web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 39
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 19
Total: 19

ผู้เขียน หัวข้อ: What a Coincidence! Chapter 11  (อ่าน 3156 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
What a Coincidence! Chapter 11
« เมื่อ: 18 มกราคม 2014 เวลา 23:56:41 »
Chapter 11

“เรียว... เย็นวันศุกร์ตัวว่างป่ะ” สาวหน้าแรงถามฉันขณะที่กำลังกรีดอายไลน์เนอร์อยู่ที่เบาะข้างคนขับ

“ทำไมอ่ะ” ฉันที่อยู่ในตำแหน่งพลขับถามขึ้น

“เซรินชวนเค้าไปดูหนังอ่ะ ตัวไปดูหนังเป็นเพื่อนเค้าหน่อยดิ”

“ไม่ได้อ่ะ นัดเพื่อนเอาไว้”

ฟางวางมือจากเครื่องสำอางค์แล้วหันมาทางฉัน แล้วพูดด้วยเสียงที่เข้มขึ้นว่า “นัดกับใคร ที่ไหน”

เสียงมันโคตรดุเลยอ่ะ เล่นเอาตกใจ “นัดกับพวกโต้ง แนน แล้วก็หยก แถวๆ ที่ทำงานอ่ะแหละ”

“หยกนี่ใคร ทำไมไม่เคยเห็น” สาวหน้าแรงถามเสียงเขียวราวกับไม่พอใจ  มึงไม่รู้จักก็ไม่เห็นแปลกเพราะไม่เคยเจอกัน แล้วทำไมมันต้องไม่พอใจด้วยวะ

“เพื่อนสมัยมหา’ลัย เจ้าของการ์ตูนยูริที่แกอ่านนั่นแหละ ฉันจะเอาการ์ตูนไปคืนมัน”

“งั้นเหรอ” เพื่อนสาวเปลี่ยนเป็นพูดเสียงเรียบๆ “ก็แล้วไป... งั้นก็โอ... ตัวไปกับเพื่อนก็ได้ แต่เสร็จแล้วตัวต้องมารับเค้าด้วยนะ”

‘ทำไมต้อง “ก็แล้วไป” ด้วยวะ ไม่เข้าใจว่ะ’ ประโยคนี้มันฟังแล้วแปลกๆ เหมือนกับกำลังโดนตรวจสอบยังไงอย่างนั้น

“อะไร ทำไมต้องไปรับแกด้วยล่ะ” ฉันถาม “แล้วแกไม่ต้องกลับบ้านเหรอ”

“ก็กลับวันเสาร์ไง ให้ตัวไปส่ง”

ฉันเงียบไม่ตอบอะไร ซึ่งทำให้สาวหน้าแรงเกิดอาการไม่พอใจเล็กน้อย เธอเลยยื่นมือมาทุบแขนฉันใหญ่

“เข้าใจมั้ยอ่ะตัว ตัวต้องมารับเค้านะ นะๆๆๆๆ”

“เข้าใจๆๆๆๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา” หยุดทุบเถอะ กูเจ็บ

“เย่ เย่ เย้” ฟางร้องออกมาอย่างดีใจพร้อมๆ กับชูกำปั้นขึ้น เสียงของเพื่อนสาวน่ารักมากจนฉันอดที่จะยิ้มไม่ได้

ฉันขับรถต่อไป ในใจพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย ดูเหมือนว่าฉันจะเริ่มชินกับการที่มีสาวหน้าแรงคนนี้อยู่ข้างๆ เสียแล้ว เพราะเริ่มรู้สึกเฉยๆ เมื่อสาวหน้าแรงอ้อน ความรู้สึกรำคาญที่มีต่อเพื่อนสาวคนนี้ลดน้อยลงไป

‘มันเป็นเพราะอะไรกันน้า’ ฉันคิดในใจ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้เป็นเพราะไม่ค่อยมีคนทำแบบนี้กับฉันมาก่อน หรือเป็นเพราะคำพูดของฟางเมื่อวันก่อนที่บอกว่า ฉันทำให้ฟางรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ทำให้ฟางรู้สึกว่าตัวเธอเองนั้ยังมีเพื่อนและตัวทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง…

‘เลิกคิดเถอะว่ะ ไอ้เรียว ปล่อยๆ มันไปก็แล้วกัน’ ฉันคิดพลางตั้งสติและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่คิดมากทั้งเรื่องของสาวหน้าแรงและสาวจีนอีกต่อไป

เมื่อมาถึงที่กระทรวงศึกษาธิการ สาวหน้าแรงก็อ้อนขอให้ฉันกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนเธอ วิธีที่เพื่อนสาวอ้อนฉันทำให้ฉันทั้งขำทั้งสงสาร ด้วยการแกล้งทำเป็นคุ้ยของหลังรถ ทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องใช้เลย แกล้งเปลี่ยนรองเท้าที่มีเกือบ 10 คู่ (จะเอามาทำไมเยอะแยะให้หนักรถฟะ) ทั้งๆ ที่ท้ายที่สุดคู่ที่เจ้าหล่อนใส่อยู่คือคู่ที่ดีที่สุด แถมยังอ้อนให้ฉันหิ้วกระเป๋าเอกสารให้อีกต่างหาก ทั้งหมดนี้ฟางทำไปเพื่อถ่วงเวลาให้ฉันอยู่กับเธอนานขึ้นและดูแลเธอนานขึ้น

“นี่ ลืมไปแล้วหรือไง ฉันไม่สบายอยู่นะ จะให้ฉันถือของให้อีกเหรอ” ฉันแกล้งแซวกลับไป

“ถือให้เค้าแป๊บเดียวเองน้า... ตัวอย่าเพิ่งไปน้า... รอเค้าหาของในรถก่อนแป๊บนึงนะคะ” ว่าแล้วก็แกล้งทำเป็นค้นเอกสารที่เบาะหลัง

ฉันหัวเราะที่เห็นเพื่อนสาวทำเนียนหาของเพราะว่าเบาะหลังมันไม่มีของอะไรเลยน่ะสิ!

“ตัวหัวเราะอะไรอ่ะ”

“หัวเราะแกนั่นแหละ”

“หัวเราะทำไมอ่ะ เค้ามีอะไรให้หัวเราะ” ว่าแล้วก็ทำหน้างง แก้มใสๆ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ที่ไม่เข้มมากนักก็ป่องเล็กน้อย

อุ๊แม่เจ้า ความน่ารักโดนไป 1 ฮิตจนอยากกด Like ฟาง... แกน่ารักมากจนทำฉันอุทานเป็นภาษาสเปนว่า

“¡Qué mujer tan hermosa! (ผู้หญิงคนนี้ทำไมน่ารักแบบนี้!)”

