Chapter 8
ฉันง่วนอยู่กับการตรวจเช็คข้อมูลหนังสือและเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลกับรายงานประจำเดือนอยู่ตลอดทั้งช่วงบ่ายจนไม่มีเวลาที่จะคุยกับใครจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน อันที่จริงแล้วห้องสมุดเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า ปิด 4 โมงเย็น แต่ฉันซึ่งเริ่มงานตอน 9 โมงเช้า จึงได้เลิกงานตอน 5 โมงเย็น
หยางเดินเข้าหาฉันที่โต๊ะพร้อมกับกระเป๋าถือ เป็นสัญญาณว่ากำลังจะกลับบ้านแล้ว เธอลากเก้าอี้มานั่งข้างฉันด้วย ตอนนั้นเป็นเวลา 5 โมงนิดๆ
“Ain’t you go home? (ยังไม่กลับบ้านเหรอ)”
“After finish this topic. (เอาหัวข้อนี้ให้เสร็จก่อน)” ฉันพูดพลางเงยหน้าขึ้นมามองสาวจีนนิดหนึ่ง ตอนนี้งานของฉันอยู่ในตัวอักษร L และเหลืออีกไม่กี่ตัวก็จะหมดแล้ว “Will you go now? (จะกลับแล้วเหรอ)”
“Yeap, but I’d like to talk to you first. (ใช่แล้ว แต่อยากจะมาคุยกับคุณก่อน)”
“Aha, what’s that? (อ่าฮะ ว่าไงเหรอ)”
“Tomorrow Ms. Angela takes vacation. (คุณแองเจลาลาพักร้อนพรุ่งนี้)”
“So? (แล้วยังไง)”
“Let’s have lunch with your friend! (ไปกินข้าวกับเพื่อนคุณกันเถอะ!)” กูว่าแล้วว่าต้องมาไม้นี้เห็นทีคงจะเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะไอ้เรียวเอ้ย สถานการณ์เป็นใจซะขนาดนี้ นายไม่อยู่ได้เวลาอู้กันทั้งฝ่าย
ฉันวางมือจากคอมพิวเตอร์พลางบิดขี้เกียจไปมา “Where? (ที่ไหนล่ะ)”
“I know good place around here, does she available around 11.30? (ฉันรู้จักที่ดีๆ แถวนี้นะ เพื่อนคุณว่างตอน 11 โมงครึ่งมั้ย)”
“I’ll ask her (เดี๋ยวจะถามให้ก็แล้วกัน)” แล้วฉันก็ลงมือทำงานต่อไป
สาวจีนนั่งเงียบๆ ข้างๆ ฉันที่กำลังพิมพ์ข้อมูลและพลิกดูเอกสารเป็นครั้งคราว ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งสองคน
“Will she come? (เพื่อนคุณจะมามั้ย)” หยางพูดแบบกล้าๆ กลัวๆ ฉันมองหน้าสาวจีน สีหน้าของเธอออกเป็นกังวล
กลัวทำไมวะ จะบอกเลยว่ามันคงจะกระโดดโลดเต้นแบบดีใจสุดๆ เลยอ่ะดิ ภาพเพื่อนสาวยิ้มหน้าระรื่นพลางเลือกชุดนั้นชุดนี้เพื่อที่จะไปกินข้าวกับสาวจีนจนไม่ต้องเป็นอันทำอะไรเข้ามาอยู่ในมโนภาพของฉัน
“Sure (แน่นอนอยู่แล้ว)” ฉันตอบพลางระรัวนิ้วลงบนคีย์บอร์ดอีกครั้ง
สาวจีนขมวดคิ้ว “Why you think like that? I think I acted something strange in front of her this morning, that’s why she stared me (ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น ฉันคิดว่าฉันทำอะไรประหลาดๆ ไปเมื่อเช้า เพื่อนคุณถึงได้จ้องฉันใหญ่เลย)”
เอ่อ คุณหยางคะ คุณแน่ใจเหรอคะว่าคุณเคยมีแฟนมาก่อน ดูสายตาไอ้ฟางมันไม่ออกเลยเหรอว่าวิ้งๆ ขนาดไหนอ่ะเนี่ย!
