web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 39
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 23
Total: 23

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 5  (อ่าน 3375 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
ตอนที่ 5
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 19:16:41 »
ตอนที่ 5

   หญิงสาวตัวสูงเข้าครัวไปสะกิดแขนคนที่กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นนี้
   “มีอะไรค่อยว่ากันแม่วุ่นอยู่”
   ช่างเป็นคำตอบกับการกระทำที่ไร้เยื่อใยจริงๆเพราะดูมารดาจะให้ความสนใจกับเครื่องครัวตรงหน้ามากกว่าลูกสาวตัวเป็นๆอย่างเธอ
   “แม่จ๋าสนใจกานต์หน่อย”
   รวิกานต์พูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปกอดมารดาจากด้านหลังแต่กลับถูกตีที่แขนให้ต้องเด้งตัวออกอย่างเร็ว
   “แม่อะใจร้าย”
   “ถ้าแม่ใจร้ายก็ไม่มีคนใจดีบนโลกนี้แล้วล่ะ”
   “ชมตัวเองก็เป็นด้วย”
   ศศิวิมลฟาดมือลงไปที่แขนคนพูดมากอีกครั้ง
   “มีอะไรรีบพูดแม่ต้องทำกับข้าวอีก”
   “กานต์แค่จะมาบอกว่าเย็นนี้แม่ไม่ต้องเหนื่อยแล้วเดี๋ยวมีคนเสนอตัวมาทำกับข้าวให้”
   “ใครกัน”
   รวิกานต์ไม่ตอบแต่ชี้ไปยังประตูที่บัดนี้มีหญิงสาวตัวเล็กยืนยิ้มอย่างอายๆอยู่
   “สวัสดีค่ะคุณป้า”
   “หนูดาว”
   ศศิวิมลมองหน้าคนพูดกับคนเสนอตัวไปมาอย่างสงสัยแต่ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้คนต้นคิดจึงรีบเดินเข้ามาจับแขนมารดาเอาไว้ก่อนจะหาคำพูดแก้ตัว
   “พี่ดาวเค้าได้สูตรอาหารพิเศษมาน่ะค่ะกานต์เลยเสนอให้มาทำที่บ้านเราเพราะที่บ้านพี่ดาวไม่มีใครจะมาเป็นหนูทดลองให้”
   คนพูดหัวเราะออกมาพร้อมกับหันไปยักคิ้วให้กับคนที่เธอพาดพิงถึง
   “พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะลูกพี่เค้าอุตสาห์มาทำของอร่อยให้ทาน”
   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้ากานต์ยังเด็กเลยอาจจะแยกเรื่องเล่นกับเรื่องจริงไม่ออก”
   ละอองดาวเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินไปคว้าแขนเด็กพูดมากให้มายืนข้างเธอ
   “งั้นป้าฝากด้วยนะจ๊ะมีไรก็ให้ตัวแสบช่วยละกัน”
   พูดจบศศิวิมลก็เดินออกจากครัวทันทีโดยปล่อยให้เด็กๆได้ทำกันเองน่าจะสะดวกกว่าที่เธอจะมายืนเกะกะด้วย
   “เอาล่ะทำไมต้องลากฉันมาทำกับข้าวด้วย”
   ละอองดาวเปิดฉากทันทีเมื่ออยู่เพียงลำพังเพราะเท่าที่จำได้เธอบอกให้อีกคนมารับเธอทานข้าวไม่ได้มีข้อความอะไรเลยที่บ่งบอกว่าเธอจะเป็นคนทำอาหาร
   “ก็…คุณจะได้แสดงฝีมือไงมันคือการสร้างความประทับใจอีกอย่างหนึ่ง”
   “เดี๋ยวนี้เค้าไปซื้อแล้วมาอุ่นเอาแป๊บเดียวก็ได้กิน”
   “แต่มันไม่อร่อยเท่าทำเอง”
   คนตัวเล็กเดินดูรอบๆครัวก่อนจะหันมามองคนพูด
   “นี่อยากกินเองหรือเปล่า”
   “คนกำลังช่วยอยู่นะไม่ทำก็แล้วแต่”
