web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 6
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 8
Total: 8

ผู้เขียน หัวข้อ: กำแพงหัวใจ ตอนที่ 6  (อ่าน 2447 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
กำแพงหัวใจ ตอนที่ 6
« เมื่อ: 11 มกราคม 2014 เวลา 19:07:50 »
   เป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่มัทนาต้องมาคลุกคลีอยู่กับเจ้าสัตว์สี่ขากลิ่นเหม็นพวกนี้จนตอนนี้เธอชักรู้สึกชินกับมันขึ้นบ้างแล้วหรือไม่ก็อาจจะเป็นการรับรู้เรื่องกลิ่นของเธอนี่แหละที่อาจจะเสียไปแล้วถึงไม่ค่อยรู้สึกเหมือนช่วงแรกๆที่มา 
   หญิงสาวหันซ้ายหันขวามองไปหลายๆจุดเมื่อไม่เห็นบุคคลอันตรายเจ้าตัวจึงค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งก่อนจะเผลอหลับไปใม่รู้ว่านานเท่าไหร่แต่มารู้อีกทีก็ได้ยินเหมือนเสียงคนคุยกันแต่ทั้งน้ำเสียงและประโยคที่พอจะจับใจความได้มันบ่งบอกได้ว่าคนพูดกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่ มัทนาเดินไปดูก็พบว่ามีบุคคลที่เธอจำเสียงได้แม่นยืนอยู่บริเวณนั่นจริงๆส่วนอีกสี่คนเป็นชายแปลกหน้าที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