“เมื่อกี้ตัวว่าอะไรนะ” ฟางถามขึ้นหลังจากได้ยินฉันพูดภาษาที่ไม่คุ้นเคย

“ป... เปล่าๆ”

“งั้นเดี๋ยวเค้าหาขอต่ออีกแป๊บนึงนะ” สาวเจ้าก็ทำเนียนหาของต่อไป

ฉันยิ้ม “ไม่ต้องแล้ว... ฟาง... ถ้าแกอยากให้ฉันทำอะไรให้ก็บอกมาตรงๆ เลยดีว่า ไม่ต้องทำฟอร์มหรอก”

สาวหน้าแรงหยุดกึกแล้วหันกลับมายิ้นแบบอายๆ ให้ พร้อมทำท่าทางเขินๆ “แฮะๆ ตัวรู้ด้วยเหรอ”

“ทำไมจะไม่รู้ก็ในเมื่อฉันหิ้วของที่แกต้องใช้อยู่ทั้งหมดแล้ว แกจะมาเนียนทำฟอร์มหาของอยู่ทำไม ถึงแกรื้อรถมาประกอบใหม่ก็คงหาไม่เจอหรอกไอ้เอกสารที่แกอยากได้น่ะ”

“ก็เค้า... เค้า... เค้าอยากให้ตัวอยู่กับเค้านานๆ นี่นา” สีหน้าของเพื่อนสาวเข้มขึ้นจากสีชมพูอ่อนๆ เป็นสีกุหลาบ

สีหน้าแบบนั้นทำเอาหน้าของฉันร้อนขึ้นมาเหมือนกัน ไม่ได้ๆ นะไอ้เรียว อย่านะเว้ย ความดันขึ้นเดี๋ยวเลือดกำเดาไหลอีก ฉันบอกห้ามตัวเองในใจ

ฉันขยับกระเป๋าสะพายของตัวเอง เพื่อเบี่ยงความสนใจของฉันให้ออกจากใบหน้าของฟาง “แล้วยังไงอีก”

“อยู่กินข้าวเช้าเป็นเพื่อนกับเค้านะ”

“อื้อ”

“จริงๆ นะ”

“ได้สิ”

“เย้ๆ” สาวหน้าแรงตบมืออย่างดีใจ เธอปิดประตูและล็อครถ เดินเข้ามารับกระเป๋าถือจากฉัน จูงมือฉันเดินออกจากลานจอดรถตรงไปที่ศูนย์อาหารที่อยู่ทางด้านหลังของกระทรวงอย่างอารมณ์ดี

เมื่อกินข้าวเสร็จฉันก็บอกลาเพื่อนสาว ฟางยิ้มและโบกมือให้ฉัน ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารักอีกแล้ว... มึงจะน่ารักไปไหนเนี่ย.. เธอพูดกำชับให้ฉันกินยาด้วย ซึ่งฉันเองก็รับปากแล้วเดินออกมาและในขณะที่เดินผ่านโต๊ะของกลุ่มเจ้าหน้าที่ชายของกระทรวงศึกษาฯ อยู่นั้นฉันก็ได้ยินเสียงพึมพำของชายหนุ่ม 3 คนที่นั่นอยู่ตรงนั้นว่า

“แม่ง... สวยโคตรๆ เลยว่ะ เห็นแล้วกูก็อยาก...” ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพูดขึ้น

“เออว่ะ อยู่สำนักไหนวะนั่น กูอยากรู้จริงๆ เลย อยากได้เว้ย” หนุ่มใส่แว่นอีกคนหนึ่งว่าพร้อมกับทำเสียงซี๊ด

ชายหนุ่มในเสื้อสูทพูดว่า “เดี๋ยวกูสืบเอง แต่เห็นแล้วแม่งอยากจริงๆ ว่ะ ถ้าเป็นกูนะ กูจะกระชากเสื้อผ้าออกแล้วค่อยๆ บรรเลง” แล้วก็นั่นก็ทำท่าทางที่ดูแล้วอุบาทว์ และไม่สมควรที่จะแสดงออกมาในที่สาธารณะ
ฉันหยุดที่โต๊ะตัวนั้นแล้วปลายหางตามองชายหนุ่มทั้ง 3 คน รู้สึกไม่พอใจที่ได้ยินคนนินทาเพื่อนสาว ฉันหันไปมองพวกปากสุนัขนั้นแบบเหยียดๆ

“เฮ้ยๆๆ มึงๆๆ เพื่อนน้องคนนั้นแม่งมองว่ะ” หนุ่มใส่แว่นกระซิบบอกเพื่อนใส่สูท

“อะไร อะไรของมึง กูจะทำอะไรก็เรื่องของกูดิ” คนที่ถูกสะกิดพูดแล้วหันมามองทางฉัน

ชายในเสื้อเชิ้ตสีฟ้ามองหน้าฉันแบบอายๆ หนุ่มแว่นก้มหน้าลง ส่วนคนที่ใส่สูททำหน้าทำตาแบบไม่รู้ไม่ชี้

“รบกวนขอนามบัตรด้วยค่ะ ทั้ง 3 ท่านเลย” ฉันพูด

“ม... ไม่ทราบว่าจะเอาไปทำอะไรครับ” หนุ่มแว่นพูด

“มีนามบัตรหรือเปล่าละคะ” ฉันไม่ตอบคำถามแต่ยังคงยืนรอนามบัตรจากทั้ง 3 คนอยู่ จนกระทั่งคนพวกนั้นค่อยๆ ยื่นเอามาให้คนละใบ

“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับมา แล้วอ่านนามบัตรของทั้ง 3 คน แล้วก็เดินออกมา

“จะเอาไปทำไมวะ” ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพูด

เมื่อเดินออกมาได้ 4 – 5 ก้าว ฉันก็ตะโกนออกไปว่า “Tu puta madre, usted tenes una puta actitud! (ให้แม่มึงตายดิ ความคิดของพวกมึงแม่งโคตรบัดซบเลยเว้ย!)”