“What the heck you feel like that? I think you can feel about my friend’s eyes, so you told me about your story in lunch time. She’s willing to meet you and I’m sure that she is very excited to see you. (คุณคิดบ้าอะไรของคุณอยู่เนี่ย ฉันคิดว่าคุณดูสายตาเพื่อนของฉันออกซะอีก เมื่อตอนกลางวันคุณถึงได้เล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟัง เพื่อนฉันยินดีที่จะพบคุณแน่ ฉันแน่ใจว่าเธอต้องตื่นเต้นแน่นอนที่ได้เจอกับคุณ)”
หยางยิ้มออกมาทันที ใบหน้าของสาวจีนแดงขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกับเขินอายในสิ่งที่เพิ่งจะพูดออกไป
“Well, I know what’s her eyes said, I’m… just not sure (คือ... ฉันก็รู้นะว่าสายตาของเพื่อนคุณบอกอะไร แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่)
“Seriously, You’re going crazy (คุณนี่บ้าไปแล้ว เป็นเอามากนะเนี่ย)” ฉันว่า หยางหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“By the way, where we gonna go tomorrow? (แล้วพรุ่งนี้เราจะไปที่ไหนกัน)”
“In Love Restaurant, at Thewet Pier (ร้านอินเลิฟ ที่ท่าน้ำเทเวศน์)”
โห... ดูชื่อร้านซะก่อน รุกหนักเว้ยเฮ้ย ไอ้ฟางพรุ่งนี้แกจะเป็นลมเพราะรับมือไม่ทันรึป่าววะเนี่ย
“I see, I’ll tell her and will call you for a confirmation (โอเค เดี๋ยวจะบอกเพื่อนฉันให้ แล้วจะโทรไปคอนเฟิร์มก็แล้วกัน)”
“Please ask her to come, I’m looking forward to see her (พาเพื่อนคุณมาให้ได้เลยนะ ฉันอยากเจอเธอมาก)” ไอ้ฟางจะลากฉันไปมากกว่าละม้างง หยางเอ้ยยย
“Ok” ฉันตอบ ส่วนสาวจีนก็ลุกขึ้นยืน เอามือตบไหลฉัน 2 ทีเพื่อบอกลา ฉันพยักหน้ารับ
“See you tomorrow (เจอกันพรุ่งนี้)” หยางพูด ส่วนฉันโบกมือบ้าย บาย
สาวจีนก้าวเดินออกไปได้สักประมาณ 2 – 3 ก้าว เธอก็รีบเดินกลับเข้ามาหาฉันอีกครั้งหนึ่ง แล้วกระซิบที่ข้างหูว่า “What is her name? (เพื่อนคุณชื่ออะไรเหรอ)”
“Fang, that’s her name (ชื่อฟาง)” ฉันตอบพลางมองหน้าเพื่อนร่วมงานที่แก้มออกเป็นสีชมพูแบบงงๆ
หยางพยักหน้าหงึกหงัก เธอจับไหล่ฉันแล้วบีบแน่น “Thanks, Ryo. Thank you very much, you’re the best person, I’ve ever met (ขอบคุณนะเรียว ขอบคุณมากเลย คุณเป็นคนที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเจอมาเลยล่ะ)”
“Ojalá (ก็คงงั้นอ่ะนะ)” ฉันพึมพำออกมาเป็นภาษาสเปนเมื่อสาวจีนเดินจากไปแล้ว
...
ก่อนที่ฉันกำลังจะปิดเครื่องคอมพ์ ฟางก็โทรมาหาฉันด้วยสำเนียงที่ค่อนข้างจะออกแง
“ตัวเองเสร็จงานหรือยังอ่า เค้ารออยู่นะ”
“เสร็จแล้วๆ แล้วนี่งานเสร็จหรือยัง”
“เสร็จนานแล้ว นายไม่อยู่ไปต่างประเทศตั้งอาทิตย์นึง เค้าอยู่ก็แค่รับเอกสาร ส่งเมล์บอกนายเรื่องงาน แล้วก็ทำนัดแค่นั้นเองอ่ะ”
งานมันชิลมากเลยนะเนี่ย สบายกว่ากูอีก
“เหรอ ตอนนี้ฉันเก็บของอยู่ จะให้ไปหาที่ไหนล่ะ”
“งั้นตัวเองมารอเค้าที่ริมคลองก็แล้วกัน”
“โอเค งั้นอีก 10 นาทีเจอกัน”
“จ้า...”
ฉันเดินไปที่รถของสาวหน้าแรงที่จอดรออยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษมฝั่งกำแพงกระทรวงศึกษาธิการ มันตลกดีที่ว่าฉันกับฟางทำงานอยู่ข้างๆ กัน แค่มีเพียงคลองเล็กๆ น้ำเน่าๆ มาคั่นกลางก็หลายปีอยู่แต่ทำไมเราสองคนถึงไม่เคยเจอกันเลย
ฉันกำลังจะเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แต่ก็โดนเพื่อนสาวเคาะแตรเบาๆ แล้วก็ส่ายหน้า
“อะไรของมันวะ” มันพึมพำ
ฟางเปิดประตูรถออกมาแล้วบอกว่า “เรียว ตัวมาขับรถสิ”
“แล้วทำไมแกไม่ขับอ่ะ”
“เค้าเหนื่อย”
“เอ๋า... อะไรวะ รถแกนะเว้ยไม่ใช่รถฉัน”
“ก็เค้าเหนื่อยอ่ะ เค้าอยากได้คนขับรถให้เค้าอ่ะ นะๆๆๆ ตัวเองขับรถให้เค้าหน่อยน้า” สาวหน้าแรงพูดด้วยเสียงออดอ้อน
“เออๆๆๆ” ฉันพูดด้วยความรำคาญ เพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนสาวเลยเดินไปขับรถแทน ในขณะที่คุณนายฟางนั่งเป็นนางพญาอยู่ข้างๆ
“ดีจังเลย เรียวเซอร์วิสเค้าแล้ว” เอ่อ มึงบังคับให้กูเซอร์วิสมากกว่านะไอ้ฟาง
“เออว่าจะถามนานและ ทำไมตัวเองไม่ซื้อรถล่ะ” สาวหน้าแรงถามฉันขณะที่เราสองคนกำลังติดอยู่บนถนนที่มุ่งหน้าไปสู่ถนนพระอาทิตย์
ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนสาวที่กำลังเล่นกับตุ๊กตาแกะ “ไม่อยากมีภาระว่ะ ไปไหนมาไหนต้องมาวนหาที่จอดรถ อีกอย่างพ่อฉันก็มีรถ ไอ้เคียวก็มีรถ อยากไปไหนก็ขอใช้รถเอา ไม่เห็นต้องซื้อใหม่เลย”
“เหรออ ดีจังเลยเนอะ เค้าต้องมานั่งผ่อนรถ เหนื๊อยเหนื่อย”
“แล้วทำไมต้องซื้อรถล่ะ”
“แม่ซื้อให้น่ะ บอกว่าไม่อยากให้ขึ้นรถเมล์ รถแท็กซี่ มันอันตราย” เออ ลูกคุณหนูชัดๆ เลยนะแก
“เหรอ...” ฉันเงียบไปพักหนึ่ง เมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว “เออใช่... พรุ่งนี้หยางจะนัดแกกินข้าวช่วงกลางวันตอน 11 โมงครึ่ง ไปได้ป่ะ”
พอพูดจบไอ้ฟางก็ตาโตพลางโยนตุ๊กตาแกะไปที่เบาะหลังแล้วเอามือทั้งสองเกาะไหล่ฉันอย่างรวดเร็วเท่าความไวแสง
“จริงเหรอ!” จะตะโกนทำไมวะ
“เออดิ ไปได้ป่ะล่ะ”
“ได้อยู่แล้ว ทำไมแกไม่รีบบอกฉันวะเนี่ย”
“ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง ไปที่ร้าน In Love ตรงท่าน้ำเทเวศน์ รู้จักป่ะ”
“รู้จักๆๆๆๆ” สาวหน้าแรงพยักหน้าอย่างกระตือรือล้น
“นั่นแหละ 11 โมงครึ่งเจอกัน”
“ตัวเองจะไปกับเค้ามั้ย” อยู่ๆ ก็พูดเสียงอ้อน อะไรของมันวะ
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบอกว่า “ไปดิ ก็ต้องไปล่ามแปลให้แกไง จะให้ทิ้งแกได้ไงวะ เดี๋ยวก็...”