   “คิดดูดีๆสิครับคุณหทัย”
   ชายหนุ่มที่ห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มที่แสนเจ้าเลห์พร้อมกับเดินย่างเท้าเข้าไปหาหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่
   “ผมกับคุณเราก็ดูๆกันนานแล้วนะครับคุณก็รู้ว่าผมคิดยังไง”
   “ฉันไม่รู้แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็ขอเชิญพวกคุณออกไปจากไร่ของฉันได้แล้วค่ะ”
   หทัยภัทรพูดออกมาก่อนจะชี้ไปยังประตูที่ใช้เป็นทางเข้าออกของไร่ตัวเองกับชายหนุ่มตรงหน้าหลังจากวันนี้ไปเธอคงต้องให้คนงานมาปิดตายประตูบานนี้เสียทีเพื่อป้องกันการเข้ามาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญแบบนี้
   “อย่าใจร้ายนักเลยครับผมเพิ่งเข้ามาเอง”
   “นี่คุณไพโรจน์ไร่ฉันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวนะแล้วอีกอย่างฉันมีงานต้องทำ!”
   “ผมแค่มาขอกำลังใจเฉยๆเราไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นอาทิตย์ผมอดคิดถึงคุณไม่ได้”
   คนพูดจับมือหญิงสาวมากุมไว้พร้อมกับเตรียมจะจูบหลังมือแต่กลับถูกสะบัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
   “อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันแบบนี้ ออกไปได้แล้ว!”
   คนถูกไล่ไม่มีสีหน้าโกรธเลยแม้แต่น้อยแต่กลับยิ้มออกมาเหมือนกับพอใจอะไรบางอย่าง
   “สวย เผ็ด ดุครบเครื่องแบบนี้ไงคุณถึงเป็นผู้หญิงที่ควรคู่กับผม”
   “เลิกบ้าแล้วก็ออกไปได้แล้ว”
   คนพูดเตรียมเดินหนีแต่กลับถูกคนของไพโรจน์เข้ามาล้อมเอาไว้
   “คิดจะทำอะไร”
   “เรายังคุยกันไม่จบนิครับอีกอย่างผมยังไม่หายคิดถึงเลย”
   “แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุย หลีกไป”
   แม้คนออกคำสั่งจะมีสีหน้าและท่าทางไม่พอใจมากแค่ไหนแต่คนที่ล้อมเธอไว้ก็ไม่มีท่าทางว่าจะทำตามเลยแม้แต่น้อย หทัยภัทรมองรอบๆก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของไร่ข้างๆครั้งนี้เธอพลาดเองที่ไม่ระวังจนต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างก็ลอยละลิ่วมาติดที่กลางหลังของไพโรจน์พร้อมกับส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว
   “ได้เวลาอาบน้ำแล้วมั้งคะ”
   “ทำบ้าอะไรของเธอ!”
   ไพโรจน์ตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับจ้องหน้าคนที่กล้าเอาของสกปรกมาปาใส่หลังตัวเอง
   “แล้วพวกแกจะยืนบึ้งอยู่ทำไมมาช่วยฉันเช็ดสิ!”
   คนพูดหันไปตะคอกใส่ลูกน้องที่เอาแต่ยืนนิ่งทำให้แต่ละคนต้องสละวงล้อมแล้ววิ่งกรูเข้าไปช่วยเจ้านายของตัวเองแทน
   “เสร็จแล้วก็ไปจับตัวยัยนั่นมา”
   คนออกคำสั่งเค้นเสียงพูดในลำคอพร้อมกับจ้องหน้ามือดีที่ปาขี้หมูใส่ตัวเองเหมือนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่แทนที่คนถูกจ้องจะรู้สึกกลัวมัทนากลับฉีกยิ้มออกมาแทนก่อนจะส่งสายตามองไปรอบๆ
   “ถ้ากล้าก็มาแต่อย่าลืมนะที่นี่ถิ่นใคร”
   คำขู่เหมือนได้ผลเมื่อชายหนุ่มทั้งกลุ่มหยุดชะงักแทบจะทันทีก่อนจะหันไปมองรอบๆตัว
   มัทนาถอดถุงมือออกก่อนจะเดินเข้ามาบังหน้านายหญิงของตัวเองเอาไว้
   “อย่ามายุ่งกับนายหญิงของฉันอีก”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของคนที่ยืนหลังตัวเองเอาไว้แน่น
   “เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”
   “แกคิดว่าทำกับฉันแบบนี้แล้วจะไปได้ง่ายๆอย่างนั้นเหรอ”
   ไพโรจน์ผลักลูกน้องที่กำลังช่วยเช็ดออกก่อนจะเดินย่างสามขุมเข้าไปหาทั้งสองสาวด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด
   “นายหญิงของแกเป็นของฉัน! ส่วนแกมันก็แค่ขี้ข้าถอยไป!”
   “ก็เอาสิ…ถ้าอยากจะตายในกองขี้หมูล่ะก็…”
   มัทนายิ้มออกมาอย่างเจ้าเลห์ก่อนจะแกล้งชูมือขึ้นเหมือนส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
   “ถ้าฉันนับหนึ่งถึงสามคุณยังไม่ออกไปอีกล่ะก็เตรียมเหม็นได้เลย”
   ไพโรจน์ถึงกับชะงักก่อนจะหันไปมองรอบๆอย่างระแวง
   “ฉันไม่เชื่อแกหรอก”
   “หนึ่ง…”
   “ฉันไม่กลัวแกหรอก”
   คนพูดเริ่มเอ่ยออกมาเสียงสั่นๆแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะล่าถอย
   “สอง…”
   ตอนนี้ไพโรจน์แทบอยากจะฉีกร่างคนนับเลขที่กำลังยิ้มเยาะเขาออกมาเป็นชิ้นๆแต่เท้าของเขานี่สิไม่รู้ทำไมมันถึงไม่ยอมก้าวไปข้างหน้าเหมือนอย่างที่ใจต้องการ
   “สา…”
   ยังไม่ทันที่จะเอ่ยสุดเสียงกลุ่มคนหาเรื่องก็วิ่งแตกกระเจิงกลับไปเป็นแถวโดยเฉพาะนายใหญ่ที่วิ่งนำไปก่อนอย่างหมดมาด
   เมื่อคนทั้งหมดวิ่งออกจากไร่ไปแล้วมัทนาก็ค่อยๆถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะสะดุดเข้ากับรอยยิ้มน้อยๆของคนที่ตัวเองช่วยไว้แต่พอเห็นว่าเธอมองอยู่รอยยิ้มนั้นก็ถูกลบทิ้งทันทีก่อนจะถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าบึ้งตึงแทน   
   “ฉันไม่ขอบใจหรอกนะเพราะฉันไม่ได้ขอให้เธอช่วย”
   พูดจบหทัยภัทรก็เดินไปทันที ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นานๆแต่เหตุผลที่เธอให้กับตัวเองก็คือเธอกลัวว่าคนพวกนั้นจะกลับมาอีก…ใช่บริเวณนี้มันอันตรายเกินไปสำหรับเธอ

