ตอนที่ 8
หญิงสาวตัวเล็กยืนสั่นเทาอยู่ข้างเต็นท์ก่อนจะหันไปเห็นภาพบาดตาของภาสกรกับอรวรรณละอองดาวรีบหันหน้าหนีทันทีเพราะเกรงว่าจะไม่สามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้หากยังจ้องคนทั้งคู่อยู่
“อุ๊ย!”
ละอองดาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆก็มีคนเอาผ้ามาคลุมให้หญิงสาวหันไปมองหน้าคนข้างหลังก่อนจะกระชับผ้าให้แน่นขึ้น
“ขอบใจ”
รวิกานต์ยิ้มออกมาน้อยๆกับประโยคที่ช่างสวนทางกับใบหน้าที่แสนบูดบึ้งของคนพูดก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้างๆคนตัวเล็ก
“ผลักพี่อรลงเขาเลยดีมั้ย”
“พูดอะไรบ้าๆ”
“แต่ถ้าทำได้ก็ดีใช่มั้ยล่ะ”
“ฉันไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น”
คนตัวเล็กเอ่ยออกมาก่อนจะหันไปมองยังชายหญิงที่ตกเป็นประเด็นในตอนนี้
“แค่จับมัดแล้วเอาไปทิ้งกลางเขาก็พอตอนเช้าค่อยไปเก็บ”
คนฟังอึ้งไปชั่วขณะจากนั้นจึงหันไปมองยังเหยื่อที่ถูกกระทำทางความคิดงานนี้ไม่รู้ใครโหดกว่าใครแต่ก็ยังดีที่คนข้างๆยังมีความคิดที่จะไปเก็บอรวรรณกลับตอนเช้า…ใจดีจริงๆ
และแล้วงานเลี้ยงเล็กๆก็ถูกจัดขึ้นโดยภาสกรเป็นหัวเรือใหญ่เพราะงานที่เร่งรีบและความขยันของทุกคนจึงทำให้งานออกมาดีตรงตามเวลาที่กำหนดเขาจึงอยากจัดงานเลี้ยงให้ได้ผ่อนคลายกันบ้างหลังจากเหน็ดเหนื่อยมานาน
“เต็มที่เลยนะทุกคนขอบคุณมากที่เต็มที่กับงาน”
ภาสกรเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับมานั่งโต๊ะของตัวเอง
“เป็นไงบ้างคะกร”
อรวรรณเอ่ยถามชายหนุ่มที่เพิ่งเดินมานั่งที่โต๊ะ
“ก็ดีครับคนงานสนุกสนานกันใหญ่”
“มีผู้บริหารดีๆแบบนี้ใครได้ทำงานด้วยก็มีความสุขทั้งนั้นแหละค่ะ”
คนพูดเอื้อมมือไปแตะที่มือชายหนุ่มเบาๆทำเอาภาสกรตกใจอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็ไม่ได้ดึงมือออกเพราะเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทส่วนละอองดาวก็ได้แต่ทำหน้าบูดกับภาพที่เห็นเธอไม่น่าเกิดใจอ่อนเลิกคิดจะจับยัยนี่ไปทิ้งไว้กลางป่าเลยจริงๆ
“อิจฉาเค้าล่ะสิ”
เสียงของพรายกระซิบที่นั่งข้างๆทำเอาคนฟังอารมณ์เสียเพิ่มมากขึ้นจนเธอต้องยกแก้วที่ตั้งอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่มจนหมดทำเอารวิกานต์ถึงกับอ้าปากค้าง…ไม่อยากจะเชื่อสายตา
“เบาๆหน่อยสิคุณ”
“เรื่องของฉัน”
คนตัวเล็กที่เริ่มมีน้ำเสียงเปลี่ยนไปเอ่ยออกมาจนรวิกานต์ต้องยกมือขึ้นโบกผ่านหน้าไปมา
“นี่กี่นิ้ว”
“อย่ามาเล่นเป็นเด็ก”
“ไม่ได้เล่นเอาจริงๆนี่กี่นิ้ว”
ละอองดาวจับมือที่โบกผ่านหน้าไปมาเอาไว้ก่อนจะหันมาตอบตามที่คนข้างๆถาม
“ไม่มีซักนิ้ว”
