ตอนที่ 11
หลายวันมานี่ภาสกรขยันไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้านสาวอยู่บ่อยๆทำให้เขาและหญิงสาวมีความสนิทสนมกันเพิ่มมากขึ้นแต่ก็ยังเป็นไปในระดับเพื่อนซึ่งหากจะพัฒนาให้มากกว่านี้คงต้องใช้เวลา
ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มให้หญิงสาวตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือพิมพ์ในมืออย่างจริงจัง
“มีข่าวอะไรน่าสนใจบ้างครับ”
ภาสกรเอ่ยถามออกมาอย่างสนใจเพราะเห็นคนตัวเล็กนั่งเงียบอยู่นานละอองดาววางหนังสือพิมพ์ในมือลงก่อนจะเงยหน้ามาสบตากับชายหนุ่มที่นั่งยิ้ม
“ทั่วๆไปค่ะแต่ที่น่าสนก็เกี่ยวกับการกระตุ้นเรื่องท่องเที่ยว”
“ดีจังนะครับ”
“ใช่ค่ะดีมากหลังจากที่เงียบไปนาน”
“ว่าแต่คุณดาวทำงานโรงแรมแถวไหนครับบอกผมบ้างได้หรือเปล่า”
ชายหนุ่มเอ่ยถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆเขาไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดมากจนเกินไปดังนั้นเขาจึงไม่อยากถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวสักเท่าไหร่แต่บางครั้งมันก็อดไม่ได้จริงๆ
“ถามได้ค่ะดาวไม่มีความลับ”
“จริงเหรอครับ”
“ค่ะ”
“แล้วทำแถวไหนครับคือถ้าบังเอิญผ่านทางนั้นผมจะได้แวะไปรับออกมาทานข้าว”
“แค่บังเอิญเองเหรอคะ”
หญิงสาวตัวเล็กเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มหวานจนภาสกรถึงกับตกอยู่ในภวังค์ละอองดาวช่างเป็นผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกประหม่าได้ตลอดเวลาจริงๆ
“ดาวทำอยู่แถวหาดฟรีดอมค่ะทางเข้าลำบากหน่อยแต่รับรองความประทับใจนะคะ”
“พูดจนผมชักอยากจะไปซะแล้วสิ”
“คุณกรเคยไปหาดฟรีดอมหรือยังคะ”
“ยังไม่เคยเลยครับเป็นคนพื้นที่แต่ดันไม่เคยไปน่าอายจัง”
ละอองดาวหัวเราะกับท่าทางของคนตรงหน้าก่อนจะเปิดรูปในมือถือให้ดูอย่างอารมณ์ดีภาสกรรับมาดูก่อนจะทำหน้าทึ่งๆเขาไม่เคยเห็นที่ไหนสร้างได้เข้ากับธรรมชาติได้ดีเท่ากับโรงแรมในรูปเลยต่อจากนี้เขาคงต้องหาเวลาเปิดหูเปิดตาให้มากกว่านี้แล้วล่ะสิ
“นับดาว”
ชายหนุ่มอ่านตามป้ายที่ติดอยู่ในรูปสุดท้ายพร้อมกับส่งมือถือคืนให้กับคนตรงหน้าอย่างสงสัย
“ค่ะนับดาว…ถ้าอยากรู้ว่าทำไมต้องชื่อนี้คงต้องให้ไปค้นหาคำตอบด้วยตัวเองแล้วล่ะค่ะ”
“ไปแน่นอนครับ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะหันไปเห็นใครบางคนที่กำลังเดินออกจากบ้าน
“จะไปไหนตัวแสบ”
รวิกานต์หันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะเดินไปยืนยังรั้วบ้าน
“นึกว่าหายไปไหน”
“อะไรใครหาย”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนสีหากน้องสาวตัวดีพูดหรือแซวอะไรมากกว่านี้เขาคงได้หลุดอะไรออกมาแน่ๆเพราะฉะนั้นการเปิดประเด็นก่อนน่าจะได้เปรียบที่สุด
“ว่าแต่เราเถอะจะไปไหน”
“ไปวันเกิดเพื่อนน่ะ”
คนพูดก้มมองนาฬิกาครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองที่ประตูบ้านที่ยังว่างเปล่าเธอว่าตัวเองผิดเวลามากแล้วนะคนมารับยิ่งเกินกว่าเธอเสียอีก
“เพื่อนแน่เหรอ”
ภาสกรเอ่ยแซวน้องสาวอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะไปหันไปยิ้มให้ละอองดาวซึ่งหญิงสาวก็ยิ้มตอบกลับมายิ่งทำให้เขานึกสนุกที่จะแกล้งรวิกานต์มากขึ้น
“เพื่อนนี่ถึงขั้นต้องแต่งตัวดีขนาดนี้เลยเหรอ”
“เพื่อนจริงๆ”
ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้คนที่คุยด้วยก่อนจะใช้มือปัดที่จมูกตัวเองไปมาพร้อมกับเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ
“เชื่อก็ได้ว่าแต่เพื่อนนี่ท่าจะสำคัญมากเลยนะใส่น้ำหอมซะฟุ้งเลย”
“ก็…”
หญิงสาวยังไม่ทันจะเอ่ยอธิบายก็ถูกคนช่างแซวพูดแทรกขึ้นมาก่อนแต่จะว่าไปน้ำหอมมันก็กลิ่นแรงจริงๆเธอไม่น่าซุ่มซ่ามทำหกใส่เสื้อเลยให้ตายเหอะ
“โอ๋ๆพี่ไม่แซวแล้วนั่นเพื่อนเราหรือเปล่า”
รวิกานต์หันไปดูหน้าบ้านก็พบเข้ากับเพื่อนสาวที่อาสามารับหญิงสาวโบกมือทักไปก่อนจะหันกลับมาหาพี่ชาย
“กานต์ไปก่อนนะคะ”
จบประโยคหญิงสาวก็รีบวิ่งไปหน้าบ้านทันทีเธอไม่อยากยืนอยู่เป็นก้างให้ละอองดาวรู้สึกรำคาญใจไปมากกว่านี้หรอกดูสิทีกับเธอละหน้างอใส่แต่พอเป็นพี่ชายเธอกลับทำหน้าระรื่นอยู่ตลอดเวลาความสำคัญมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดแล้วนี่เธอจะมาน้อยใจยัยนั่นทำไมกันนะ…บ้าไปแล้ว!