   ภายในรถที่ตอนนี้มีแค่คนขับรถอย่างมัทนากับนายหญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังมันคงไม่แปลกหรอกที่รถทั้งคันกำลังตกอยู่ในสภาวะความเงียบขั้นรุนแรงเพราะต่างคนก็ต่างมีเรื่องให้คิดจนในที่สุดรถก็แล่นมาจอดยังหน้าบ้านหลังใหญ่
   “คราวหน้าอย่างทำอีกนะ”
   คนที่นั่งเงียบมาตลอดทางเอ่ยขึ้นมาขณะเดินลงรถจากนั้นก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างประตูฝั่งคนขับ   
   “ทำอะไรคะ”
   “เธอนั่นแหละทำอะไร คิดได้ยังไงถ้าเกิดพวกนั้นไม่เชื่อขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น”
   หทัยภัทรเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจะไม่ให้เธอกังวลได้อย่างไรเมื่อเหตุการณ์ที่ท้ายไร่นั่นคนตรงหน้าทำเพียงคนเดียวไม่มีใครช่วย
   “แล้วจะให้ทำยังไงคะ”
   “ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย”
   มัทนาอยากหัวเราะออกมาเสียงดังจริงๆเลยเมื่อคนพูดเอ่ยประโยคเย็นชาออกมาแล้วเดินไปอย่างหน้าตาเฉยจนเธอต้องลงจากรถแล้ววิ่งไปคว้ามือคนที่กำลังจะเข้าบ้านเอาไว้
   “นี่เธอจะทำอะไร”
   “แค่อยากทำความเข้าใจกับคุณ”
   “ปล่อย”
   “ไม่ปล่อยถ้าขืนปล่อยคุณก็เดินหนีเข้าบ้านอะดิ”
   “ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ นี่คือคำสั่งปล่อย!”
   คนถูกสั่งไม่ได้ทำตามแต่กลับดึงตัวคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะจัดการล็อคของมือของคนดื้อเอาไว้
   “มัทแค่อยากจะบอกว่าเรื่องเมื่อตอนเย็นมันเป็นเหตุจำเป็นถ้าไม่ทำคุณก็คงถูก…”
   มัทนาหยุดพูดประโยคสำคัญแต่มีหรือที่คนฟังจะเดาไม่ออกว่ามันคืออะไร หทัยภัทรถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธก่อนจะกระแทกเท้าลงไปที่ปลายเท้าของคนพูดอย่างแรงจากนั้นก็ผลักอีกฝ่ายให้ล้มลง
   “โทษฐานที่กล้ามาดูถูกฉัน”
   คนพูดเดินเข้าไปใกล้คนที่นอนกองอยู่กับพื้นก่อนจะดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมา
   “คนอย่างฉันไม่มีใครทำอะไรได้และไม่จำเป็นที่ต้องให้เธอมาช่วยเพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งเรื่องของฉันอีก”
   “ที่โกรธเพราะคิดแบบนั้นจริงๆหรือว่าเสียอารมณ์ที่มัทไปขัดจังหวะกันแน่คะ”
   “มัทนา!”
   หทัยภัทรเอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงดังก่อนจะประทับฝ่ามือลงบนแก้มขาวอย่างแรงจนคนถูกตบถึงกับหันไปตามแรงเหวี่ยงจนคอแทบเคล็ด
   “ตอบแทนให้กับความปากดีของเธอ”
   พูดจบหทัยภัทรก็ลุกเดินไปแต่เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกคนที่เธอฝากรอยฝ่ามือเอาไว้ที่แก้มดึงตัวเธอเอาไว้ก่อนจะฉกเรียวปากของเธอไปครอบครองอย่างง่ายดาย
   มัทนาบดขยี้เรียวปากอวบอิ่มนั้นอย่างรุนแรงแม้อีกฝ่ายจะต่อต้านโดยการทั้งทุบทั้งหยิกแต่ก็ไม่สามารถหยุดเธอได้ เนิ่นนานกว่าที่สติจะกลับคืนมาคนฉวยโอกาสหยุดการกระทำแทบจะทันทีพร้อมกับความรู้สึกผิดที่เข้ามาแทรก
   “คือมัท…”
   คนสำนึกผิดเอ่ยออกมาได้แค่นั้นเพราะตอนนี้ปากของเธอได้ถูกหมัดของใครบางคนกระแทกใส่อย่างแรงจนมีน้ำสีแดงไหลออกมา
   “แกทำอะไรไอ้เลวเอ้ย!”
   ปาลิตาเองที่เป็นคนฟาดกำปั่นของตัวเองเข้าที่ปากของมัทนาก่อนจะเดินเข้าไปซ้ำอย่างบ้าดีเดือดจนนรีรัตน์ต้องรีบเข้าไปจับตัวน้องสาวเอาไว้
   “ปล่อยนะพี่นรีตาจะฆ่ามัน”
   “ใจเย็นๆตามีอะไรค่อยๆพูดกัน”
   “ไม่! คนเลวๆแบบนี้ปล่อยไปทำไมให้รกโลก”
   สองพี่น้องยื้อกันอยู่นานแต่ในที่สุดปาลิตาก็สามารถสงบได้เพราะเสียงเด็ดขาดจากพี่สาวอีกคน
   “พอได้แล้วตากลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้”
   “แต่มันกล้า…”
   “พี่บอกให้พอไงเข้าบ้าน!”
   คนถูกสั่งหันไปส่งสายตาอาฆาตให้กับคนที่นอนกองอยู่ที่พื้นก่อนจะเดินตามพี่สาวเข้าไปในบ้าน ปาลิตากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ได้เห็นแม้จะมองไม่ถนัดแต่เธอก็ไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกว่าคนทั้งคู่กำลังทำอะไรกันและเธอคงต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้วก่อนที่จะโดนเหยียบย่ำหัวใจไปมากกว่านี้