ฉันเดินเข้าตึก Secretariat แล้วลงไปนั่งที่โต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว เปิดคอมพิวเตอร์ เข้าเว็บกระทรวงศึกษาธิการและส่งเมล์สนเท่ห์ไปหาผู้บังคับบัญชาของ 3 หนุ่มนั่นทันที โดยประเด็นที่เขียนนั้นเป็นเรื่องพฤติกรรมที่ดูถูกผู้หญิงและการล่วงละเมิดทางเพศทางวาจาในสถานที่สาธารณะ

“หึ หึ หึ หึ” ฉันหัวเราะเมื่อกดคำว่า Send จากอีเมล์ของฉันอันหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเพราะมีไว้รับเมล์ขยะ และชื่อที่ใช้ในอีเมล์ก็เป็นชื่อปลอม

“Ryo, your eyes look very scary (เรียว แววตาคุณน่ากลัวจัง)” สาวจีนเดินเข้ามาทัก ขณะที่ฉันมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความสะใจ

“W… what… Oh! Nothin’ I’m just found something interesting (ห... ห๋า... อ๋อ ไม่มีอะไร พอดีเจออะไรบางอย่างที่น่าสนใจ)”

“I see, I won’t ask you what did you find out (อ๋อ เหรอ งั้นฉันไม่ถามดีกว่าว่าคุณไปเจออะไรมา)” หยางพูดแล้วทำท่าทางกลัวๆ ฉัน

ฉันหัวเราะออกมา “Don’t scare me, I’m a good girl (อย่ากลัวเลย ฉันเป็นคนดีนะ)”

“Yeah, I’m sure you are but just a moment ago I’m not sure you are (ฉันก็คิดว่าคุณเป็นคนดีนะ แต่เมื่อกี้มันไม่ใช่อ่ะ)”

ฉันมองดูหน้าหยางที่ออกเจื่อนๆ แล้วก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง “I’m good, believe me. If you don’t, I’ll buy you a cup of coffee (ฉันเป็นคนดีน่า เชื่อเถอะ ถ้าไม่เชื่อเลี้ยงกาแฟก็ได้เอ้า)”

“Cappuccino and sandwich, please (งั้นขอคาปูชิโน่กับแซนด์วิชก็แล้วกันนะ)” สาวจีนพูด นี่ติดนิสัยตลกรับประทานมาจากไอ้ฟางมาแล้วหรือยังไงเนี่ย นิสัยเดียวกันเปี๊ยบ

ฉันมองหน้าเพื่อนร่วมงานแบบว่า ‘มันไม่ใช่อ่ะหยาง มันไม่ใช่’ อยู่ 5 วินาที

“Alright (เอางั้นก็ได้)” ตอบตกลงไปซะงั้นเพราะคุณเธอดันทำสายตาเว้าวอนแบบสาวหน้าแรงเมื่อเช้าเหมือนกันอีกตังหาก

สาวจีนยิ้มกว้างแล้วดึงมือฉันออกไปนอกห้องทำงานเพื่อตรงไปร้านกาแฟเจ้าประจำ

“Thanks, you’re a good girl and you’re a cute one (ขอบคุณนะ คุณเป็นคนดีจริงๆ ด้วย แถมยังน่ารักอีกต่างหาก)”

คำพูดนี้ของหยางทำให้ฉันขนลุกนิดๆ แต่น่าแปลกตรงที่ว่าฉันกลับรู้สึกดีใจอยู่นิดๆ แฮะ
...

และแล้ววันศุกร์ก็มาถึง ก่อนเวลาเลิกงานเล็กน้อยหยางก็เดินเข้ามาหาฉันที่โต๊ะ วันนี้ดูเธอจะสวยเป็นพิเศษอีกแล้วซึ่งเหตุผลที่เธอดูสวยเป็นพิเศษเพราะว่าวันนี้เธอกับเพื่อนสาวของฉันมีนัดไปดูหนังกัน

“Are you sure not to come with us? (แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปกับพวกเรา)” หยางถาม

“I’d love to but I already made appointment with my friends (ก็อยากอยู่นะ แต่ฉันมีนัดกับเพื่อนเอาไว้แล้ว)”

“I see, just think it would be nice if you come with us (ฉันรู้แล้วแหละ แค่คิดว่าถ้าเธอมากับพวกเรามันก็คงจะดีไม่น้อย)”

ฉันยิ้ม “I’ll go next time. By the way, which film for today? (ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน เอ้อ... วันนี้จะดูเรื่องอะไรล่ะ)”

“No Strings Attached. I love Portman, she’s very cute and I’d like Fang to watch this film with me (เรื่อง No Strings Attached ฉันรักนาตาลี พอร์ทแมน เธอน่ารักมากๆ แล้วฉันก็อยากให้ฟางดูหนังเรื่องนี้กับฉัน)

“Oh… I see (อ่า... ฮะ)” ฉันลากเสียงยาว “Anyway, enjoy (ก็ขอให้สนุกก็แล้วกัน)”

“Thanks, I’ll call you later and see you then (ขอบใจนะ งั้นฉันจะโทรหาคุณทีหลัง แล้วเจอกันนะ)”

ฉันโบกมือลา “See you (ไว้เจอกัน)”

หลังจากที่สาวจีนเดินออกไปได้สักพัก เสียง SMS จากโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น คนส่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฟาง

“เค้าเจอเซรินแล้วนะกำลังจะออกไปดูหนังกัน อยากให้ตัวไปกับเค้าจังเลย เสร็จแล้วจะรีบไปหาตัวนะ คิดถึงจังเลย รักนะ จุ๊บ จุ๊บ”

อ่านแล้วขนลุก ตัวคันยิบๆ แทบอยากจะขว้างมือถือทิ้ง ดูหนังก็ไปดูกัน 2 คนสิเว้ย ไม่ต้องเลยนะไอ้คิดถึง ไอ้รักนะ จุ๊บ จุ๊บเนี่ย อ่านแล้วมันแปลกๆ อยากให้กูของขึ้นจนเลือดกำเดาไหลอีกหรือยังไงว้า...

ฉันเก็บของเสร็จแล้วเดินออกจากห้องทำงานเพื่อเข้าห้องน้ำและเตรียมตัวออกจากออฟฟิศ และตรงไปที่สถานที่นัดของฉันและผองเพื่อน โดยที่ไม่ลืมของที่หยก เพื่อนสาวโอตาคุของฉันฝากซื้อ

ฉันนั่งรถเมล์มาลงตรงข้ามกับกองสลากฯ แล้วเดินเข้าไปที่ซอยราชดำเนินกลางใต้ เดินเข้าไปได้สักพักก็ถึงร้านที่ฉันกับเพื่อนๆ นัดเจอกันพระนครบาร์ ฉันขึ้นไปบนชั้น 4 เพื่อมองหาโต๊ะที่โต้งจองเอาไว้ ตอนนี้เพิ่งจะ 6 โมงกว่าๆ แต่ลูกค้านั้นหนาตาเหลือเกินเพราะเป็นคืนวันศุกร์ และฉันก็เจอมุมที่เพื่อนเกย์จองไว้จนได้ ที่โต๊ะนั้นฉันก็เจอหญิงสาวหมวยตาโต หน้าตาน่ารัก ผมยาวดัดเป็นลอนประบ่าในชุดทำงานคนหนึ่งนั่งอ่านการ์ตูนอยู่