ฉันพูดค้างเอาไว้พลางนึกถึงคำพูดของสาวจีนเมื่อกลางวันที่บอกว่า ‘I just want to speak and talk with someone who made me happy in the past time (ฉันแค่อยากพูด อยากคุยกับใครบางคนที่ทำให้ฉันมีความสุขเมื่อสมัยก่อนเท่านั้นเอง)’ ไอ้ฟางมันจะเสียใจมั้ยที่คนที่อยากเจอเห็นตัวเองเพียงแค่ตัวแทนของคนที่ตายไปแล้วเท่านั้น
“เย้ๆๆๆ... แต่... เดี๋ยวก็อะไรเหรอ...”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร”
“อื้อฮึ... แล้วตัวเองจะเลี้ยงเค้ามั้ย” เฮ้ย จะมาไม้ไหนอีกวะ
ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนสาวแบบงงๆ “อะไรของแกวะ”
“คือว่า เดือนนี้เค้า... ช็อตอ่ะ” เฮ้อ ให้มันได้งี้สิ
“นะๆๆๆ เดี๋ยวเค้าคืนเงินให้ตัวเองนะ”
ฉันเงียบ ไม่ตอบอะไร ได้แต่นั่งทำหน้าเซ็งอยู่หลังพวงมาลัย พร้อมๆ กับจ้องมองไปยังรถที่อยู่ข้างหน้า
“นะๆๆๆๆ เรียวจ๋า... เลี้ยงเค้าหน่อยน้า...” พูดไม่พูดเปล่ายังจะมากระพริบตาวิ้งๆ อ้อนอีกต่างหากล่ะเอ้า เห็นแล้วมันไม่น่าขำมากกว่านะไอ้ฟาง
โอ้ย รำคาญเว้ย เลี้ยงก็ได้วะ “เออๆๆๆ”
“เย้ คุณเพื่อนน่าร้ากกกกกกก” พูดแล้วก็พลางนวดแขนให้ฉันใหญ่เลย แถมยังทำท่าดีใจเหมือนเด็กได้ขนม
เมื่อฉันกำลังเลี้ยวรถขึ้นสะพานปิ่นเกล้า ฟางก็พูดขึ้นมาว่า “พรุ่งนี้ใส่ชุดอะไรดีน้า...”
“ก็แล้วแต่”
สาวหน้าแรงเงียบไปสักพักหนึ่งแล้วก็พูดด้วยเสียงออดอ้อนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งว่า “เรียว... เค้าไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าไปใส่เจอเพื่อนตัวอ่ะ”
“อ้าว และกระเป๋านั่นไม่ใช่เสื้อผ้ามาค้างบ้านฉันหรอกเหรอ”
“มันใส่เสื้อผ้าทำงานอ่ะ แต่เค้าไม่มีเสื้อผ้าไปใส่เจอเพื่อนตัว เค้าจะทำยังไงดีอ่า...” เอ้า งอแงอะไรอีกล่ะเนี่ย เรื่องมากจริงวุ้ย อย่าสวยมากกว่านี้เลยได้ม้ายย ฉันกลัวแกจะเสร็จไอ้หยางนะเว้ย
“แล้วไง”
“แวะตลาดนัดตรงเมเจอร์หน่อยดิ ขอดูเสื้อผ้าแป๊บนึง นะๆๆๆๆๆๆ” พูดไม่พูดเปล่า มีเขย่าตัวด้วยอ่ะ
“อะไรของแกวะ”
“นะๆๆๆๆๆ เรียวจ๋า นะๆๆๆ พรุ่งนี้เค้าอยากสวยไปเจอเพื่อนตัวอ่ะนะๆๆๆๆ”
“แค่นี้ยังสวยไม่พออีกเหรอ แล้วใส่เสื้อผ้าทำงานไปก็ได้นี่”
“ก็เค้าอยากให้เพื่อนตัวประทับใจนี่ น้า.... นะๆๆๆ เรียว แวะให้เค้าหน่อยน้า” สาวหน้าแรงพูดพลางกอดคอฉัน แถมยังเอาหน้าซบไหล่อีก มันอ้อนหรือมันจะขืนใจฉันวะเนี่ย นัวเนียไปหมด อึดอัดเว้ย
“วันนี้เหนื่อยอ่ะ ไม่แวะได้มั้ย” ฉันท้วงพยายามทำเสียงน่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่เพื่อนสาวก็ยังไม่ละความพยามและอ้อนฉันมากยิ่งขึ้นด้วยการเอาแก้มของเธอมาแนบกับแก้มของฉัน
“แป๊บเดียวเองนะเรียว... ครึ่งชั่วโมงนะ สัญญาเลยอ่ะ น้า... นะๆๆๆ เรียวจ๋า” เสียงอ้อนของมันน่าสงสารกว่าเสียงกูอีกวุ้ย
