ตอนที่ 15
ศศิวิมลเดินมาดูบุตรสาวที่บอกจะจัดกระเป๋าเพื่อเดินทางเองแต่ไม่รู้จัดแบบไหนถึงได้ใช้เวลานานมากขนาดนี้
“จะขนไปหมดเหรอนั่นน่ะ”
คนพูดทำหน้าตกใจเมื่อเห็นสิ่งของมากมายวางอยู่บนเตียง
“ของจำเป็นหมดเลยค่ะ”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับจัดแจงทุกอย่างลงกระเป๋า
“ไอ้นี่ก็จำเป็นเหรอ”
คนพูดยกตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เกือบเท่าเจ้าของขึ้นมาดู
“ตัวนี้จำเป็นที่สุดเลยค่ะไปตั้งหลายวันคิดถึงแย่”
“ทำตัวหยั่งกับเด็ก5ขวบ”
“แล้วนี่”
ศศิวิมลเดินไปเปิดกล่องใบใหญ่ที่ข้างในบรรจุของล้ำค่าของเจ้าของห้องแต่หากใครได้มาเห็นคงคิดว่าเป็นกล่องขยะแน่ๆเพราะข้างในมันมีทั้งหนังสือ ทิชชู่ เกม แผ่นซีดีและอื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย นี่ลูกสาวเธอคิดจะไปอยู่ที่นั่นถาวรหรือไงนะ
“แน่ใจเหรอว่าจะเอาไปด้วย”
“ไม่มีไม่ได้เลยค่ะ”
“โรงแรมหนูดาวเค้าคงมีให้อยู่มั้ง”
“ไม่มั้งค่ะพกไปสะดวกดีจะเอาอะไรก็ไม่ต้องไปขอใคร”
หญิงสาวหยิบฝากล่องมาปิดของสำคัญเอาไว้ก่อนจะหันไปจัดการกับเสื้อผ้ากองโต
“เหมือนหนูดาวจะบอกแม่ว่าไปอาทิตย์เดียว”
“เอาไปเผื่อดีกว่าขาดนะคะคุณมลขา…”
พูดจบรวิกานต์ก็วางมือจากเสื้อผ้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดมารดา
“กานต์ขอจัดเสื้อผ้าแป๊บนะคะ”
“ก็จัดไปสิ”
“แม่คะ”
“แม่ก็ไม่ได้จะมากวนซะหน่อย”
คนพูดทำหน้างอก่อนจะดึงแขนของคนที่กอดเธอออก
“ไปก็ได้”
ศศิวิมลเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินออกจากห้องทันทีรวิกานต์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับการกระทำของมารดาน่ารักแบบนี้สินะคุณพ่อถึงได้หลงจนไม่ยอมออกไปไหน
ทางด้านคนขี้งอนก็เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เธอเดินลงมาข้างล่างก่อนจะมองไปยังบ้านอีกหลัง
“หนูดาวจ๊ะ”
ละอองดาวหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะส่งยิ้มคืนกลับไปให้พร้อมกับเดินไปหา
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“จ่ะ หนูเก็บของเสร็จแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะของดาวมีไม่เยอะ”
“ดีจัง”
“คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าคะแล้วน้องกานต์เก็บของเสร็จหรือยังคะ”
“รายนั้นคงต้องรอนานหน่อยไม่รู้จะเอาอะไรไปนักหนา”
ละอองดาวหัวเราะออกมาน้อยๆกับท่าทางที่คนตรงหน้าแสดงออกมาตอนนี้เริ่มแน่ใจว่าคงจะไม่ใช่เธอคนเดียวที่รู้สึกเบื่อๆเซ็งๆกับรวิกานต์
“ถ้าขนาดนั้นดาวว่าดาวคงต้องเปลี่ยนเป็นเหมาสิบล้อไปแทนแล้วมั้งคะ”
“สิบล้อก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่า”
ศศิวิมลอดหัวเราะกับสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ได้ก่อนจะปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น
“ป้าต้องรบกวนหนูด้วยนะ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะน้องกานต์ไปช่วยงานดาวดาวต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดขอบคุณ”
“ป้าว่าจะไปช่วยสร้างปัญหามากกว่า”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