“หวัดดีหยก มานานยัง” ฉันเดินเข้าไปทักเธอคนนั้น

หยก เป็นสาวโอตาคุที่ดูแล้วไม่เข้ากับบุคลิกและหน้าตารวมถึงหน้าที่การงานมากๆ เพราะดูแล้วเธอคนนี้ก็น่ารักแบบมาตรฐานสาวๆ ที่เดินตามสยาม หรือเซ็นทรัลเวิร์ด แถมเป็นถึงเลขาผู้อำนวยการโรงเรียนนานาชาติ แต่งานอดิเรกของเธอคนนี้ก็คืออ่านการ์ตูน ดูอนิเมชั่น แต่งคอสเพลย์ รวมถึงสะสมของทุกอย่างที่เป็นการ์ตูนตามแบบฉบับโอตาคุอย่างแท้จริง

หยกยิ้มให้ฉันแล้วพูดว่า “มาก่อนเรียวแป๊บเดียวเอง เป็นไงมั่งล่ะ”

“ก็ดี แต่ช่วงนี้งานยุ่งหน่อย อ้อ... อันนี้ที่ฝากซื้อ” ฉันนั่งลงแล้วยื่นกล่องให้

“ขอบใจจ้า”

“ไม่แกะเหรอ” ฉันถาม

โอตาคุสาวส่ายหน้า “เอาไว้ไปแกะที่บ้าน เดี๋ยวมันจะเปื้อน”

เอางั้นเลยเหรอ... หวงของนะเนี่ย ฉันคิด ก่อนที่จะพูดอะไรเพิ่มเสียงของเพื่อนเกย์และเพื่อนสาวก็ดังขึ้น

“อีเรียว ทำไมมึงไม่รับโทรศัพท์กู กูโทรไปตั้ง 10 ชาติแล้วนะเนี่ย หูตึงหรือยังไงวะ อีหอยหลอด” เสียงโต้งแหววขึ้นมาก่อนที่ตัวของเจ้าหล่อนจะเดินมาที่โต๊ะ

“มึงจะเสียงดังทำไมวะอีโต้ง กูอายเค้า” แนนตีที่แขนเพื่อนพลางก้มหน้างุดด้วยความอาย แล้วรีบก้มหน้าก้มตาเดินมาที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว ส่วนเกย์หนุ่มเจ้าของเสียงก็เดินยุรยาทเข้ามานั่งประเหนึ่งว่ากำลังเดินบนแคทวอร์ค ซึ่ง
เห็นแล้วมันน่าตบมากกว่าน่าชื่นชม

ฉันรีบหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็น miss call 6 สายก็ขอโทษขอโพยเพื่อน “โทษทีพอดีนั่งรถเมล์มาแล้วไม่ได้ยินเสียงว่ะ”

“เป็นงี้ทุกทีอ่ะมึง ซื้อรถซะทีสิวะ” โต้งแหวว

“ซื้อทำไมวะ กูไม่เห็นจำเป็นต้องใช้” ฉันตอบกลับ “ใช่มะแนน”

“จะว่าจำเป็นก็จำเป็นว่ะ กูก็อยากได้อ่ะนะแต่กูไม่มีตังค์” แนนพูด อ้าว ไม่ช่วยกูเลยนะมึง

“เลิกพูดเถอะ กูหิวแล้ว” ว่าแล้วเกย์หนุ่มก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ หยก “เป็นไงมั่งละหยก สบายดีมั้ย”

พวกมึงอะไรกันเนี่ยมาถึงก็จะกินกันเลยเหรอ ไม่มีทักทงทักทายอะไรกันเลยใช่มั้ย...

“สบายดีจ้า ดีใจจังได้เจอโต้งกับแนน สั่งของเลยเนอะ” โอตาคุสาวพูด ร้ายนะเนี่ยรับมุขอีพวกนี้ได้อย่างรวดเร็ว

สาวแว่นรีบเปิดเมนูทันที “จัดไป จัดหนักด้วยนะ ไอ้เรียวจ่าย”

“ส้นตีนและมึง คราวที่แล้วกูจ่าย คราวนี้พวกมึงแหละจ่าย”

“ชิชะนังนี่ เรียกพวกกูมาปรึกษายังจะต้องให้พวกกูจ่ายอีกเรอะ” โต้งเสียงแหววขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็หันไปสั่งอาหารและค็อกเทลกับเด็กเสิร์ฟ 3 – 4 อย่างในคราวเดียว ดูท่าทางมันจะหิวมาก มากินหัวกูเลยมั้ยมึง

“ปรึกษาเรื่องอะไรกันเหรอ” หยกถาม

แนนตอบว่า “ก็อีเรียวน่ะสิ มันโทรไปหาอีโต้งบอกมีเรื่องจะปรึกษา เรื่องเพื่อนของมันอ่ะนะ พวกเราก็เลยมาเป็น Counselor ให้มันไง”

“เหรอ เรียวจะถามเรื่องอะไรล่ะ”

“ก็เรื่อง...”

ก่อนที่ฉันจะตอบเพื่อนสาวโอตาคุ โต้งก็ยกมือห้าม “อย่าเพิ่งถามมันเลยหยก สั่งของก่อนดีกว่า ไหนๆ มื้อนี้ก็มีคนจ่ายแล้ว”

“เฮ้ย อีโต้ง กูยังไม่บอกเลยว่ากูจะจ่าย”

“ถึงมึงไม่บอกว่ามึงจะจ่าย ยังไงมึงก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว เป็นค่าที่พวกกูต้องมาเป็นจิตแพทย์ให้คำปรึกษามึงไง”

“อีนี่...” พูดไม่ออกเลยมันเล่นวิธีนี้ ไอ้เพื่อนบ้า แถมยังทำลอยหน้าลอยตา

กวนตีนอีกด้วย

หยกกับแนนหัวเราะคิกคัก “จะกินอะไรดีน้า...” โอตาคุสาวพูดขึ้นมาลอยๆ นี่แกตามน้ำกับพวกนี้ไปแล้วหรือยังไงวะหยก!