หน้าฉันร้อนขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ รู้เพียงอย่างเดียวว่า ยัยนี่เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับกู นัวเนียอยู่ได้ โอ้ยยยย ไอ้ฟาง อย่าเอามือไล้ต้นคอฉันได้ม้ายยย ขนลุก
“เออๆๆๆ ก็ได้ๆๆๆๆ แป๊บเดียวนะ”
“เย้... เรียวจังน่าร้ากกกกกกกที่สุดเลย” ฟางพูดพลางตบมือดีใจ “เดี๋ยวตัวเอารถไปจอดที่เซ็นทรัลก็ได้ แล้วเดินข้ามฝั่งเอา เพราะขากลับจะได้ไม่ต้องกลับรถ”
“อื้ออ คล่องนะเนี่ย แสดงว่าเดินบ่อย”
“นิดนึง เค้าชอบมาแอบเดินเที่ยวเวลาที่นายไม่อยู่”
“โหห ร้ายๆ”
“ฮิฮิ”
ฉันขับรถไปจอดที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้าแล้วก็เดินข้ามฝั่งไปยังเมเจอร์ปิ่นเกล้าพร้อมๆ กับเพื่อนสาว เป้าหมายคือตลาดนัดข้างเมเจอร์ปิ่นเกล้า ฟางเดินคู่กับฉันด้วยอากัปกิริยาเช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ คือ เดินจับมือและบีบมือฉัน รวมทั้งกรี๊ดกร๊าดทุกครั้งเมื่อเห็นสาวสวยหรือสาวน่ารัก เออ เอากะมันสิ ไม่ต้องเดินเกาะกูก็ได้นะ กูเกรงใจ และเมื่อเดินไปถึงฝั่งเมเจอร์ สาวหน้าแรงก็ตรงดิ่งไปที่ร้านขายเสื้อผ้าที่ใกล้ที่สุด
“อุ้ยตัวนี้น่ารักจังเลย ตัวเองชุดนี้เหมาะกับเค้ามั้ย” ว่าแล้วก็หยิบชุดเดรสสีฟ้ามาให้ฉันดู
“ก็ดีอ่ะ”
“เหรอ... อืมมม” ฟางพิจารณาชุดนั้นอยู่แล้วก็ตัดสินใจ “ไม่เอาดีกว่า” อ้าว ซะงั้นอ่ะ
“ทำไมอ่ะก็น่ารักดีออก” ฉันพูดในขณะที่ฟางดึงมือฉันออกมาจากร้าน
“ตะเข็บมันไม่ดีอ่ะ ไปดูร้านอื่นดีกว่า” ว่าแล้วก็เดินดูเสื้อผ้าร้านถัดไป
ร้านแล้วร้านเล่า เดินจนเกินครึ่งชั่วโมงแล้วมั้งเนี่ย คุณนายฟางก็ยังไม่ได้ชุดที่ถูกใจสักที บางครั้งก็ยืนอยู่หน้าร้านนานมาก ทั้งเลือก ทั้งลอง แต่ก็ตัดสินใจไม่เอาในนาทีสุดท้าย ทำไมเรื่องมากจังเลยวะเนี่ย
“ไอ้ฟางเกินครึ่งชั่วโมงแล้วนะเว้ย เลือกได้ยัง” ฉันว่าขณะที่สาวหน้าแรงกำลังดูเสื้อยืดลายน่ารักๆ ตัวหนึ่งอยู่
“แป๊บนึงน้า...” สาวหน้าแรงพูด แล้วก็เดินตรงไปทีร้านถัดไป เฮ้อ เมื่อไหร่มันจะเสร็จวะเนี่ย กูเมื่อย
ป้ายต่อไปเป็นร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงที่มีชุดเดรสคล้องคอสีเขียวอ่อนโชว์อยู่ที่หุ่นหน้าร้าน ชุดนั้นสวยสะดุดตามากเพื่อนสาวของฉันก็เดินเข้าไปทันที
“อุ้ย... คุณน้องขา อันนั้นเหลือตัวสุดท้ายแล้วนะคะ งานฮ่องกงค่ะ”
“เท่าไหร่คะ”
“สามเก้า (390 บาท) ค่ะ”
“ขอดูหน่อยได้มั้ยคะ”
“เอาเลยจ้า” แม่ค้าวัยดึกรีบกุลีกุจอถอดชุดออกจากหุ่นโชว์ สาวหน้าแรงเอาชุดมาทาบกับตัวทันที
ฉันยืนดูฟางที่ยืนพลิกไปพลิกมาดูกระจกอยู่หลายรอบพร้อมๆ กับเสียงบรรยายถึงความสวย ความงาม ความดีของชุดนั้นในราคา 390 บาทของแม่ค้าอยู่ร่วมๆ 10 นาทีก็เริ่มเซ็ง เลยหาวิธีแก้เซ็งโดยส่งข้อความไปให้สาวจีนว่าฟางรับนัดของเธอในวันพรุ่งนี้ หยางรีบส่งข้อความกลับมาด้วยความดีใจ หลังจากนั้นฉันก็เริ่มเบื่อกับการยืนรอพลางคิดว่าเมื่อไหร่มันจะซื้อได้สักที ต้องเร่งมันซะหน่อยแล้ว วันนี้ปวดหัวจัง อยากนอน
