ตอนที่ 9
“แผ่นดินไหว”รวิกานต์รู้สึกได้ถึงประโยคในความคิดเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังได้รับการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงคาดว่าอาจมากกว่า8.5ริกเตอร์!
หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปมองรอบๆซึ่งสิ่งที่ปรากฏทำให้เจ้าตัวถึงกับเป่าปากโล่งอกเมื่อสิ่งที่เธอคิดมันเป็นเพียงแค่ความฝัน
“ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!”
รวิกานต์หันไปหาคนโวยวายที่ทั้งทุบและเขย่าเธอจนไส้จะเคลื่อนอยู่แล้วนี่ล่ะมั้งสาเหตุของแผ่นดินไหวแต่หากความง่วงนอนก็มีมากเกินกว่าที่เธอจะไปสู้รบปรบมือกับอีกคนได้หญิงสาวจึงหลับตาเข้าสู่ห้วงนินทราอีกครั้ง
“ยังจะมาหลับต่ออีกตื่นเดี๋ยวนี้”
ละอองดาวกระชากผ้าออกก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนที่นอนอยู่ก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเหมือนกันกับเธอหญิงสาวตัวเล็กจึงรีบเอาผ้าห่มปิดไว้อย่างเดิมจากนั้นจึงหันไปหยิบขวดน้ำที่วางข้างๆขึ้นมา
“ปลุกดีๆไม่ชอบใช่มั้ย”
น้ำในขวดถูกเทลงที่ใบหน้าคนขี้เซาจนเจ้าตัวถึงกับเด้งลุกขึ้นอย่างตกใจ
“เปียกหมดแล้วทำอะไรของคุณ”
คนพูดโวยวายพร้อมกับควานหาผ้ามาเช็ดใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำ
“หนาวจะตายเล่นอะไรบ้าๆแล้วนั่น…”
ยัง…รวิกานต์ยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ได้มีเหตุการณ์สำคัญบางอย่างเกิดขึ้นคนตัวสูงกระพริบตาถี่ๆก่อนจะรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าคนที่นอนด้วยสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นหรือจะเรียกว่าไม่ได้ใส่อะไรเลยก็ไม่น่าจะผิด
“คุณไม่หนาวเหรอ”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้นถึงเธอกับละอองดาวจะไม่ได้คิดอะไรกันแต่ยังไงคนข้างๆก็เป็นผู้หญิงแล้วเธอเองก็ชอบผู้หญิงมันจึงไม่แปลกหากหัวใจของเธอจะเต้นแรงเมื่อเจอเข้ากับภาพแบบนี้
“ฉันว่าเธอห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
ละอองดาวพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นเธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกตื่นเต้นไปกับรูปร่างของอีกคนทั้งๆที่ทุกอย่างที่รวิกานต์มีเธอก็มีเหมือนกันแต่พอเรือนร่างของคนข้างๆถูกเผยออกมาเธอกลับรู้สึกเบลอจนลืมถ้อยคำที่จะต่อว่าทั้งหมด
คนตัวสูงมองตามสายตาที่คนพูดจ้องมาก่อนจะพบว่าตัวเองก็อยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างจากคนข้างๆเท่านั้นแหละรวิกานต์รีบมุดลงผ้าห่มแทบจะทันทีใบหน้าขาวซีดจากอากาศที่เย็นจัดค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเลือดฝาดอย่างรวดเร็ว
“ฝัน…ฝันแน่ๆ”
รวิกานต์ยังไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็นหญิงสาวยกมือขึ้นบิดที่แก้มตัวเองก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากคนข้างๆอีกแรง
“โอ๊ย!เจ็บๆ”
“ทีนี้ก็เลิกบ้าแล้วลุกขึ้นมาอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
หญิงสาวตัวเล็กเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“นั่นสิเกิดอะไรขึ้น”
คนตัวสูงเอ่ยออกมาเหมือนกับล่องลอยตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดอีกทั้งยังไม่อยากจะบอกว่าเรื่องเมื่อคืนเธอจำอะไรไม่ได้เลยกลับมาถึงเต็นท์ได้ยังไงเธอยังไม่อาจจะรู้ได้
“อธิบายมาสิเธอทำอะไรฉัน”
คนพูดก้มมองดูตัวเองจากนั้นจึงหันไปมองคนที่ทำหน้าสงสัยไม่ต่างจากเธอ
“ใจเย็นๆนะค่อยๆคิด”
“เกิดเรื่องขนาดนี้เธอจะให้ฉันใจเย็นได้อีกเหรอ”
“มะ…มะไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้วมันแบบไหน!”