“ผิด!เมาแล้วจริงๆด้วย”
“เปล่า”
“ตาลายจนตอบผิดขนาดนี้ยังจะเถียงอีก”
“ใครว่าฉันตอบผิด”
“ก็ตะกี้คุณตอบว่าไม่มีทั้งๆที่ฉันชูตั้ง4นิ้ว”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นประกอบ
“ฉันตอบถูก”
“ยังจะมาเถียงอีก”
“เห็นมีดหั่นหมูมั้ย”
คนพูดชี้ไปยังมีดอันใหญ่ที่วางอยู่ใกล้ๆคนงานกำลังย่างหมูเป็นตัวอยู่จากนั้นจึงหันมาจ้องที่นิ้วมือของคนตัวสูงเท่านั้นแหละรวิกานต์รีบดึงมือไปซ่อนทันทีเพราะพอจะเข้าใจในสิ่งที่คนข้างๆพูดแล้ว
“ยัยโหด”
“ว่าอะไรนะ”
“บอกว่าเหล้านี่ก็อร่อยดีนะ”
คนพูดยกเหล้าเข้าปากอย่างเร็วก่อนจะสำลักออกมาทันที
“เด็กน้อย…”
คนสำลักรีบคว้าน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มก่อนจะหันไปมองคนที่ใช้คำพูดและน้ำเสียงดูถูกเธอ
“ฉันแค่ไม่ได้ตั้งตัว”
รวิกานต์แก้ตัวทันทีเมื่ออาการสำลักเริ่มดีขึ้นแต่กลับถูกคนข้างๆทำหน้าล้อเลียนใส่จนเธอต้องยกแก้วที่เป็นต้นเหตุของเรื่องขึ้นมากระดกจนหมดก่อนจะคว่ำแก้วลงอย่างแรง
“เก่งนะ”
เป็นประโยคชมเชยแต่คนฟังอย่างรวิกานต์กลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด…เธอว่ามันไม่ใช่คำชมหากแต่มันคือประโยคท้าทายที่อีกคนส่งมาต่างหากแล้วเราจะได้เห็นดีกัน!
อรวรรณนั่งจ้องสองสาวตรงหน้าอยู่นานตั้งแต่ภาสกรเดินไปนั่งพูดคุยกับคนงานแล้วตอนแรกเธอก็ออกจะเซ็งๆที่ต้องแยกกันนั่งกับชายหนุ่มแต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกดีที่เหลือกันเพียงแค่นี้เพราะเธอกำลังคิดทำเรื่องสนุกๆอยู่
“มองอะไรมิทราบ”
ละอองดาวเอ่ยถามออกมาเมื่อหันไปเจอกับสายตาที่มองมายังเธอ
“ฉันแค่อยากทำความรู้จักกับคุณดาวมากขึ้น”
“แต่ฉันไม่ได้อยากรู้จักเธอ”
ถ้อยคำของบุคคลที่บอกว่าตัวเองไม่ได้เมาถูกเอ่ยออกมาช่างดูเป็นมิตรไม่มีจิตอาฆาตแม้แต่น้อย,,,ซะที่ไหน!หากแต่รวิกานต์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเท่าที่มองทั้งสองสาวมีรัศมีความอำมหิตพอๆกัน
“ไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไรงั้นเรามาดื่มด้วยกันใครเมาก่อนคนนั้นแพ้”
“ทำไมฉันต้องแข่งกับเธอ”
“ฉันไม่ได้บังคับถ้าคุณดาวไม่กลัว…ก็ไม่น่าจะปฏิเสธ”
อรวรรณพูดพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มจนหมด
“กานต์ว่าเราน่าจะหาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่านะคะ”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับแอบสะกิดคนที่นั่งข้างๆไม่ให้หลงคารมเพื่อนพี่ชายแต่มีหรือที่ละอองดาวจะยอมให้ใครมาท้าทายตัวเองเช่นนี้คราวนี้แหละที่เธอจะสั่งสอนผู้หญิงที่กล้ามาอวดดีกับเธอให้ได้รู้ฤทธิ์เสียบ้าง