“ฟาง ได้ยังอ่ะ”
“แป๊บนึงดิ”
“สวยนะคะ ผ้าดีน้า ซักแล้วไม่หดด้วยพี่รับรอง”
“ถ้าหดเอามาเปลี่ยนได้มั้ยคะ”
“ได้จ้า แถมเงินให้น้องกลับเลยด้วยเอ้า”
“เอาไงดีอ่ะตัว ชุดนี้ดีมั้ยอ่ะ” ทำไมต้องมาถามความเห็นกูด้วยวะ
“ก็สวยดีนี่”
“ตัวว่าเค้าใส่แล้วสวยมั้ยอ่ะ”
“ก็น่าจะนะ”
“เหรอ... เค้าไม่มั่นใจเลยอ่ะ” สวยขนาดนี้แล้วทำไมมึงไม่มั่นใจอีกฮะไอ้ฟาง
“แหมม น้องสวยขนาดนี้ทำไมกลัวไปได้ละคะ”
“กลัวพุงออก แขนใหญ่อ่ะค่ะ”
“ไม่หรอก หุ่นดีขนาดนี้ ชุดนี้ถ้าไม่อยากโชว์แขนก็หาเสื้อคลุมมาทับค่ะ ใส่ไปทำงานก็ได้ ใส่ไปเที่ยวก็ได้ ใช้ได้หลายงานนะ” แม่ค้าพูดเยอะขึ้นแล้วเหมือนกันจะเร่งขาย
“เอาไงดีอ่ะตัว” ไม่ต้องมาถามกูได้ม้ายยย
“ก็ตัวนี้แหละ”
“จะดีเหรอ”
“ดีสิคะ” แม่ค้าเริ่มเห็นช่องทางในการขาย “เพื่อนน้องยังบอกเลยว่าดี”
“งั้นก็ได้ค่ะ เอาตัวนี้สองห้าได้มั้ยอ่ะค่ะ” โหห มันต่อทีลดฮวบเลยนะ
“ไม่ได้ค่ะ ตัวนี้เต็มที่เลยสามแปด”
“แพงจังอ่ะ งั้นขอสามสอง” ต่ออีกและ ไอ้ฟางงงงแล้วเมื่อไหร่มึงจะได้ชุด
“ไม่ได้จริงอ่ะค่ะน้อง พี่ให้ได้ก็สามแปด”
“งั้นหนูขอขาดตัวเลยสามห้า นะคะ นะๆๆๆๆ” ลูกอ้อนมาอีกแล้ว มันจะใช้กับป้าวัยดึกคนนี้ได้หรือเปล่าเนี่ย
แม่ค้านิ่งไปพักหนึ่ง เมื่อเห็นตาวิ้งๆ ของสาวหน้าแรงก็กัดฟันขาย “อ้ะก็ได้ๆๆๆ เห็นว่าสวยนะเนี่ย ใส่ขึ้นชัวร์ไว้วันไหนใส่มาให้พี่ดูมั่งนะ”
“อุ้ยขอบคุณค่ะ” ปิดการขายโดยใช้เวลาไป 25 นาที ทั้งเลือกทั้งต่อนานจริงๆ แม่คุณ
สาวหน้าแรงหันมาหาฉัน “เรียวววววววว” เรียกเสียงยาวแบบนี้ มันต้องให้กูทำอะไรแน่นอน
“ว่าไง”
ฟางเดินมากระซิบข้างหูฉัน “ขอตังค์หน่อยดิ 350”
“ค่าอะไร” ฉันกระซิบตอบ แล้วทำไมต้องกระซิบตามมันด้วยวะ
“ค่าชุดไง” เพื่อนสาวยังคงกระซิบใส่หูฉันต่อไป
“แล้วทำไมแกไม่จ่ายเอง”
“เค้าไม่ได้เอากระเป๋าลงมา” โหหห ไอ้ฟางง มึงโคตรเนียนเลย ตลกรับประทานมากๆ
“โห... ฟอร์มป่ะเนี่ย”
“นะๆๆๆ เรียวจ๋า... เรียว... เพื่อนเลิฟ...” สาวหน้าแรงมาลูกอ้อนมันมาอีกแล้ว ลมหายใจที่กระซิบที่ข้างหูมันทำให้หัวใจฉันเต้นแรง โอ้ยยย กูเป็นอะไรเนี่ย เอาหน้ามาใกล้กูอีกแล้ว
ฉันเขยิบออกห่างจากเพื่อนสาวเล็กน้อยแล้วควักกระเป๋าตังค์ออกมา “อ้ะ เอาไป” ชิ เสียรู้มันอีกจนได้ หรือฉันแพ้ทางไอ้ฟางมันหรือเนี่ย
“ขอบคุณนะ” พูดแล้วก็ขยิบตาใส่ ซึ่ง... มันน่ารักมากกกก เล่นเอาหนุ่มๆ ที่เดินผ่านมาหน้าแดง หน้าของฉันเองก็ร้อนขึ้นเหมือนกัน
“อื้อ”
หลังจากนั้นฉันก็ยังไม่ได้กลับบ้านก็ในเมื่อเพื่อนสาวหน้าแรงขอให้ซื้อเสื้อคลุมให้ รวมไปถึงนั่งกินข้าวที่เซ็นทรัลเพราะคุณเธอบอกว่าหิว ให้ไปกินข้าวที่บ้านก็ไม่ยอม เพราะหิวมาก หิวจนมันจะกินหัวฉันได้อยู่แล้ว เลยต้องพาคุณนายฟางไปกินข้าวจนอิ่ม แถมก่อนกลับยังจะให้แวะซื้อยำยำช้างน้อยที่ซูเปอร์มาเก็ตอีก นี่แกจะรำลึกความหลังไปไหนวะเนี่ย!