ละอองดาวยิ้มให้กับคนในโต๊ะที่ให้การต้อนรับและดูแลเธอเป็นอย่างดีวันนี้ภาสกรชวนเธอมาทานข้าวเย็นที่บ้านพร้อมกับแสดงฝีมือเข้าครัวด้วยตัวเองความใส่ใจอีกทั้งการดูแลที่แสนจะอบอุ่นทำให้วันนี้ทั้งวันเธอมีความสุขใจเป็นอย่างมากแต่รอยยิ้มของหญิงสาวก็ต้องค่อยๆหายไปเมื่อมองไปที่เข็มนาฬิกา
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มถามออกมาอย่างแปลกใจเมื่อจู่ๆรอยยิ้มของคนข้างๆค่อยๆจางหายไป
“เปล่าค่ะ”
ละอองดาวยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่ม
“แล้วนี่น้องสาวตัวดีของเราหายไปไหน”
ศศิวิมลหันไปถามบุตรชายอย่างสงสัยเพราะเธอไม่เห็นหน้าลูกสาวคนเล็กมาตั้งแต่เช้า
“กานต์ไปวันเกิดเพื่อนครับ”
“ไปไหนมาไหนไม่เคยจะบอกกันเลยลูกคนนี้”
“คุณก็อย่าเพิ่งบ่นลูกเลยอายหนูดาวเค้า”
“ถ้ายัยกานต์ได้ครึ่งของหนูดาวป้าคงไม่หนักใจแบบนี้”
คนเป็นแม่ยังไม่ยอมหยุดบ่นลูกสาวก่อนจะหันมายิ้มให้กับหญิงสาวที่แสนจะน่าเอ็นดูอย่างละอองดาว
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะคุณป้ากานต์เค้าก็มีดีในแบบฉบับของตัวเอง”
“ป้าไม่ยักกะเคยเห็น”
“คุณมล”
ก้องภพเอ่ยเรียกภรรยาอย่างอ่อนใจที่จริงมันก็ไม่ผิดหากจะคิดแบบนี้แต่มันคงจะไม่ดีหากให้คนอื่นได้รับรู้
“ค่ะๆตามใจกันแบบนี้สิถึงได้เหลิงป้าขึ้นข้างบนก่อนนะจ๊ะหนูดาวขี้เกียจคุยกับใครบางคน”
ศศิวิมลส่งยิ้มให้ละอองดาวก่อนจะหันมาสะบัดหน้าใส่สามีแล้วเดินขึ้นบันไดไป
“งั้นลุงขอตัวบ้างนะต้องไปง้อซะหน่อยแก่แล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆ”
ก้องภพทำหน้าเบื่อๆแต่ก็รีบลุกตามภรรยาไปอย่างรวดเร็วละอองดาวยิ้มให้กับความน่ารักของคนที่เพิ่งเดินไปถ้าเธอมีครอบครัวแบบนี้คงจะดีไม่น้อย
“แม่ผมขี้งอนไปหน่อยแต่คุณพ่อก็ง้อทุกครั้ง”
“น่ารักดีนะคะ”
“หมายถึงผมเหรอครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับทำหน้าตายก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นใบหน้าอึ้งๆของคนข้างๆ
“พูดเล่นน่ะครับ
“ออค่ะ”
ละอองดาวพูดพร้อมกับยิ้มออกมาเธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมีมุมขี้เล่นแบบนี้มันก็ดูน่ารักไปอีกแบบแต่ทำไมหัวใจของเธอกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด
หญิงสาวนั่งเช็ดผมอยู่ที่โต๊ะกระจกวันนี้เธอได้ไปกินข้าวกับคนที่ตัวเองชอบแถมยังได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีทั้งจากตัวของเขาเองและพ่อแม่แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างซึ่งเธอก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไร…
คนตัวเล็กลุกไปยืนที่ระเบียงห้องวันนี้ท้องฟ้าปิดมืดจนมองไม่เห็นดาวมันดูเหงาปนเศร้ายังไงบอกไม่ถูกหญิงสาวหันหลังเดินกลับเข้าห้องแต่ก็ต้องไปสะดุดกับหน้าต่างห้องของใครบางคนที่ดูมืดไม่ต่างจากท้องฟ้าละอองดาวสะบัดหน้าเดินเข้าห้องก่อนจะล้มตัวนอนทันที…ไม่รู้ทำไมจู่ๆเธอก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาหวังว่าพรุ่งนี้เช้าทุกอย่างคงจะดีขึ้น