“งั้นฉันไปนอนดีกว่าแถวนี้ไม่มีคนจริง,,,เลยซักคน”
อรวรรณทิ้งระเบิดอีกหนึ่งลูกก่อนจะทำท่าลุกขึ้น
“เธอเตรียมกลิ้นลงเขาได้เลย”
ช่างเป็นประโยคตอบรับที่ทำให้รวิกานต์รู้สึกร้อนๆหนาวๆแบบแปลกๆเธอชักจะกังวลขึ้นมาแล้วล่ะสิ
ภาสกรนั่งฟังคนงานคุยกันอย่างออกรสออกชาติการมานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพื่อเพิ่มความคุ้นเคยให้กับคนที่ทำงานด้วยเขาทำแบบนี้เสมอเพราะการที่ได้ฟังแต่ละคนพูดเรื่องต่างๆมันทำให้เขาสามารถวิเคราะห์ปัญหาของทุกคนได้แต่ครั้งนี้มันต่างจากที่ผ่านมาอาจเพราะหญิงสาวตัวเล็กที่มาด้วยก็เป็นได้ที่ดึงความสนใจของเขาจนตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีกระจิตกระใจฟังคนที่พูดสักเท่าไหร่
ชายหนุ่มแอบชำเลืองมองไปยังโต๊ะที่เขานั่งในตอนแรกมันดูอบอุ่นกว่าที่เขาจากมาเพราะตอนนี้ทั้งสามสาวแทบจะนั่งสิงกันอาจเพราะอากาศหนาวที่เริ่มแผ่ปกคลุมหรือเพราะพูดคุยกันถูกคอเขาก็ไม่อาจจะรู้ได้
“นายครับ…นาย”
เสียงเรียกจากหนึ่งในคนงานที่นั่งอยู่ดังขึ้นเมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่าเจ้านายหนุ่มหันไปมองที่กลุ่มสาวๆตลอดเวลา
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับนาย”
“ไม่มีอะไร”
“นายไม่เป็นไรหรอกแค่ตอนนี้ตัวกับใจอยู่คนละที่ก็เท่านั้น”
พูดจบคนทั้งกลุ่มก็เฮรับกันใหญ่อาจเพราะเครื่องดื่มมึนเมาที่เริ่มออกฤทธิ์ทำให้ความเป็นกันเองเพิ่มมากขึ้นและที่สำคัญพวกเขารู้ดีว่าผู้เป็นนายไม่ถือสาเรื่องแบบนี้
“นายไปนั่งกับเพื่อนก็ได้นะครับพวกเราอยู่ได้”
ภาสกรมองหน้าคนพูดก่อนจะหันไปมองกลุ่มสาวๆที่หากเขาเดินเข้าไปตอนนี้ไม่รู้จะกลายเป็นส่วนเกินหรือเปล่าชายหนุ่มหันกลับเข้ามาในกลุ่มพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ
“อย่าพูดเรื่องอื่นเลยวันนี้เราควรมาฉลองด้วยกันว่าแต่เหล้านี่แรงจังเลยนะ”
“เหล้าป่าก็อย่างนี้แหละครับนายถ้าไม่แรงจริงอย่าริอาจใช้ชื่อนี้”
“ใช่ครับถ้ากินเยอะจะร้อนไปทั้งตัว”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นชนกับทุกคนก่อนจะกระดกจนหมดคืนนี้ยังอีกยาวไกลและเวลาของเขากับละอองดาวก็เพิ่งจะเริ่มเท่านั้นยังมีเวลาที่จะเรียนรู้กันอีกนานเพียงแต่ไม่ใช่เวลานี้เท่านั้น
กลับมาทางด้านหญิงสาวทั้งสามคนที่ตอนนี้เริ่มพูดคุยเสียงดังกันมากขึ้นโดยเฉพาะละอองดาวกับอรวรรณ
“เธอนี่คอแข็งเหมือนกันนะเนื่ย”
อรวรรณพูดออกมาก่อนจะบีบแก้มคนข้างๆอย่างแรง
“เธอก็ใช่ย่อยนะ”
คราวนี้เป็นละอองดาวบ้างที่เอ่ยชมพร้อมกับเอื้อมมือไปขยุ้มที่หัวคนที่บีบแก้มเธอสองสาวยื้อกันอยู่นานจนคนที่สามอย่างรวิกานต์ต้องรีบเข้าไปห้าม
“พอกันได้แล้ว!”