เฮ้ออ ไอ้เรียวเอ้ย คิดผิดหรือเปล่าเนี่ยที่ต้องมาคอยดูแลไอ้ฟางมันแบบนี้ เหนื่อยเว้ย แต่จะว่าไป หน้าของเพื่อนสาวเวลายิ้ม หัวเราะตอนเวลาดีใจและมีความสุขมันน่ารักจริงๆ นะ ทำให้ฉันอดที่จะยิ้มไปด้วยไม่ได้ ราวกับว่าใบหน้าและรอยยิ้มของฟางมีเสน่ห์มาก มากจนใครต่อใครตกหลุมรักเมื่อแรกเห็นก็เป็นได้
“ดีจังเลยเนอะที่เค้าได้มาอยู่กับตัวแบบนี้ ไม่คิดว่าแค่เราสองคนบังเอิญเจอกันที่ภูกระดึงทำให้เค้าเจอเพื่อนแท้ที่คอยดูแลเค้า” อยู่ๆ สาวหน้าแรงก็พูดคำนี้ขึ้นมาตอนที่พวกเรากำลังมุ่งหน้ากลับบ้านของฉัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่คำพูดนี้ทำให้ฉันคิดถึงอะไรบางอย่าง
ความบังเอิญที่ทำฉันต้องมาเจอเพื่อนเก่า เรื่องบังเอิญที่ฟางเข้าใจผิดไปเองทำให้ฉันอยู่คู่กับสาวสวยคนนี้จนทำให้ฉันได้รู้ความลับของเพื่อนร่วมงานที่เก็บไว้มานาน
‘I think destiny leads people to meet together (ฉันคิดว่าโชคชะตานำพาให้ผู้คนพบและรู้จักกัน)’
คำพูดของหยางเมื่อกลางวันดังขึ้นมาในหัวของฉัน
‘ไม่จริงมั้ง’ ฉันคิด ‘มันก็แค่เรื่องบังเอิญ’
คำพูดของหยางก็ดังเข้ามาในความคิดอีกครั้ง
‘There is no accident (ความบังเอิญไม่มีในโลก)’
“ไม่ใช่น่า” ฉันพึมพำ ขณะที่กำลังขับรถเข้าสู่ถนนติวานนท์ โดยที่มีเพื่อนสาวหน้าแรงหันมาทำหน้าสงสัยว่าฉันพูดอะไรอยู่คนเดียว
...
เมื่อถึงบ้านสาวหน้าแรงก็รีบขึ้นไปบนห้องของฉันทันที
“อะไรของมันวะ” ฉันพูดพลางเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อดื่มน้ำ พอปิดประตูตู้เย็น เสียงรถของเคียวก็มาจอดหน้าบ้าน
ไอ้หน้าเกือบหล่อเดินเข้ามาในบ้านแล้ววางกระเป๋าทำงานลงบนโซฟา “มาถึงนานยัง”
“ก่อนแกแป๊บเดียว” ฉันตอบ
เคียวหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วถอดเน็คไท “ทำไมวันนี้กลับช้าวะ หรือว่ารถติด”
“ไอ้รถติดอ่ะไม่เท่าไหร่หรอก ไอ้คนที่มาด้วยอ่ะดิ ตัวทำให้ช้าเลย”
“ใครมาด้วยวะ” เคียวถาม
ฉันเหลือตามองขึ้นที่ชั้นบน “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร”
“ฟางเหรอ”
“อื้อ”
“วันนี้มานอนที่บ้านเหรอ” ไอ้หน้าเกือบหล่อถาม
“คงมาทั้งอาทิตย์เลยละมั้ง กระเป๋าใบอย่างใหญ่อ่ะ”
เคียวหัวเราะกับคำพูดของฉัน “แล้วกินอะไรกันมายัง”
“เรียบร้อยและ แกอ่ะ”
“เหมือนกัน... เออ... เดือนหน้าพี่ไหมแต่งงานนะ” พี่ชายฉันพูดพาดพิงไปถึงรุ่นพี่สาวขาลุยที่ทำงานด้วยกัน ฉันเองก็รู้จักคุ้นเคยกับพี่ไหมดี เพราะว่าช่วงที่ทำงานแถวๆ ชายแดน พี่ไหมคนนี้นี่แหละที่อุตส่าห์หอบข้าวของมาฝากฉันจากกรุงเทพฯ ตอนที่เธอกับแฟนขับรถกันไปเที่ยวที่ปาย
“เหรอๆๆๆ ที่ไหน เมื่อไหร่”
“เดี๋ยวรอการ์ดก็แล้วกัน แล้วก็... เรียว...”
“อะไร”
“ฟางจะว่าอะไรมั้ยวะถ้ากูจะขอควงฟางไปงานแต่งพี่ไหม”
“ก็ไม่รู้ดิ”
“ถามให้หน่อยดิ”
“ทำไมไม่ถามเองละวะ เดี๋ยวไปตามให้”
“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่ง” ว่าแล้วก็รีบดึงมือฉันใหญ่ นี่มันอะไรกันวุ้ย
“อะไรของแกวะ”
“กูกลัวว่าฟางเค้าจะคิดว่ากูจีบเค้าว่ะ”
“เหรอ...” เนื้อหอมจริงนะคุณเพื่อนมีทั้งหญิงทั้งชายมาสนใจ ก็ดีฉันจะได้หลุดพ้นจากการเป็นเบ๊แกสักที แค่ 2 วันก็เรื่องมากซะขนาดนี้ ถ้านานกว่านี้มีหวังไอ้เรียวเอ็งตายแน่ แต่เดี๋ยวก่อน... นี่มันคนใกล้ตัวกูทั้งนั้นเลยนี่หว่า ถ้าไอ้เคียวหรือหยางคบกับไอ้ฟาง นี่กูต้องเจอกับมันทั้งขึ้นทั้งล่อง! เหวยๆ ไม่ดีแน่...