แล้วแนนสั่งเพิ่มอีก 2 อย่าง หยกอีก 2 อย่าง ส่วนฉันยังไม่ได้สั่งอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าเท่านั้น เห็นพวกมันสั่งแบบนี้ก็เครียดขึ้นมาทันตาเห็น มื้อนี้เกิน 3,000 แน่ๆ ฉันเอามือกุมหัว

“ดูมันดิเครียดเลยๆ” แนนพูด “ไม่เอาน่าอีเรียวพวกกูก็สั่งกินกันแบบนี้ตามธรรมชาติ มึงไม่เห็นจะต้องเครียดเลย”

“สั่งกินกันตามสันดานน่ะสิไม่ว่า ดูแม่งสั่งแต่ละอย่างกะให้เดือนนี้กูไม่ต้องกินอะไรกันเลยใชมั้ยวะ” ฉันพูด

“อะไรกัน อย่างมึงอ่ะขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก ได้เงินเป็นเรท US นี่หว่า ไม่เหมือนพวกกู เรทเงินไทยแท้แต่โบราณ” เกย์หนุ่มพูด

“ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก” แนนร่ายกลอนต่อทันที

“อันว่าความกรุณาปรานี” เกย์หนุ่มร่ายต่อ

“จะมีใครบังคับก็หาไม่” สาวแว่น

“พวกมึงจะมารำลึกร่ายกลอนแปด กลอนสิบหก กลอนประตูทำไมวะ พอเลยๆ กูขี้เกียจฟัง” ฉันห้าม ถ้าไม่ห้ามมีหวังคงได้ฟังพวกมันร่ายกาพย์เห่เรือเครื่องคาวหวานเป็นแน่แท้

หยกหัวเราะคิก “น่าจะเอาโต้งกันแนนไปสอนภาษาไทยที่โรงเรียนเรามั่งเนอะ เด็กสมัยนี้ท่องกลอนอะไรกันไม่เป็นสักอย่าง ได้แต่ภาษาเน็ต อิอิ คิคิ ชิมิ เห็นแล้วปวดใจ”

“ให้เงินเดือนเท่าไหร่ล่ะ ถ้าให้มาตรงใจเดี๋ยวไปทำงานด้วยเลย จะยื่นใบลาออกเลยทันที คุณได้สิทธิ์นั้นเดียวนี้” แนนพูด

“ก็... ต้องถามนายก่อนอ่ะนะ ต้องดูตำแหน่งว่างด้วย” โอตาคุสาวพูด

สาวแว่นแหววมาทันที “30,000 ขาดตัว โอเค๊ ราคานี้ไม่ได้บอกผ่านนะ”

โต้งรีบปิดปากเพื่อนสาวทันที “อย่าเพิ่งรับปากมันเลยหยก รอไปก่อน เดี๋ยวสักพักมันจะลดราคาให้เอง ไม่แน่นะ กินเสร็จค่าตัวมันอาจจะเหลือ 0 บาทด้วยซ้ำ”

“อีนี่ กูอยากเปลี่ยนงานนะเว้ย” แนนดึงมือโต้งออก “เป็นครูก็ดีเหมือนกันเผื่อจะได้เจอครูหล่อ ไม่ก็นักเรียนหล่อๆ”

“อีนี่ ครูหล่อๆ คงไม่มีมาให้มึงกินหรอก ส่วนนักเรียนหล่อๆ อย่าไปเอาเลย กูขี้เกียจไปส่งข้าวส่งน้ำให้มึงในคุกข้อหาพรากผู้เยาว์”

สงครามน้ำลายของโต้งและแนนก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฉันกับหยกก็ได้แต่นั่งฟังขำๆ จนกระทั่งอาหารลำเลียงมาที่โต๊ะ พวกเรานั่งกินกันเหมือนแร้งลงอยู่พักหนึ่งแนนก็เริ่มเปิดประเด็นพูดคุย

“เออ... วันนี้มึงมาแปลกว่ะ ไม่เห็นมึงสูบมะเร็งเลย” สาวแว่นเปิดประเด็น เพราะไม่เห็นฉันเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบเลย

“เออ ช่ายๆ เกิดอะไรขึ้นกับมึงวะ” โต้งถาม

ฉันถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เพิ่งไปหาหมอมาว่ะ กูเป็นโรคเยื่อโพรงจมูกอักเสบ”

“อ้าวเป็นอะไรไปล่ะเรียว” หยกถาม

“ก็เลือดกำเดาไหลตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วอ่ะ อยู่ๆ มันก็ไหลโดยไม่มีสาเหตุ แถมบางครั้งไหลวันนึง 3 – 4 รอบ แล้วก็รู้สึกปวดหัวตุ๊บๆ เราก็เลยไปหาหมอ”

“อ้าวเหรอ แล้วเริ่มเลือดกำเดาไหลตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” แนนถาม

“ก็ตั้งแต่ที่พาฟางกลับบ้านนั่นแหละ”

“อะไรวะอีเรียว อย่าบอกกูนะว่ามึงไปดูฟางโป๊จนเลือดกำเดาไหลอ่ะฮะ” เกย์หนุ่มพูดเสียงดัง

“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆๆๆ กูยังไม่ได้บอกเลยว่ากูดูฟางโป๊” ฉันเถียง

หยกทำหน้าเหรอหร่า “เรียวชอบดูสาวๆ โป๊เหรอ แล้วฟางเป็นใครอ่ะ”

“ไม่ใช่ๆ อีโต้ง มึงทำให้เพื่อนเข้าใจผิดนะเว้ย หยก ฟางเพื่อนเราเอง” ฉันเถียงกลับ

“หยกรู้มั้ยว่า ไอ้เรียวมันอิจฉาฟางใช่มั้ยล่ะที่อึ่มอึ้มกว่า มันก็เลยแอบดูฟางโป๊ แล้วมันก็หื่นแตกจนเลือดกำเดาไหล” โต้งยังกล่าวหาฉันต่อไป นี่มึงเล่าเป็นฉากๆ ให้เห็นภาพเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงงั้นแหละ

“อีโต้ง... มึงให้ไอ้เรียวมันพูดมั่งดิ มัวแต่ด่ามันอยู่นั่นแหละ” แนนพูดพลางหัวเราะคิกคัก

เกย์หนุ่มยกแก้วกามิกาเซ่ขึ้นมาดื่มอึกหนึ่งแล้วก็ยิ้มออกมา อีโต้ง... อีตุ๊ด... มึงแกล้งกู มึงหลอกด่ากู!

“โต้ง... เราว่าเราเข้าใจเรียวนะ เราก็ชอบมองคนอึ๋มกว่า” โอตาคุสาวพูด เย้... กูมีพวกแล้วเว้ย “แต่เราไม่เคยแอบดูใครโป๊จนเลือดกำเดาไหลนะ”

“แสดงว่าไอ้เรียวมันก็หื่นของจริงน่ะดิ” สาวแว่นว่า หลังจากนั้นโต้ง แนน และหยกก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังก๊าก

“ดูหน้าไอ้เรียวดิ แดงโคตร ท่าทางมันจะโกรธ” เกย์หนุ่มพูด ก็เออน่ะสิพวกมึงเล่นแรงกันไปและ กูยิ่งเครียดๆ อยู่

หลังจากนั้นฉันก็รู้สึกเหมือนมีน้ำไหลออกมาจากจมูก ฉิบหายแล้วเลือดกำเดาไหล!