“ก็แบบมาช่วยกันคิดว่าเมื่อคืนมัน…มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“สภาพขนาดนี้ยังต้องคิดอะไรอีก”
รวิกานต์ค่อยๆใช้ความคิดก่อนจะส่ายหัวไปมาเพราะจนใจกับคำตอบจริงๆ
“เธอมันคนฉวยโอกาส”
ละอองดาวรัวกำปั้นน้อยๆลงไปที่ตัวของคนที่นอนอยู่อย่างแรง
“เจ็บนะ”
คนตัวสูงจัดการรวบมืออีกคนเอาไว้ก่อนจะมัดคนตัวเล็กไว้ด้วยอ้อมกอด
“ทำอะไร”
“คุณนั่นแหละทำอะไรแทนที่จะช่วยกันคิดกลับใช้แต่กำลัง”
“เธอกล้าว่าฉันเหรอ”
คนในอ้อมกอดดิ้นรนอยู่นานแต่ครั้งนี้เธอกลับไม่สามารถดิ้นให้หลุดจากอีกฝ่ายได้
“เจอของจริงเป็นไงคราวนี้ไม่มีหลุด”
คนพูดดูเชิงอยู่นานเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดไม่มีอาการขัดขืนแล้วเธอจึงค่อยๆปล่อยมือออกแต่ช่างเป็นการกระทำที่ผิดพลาดเมื่อคนที่คิดว่าสงบกลับเอื้อมมือมากระชากที่คอเธอพร้อมกับล็อคเอาไว้แต่สิ่งหนึ่งที่คนทั้งคู่ลืมไปก็คือเธอทั้งสองยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้น
รวิกานต์ค่อยๆกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับพยายามแลสายตาไปทางอื่นเพราะท่าล็อคคอของคนตัวเล็กในครั้งนี้มันช่างให้ความรู้สึกแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาจริงๆ
ส่วนทางด้านละอองดาวที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าได้ทำสิ่งผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะตอนนี้เธอกำลังใช้หน้าอกช่วยในการรัดคอคนตรงหน้าอยู่หญิงสาวผละตัวออกอย่างเร็วก่อนจะรีบเรียกสติให้กลับมา
“ฉันว่าเราแต่งตัวก่อนแล้วค่อยออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
ละอองดาวพูดออกมาด้วยใบหน้าที่แดงเหมือนลูกตำลึงหากแต่รวิกานต์คงไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะหญิงสาวตัวเล็กหันหน้าไปทางอื่นและเหนือกว่าสิ่งอื่นใดตอนนี้หัวใจของละอองดาวกำลังเต้นเสียงดังยิ่งกว่ากลองสะบัดชัยแล้วไหนจะความรู้สึกที่เสียวซ่านไปทั้งตัวเมื่อสักครู่นั้นอีกถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนแต่เธอก็ไม่ได้อ่อนต่อโลกขนาดที่จะไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร
รวิกานต์แต่งตัวเสร็จก่อนเธอจึงออกมารอข้างนอกหญิงสาวเดินมานั่งสถานที่ที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องเมื่อคืนสมองค่อยๆคิดทบทวนทุกอย่างด้วยความรอบคอบแต่เธอกลับพบแต่ความว่างเปล่าเมื่อคืนเธอนั่งดูทั้งสองสาวท้าดวลกันแก้วต่อแก้วและมีหรือที่ละอองดาวจะปล่อยให้เธอนั่งเฉยๆแก้วไหนที่คนตัวเล็กดื่มนั่นก็หมายถึงเธอต้องดื่มตามด้วยสองสาวเล่นกินกันแก้วต่อแก้วไม่มีใครยอมใครแล้วเป็นไงล่ะ…
“ทำไมนึกไม่ออกนะ”
หญิงสาวตัวสูงเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสียก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อมองเห็นพี่ชายของเธอเดินเข้ามาใกล้
“หน้าบูดแต่เช้าเลยนะ”
ภาสกรพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้ที่หัวของน้องสาว
“อย่าเล่นผมสิยุ่งหมดแล้ว”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับปัดมือของชายหนุ่มออกก่อนจะเดินไปนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะ
“งอนเป็นเด็กเลยนะเรา”
“เปล่าซะหน่อย”
“แล้วเป็นอะไรหน้างอตั้งแต่เช้า”
“เอ่อ…ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆค่ะ”
“งั้นก็แล้วไปว่าแต่เมื่อคืนสนุกมั้ย”
เป็นคำถามที่ดูธรรมดาแต่กลับทำให้คนถูกถามถึงกับใจหายในคว่ำจนแสดงท่าทางมีพิรุธออกมา
“ทำไม…พี่ถามแค่นี่ถึงกับต้องคิดหนักเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ซะหน่อย”
หญิงสาวพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนก่อนจะรีบใช้ความคิดเพื่อหาคำตอบ
“แล้วทำไมไม่ตอบพี่ถามแค่ว่าสนุกหรือเปล่า”
“ก็…เฉยๆคนหลับเป็นตายจะไปสนุกอะไร”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดแต่ทันทีที่เธอพูดจบชายหนุ่มที่นั่งฟังอยู่ก็หัวเราะออกมาทันที
“หัวเราะอะไร”
“ก็ขำเรานั่นแหละ…นี่ยังไม่ตื่นดีใช่มั้ยถึงได้ตอบแบบนี้”
คนถูกว่าหันหน้ากลับมามองคนพูดอย่างสงสัยว่าคำตอบของเธอมันน่าตลกตรงไหน
“พี่ถามว่าเมื่อคืนสนุกหรือเปล่าไม่ใช่ถามว่านอนเป็นยังไง”
“ออ….”