“แล้วจะให้ทำไง” ฉันถามพี่ชาย
“เดี๋ยวขอคิดดูก่อน แล้วจะบอกทีหลัง”
“เออๆ งั้นขึ้นก่อนนะ วันนี้เหนื่อยว่ะ”
“เออ”
ฉันเดินไปที่ห้องนอนของฉันปรากฏว่าล็อคค่ะ โดนล็อคซะงั้น พอเคาะประตูเสียงฟางก็ดังเล็ดรอดตามมาบอกว่าให้รอเดี๋ยว แต่ผ่านไปอีก 10 นาที รอเดี๋ยวของมันไม่ใช่คำว่ารอเดี๋ยวในพจนานุกรมของฉันซะแล้ว
“ฟาง เปิดประตูดิ เร็ว”
“รอเดี๋ยวดิ”
“เดี๋ยวของแกมันเมื่อ 10 นาทีที่แล้วนะเว้ย ไม่เอาเว้ย ไม่เดี๋ยวแล้ว”
“เรียวอ่ะ รอแป๊บนึงดิ”
“แป๊บนึงของแกมันแป๊บยาวนะเว้ย ไม่เอาแล้ว ฉันอยากอาบน้ำ อยากนอน”
สาวหน้าแรงทำเสียงไม่พอใจแต่ก็เดินมาเปิดประตูห้องให้ เมื่อฉันก้าวเข้าห้องไปก็ต้องตกตะลึงกับกองเสื้อผ้าที่เรี่ยราดอยู่ตามพื้นห้องและบนเตียง โอ้ยยย นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!
“แกทำอะไรของแกวะ”
“เค้ากำลังลองชุด”
“ลองชุด หรือว่าแกจะตกแต่งห้องให้ฉันวะเนี่ย”
ฟางยิ้มอย่างอายๆ “ลองชุดจริงๆ”
“แล้วทำไมห้องฉันเป็นแบบนี้ล่ะ”
“ก็เค้ากำลังลองว่าจะใส่ชุดใหม่หรือว่าจะใส่ชุดที่เอามาไปกินข้าวกับเพื่อนตัวพรุ่งนี้นี่นา ไม่รู้ว่าตัวไหนดีก็เลยลองมันทุกชุดเลย” เอ่อ... ตื่นเต้นเกินไปและ
“แล้วชุดไหนมันดีล่ะ” ฉันพูดพลางเดินไปที่โต๊ะหนังสือ โดยพยายามไม่เหยียบเสื้อผ้าของเพื่อนสาว
“ไม่รู้อ่ะ” อ้าวซะงั้น “ตัวช่วยดูให้เค้าหน่อยดิ”
“เออๆๆ ชุดไหนล่ะ”
“แป๊บนึงนะ” ว่าแล้วสาวเจ้าก็ถอดชุดที่ใส่อยู่ทันที เล่นเอาฉันหันหลังให้แทบไม่ทัน
“ทำไมไม่ถอดในห้องน้ำละ” ฉันพูด
“ก็เค้าขี้เกียจเดินเข้าเดินออกนี่นา ตรงนี้แหละง่ายดี”
เหวยๆๆ แล้วจะมาเปลี่ยนอะไรตรงนี้วะเนี่ย
“เสร็จและ” ฟางร้องเรียก
เมื่อฉันหันไปก็พบกับสาวสวยในชุดเดรสคล้องคอสีเขียวอ่อน ความยาวของชุดเลยเข่ามานิดหน่อย สีและทรงของชุดทำให้เผยผิวและขับผิวสวยๆ ของฟางให้สวยขึ้น สาวหน้าแรงยืนโพสต์ท่าไปมาอยู่หน้ากระจกยาวที่แขวนอยู่ข้างผนัง พลางยิ้มน้อยๆ
“เป็นไง” เธอหันมาถามฉัน
“สวย” ฉันบอกได้เพียงเท่านี้
“จริงๆ นะ”
“อื้อ”
“งั้นพรุ่งนี้ใส่ชุดนี้ไปนะ”
“เอาสิ แต่ถ้าใส่ไปทำงานจะไม่โดนว่าเหรอ” ฉันถาม
ฟางยิ้มกว้างแล้วเธอก็หยิบเสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้มมาสวม แล้วพิจารณาตัวเองอีกครั้งที่หน้ากระจก“แบบนี้ดูเรียบร้อยขึ้นมั้ยอ่ะ”
“อื้อ”
“งั้นชุดนี้ก็ผ่าน”
“อ่าฮะ” ฉันรับคำ
สาวหน้าแรงเดินปรี่เข้ามาหาฉัน “เรียว เค้าดูเป็นไงมั่ง”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าสวย แล้วก็ดูเรียบร้อยดี”
“เค้าเลือกชุดเก่งใช่มั้ย”
“อื้อ เก่งๆ”
ฟางหัวเราะ “ถ้าเก่งก็ชมเค้าหน่อยสิ” เอ๋... มันจะมาไม้ไหนเนี่ย
“ห๋า...”
