้มออกมาน้อยๆอันที่จริงเจ้าตัวก็ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะสามารถกล่อมอีกคนได้แต่เธอก็สงสารคนโดนดุเห็นแล้วก็อดย้อนคิดถึงตัวเองไม่ได้
“อย่ามาพูดดี”
ละอองดาวเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเธอไม่ได้หายโมโหหรอกนะแต่ตอนนี้กำลังมีอารมณ์ใหม่เข้ามาแทนที่จนขนาดตัวเธอเองยังตั้งรับแทบไม่ทัน
“คุณยิ้มแล้วอารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
การยิ้มกว้างของคนตัวสูงยิ่งทำให้หัวใจของละอองดาวทำงานหนักมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เธอกำลังโดนยัยนี่สะกดจิตอีกแล้ว
“คุณดาวครับ”
จู่ๆภาสกรก็โผล่เข้ามาทำให้ทั้งสองสาวต้องผละออกจากกันอย่างเร็วจนชายหนุ่มที่เข้ามาไม่ทันได้รู้ว่าตัวเองเข้ามาผิดจังหวะแค่ไหน
“ถ้าไม่มีห้องไม่เป็นไรนะครับผมนอนกับกานต์ได้”
ชายหนุ่มเสนอทางออกที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดแต่กลับถูกเจ้าของโรงแรมตอบปฏิเสธทันทีด้วยน้ำเสียงแบบแข็งๆ
“ไม่ได้!”
ละอองดาวยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังแสดงท่าทางบางอย่างที่ไม่ดีออกมาจากนั้นหญิงสาวจึงเดินมาที่หน้าเคาน์เตอร์อีกครั้ง
“ให้เด็กไปขนของคุณกานต์มาไว้ที่ห้องฉันแล้วก็จัดการเก็บห้องให้เรียบร้อยประเดี๋ยวคุณผู้ชายคนนี้จะเข้าพักแทนคราวนี้เธอคงเข้าใจและฉันหวังว่าจะไม่พลาดอีกนะ”
พูดจบละอองดาวก็เดินนำสองพี่น้องไปนั่งรอที่ลานหน้าโรงแรมเพราะมั่นใจว่าหากยังต้องเห็นหน้าพนักงานคนนั้นอีกเธอคงได้ระเบิดอารมณ์เป็นรอบที่สอง
“ต้องขอโทษคุณกรด้วยนะคะมาวันแรกก็เกิดปัญหา”
“ไม่เป็นไรครับเรื่องเล็กน้อยอย่าเก็บเอามาคิดเลยนะ”
ภาสกรส่งยิ้มให้กับคนหน้าบูดแต่ก็ยังคงน่ารักในสายตาของเขาอยู่ถึงแม้บางครั้งละอองดาวจะเหมือนกับคนแปลกหน้าที่เขาไม่เคยรู้จักเลยก็ตาม
หญิงสาวหันมาส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูจะใจเย็นได้ทุกสถานการณ์หากเธอทำได้แบบภาสกรบ้างก็คงจะดี
“ที่จริงผมนอนกับยัยกานต์ได้นะครับไม่ต้องย้ายก็ได้”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“จริงๆนะครับถ้า…”
ยังไม่ทันที่ภาสกรจะเอ่ยได้จบประโยคละอองดาวก็รีบพูดแทรกขึ้นทันที
“ดาวว่าผู้หญิงด้วยกันน่าจะสะดวกกว่า”
“ถ้าเรื่องนั้นหายห่วงได้เลยนะครับอย่าลืมสิครับว่าผมกับยัยกานต์อยู่บ้านเดียวกัน”
“นั่นสิคุณเอ่อ…พี่ดาวกานต์พักห้องเดียวกับพี่กรก็ได้สบายมาก”
“ใช่ครับพี่น้องกันไม่มีอะไรต้องอาย”
พูดจบภาสกรก็ดึงตัวน้องสาวมากอดพร้อมกับทำท่าเหมือนกับจะหอมแก้มโชว์แต่หากทำไม่สำเร็จเมื่อมีมือน้อยๆมาดึงตัวรวิกานต์ออกไปก่อน
“ดาวว่าเราขึ้นไปดูห้องกันดีกว่านะคะ”
พูดจบหญิงสาวก็กึ่งลากกึ่งจูงรวิกานต์ให้ตามมาทันทีใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าพี่น้องคู่นี้สนิทกันมากขนาดไหนแต่ความรู้สึกบางอย่างมันกลับตีรวนอยู่ในหัวใจจนต้องกระทำการเสียมารยาทเช่นนี้…เขาเป็นพี่น้องกันเธอจะคิดมากไปทำไมกันนะ