“เฮ้ยๆๆๆๆ อีเรียวเลือดกำเดาไหลว่ะ” แนนร้องบอกเพื่อนแล้วรีบยื่นกระดาษทิชชู่ให้ฉันทันที

เกย์หนุ่มถลาตัวมาหาฉันข้างทันที “อ๊าย... อีเรียว... กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจอำมึงนะ ขวัญเอ้ยขวัญมา”

“ล้อเล่นกันอยู่ดีๆ เลือดไหลออกมาจริงๆ ซะแล้ว กูรู้แล้วว่ามึงไม่สบายจริงๆ” สาวแว่นพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“เรียวเป็นอะไรมากหรือเปล่า” โอตาคุสาวถาม

ฉันไม่ตอบอะไรได้แต่เอาทิชชู่ซับเลือดอยู่อย่างนั้น ซึ่งก็ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกสลดลงเป็นอย่างมาก

“อย่าโกรธกูเลยน้าเรียว... รักดอกจึงหยอกเล่นไง กูรักมึงน้า...” โต้งพูดปลอบฉัน

แนนพยักหน้าเร็วๆ “กูก็ขอโทษนะมึง เอางี้... มื้อนี้กูกะอีโต้งจ่ายก็ได้”

“อี่นี่!” เกย์หนุ่มแหววขึ้นมา

“อีโต้ง... เห็นมั้ยอ่ะว่ามันเครียดจนเลือดกำเดาไหลเลยอ่ะ เป็นเพราะมึงนะเว้ย มึงต้องไถ่โทษมันเลย” สาวแว่นพูด

“เออๆๆ ก็ได้ หยกหารด้วยนะ”

“อ้าว เกี่ยวอะไรกับเราอ่ะ” หยกทำท่างง

“เกี่ยวดิ ผู้สมรู้ร่วมคิดทำให้อีเรียวเลือดกำเดาไหล”

“ก็ได้”

เกย์หนุ่มลูบหลังฉัน “กูขอโทษนะเว้ย เอาเป็นว่ามื้อนี้พวกกู 3 คนจ่ายเอง นะๆๆๆ อย่าโกรธเลยนะ”

ฉันเงียบไปพักหนึ่ง จนกระทั่งเห็นเพื่อนทั้งสามทำสายตาอ้อนวอนแล้วก็ยิ้มออกมา

“ก็ได้ พวกมึงพูดแล้วนะ มื้อนี้พวกมึงจ่าย”

เพื่อนๆ ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ... เดี๋ยวก่อน... นี่ฉันก็ติดมารยากับนิสัยตลกรับประทานมาจากไอ้ฟางเหมือนกันเหรอวะเนี่ย!

...

หลังจากกินกันไปอีกสักพักหนึ่ง สาวแว่นก็ถามคำถามกับฉัน “เรียว... ที่มึงบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาอ่ะ มันเรื่องอะไรเหรอ”

ฉันขมวดคิ้วแล้วก็เริ่มเล่าให้เพื่อนฟัง “คือว่า... จะเริ่มยังไงดีวะ”

“อย่ามัวอืดอาดสิวะ กูรอฟังอยู่” โต้งเร่ง

“แป๊บสิเว้ย กูปวดหัว คิดไม่ออก”

โอตาคุสาวทำหน้างง “เรื่องเกี่ยวกับอะไรล่ะเรียว”

“เอางี้ละกัน...” ฉันพูดหลังจากคิดได้พักหนึ่ง “เพื่อนของเราขอให้เราแนะนำเพื่อนอีกคนให้รู้จักเพราะว่าเพื่อนของเราคนนั้นหน้าเหมือนกับแฟนเก่าที่ตายไปแล้ว”

“อ่าฮะ... แล้วยังไง” แนนพูด

“แล้วทีนี้เราก็รู้สึกแปลกๆ อ่ะสิ เพราะเพื่อนเราคนนี้ก็ยังไม่มีแฟน เราก็กลัวว่าอีกฝ่ายนึงจะเอาเพื่อนเราคนนี้มาเป็นตัวแทนของแฟนเก่าแล้วทำให้เพื่อนเราเสียใจ”

“กูพอเก็ทอ่ะนะ” เกย์หนุ่มพูด

“แล้วเรียวคิดยังไงเหรอ” หยกถาม

“คือเราก็ไม่คิดยังไงหรอกนะ แต่เรากลัวว่าถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดชอบกันแล้วทะเลาะกัน ไม่ลงเอยกัน มันจะทำให้เราเข้าหน้าไม่ติดกับทั้งสองฝ่ายน่ะสิ”

โต้งพูดขึ้นมาว่า “มันจะไปยากอะไรมึงก็ช่วยให้สองคนนั้นรักกันสิวะ”

“มันยากตรงที่ว่าบ้านของฝ่ายหนึ่งอาจจะไม่ยอมรับน่ะสิถ้าเกิดรักกันขึ้นมา” ฉันพูดต่อ

สาวแว่นขมวดคิ้ว “เดี๋ยวๆๆๆ อันนี้กูไม่เข้าใจ มึงช่วยชี้แจงแถลงไขหน่อยดิ”

“นั่นสิ เราเริ่มรู้สึกแปลกๆ” โอตาคุสาวพูด

“ก็... ทั้งสองคนเป็นผู้หญิงเหมือนกันน่ะสิ”

โต้งแหววขึ้นมาทันที “กูว่าแล้ว................”

“อุ้ย ยูริเหรอ... เราชอบนะ รักต้องห้าม” พูดจบหยกก็ทำตาเคลิ้ม อ้าว สติแตกไปซะแล้วหนึ่งคน

“เฮ้ยๆๆๆ หยก กลับมาก่อนอย่าเพิ่งคิดไปไกล” แนนรีบดึงเพื่อนกลับมาก่อนที่จะคิดเตลิดไปไกล เพราะตอนนี้ต่อมโอตาคุสายยูริของหยกเริ่มทำงานแล้ว เพราะจากอาการทำหน้าชื่น ตาพริ้ม เอาเป็นว่าตอนนี้โอตาคุสาวของเราคิดเลยเถิดไปไหนต่อไหนเสียแล้ว

“แล้วไงอ่ะมึง” เกย์หนุ่มถามต่อ “คือกูว่านะ ถ้าฝั่งนี้รักผู้หญิงด้วยกัน ส่วนอีกฝั่งไม่ได้เป็นก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่หว่า”

“เออ กูก็ว่างั้น” สาวแว่นพูดพลางมองไปที่หยกอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตอนนี้เพื่อนของเราคนหนึ่งได้เข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวของเธอเรียบร้อยแล้ว

“มันก็ใช่อ่ะนะ แต่มันมีปัญหา”

“ปัญหาอะไรของมึงวะ” โต้งถาม

ฉันกลืนน้ำลายอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ปัญหาก็คือ ฝ่ายนึงเป็นเลส ส่วนอีกฝ่ายดูท่าทางว่าจะเป็นอ่ะดิ”

“แล้วมันเป็นปัญหาตรงไหนวะ กูงง” แนนถาม

“ก็ฝ่ายที่ดูท่าทางว่าจะเป็นอ่ะ มันยังไม่รู้ตัวว่ามันเป็น แล้วตอนนี้... มัน...”