   หทัยภัทรดึงม่านมาปิดอย่างหงุดหงิดจากที่คิดว่าจะมองบรรยากาศของไร่เพื่อจะได้ผ่อนคลายแต่กลับต้องรู้สึกเสียอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิมเมื่อมองเห็นคนสองคนที่นั่งอยู่ด้านล่าง หญิงสาวเดินกลับมาที่เตียงก่อนจะหลับตาลงช้าๆพร้อมกับยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากของตัวเองจากนั้นความคิดก็เตลิดไปไกลเมื่อนึกถึงริมฝีปากของใครอีกคนที่ได้บดเบียดกัดเม้มแม้จะเต็มไปด้วยความรุนแรงและเป็นของผู้หญิงด้วยกันแต่ทำไมเธอกลับไม่มีความรู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย…
   หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆก่อนจะเดินไปยังบริเวณหน้าต่างอีกครั้งจากนั้นก็จัดการกระแทกบานหน้าต่างเสียงดังทำเอาคนที่กำลังนั่งคุยกันข้างล่างถึงกับสะดุ้งและหันขึ้นมามองก่อนที่คนทั้งคู่จะเดินแยกย้ายกลับไปยังที่พักของตัวเองอย่างรวดเร็ว…ก็ใครจะไปอยู่ได้เมื่อสิ่งที่ยืนหลอนอยู่ที่หน้าต่างกำลังจ้องมายังพวกเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มัทนาหันกลับขึ้นไปมองที่จุดหลอนอีกครั้งก่อนจะปะทะเข้ากับสายตาที่มองมาที่ตัวเอง เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรแต่ที่รู้ก็คือเป้าหมายหลักของการกระทำนั้นคือเธอแน่ๆ
   
เปิดจองแล้วน๊าตั้งแต่วันนี้ - 10 กุมภา 14
ราคาเล่มละ 350 บาท
ค่าส่งลงทะเบียน 30 บาท
รวมที่ต้องโอน 380 บาท

สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคา 250 บาท

โอนเงินมาได้ที่
ธนาคารกสิกรไทย
สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่
457-211-232-8
ชื่อบัญชี สมทรัพย์

โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่
Mail mydestiny_k@hotmail.com
Tel 087-0591110
Line samakae
facebookhttps://www.facebook.com/mea.you.927
ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ

นิยายเรื่องอื่นๆ
คุณหนูที่รัก yuri  http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=975576
ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri  http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=552259
เกมรัก สะดุดใจ yuri http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=847672
ปีกรัก yuri  http://writer.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1003521
สัญญาวิวาห์กำมะลอ  http://www.yuriread.com/index.php?board=64.0
สามารถสั่งซื้อได้แล้วจ้า
แบบe-book ก็มีนะค่ะเข้าไปดูได้ที่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookSearchResults&type=author&search=meAyou

ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 มกราคม 2014 เวลา 19:11:23 meAyou »




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.