   รวิกานต์พูดออกมาพร้อมกับทำท่าจะเดินออกจากห้องครัวไปแต่ก็ถูกคนตัวเล็กจับแขนไว้
   “จับทำไมไม่ทำก็ออกมาสิ”
   “หัวก็ไม่ล้านใจน้อยไปได้มาๆทำอะไรดี”
   ละอองดาวดึงคนตัวโตกลับเข้ามาก่อนจะเริ่มลงมือทำเมนูที่อีกคนบอกว่าเป็นของโปรดของภาสกรว่าแต่เธอก็เพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มชอบอาหารคล้ายๆเธอนี่แหละที่เขาว่ากันว่าคนเป็นเนื้อคู่กันมักชอบอะไรคล้ายๆกัน
   “นี่ๆเหม่ออยู่นั่นแหละแพนงไหม้หมดแล้ว”
   คนพูดรีบยกกระทะขึ้นก่อนที่อาหารข้างในจะไหม้ไปมากกว่านี้
   “ดูดิจะกินได้มั้ยเนื่ย”
   “อย่าเรื่องมากเดี่ยวตักอันที่ไหม้ทิ้งก็หมดเรื่องบ่นอย่างกับฉันฆ่าใครตาย”
   “ทำผิดแล้วยังจะมาว่าคนอื่นอีก”
   “ถ้าไม่เลิกพูดฉันจะเอาเศษที่ไหม้ยัดปากเธอ”
   เป็นคำขู่ที่ได้ผลเพราะสามารถทำให้คนที่ยืนบ่นอยู่เงียบไปได้
   “ต่อไปอะไร”
   เงียบไร้เสียงตอบจากคนข้างๆ
   “ฉันถามว่าต่อไปอะไร”
   ละอองดาวหันมาหาคนข้างๆที่เอาแต่เงียบไม่พูดอะไรออกมาทั้งๆที่เธอถามเสียงออกดัง
   “รวิกานต์!หูตึงหรือไง”
   คราวนี้คนถามตะโกนใส่หูอีกคนอย่างดังทำเอารวิกานต์กระโดดถอยหลังอย่างเร็ว
   “คราวนี้ได้ยินหรือยัง”
   “หูจะแตกอยู่แล้ว”
   “ถามดีๆไม่ตอบนิ”
   “ก็ให้เงียบไม่ใช่เหรอ”
   “อยากโดนใช่มั้ย”
   ละอองดาวทำท่าจะทุ่มหม้อใส่คนกวนจนรวิกานต์ต้องรีบเดินมาจับมือคนใจร้อนเอาไว้
   “ไม่กล้าแล้วค่ะ”
   “ถ้ามีอีกรอบฉันจะจับเธอยัดหม้อแน่”
   “ไม่มีแน่นอนค่ะ”
   “ดีงั้นเริ่มทำเมนูอื่นได้แล้ว”
   จากนั้นทั้งสองสาวก็ช่วยกันทำอาหารด้วยความทุลักทุเลอาจเพราะครัวที่ไม่คุ้นเคยหรือคนบางคนที่คอยก่อกวนจนละอองดาวไม่เป็นอันทำกับข้าวเพราะคอยแต่จะจัดการตัวแสบให้ได้หงอและในที่สุดอาหารที่แสนจะพิเศษของละอองดาวก็สำเร็จออกมาเป็นรูปร่างซะที
   “ทำอาหารนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันเนาะ”
   คนตัวสูงบ่นออกมาเมื่อจัดการตัดอาหารอย่างสุดท้ายลงจาน
   “มันไม่เหนื่อยหรอกถ้าเธอจะช่วยฉันมากกว่านี่”
   “ขนาดนี่ไม่เรียกว่าช่วยอีกเหรอ”
   “เรียกว่าก่อกวนมากกว่า”
   “นี่!ใช่ซิ๊เราหมดประโยชน์แล้วนิ”
   รวิกานต์ทำเสียงสูงพร้อมกับทำหน้าบูดออกมาอย่างเหลืออด
   “เป็นบ้าอะไรของเธอ”
   คนถูกว่าทำตาโตเมื่อไม่ได้รับการง้ออย่างที่ตัวเองต้องการ
   “คุณนี่มัน…”
   “ฉันทำไม”
   คนตัวสูงโบกมือแทนคำตอบก่อนจะเดินไปยกอาหารเพื่อไปวางที่โต๊ะ
   “ทำเป็นใจน้อยไปได้”
   ละอองดาวเดินเข้าไปใกล้อีกคนก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดผมที่หน้าผากคนตัวสูง
   “ทำอะไร”
   “ก็จะดูว่าหัวเธอล้านหรือเปล่า”
   “จะบ้าเหรอต้นตระกูลฉันไม่มีใครล้านนะขอบอก”
   “ยืนยันขนาดนั้นเลยเหรอ”
   คนพูดหัวเราะออกมาน้อยๆแต่ยังไม่ยอมเอามือออกจากผมของอีกคน
   “ไม่เชื่อเหรองั้นดู”
   รวิกานต์พูดพร้อมกับก้มลงให้คนตัวเล็กได้เห็นแบบเต็มๆตา