หญิงสาวสูงวัยส่งยิ้มให้กับคนพูดก่อนจะเอื้อมมือไปจับมืออีกคนเอาไว้
“ฝากน้องด้วยนะจ๊ะ”
“อย่าห่วงเลยค่ะดาวจะดูแลให้ดีที่สุด”
ละอองดาวรับคำอย่างหนักแน่น
“แต่ถ้าดื้อดาวขอจัดหนักเลยนะคะ”
“หนูดาว”
“ดาวพูดเล่นน่ะคะ”
“เปล่าจ่ะป้าไม่ได้จะว่าอะไรแต่จะบอกว่า…”
ศศิวิมลปล่อยมือออกจากคนตรงหน้าช้าๆ
“จัดหนักๆอย่าออมแรงแม้แต่น้อยเลยนะ”
คนพูดชูกำปั้นพร้อมกับแสดงสีหน้าและแววตาที่แสนเยือกเย็นจนคนมองถึงกับอมยิ้มออกมาให้กับความน่ารักที่ได้เห็นเธอรู้แล้วล่ะว่ารวิกานต์ได้ความทะเล้นมาจากใคร
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“จ่ะ”
ละอองดาวส่ายหน้าให้กับคำตอบที่อีกคนส่งมาก่อนจะชี้นิ้วไปยังคนที่มาด้านหลัง ศศิวิมลค่อยๆหันไปดูก็พบเข้ากับรอยยิ้มของคนที่คุ้นเคย
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ผู้ใหญ่คุยกันมาแอบฟังได้ยังไง”
ศศิวิมลหันมาตีหน้ายักษ์ใส่คนที่จู่ๆก็เดินเข้ามาไม่รู้จักให้ซุ้มให้เสียงทำเอาเธอตกใจหมด
“ป้าไปเตรียมทำกับข้าวก่อนนะจ๊ะหนูดาวเดี๋ยวจะทำไม่ทัน”
คนพูดหันมาส่งยิ้มให้คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งก่อนจะเดินออกไปโดยไม่สนใจคนที่เพิ่งมาแม้แต่น้อย
“นี่เพิ่งบ่ายสองเองนะคะ”
รวิกานต์ตะโกนไล่หลังมารดาที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจเธอดูสิว่าคนที่เดินไปจะตอบว่าอะไร
“เรื่องของแม่”
ช่างเป็นบทสรุปของคำตอบได้ดีจริงๆดูสิแม่เธอนี่สุดยอดจริงๆหญิงสาวถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปมองคนที่จู่ๆก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ขำอะไรของคุณ”
“คุณป้าน่ารักดีเนาะ”
“แม่กับลูกก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ”
การหัวเราะแทบจะหยุดลงในทันทีที่ได้ยินประโยคจากคนตรงหน้าจากนั้นหญิงสาวตัวเล็กก็ทำการสำรวจคนพูดตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
“ถ้าเป็นคุณกรฉันไม่เถียงเร็วๆล่ะให้เวลาอีก5นาที”
พูดจบละอองดาวก็เดินกลับเข้าบ้านทันทีทิ้งให้คนที่ยืนอยู่ต้องหงุดหงิดกับประโยคที่ได้ยินนี่แหละน๊าผู้หญิงบ้าผู้ชายจนไม่ลืมหูลืมตา…ว่าแต่ได้ข่าวว่าเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนี่นา
รวิกานต์ถึงกับยิ้มกว้างออกมาเมื่อเดินทางมาถึงยังโรงแรม หญิงสาวเดินลงรถแต่แทนที่จะเข้าโรงแรมเจ้าตัวกลับวิ่งไปทางทะเลแทน
“นี่เธอจะไปไหน”
ละอองดาวเปิดประตูรถตามลงมาแต่ก็ไม่ทันเมื่อคนตัวสูงวิ่งหายไปแล้ว
“ยัยบ้าเอ้ย”
หญิงสาวหันไปเรียกพนักงานให้มาเอากระเป๋าและรถไปเก็บจากนั้นเธอจึงรีบเดินไปตามเด็กไม่รู้จักโตที่หายไปทางหาด
“ไปไหนของเขา”
คนพูดหันซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็นคนที่มาก่อนเลยแม้แต่เงายิ่งเวลาผ่านไปนานเธอก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูกหรือว่า…หญิงสาวหันไปสำรวจในทะเลอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้น ละอองดาวถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยยัยบ้านั่นก็ไม่ได้นอนอึดอยู่ในน้ำแต่…
“รวิกานต์!”