รวิกานต์เข้าแทรกกลางระหว่างสองสาวอย่างรวดเร็วหญิงสาวยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อหยุดการกระทำของคนทั้งคู่ได้แต่เพียงไม่นานร่างสูงก็ถูกฝ่ามือของคนที่เธอเข้าไปห้ามผลักเธอกระเด็นจนตกเก้าอี้
“สมน้ำหน้า”
ละอองดาวพูดออกมาอย่างสะใจก่อนจะหันไปแตะมือกับใครอีกคนที่ร่วมการกระทำในครั้งนี้จากนั้นสองสาวก็ยกแก้วขึ้นชนกันก่อนจะดื่มจนหมดและแล้วก็ได้เวลาคนแพ้ซะทีเมื่ออรวรรณเริ่มเกิดอาการโลกหมุนรอบตัวจนในที่สุดก็น็อคสลบไป
รวิกานต์ลุกขึ้นพร้อมกับเดินเอามือไปเขื่ยคนที่อยู่ๆก็หลับกลางอากาศ
“ตะ…ตายมั้ยเนื่ย”
“นึกว่าจะแน่”
คนตัวเล็กเอ่ยออกมาอย่างสะใจก่อนจะเทน้ำในขวดลงแก้วแต่ไม่รู้ทำไมละอองดาวถึงได้รู้สึกว่าน้ำที่ไหลออกมามันช้ามากจนทำให้เธอหงุดหงิดหญิงสาวตัวเล็กจึงเปลี่ยนจากเทลงแก้วมาเป็นเทเข้าปากแทน
“บ้ากันไปใหญ่แล้ว”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับเข้าไปแย่งขวดเหล้าในมือของคนตัวเล็ก
“มาแย่งทำไม”
ละอองดาวเอื้อมมือไปดึงขวดที่ถูกคนข้างๆแย่งไปหากแต่เธอก็ทำไม่สำเร็จเมื่อรวิกานต์ตัดสินใจยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดขวด
“เห็นแก่กิน”
คนตัวเล็กพูดขึ้นก่อนจะลุกเซเล็กน้อยจนรวิกานต์ต้องลุกขึ้นไปประคองแต่มันจะช่วยอะไรได้มากเมื่อเธอก็เมาไม่แตกต่างจากอีกคน
สองสาวประคับประคองกันไปยังที่พักอย่างทุลักทุเลจนในที่สุดก็สามารถเข้าเต็นท์ได้ซะทีรวิกานต์เช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาก่อนจะค่อยๆถอยเสื้อแขนยาวออก
“ร้อนชะมัด”
เป็นเพียงคำบ่นเท่านั้นเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆอากาศถึงได้เปลี่ยนจากหนาวกลายเป็นร้อนได้ขนาดนี้ส่วนหญิงสาวตัวเล็กยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะตอนนี้รู้สึกไม่แตกต่างจากคนตัวสูงหน่ำซ้ำยังมากกว่าหลายเท่า
ละอองดาวลืมตาตื่นช้าๆพร้อมกับยกมือขึ้นบีบที่ขมับเบาๆท่าทางเช้านี้เธอจะโดนพิษน้ำที่ดื่มเมื่อคืนเล่นงานซะแล้ว
“ปวดหัวชะมัด”
หญิงสาวตัวเล็กบ่นออกมาเบาๆพร้อมกับความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่เธอเพิ่งจะสัมผัสได้และเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้ากับร่างกายของตัวเองเธอถึงกับชาไปทั้งตัวเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นนี่คือคำถามเพราะเธอจำไม่ได้เลยแต่อะไรจะสำคัญเท่าตอนนี้…ที่เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของรวิกานต์ในสภาพที่เรียกได้ว่าเปลือยเปล่ากันทั้งคู่!