“ชมเค้าหน่อยสิ”
เอ้อ... แค่นี้ก็ต้องให้ชมด้วย ฉันยกมือขึ้นมาลูบหัวเพื่อนสาวเบาๆ ท่าทางแบบนี้คือการชมเชยที่อาจารย์สอนภาษาอังกฤษสมัยประถมของฉันและฟางทำ นักเรียนทุกคนจะมีความสุขมากเมื่ออาจารย์ลูบหัวแบบนี้ มันก็เลยเป็นวิธีการชมของพวกเราตั้งแต่เด็กจนโตไปโดยปริยาย
“เค้าอาบน้ำก่อนนะ” สาวหน้าแรงพูด
“ก็เอาสิ”
ฟางเดินไปหยิบเครื่องอาบน้ำและชุดนอนออกมาจากกระเป๋า และก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำเธอก็พูดว่า “เก็บของให้หน่อยดิ” แล้วก็ปิดประตูไป
“เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ” เรียกไม่ทันซะแล้ว
ฉันมองดูเสื้อผ้าของเพื่อนสาวที่กระจัดกระจายไปทั่วห้องด้วยความเซ็ง มาถึงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้ฉันรกได้ถึงขนาดนี้ เฮ้อ เซ็งเว้ย ฉันค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาพับด้วยความเหนื่อยใจ
15 นาทีผ่านไปฟางก็ออกมาจากห้องน้ำในชุดกระโจมอก มีหยดน้ำประปรายตามร่างกาย แล้วแกจะเอาชุดนอนเข้าไปในห้องน้ำทำไมวะเนี่ย ฉันส่ายหน้าอย่างระอาใจแล้วหยิบเสื้อผ้าจะเดินเข้าใจในห้องน้ำ เมื่อเดินสวนกับสาวหน้าแรง เธอก็ขยิบตาให้ฉันทีหนึ่ง ไม่ต้องมาขยิบตาให้กูเลย
“ว้ายยยย” สาวหน้าแรงเดินสะดุดกองหนังสือการ์ตูนที่วางอยู่บนพื้น แล้วก็ลงไปนั่งจ้ำเบ้า
“เป็นไรป่าว” ฉันรีบเข้าไปช่วย เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ได้แต่อึ้ง เพราะ...
ผ้าขนหนูของเพื่อนสาวนั้นหลุดออก ฟางพยายามดึงมันขึ้นมาเพื่อปกปิดร่างกายของตนเองอีกครั้ง แต่ก็ได้แค่เพียงบางส่วน ทำให้ฉันเห็นร่างกายเกือบทั้งหมดของเพื่อนสาว... และภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง ฉันกับฟางสบตากันพักหนึ่ง ใบหน้าสวยๆ ของสาวหน้าแรงแดงระเรื่อ ส่วนฉันเองก็รู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนขึ้น เมื่อตั้งสติได้ ฉันรีบคว้าเสื้อคลุมโยนไปให้ฟางแล้วหันหลังให้
“ไม่เป็นไรนะ” ฉันพูดเสียงเบาๆ
“อื้อ” เพื่อนสาวรับคำในลำคอ
“อ... อาบน้ำก่อนนะ”
“จ้ะ”
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ ก็พบว่าเลือดกำเดาไหลออกมาอีกแล้ว... นี่ฉันกลายเป็นคนโรคจิตที่เลือดกำเดาไหลตอนเห็นคนโป๊ไปแล้วเหรอเนี่ย โอ้ยย กูจะบ้า...
หลังจากใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเพื่อห้ามเลือดกำเดาและอาบน้ำอยู่พักหนึ่ง เมื่อฉันเดินออกมาฉันก็เห็นเพื่อนสาวในชุดนอนกำลังนั่งอ่านการ์ตูนที่ฉันอ่านเมื่อคืนนี้ มันคือการ์ตูนยูริ!
ในมือของเธอคือการ์ตูนเล่ม 2 ใบหน้าของฟางอมยิ้ม บางครั้งก็หัวเราะคิกคักไปตามเนื้อเรื่อง และเมื่ออ่านจบเล่มคำพูดแรกของเพื่อนสาวที่เอ่ยออกมาก็คือ
“เรียว... ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนอ่ะ เค้าชอบจังเลย แล้วมีเรื่องอื่นที่เป็นแบบนี้อีกมั้ย” เมื่อพูดจบก็หยิบเล่มใหม่ขึ้นมาอ่านต่อแล้วทำท่าทางเหมือนกับจะเพ้อๆ
และเมื่ออ่านครบทั้งหมดเท่าที่ฉันยืมไอ้หยกมาฟางก็พูดว่า “เค้าชอบจังเลยอ่ะ”
“ชอบเพราะอะไร”
“ชอบตรงที่ผู้หญิงชอบผู้หญิงด้วยกันไง”
เอาแล้วไงไอ้เรียว งานเข้าแล้ว “ทำไมอ่ะ”
“อืม... ไม่รู้สิ มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” ว่าแล้วก็เดินตรงไปที่กองหนังสือการ์ตูนแล้วก็คุ้ยหาการ์ตูนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
“เรียว มีไอ้แบบนี้อีกมั้ยอ่า”
“แบบไหน”
“แบบที่เค้าอ่านเมื่อกี้อ่ะ เค้าชอบ อยากอ่านอีก”
“ไม่มีแล้วอ่ะ ยืมมาแค่นี้”
“ว้า... เค้าอยากอ่านอีกอ่ะ ตัวยืมมาจากใคร”
“เพื่อนสมัยมหา’ลัย”
“เหรอ... แล้วตัวจะเจอเพื่อนตัวอีกมั้ย”
“ก็เจอ...”
“งั้นขอให้เพื่อนตัวเอาแบบนี้มาให้เค้าอ่านอีกนะ” เหวย เอาจริงเหรอ
“....................” ฉันเงียบไม่ตอบ
ฟางยังคงพูดต่อไป “การ์ตูนแบบนี้เรียกว่าอะไรอ่ะ”
“การ์ตูนยูริ”
“เหรอ การ์ตูนยูริเหรอ... เอาเป็นว่าถ้าตัวเจอเพื่อนตัวก็ยืมการ์ตูนยูริมาให้เค้าอ่านอีกนะ”
ฉันยืนอึ้งกับเพื่อนสาว หรือว่ามันจะเป็นวายจริงๆ! แล้วพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ไอ้ฟางเอ้ย แกเสร็จหยางแน่ๆ เลย!