   “เป็นไงชัดมั้ย”
   “ชัดเต็มตาเลย”
   “เห็นมั้ยล่ะบอกแล้ว”
   “เห็น…อีกไม่เกิน2ปีเธอคงเป็นคนแรกของตระกูลที่จะต้องใช้น้ำยาปลูกผม”
   พูดจบละอองดาวก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจก่อนจะเดินไปเตรียมจานข้าวต่อและไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อคนถูกว่าเดินเข้าไปดึงคนตัวเล็กให้หันกลับมาแต่ด้วยแรงปะทะที่แรงเกินไปทำให้ทั้งสองสาวเซจนล้มลงไปกองกับพื้น
   ละอองดาวเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังทับคนตัวสูงอยู่ทั้งตัวมิน่าเธอถึงไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย
   “ลุกได้แล้วแม่คุ๊ณ!”
   รวิกานต์พูดขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกทับอยู่เป็นเวลานานแล้ว
   “ไม่ลุกเธอเป็นคนดึงฉันมาเองนี่นา…อีกอย่างกำลังสบายเลย”
   “นี่…ฉันไม่ใช่ที่นอนนะ”
   “แต่ฉันว่ามันนุ่มกว่าที่นอนอีกนะสบายดีจัง”
   คนตัวเล็กเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มก่อนที่เอื้อมมือไปล็อคคอคนที่เธอทับอยู่เอาไว้
   “ถ้ากล้าทำกับฉันอย่างตะกี้อีกล่ะก็เธอเจอดีแน่!”
   รวิกานต์พยักหน้าเข้าใจก่อนสายตาจะหันไปเห็นใครบางคนหน้าประตู
   “พี่กร”
   “เอ่อ…พี่ว่าจะมาช่วยแต่เดี๋ยวไปเตรียมโต๊ะดีกว่านะ”
   ละออกดาวรีบเด้งตัวขึ้นแต่พอหันหลังไปที่ประตูก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่เธอตั้งใจมาทำกับข้าวให้ทาน…หญิงสาวหันไปทำตาดุใส่คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องก่อนจะรีบมายกจานอาหารไปวางที่โต๊ะอย่างอารมณ์เสีย

   และแล้วอาหารมื้อเย็นก็จัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยทุกเมนูได้รับการตอบรับจากคนบนโต๊ะเป็นอย่างดีจนคนทำรู้สึกอิ่มยิ่งกว่ากินข้าวซะอีก
   “ฝีมือหนูดาวอร่อยมากเลยนะจ๊ะ”
   “ขอบคุณค่ะคุณป้าทานได้ดาวก็ดีใจแล้วค่ะ”
   “เป็นแม่บ้านแม่เรือนขนาดนี้ใครได้เป็นแฟนหนูต้องโชคดีมากแน่ๆ”
   รวิกานต์เบะปากเมื่อได้ยินบิดาพูดประโยคแบบนั้นออกมาใครเลยจะเห็นท่าแท้ยัยพริกขี้หนูนี่เท่าเธอ…
   “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะคุณลุงอีกอย่างเนื้อคู่ดาวคงยังไม่เกิดเลยหาไม่เจอซักที”
   คนพูดแอบชำเลืองมองไปยังชายหนุ่มที่ทำหน้านิ่งมาตั้งแต่เริ่มกินข้าวไม่รู้ว่าภาสกรมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าถึงได้ทำหน้าตาไม่รับแขกแบบนั้น
   “จริงสิไม่อยากจะเชื่อ”
   “นั่นสิจ๊ะป้าว่าอย่างหนูดาวน่าจะมีเป็นโหลมากกว่า”
   “เรื่องจริงเลยค่ะคนเดียวยังไม่มี”
   ละอองดาวเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่มีใครมาขายขนมจีบให้แต่เพราะเธอไม่คิดจะสนใจต่างหากคนพวกนั้นจึงไม่มีช่องว่างที่จะแทรกเข้ามาใกล้
   “วันนี้อาหารอร่อยมากเลยนะครับ”