“แปลกคนจริงๆเดี๋ยวพี่ไปหากาแฟมาให้เราดื่มดีกว่าบางทีอาจช่วยได้”
ภาสกรเอ่ยกับน้องสาวก่อนจะลุกเดินออกไปรวิกานต์แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนี่เธอบ้าหรือเปล่าที่ตอบคำถามออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ความหมายที่พี่ชายเธอสื่อมามันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับการนอนเลยสักนิด…แล้วเธอจะร้อนตัวไปทำไมนะ
กลับมาทางด้านหญิงสาวตัวเล็กที่แต่งตัวเสร็จนานแล้วแต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะออกไปเผชิญหน้ากับใครบางคนข้างนอกไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรดีไหนจะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไหนจะคนที่ก่อเรื่องกับเธอและที่สำคัญชายหนุ่มที่เธอมีใจทุกอย่างมันเริ่มซับซ้อนเหมือนเงื่อนที่ผูกกันหลายเส้นจนไม่สามารถแกะออกจากกันได้ หากเธอกับรวิกานต์เกิดเกินเลยกันจริงๆมันจะเป็นอย่างไรต่อไปถ้าหาก…เธอไปมีอะไรกับน้องสาวของผู้ชายที่เธอชอบฟังแบบนี้งงดีมั้ยละ…ตัวเองชอบผู้ชายแต่ดันไปมีอะไรกับผู้หญิงที่ร้ายแรงไปกว่านั้นเธอกับยัยนั่นยังจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ทั้งคู่!
หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่สลบไปตั้งแต่เมื่อคืนค่อยๆเปิดเต็นท์เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกอรวรรณยกมือขึ้นกุมขมับก่อนจะทำการคลึงเบาๆตอนนี้เธอรู้สึกปวดหัวจนคิดว่ามันอาจจะระเบิดได้หากเธอไม่จับเอาไว้จากนั้นจึงเดินตรงไปหาใครบางคนที่ร่วมเหตุการณ์เมื่อคืนกับเธอ
“ตื่นเช้าจังเลยนะคะน้องกานต์”
อรวรรณกล่าวทักทายคนที่นั่งอยู่ก่อนพร้อมกับนั่งลงข้างๆ
“ปวดหัวจังเลย”
คนพูดเอนหัวลงมาซบลงที่ไหล่ของอีกคนก่อนจะหลับตาลง
“พี่อรทำอะไรคะ”
“พี่หนักหัวของวางไว้ซักแป๊บนะ”
รวิกานต์หันไปมองคนข้างๆที่เอาแต่ซบไหล่ของเธออย่างระอาใจก่อนหันมาใช้ความคิดในเรื่องของตัวเองต่อ
“เมื่อคืนเป็นไงบ้าง”
จู่ๆคำถามที่ฟังดูคล้ายๆกับที่พี่ชายของเธอถามก็ดังขึ้นคราวนี้เธอจะไม่พลาด
“เมื่อคืนสนุกแล้วก็ร้อนแรงมากค่ะ”
รวิกานต์เอ่ยตอบออกมาอย่างมั่นใจที่เธอบอกว่าสนุกเพราะอย่างน้อยงานก็ไม่กร่อยเหมือนที่เธอคิดเมื่อสองสาวจบประเด็นการแย่งชิงพี่ชายของเธอแล้วมาแข่งคอทองแดงแทนส่วนคำว่าร้อนแรงก็ต้องยกให้กับเหล้าที่ดื่มเพราะเมื่อดื่มเข้าไปรู้สึกร้อนไปทั้งตัวและออกฤทธิ์ได้รุนแรงจริงๆ
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
อรวรรณเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเชิงสงสัยเพราะเธอแค่อยากจะรู้ว่าเมื่อคืนคนข้างๆจะมีอาการแบบเดียวกับเธอหรือเปล่าที่ร้อนจนต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดดีนะที่เธอเลือกนอนคนเดียวไม่อย่างนั้นไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้รูไหนถึงคำตอบที่คนข้างๆพูดมันฟังดูทะแม่งๆแต่ตอนนี้เธอก็ไม่อยากจะคิดอะไรให้มากมายเพราะแค่นี้หัวของเธอก็แทบจะระเบิดอยู่แล้ว
“ทำอะไรกัน!”