เช้าแล้วรวิกานต์เงยหน้าขึ้นมองแสงบนฟ้าก่อนจะค่อยๆย่องเข้าบ้านอย่างเงียบๆแต่ยังก้าวไปไม่พ้นสนามหน้าบ้านก็เหมือนมีของบางอย่างลอยมากระแทกเข้าที่หัวหญิงสาวหันไปมองก็พบว่าเป็นขวดน้ำและความสงสัยก็หายไปเมื่อเธอมองเห็นตัวคนร้ายที่ปาของใส่แล้ว
“เล่นบ้าอะไรแต่เช้าเนื่ย”
คนตัวสูงยกมือขึ้นลูบหัวพร้อมกับก้าวไปหาคนที่ยืนทำหน้าบูดอยู่ริมรั้ว
“ผิดหวังเหรอที่ตื่นมาก็มาเจอฉัน”
“ใครบอกเธอ”
“สีหน้าและการกระทำของคุณไง”
“ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”
“เหรอ…”
“แน่นอนยะ”
ละอองดาวพูดพร้อมกับสะบัดหน้าไปทางอื่นก่อนจะเริ่มนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมายืนทำอะไรที่นี่
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ห๊า…ตอนนี้เนื่ยนะ”
“ใช่”
“ขอไปนอนซักตื่นก่อนได้มั้ยอะ”
“ไม่ได้!ตามฉันเข้าบ้านเดี๋ยวนี้เลย”
คนพูดทำสีหน้าโหดอย่างที่รวิกานต์ไม่เคยเห็นมาก่อนผู้หญิงคนนี้ถูกธรรมชาติแต่งแต้มให้มีหลากหลายอารมณ์จนเธอตามไม่เคยทันเลยจริงๆ
หลังจากเดินตามคนตัวเล็กเข้าบ้านมารวิกานต์ก็นั่งรอเจ้าของบ้านอยู่นานแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าหล่อนจะเดินลงมาสักทีแล้วเธอจะทนนั่งนิ่งๆแบบนี้ได้นานเหรอร่างสูงค่อยๆล้มตัวลงนอนอย่างหมดสภาพหากเธอหลับสักงีบคงจะไม่เป็นไรกระมัง
ละอองดาวแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมาทันทีแต่มันคงจะช้าไปเพราะคนที่เธอบอกให้รอได้นอนหลับไปเสียแล้ว แล้วไหนจะกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ติดตามเสื้อผ้าหน้าผมนี่อีกไม่รู้คนที่นอนอยู่ไปกินหรือว่าอาบมากันแน่มันถึงได้ฟุ้งขนาดนี้
“เธอชักจะเหลวไหลอย่างที่คุณป้าพูดจริงๆ”
คนพูดเอ่ยขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมที่หล่นลงมาที่หน้าผากของคนนอนปลายนิ้วมือของละอองดาวไล่ลงมาที่เปลือกตาหญิงสาวเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงวันที่ได้จ้องมองดวงตาคู่นี้ใกล้ๆมันสวยงามและเปล่งประกายอย่างไม่น่าเชื่อเธอถึงกับตะลึงเมื่อได้เห็นและนึกอยากเอามือปิดมันเอาไว้เพราะหวั่นใจว่าอาจมีใครค้นพบเหมือนกับเธอ…ความคิดนี้ตลกชะมัดหญิงสาวดึงมือออกก่อนจะเดินมานั่งโซฟาฝั่งตรงกันข้ามจากนั้นจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาใครบางคน
หลังจากพูดคุยกับคนในสายเรียบร้อยแล้วละอองดาวก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้คิดทำอะไรแบบนี้แต่หากเหตุผลที่เข้าท่าที่เธอสามารถยกมาอ้างได้ก็คงจะเป็นการช่วยแบ่งเบาความหนักอกหนักใจของคนที่เธอรู้สึกเคารพรักแต่เหนือสิ่งอื่นใดเธอต้องยอมรับอย่างหมดใจว่าตัวเองไม่ชอบให้คนตรงหน้าหายไปแบบนี้…ไม่ชอบเลยจริงๆ