นี่คงเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อใครเสียงดังแบบนี้เพราะเธอเห็นแล้วว่าคนที่ตามหาอยู่ไหนและไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรให้มากมายละอองดาวก็รีบวิ่งลงไปในน้ำทันทีทั้งๆที่แน่ใจว่าเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นแท้ๆแต่เพียงแค่เสียววินาทีเธอก็พบว่าร่างของคนที่ตามหาค่อยๆลอยขึ้นมา
ละอองดาวว่ายน้ำเข้าไปคว้าตัวคนที่ลอยคออยู่ในน้ำเข้ามาจากนั้นหญิงสาวจึงลากร่างที่ไร้สตินั้นเข้าหาดก่อนจะเขย่าเรียกชื่อคนที่นอนอยู่
“รวิกานต์ตื่นสิตื่นเดี๋ยวนี้”
คนเรียกทั้งเขย่าทั้งตีแต่คนที่นอนสลบอยู่ก็ยังคงนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยจนละอองดาวต้องค่อยๆก้มเอาหูแนบกับอกซ้ายของคนที่นอนอยู่เธอกำลังกลัว…กลัวว่าจะไม่ได้ยินเสียงหัวใจของรวิกานต์เต้น ตอนนี้ความกลัวมากมายกำลังก่อตัวขึ้น เธอกลัวมากซะจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวแต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเร็วเพราะคนที่เธอคิดว่าตายไปแล้วกำลังระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“นี่เธอ!”
รวิกานต์หัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้นความจริงตั้งใจจะแกล้งแค่ให้อีกคนตัวเปียกไปกับเธอเท่านั้นแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงเลยเถิดมาได้มากขนาดนี้
“ตลกมากหรือไง!”
ละอองดาวเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ เธอล่ะเกลียดคนที่ชอบเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นเห็นความรู้สึกของคนอื่นเป็นของเล่นหรืออย่างไร
ส่วนรวิกานต์ก็ค่อยๆหุบยิ้มเมื่อเริ่มเห็นคนตัวเล็กมีอาการโมโหมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“ไม่ตลกค่ะ”
“แต่เธอหัวเราะ”
“เอ่อ…งั้นตลกนิดหน่อยก็ได้ค่ะ”
“รวิกานต์!”
คนถูกดุไม่รู้จะงัดคำตอบอะไรมาเพื่อให้คนตรงหน้าพอใจเธอรู้ว่าครั้งนี้เล่นแรงเกินไปจริงๆ
“ฉันขอโทษ”
“เธอก็เก่งแต่ทำร้ายความรู้สึกคนอื่น”
หญิงสาวตัวเล็กเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อก่อนจะลุกเดินกลับไปทางโรงแรม รวิกานต์ตกใจกับท่าทางที่อีกคนแสดงโดยเฉพาะสายตาที่ละอองดาวมองมามันทำให้เธอรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
“ฉันขอโทษ”
รวิกานต์วิ่งอ้อมไปดักหน้าคนที่กำลังจะเดินไปแต่ก็เหมือนเธอพูดคนเดียวเมื่ออีกคนไม่มีท่าทีที่จะสนใจเลยแม้แต่น้อย
“คุณดาวยกโทษให้ฉันนะคะ”
การเรียกชื่อออกมาทำให้คนฟังรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกแต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เธอใจอ่อนได้ คนง้อรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูกถ้าหากเป็นพ่อของเธอจะง้อแม่ยังไงนะหญิงสาวใช้ความคิดอยู่นานก็ไม่อาจหาคำตอบได้แบบนี้มันต้องรวิกานต์วิ่งไปช้อนตัวคนหน้าบูดขึ้นมาอุ้มก่อนจะแกว่งแขนไปมา
“ทำอะไรของเธอปล่อยนะ”