   อยู่ๆชายหนุ่มที่นั่งเงียบก็พูดออกมาละอองดาวยิ้มรับคำชมนั้นด้วยหัวใจที่พองโต
   “ไม่ยักกะรู้ว่าคุณดาวทำอาหารอร่อยขนาดนี้”
   “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะแต่ถ้าคุณกรชอบดาวมาทำให้ทานบ่อยๆก็ได้นะคะ”
   ภาสกรยิ้มรับกับประโยคที่ได้ยินก่อนจะหันไปมองหน้าน้องสาวแต่เพียงครู่เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าหญิงสาวตัวเล็กต่อ
   “แต่คนที่ถูกใจที่สุดหน้าจะเป็นกานต์นะครับ”
   ละอองดาวทำหน้าสงสัยกับประโยคที่ได้ยินก่อนจะหันไปมองหน้าคนตัวสูงที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
   “ยังไงเหรอคะ”
   “ก็อาหารวันนี้มีแต่ของโปรดของกานต์ทั้งนั้นเลยท่าทางจะถูกใจมาก”
   รวิกานต์ค่อยๆหุบยิ้มลงก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาอำมหิตที่ใครบางคนส่งมาให้ หญิงสาวหยิบน้ำเย็นมาดื่มเพื่อดับความร้อนที่กำลังปะทุขึ้นไม่คิดว่าพี่ชายของเธอจะพูดอะไรไม่น่าฟังออกมาแบบนี้แย่แน่ๆ…

   หลังจากทานของว่างเสร็จเรียบร้อยละอองดาวจึงขอตัวกลับบ้านพร้อมกับการเดินมาส่งของชายหนุ่มที่แสนปลื้มโดยครั้งนี้รวิกานต์ให้เหตุผลว่าขอแก้ตัว
   “วันนี้อากาศดีนะครับ”
   ชายหนุ่มชวนคุยขณะที่เดินมาถึงสนามหญ้าหน้าบ้าน
   “แต่มองไม่เห็นดาวกับพระจันทร์เลยนะคะ”
   “ฝนคงใกล้ตกมั้งครับ”
   ละอองดาวยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะหันไปเห็นใครบางคนที่ยืนล้ออยู่แถวรั่วบ้าน
   “พรุ่งนี้ไปไหนมั้ยครับ”
   ภาสกรตัดสินใจเอ่ยถามออกมาก่อนจะต้องหันไปมองคนข้างๆที่เดินเงียบไม่ตอบอะไรเขาเลย
   “คุณดาวครับ…คุณดาว”
   ละอองดาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆคนข้างๆก็เรียกเธอเสียงดัง
   “อะไรนะคะ”
   “ผมเรียกคุณดาวตั้งนานเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
   “ไม่เป็นอะไรค่ะเอ่อคุณกรพูดอะไรนะคะ”
   “ไม่มีอะไรครับเดินเข้าบ้านดีๆนะครับ”
   ชายหนุ่มยืนส่งหญิงสาวตัวเล็กเข้าบ้านก่อนจะเดินกลับมายังบ้านของตัวเองทั้งๆที่เขาตั้งใจจะชวนอีกคนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันพรุ่งนี้แท้ๆแต่พอละอองดาวทำท่าเหมือนไม่สนใจเขาก็พูดอะไรแทบไม่ออกภาสกรหันไปมองรั่วบ้านของคนที่เพิ่งไปส่งก็พบเข้ากับภาพของน้องสาวตัวเองกำลังยืนพูดคุยกับเพื่อนบ้านสาวอย่างสนิทสนมแล้วไหนจะเหตุการณ์ในครัวนั่นอีก
   เขารู้ว่าน้องสาวเป็นแบบไหนแต่หวังว่าละอองดาวจะไม่เป็นแบบนั้นไปด้วยหวังว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้นเพราะท่าทีที่เพื่อนบ้านสาวแสดงต่อเขามาตลอดมันก็บ่งบอกความรู้สึกได้เป็นอย่างดีชายหนุ่มสะบัดเรื่องเหลวไหลออกจากหัวเขายังมั่นใจว่าความสนใจของละอองดาวยังอยู่ที่เขาและมันคงไม่สายไปหากเขาจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ซะที…




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.