เสียงบุคคลที่สามทำให้คนที่นั่งอยู่ก่อนต้องหันหน้ากลับไปดูพร้อมกัน
“ตื่นสายจังเลยนะคะคุณดาวสู้เราสองคนก็ไม่ได้”
อรวรรณเป็นฝ่ายเริ่มต้นประโยชน์สนทนาก่อนส่วนคนถูกถามก็ไม่ตอบอะไรแต่เดินไปนั่งฝั่งตรงกันข้ามของคนทั้งคู่แทน
“ทำไมไม่รอฉัน”
ละอองดาวพูดพร้อมกับจับจ้องไปที่ใบหน้าของคนที่ออกมาโดยไม่รอเธอ
“คือ….”
ยังไม่ทันที่รวิกานต์จะได้ตอบอะไรภาสกรก็เดินเข้ามาพร้อมกับจัดการเสริฟกาแฟและอาหารให้กับสาวๆบนโต๊ะ
“ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์ไม่คงที่ของคนในโต๊ะ
“ไม่เลยคะ”
อรวรรณเอ่ยตอบออกมาแทบจะทันทีพร้อมกับลุกไปฉุดชายหนุ่มให้นั่งลงข้างๆตัวเองจนรวิกานต์ต้องระเห็ดตัวเองไปนั่งกับคนหน้าบูดฝั่งตรงข้าม
“ทานแค่นี้ก่อนนะครับไว้ไปถึงในเมืองค่อยหาอะไรทานเพิ่ม”
ชายหนุ่มยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะมองไปยังหญิงสาวตัวเล็กที่นั่งฝั่งตรงข้ามวันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขเพราะได้เห็นหน้าเพื่อนบ้านสาวทันทีที่ตื่นนอนมันช่างเป็นวันที่แสนสุขสำหรับเขาจริงๆ
รวิกานต์ยกกาแฟจิบช้าๆแต่ก่อนที่แก้วจะแตะถึงปากเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของคนข้างๆที่มองมา
“อยากกินเหรอเอ้ายกให้ก็ได้ว่าแต่ขอคุณก็มีนิ”
คนพูดยื่นแก้วให้คนที่มองมาก่อนจะชายตาไปมองยังแก้วแบบเดียวกันที่วางอยู่ตรงหน้าของละอองดาว
“ไม่!”
“หรือว่ากลัวไม่อิ่ม”
คนตัวสูงเอ่ยออมาเบาๆก่อนจะจำใจยกอาหารเช้าให้คนที่นั่งหน้าบูด
“ฉันบอกว่าไม่!”
ละอองดาวตะคอกออกมาเสียงดังจนคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามต้องหันมามอง
“เอ่อขอโทษด้วยนะคะดาวขอตัวก่อน”
หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างรู้สึกผิดพร้อมกับลุกออกจากโต๊ะไปรวิกานต์ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะลุกตามคนตัวเล็กออกไป
“สองคนนี่แปลกๆนะคะ”
อรวรรณเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆเธอคิดว่าอีกไม่นานคงสามารถกำจัดคู่แข่งไปได้
รวิกานต์เดินตามคนตัวเล็กแทบไม่ทันเห็นขาสั้นกว่าเธอแต่ไม่รู้ทำไมเดินเร็วชะมัด
“คุยกันก่อนสิ”
คนตัวสูงเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งไปคว้าตัวอีกคนเอาไว้ไม่งั้นมีหวังได้ไล่ตามกันเป็นหนังอินเดียแน่ๆ
“เดินเร็วชะมัด”
“เกะกะถอยไป”
“คุยกันก่อนสิ”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ”
ละอองดาวสะบัดมืออีกคนออกก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินอีกครั้งส่วนทางด้านของคนที่จะมาเคลียร์ก็ได้แต่ยืนเกาหัวไปมาเพราะไม่เข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายที่ผีเข้าผีออกเป็นว่าเล่น…เอาไว้โอกาสดีๆค่อยคุยอีกทีละกันถ้าฝืนคุยกันตอนนี้เธออาจถูกเหวี่ยงลงเขาก็เป็นได้