“มันอะไรวะ...” เกย์หนุ่มแล้วสาวแว่นประสานเสียงถาม

“กูว่า... มัน... มัน...”

“มันอะไรเล่า... มึงอย่าบิ๊วดิ” แนนพูด ท่าทางมันลุ้นเต็มที่

“มันกำลังจะกินกู”

“ห๊า...” เกย์หนุ่มแล้วสาวแว่นประสานเสียงอีกครั้ง

“ไม่ใช่แค่นั้นนะเว้ย... เพื่อนกูอีกคนก็มีท่าทางจะกินกูด้วย... คนที่เป็นเลสอ่ะ” ฉันพูดพลางลูบแขน อูยย พูดแล้วขนลุกชูชัน แสตนอัพพลีส

โอตาคุสาวที่เพิ่งหลุดออกมาจากภวังค์ก็พูดขึ้นมาว่า “ก็ดีน่ะสิเรียว เข้าสายฮาเร็มซะเลย”

“เดี๋ยวก่อนนะยะหล่อน อย่าพูดอะไรที่ฉันไม่เก็ทได้มั้ยยะ” โต้งแหววขึ้นมาพลางมองหยกด้วยหางตา “อีเรียว มึงช่วยเล่ามาอย่างละเอียดอีกทีดิ”

ฉันเล่าเรื่องหยางและฟางให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด เพียงแต่ไม่ได้ใส่ชื่อลงไปเท่านั้นว่าเป็นใคร รวมทั้งพฤติกรรมของทั้งสองคนที่เปลี่ยนไป ทั้งการออดอ้อน เอาอกเอาใจฉันอย่างออกหน้าออกตาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งทำให้ฉันอนุมานไปเองเลยว่าสองคนนี้กำลังจะเอาฉันเป็นพวก ทั้งๆ ที่ไอ้ฟางมันไม่รู้ตัวมันเป็นสาววาย

“กูเข้าใจและ เรียว... กูถามมึงหน่อยว่า มึงรู้สึกยังไงที่สองคนนั้นมาเอาใจมึง” เกย์หนุ่มถาม

ฉันนั่งคิดไปพักหนึ่ง “ก็โอเคนะ”

“โอเคของมึงหมายความว่าไง” โต้งถามต่อ

“ก็หมายถึงรู้สึกดี แต่ในความรู้สึกดีก็รู้สึกแปลกๆ แบบระแวงๆ ว่าคิดอะไรเกินเลยกับเราหรือเปล่า แบบเกินเพื่อน เพราะว่าสองคนนี้ก็ทำตัวตามปกติแบบเพื่อนธรรมดา แต่พักหลังๆ นี้ก็เริ่มแบบทำตัวให้เอ่อ... สนิทมากขึ้น”

“อื้มมมมม ตอบยากว่ะ” เกย์หนุ่มพูด

“ยังไงวะ” แนนถาม

“ก็แบบว่าถ้ามึงให้ความสนใจมากขึ้นกว่านี้ มันอาจจะทำให้สองคนนั้นคิดเกินเลยกับมึงมากขึ้นน่ะสิ” โต้งพูด

ฉันขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง”

“ก็หมายถึง ถ้าเรียวให้ความใส่ใจกับพฤติกรรมของเพื่อนสาวทั้งสองคนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ก็จะทำให้พวกเค้าคิดว่าเรียวมีใจให้แต่ถ้าทำตัวแบบเดิมก็จะทำให้พวกเรารู้ว่าเรียวยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิมน่ะสิ” หยกเป็นผู้อธิบายและชี้แจงแทนโต้ง

“รู้ดีนี่หล่อน” เกย์หนุ่มแหววออกมา

“รูทแบบนี้มีเยอะนะ ทั้งในมังงะ แล้วก็อนิเมะ” โอตาคุสาวพูดต่อแต่ดูเหมือนโต้งกับแนนจะไม่เข้าใจ

“แล้วเราควรทำไงล่ะ” ฉันถามต่อ

“ง่ายๆ นิดเดียวเองมึง ก็แค่แสดงจุดยืนไปเลยว่ามึงอ่ะไม่ได้รักหญิงด้วยกัน ถ้าพวกนั้นแสดงอะไรออกมาที่เกินเลย หรือขัดกับความรู้สึกมึงหรือมึงรู้สึกแปลกๆ มึงก็ไม่ต้องไปสนองตอบ” โต้งพูด

แนนพูดต่อว่า “มึงเคยทำตัวอย่างไงก็ทำตัวอย่างนั้นแหละ ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า เดี๋ยวเพื่อนมึงก็คงคิดได้เองแหละว่ามึงอ่ะไม่ชอบอะไรแบบนั้น”

“เหรอ”

“ใช่แล้ว... แต่เราขอบอกเรียวไว้ก่อนเลยนะว่า ถ้าทำอะไรแล้วมันขัดกับความรู้สึกน่ะ อย่าเลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ถ้าชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเป็นที่ยอมรับกันในวงกว้าง ถ้าเรียวบอกไปตรงๆ เราว่าพวกเค้าก็คงจะเข้าใจ แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไปเรื่อยๆ เรียวเองก็อาจมีโอกาสตกหลุมรักไม่คนใดก็คนหนึ่งได้โดยไม่รู้ตัวนะ” โอตาคุสาวพูด

“พูดเป็นหลักการก็เป็นนี่หยก” สาวแว่นพูด

“ก็แหงสิ โลกความเป็นจริงจะให้เหมือนกับในการ์ตูนได้ที่ไหนกันล่ะ ชีวิตจริงน่ะมันมืดมนปนดราม่า ความรักต้องห้ามแบบสาวน้อยกับหนุ่มน้อยมันก็สวยงามแค่ในการ์ตูนเท่านั้นแหละ” หยกว่าต่อ

“งั้นเหรอ...” ฉันพูดพลางนั่งคิด “แล้วถ้าคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญล่ะ พวกนั้นอาจแค่อยากให้ฉันเข้าใจความรู้สึกว่าผู้หญิงกับผู้หญิงด้วยกันรักกัน ชอบกันนั้นรู้สึกยังไง”

“แล้วไงล่ะ ถ้าอยากให้มึงเข้าใจความรู้สึกแบบนั้น ก็ต้องทำให้มึงอินตามไปด้วยเลยเหรอ” แนนว่า

“ก็ไม่รู้ดิ”

“เราว่านะมันไม่ใช่เหตุบังเอิญหรอก ทุกอย่างมันมีเหตุและผลของมันเอง”

โอคาตุสาวว่า

“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน...” ฉันพูดขึ้นมาเบาๆ





ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
What a Coincidence! Chapter 11 (continued...)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 18 มกราคม 2014 เวลา 23:58:46 »
Chapter 11 (continued...)