ละอองดาวทั้งทุบทั้งหยิกคนที่อยู่ๆก็อุ้มเธอวิ่งลงทะเลแต่อีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลยแม้แต่น้อยหน่ำซ้ำยังแกว่งแขนแรงยิ่งกว่าเดิมจนเธอต้องเปลี่ยนจากการทุบมาเป็นการโอบรอบคอกันตกแทน
“ไม่ดิ้นแล้วเหรอ”
คนทำพิเรนยังไม่หยุดแกว่งแถมด้วยพูดแซวให้คนตัวเล็กต้องได้อายแต่ละอองดาวจะมีปัญญาไปทำอะไรได้นอกจากเกาะให้หมั้นที่สุด
“ปล่อยฉันเดียวนี้นะ”
ถึงเธอจะแสดงออกทางร่างกายไม่ได้แต่เธอก็ยังมีปากที่ส่งเสียงได้ หญิงสาวตัวเล็กตะโกนร้องออกมาอย่างดังจนคนอุ้มต้องหยุดการแกว่งแขนไปก่อนจะค่อยๆก้มหน้าเอาจมูกไปแตะกับจมูกของคนขี้โวยวายแทนและก็ได้ผลเมื่อละอองดาวหุบปากลงจะทันที
“ดีมากถ้าไม่เงียบคุณคงรู้นะว่าส่วนต่อไปที่จะติดกันของเราคืออะไร”
รวิกานต์เอ่ยออกมาเสียงเบาก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ฉันจะปล่อยคุณก็ได้แต่คุณต้องยกโทษให้ฉันก่อน” ละอองดาวสะบัดหน้าไปทางอื่นทันทีคิดใช้ไม้นี้กับเธอเหรอไม่มีทาง
“ก็ได้”
คนพูดเอ่ยออกมาสั้นๆพร้อมกับย่อตัวลงนั่งในทะเลช้าๆทำให้คนที่เธออุ้มอยู่ตกใจจนเผลอกอดเธอแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
“ทำบ้าอะไรของเธอ”
“ก็คุณไม่ยกโทษให้”
“แล้วยังไงก็ปล่อยฉันไปสิ”
“ไม่ได้ถ้าคุณไม่ยกโทษให้ฉันก็จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้”
รวิกานต์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เธอก็ปล่อยฉันสิเอาไว้ถ้าฉันยกโทษให้เดี๋ยวจะมาตาม”
“ไม่ได้ถ้าคุณหาว่าฉันไม่ได้คุกเข่าอยู่ตรงนี้ตลอดฉันก็แย่สิ”
“พูดอะไรของเธอ”
หญิงสาวตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้าคนที่ไม่ยอมปล่อยตัวเองโดยที่ลืมคิดไปว่าเธออยู่ใกล้กับอีกคนมากแค่ไหน ตอนนี้เวลาหัวค่ำแสงของพระอาทิตย์กำลังกระทบเข้ากับผิวน้ำทะเลทำให้เกิดแสงสีทองสะท้อนไปทั่วหากแต่สิ่งที่ละอองดาวมองอยู่ตอนนี้กลับเป็นชายฝั่งและดวงตาที่เธอคิดว่ามันเปล่งประกายซะยิ่งกว่าสีของน้ำทะเลซะอีก
“เราต้องอยู่ด้วยกันที่นี่จนกว่า…”
รวิกานต์ยิ้มออกมาน้อยๆถึงแม้ตอนนี้น้ำทะเลจะมีอุณหภูมิที่ต่ำลงแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อยหญิงสาวดึงมือออกมาข้างหนึ่งก่อนจะค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสกับเส้นผมที่เปียกปอนของคนตรงหน้า
“พูดว่ายกโทษให้ฉันสิคะ”
ประโยคนั้นดังขึ้นราวกับกำลังสะกดจิตคนที่หยุดนิ่งให้ต้องพูดตามและมีหรือที่ครั้งนี้ละอองดาวจะเอ่ยสิ่งอื่นออกมาได้
“ฉันยกโทษให้ก็ได้”
“เราดีกันแล้วนะ”
หญิงสาวตัวสูงเอ่ยออกมาก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าเอาจมูกไปติดกับคนตรงหน้าอีกครั้ง
“เวลาพ่อง้อแม่สำเร็จก็จะทำแบบนี้แหละ”
พูดจบรวิกานต์ก็ปล่อยตัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับมือแล้วเดินจูงมือเข้าฝั่งช้าๆส่วนละอองดาวก็ได้แต่เดินตามอย่างเงียบๆหญิงสาวมองที่แผ่นหลังของคนที่เดินนำหน้าด้วยหัวใจที่เต้นแรง…เธอกำลังต้องมนต์อยู่ใช่มั้ย