“ในเมื่อมึงไม่รู้ มึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก” โต้งพูด “แต่กูขอแนะนำมึงเอาไว้อย่างนึงนะ ถ้ามึงคิดจะคงความสัมพันธ์กับพวกนั้นแค่เป็นเพื่อน มึงก็ทำตัวเหมือนเดิม แต่เมื่อไหร่มึงเริ่มชิน เริ่มชอบ และเริ่มทำตัวตามอย่างเพื่อนเบี้ยนของมึงทั้งสองคน ไม่ว่าเพื่อนมึงคนนั้นจะรู้ตัวว่าตัวเองเป็นหรือไม่ก็ตาม มันก็เท่ากับมึงเปิดช่องที่จะทำให้มึงรู้สึกชอบ หรือรักพวกนั้นขึ้นมาจริงๆ”

“แล้วถ้าเกิดเป็นงั้นขึ้นมาจริงๆ มึงก็อาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแล้วแหละว่าการที่จะทำให้ความรักของเพื่อนสมหวัง กับการที่ตัวเองตกหลุมรักเพื่อนคนใดคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัวจะทำให้มึงเข้าหน้าใครไม่ติด แล้วมันก็จะกลายเป็นรักสามเส้า เราสามคน” สาวแว่นพูด

“เพราะงั้นเรียว... ต้องถอยออกมา ปล่อยให้สองคนนั้นเค้าคุยกันเองแค่สองคน อย่าไปเป็นเนื้องอก ไส้ติ่งอยู่ระหว่างกลางพวกนั้น ไม่งั้นเรียวเองนั่นแหละที่จะรู้สึกไม่ดี” หยกพูด

“....................” ฉันเงียบ ไม่ตอบอะไร ได้แต่คิดอยู่ในใจว่าฉันจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์สมมติที่เพื่อนๆ พูดมานั้นเป็นจริง การที่ฉันอยู่ระหว่างหยางและฟางนั้นมันก็แค่เรื่องบังเอิญที่ทำให้สองคนนั้นรู้จักกันก็เท่านั้น ฉันหมดหน้าที่แล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวอะไรกับสองคนนั้นอีก ฉันบอกกับตัวเองไว้อย่างนั้น

ก่อนที่พวกเราจะพูดอะไรกันต่อไป ฉันก็โดนฟางกระโดดกอดจากด้านหลัง “เรียว.... เค้าคิดถึงตัวจังเลย”

“เฮ้ย... ฟางมาได้ไง” ฉันตกใจ เพื่อนๆ อีก 3 คนก็ตกใจไม่แพ้กัน

“อ้าว... อะไรกัน ตัวลืมไปแล้วเหรอ เค้าบอกแล้วไงว่าดูหนังเสร็จแล้วให้ตัวมารับ แต่พอดีเลิกเร็วไปหน่อยก็เลยมาหาตัวที่นี่ไง” สาวหน้าแรงพูดอย่างงอนๆ

“เอ้อ... ช่าย แต่รู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่”

“ก็โต้งโทรมาบอกไง” ฟางชี้ไปที่เพื่อนเกย์

ฉันมองโต้งแบบไม่เข้าใจ เกย์หนุ่มเลยพูดขึ้นมาว่า “ก็กูนึกว่ามึงจะชวนฟางมาด้วยก็เลยโทรไปบอกตอนที่อีหอยหลอดตัวไหนก็ไม่รู้ยืนดมเต่าคนอื่นอยู่บนรถเมล์แล้วไม่รับสายกู” อีนี่ หลอกด่ากูอีกแล้วนะมึง

“เออ... งั้นเหรอ” ฉันพูดตะกุกตะกัก ดีนะเนี่ยที่คอร์สปรึกษาปัญหาชีวิตกับพวกนี้จบลงไปแล้ว ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ ยิ่งโกหกคนไม่เก่งอยู่ด้วย

ฟางนั่งลงข้างๆ ฉัน แล้วมองไปที่หยกอย่างใคร่รู้ จนฉันต้องแนะนำตัวให้อีกครั้งหนึ่ง “เอ่อ... ฟางอันนี้หยก เพื่อนฉันที่คณะ หยก... นี่ฟาง เพื่อนเราตอนเรียนประถม”

“ยินดีที่รู้จักค่ะ” โอตาคุสาวพูดแล้วหันไปกระซิบกับโต้งว่า “คนนี้ใช่มั้ยที่เรียวแอบดูตอนโป๊” เกย์หนุ่มพยักหน้าเร็วๆ แล้วเอามือปิดปากหัวเราะอย่างสะใจ

สาวหน้าแรงยิ้มให้หยกแล้วหันมากระซิบถามฉันว่า “คนนี้ใช่ป่ะที่เป็นเจ้าของการ์ตูน” ฉันพยักหน้าตอบ

ก่อนที่จะคุยกันต่อเด็กเสิร์ฟก็เอาของหวานมาวางไว้ที่โต๊ะพอดี ซึ่งฟางก็ทำหน้ากระเง้ากระงอดเพราะฉันไม่ได้สั่งของหวานให้จนฉันต้องยกขนมของตัวเองให้เพื่อนสาวกิน ใบหน้าของสาวหน้าแรงดูมีความสุขมากที่ได้กินขนม

“ตัว... กินยาหรือยัง” ฟางเตือนฉันเรื่องกินยา

“เอ้อ.... ยังเลย ลืมๆ”

“กินเลยนะ จะได้หาย เข้าใจมั้ย”

“จ้าๆๆๆ”

หลังจากที่ฉันกินยาเสร็จ สาวหน้าแรงก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ จนฉันต้องเลื่อนเก้าอี้ให้ออกห่างโดยทันที “แกจะทำอะไร”

“มีรอยคราบเลือดที่จมูกตัว... นี่ตัวเลือดกำเดาไหลอีกแล้วเหรอ”

“อื้อ ช่าย”

“บอกแล้วไงว่าให้ดูแลตัวเองดีๆ... ตัวแอบสูบบุหรี่หรือเปล่า” แม่กูมาเองเลยซะงั้น ดุฉิบหาย

“ไม่ได้สูบ” ฉันพูด แต่สายตาคมๆ ของฟางก็จ้องมาที่ฉันแบบคาดคั้นเอาเรื่องเพราะกลัวว่าฉันจะโกหก

“ไม่ได้โกหก... จริงๆ ถามพวกนี้ดูก็ได้”

“จริงนะ”

“จริง”

ช่วงระหว่างที่ฉันคุยกับสาวหน้าแรงอยู่นั้น โต้ง แนน และหยก เริ่มคุยกันเอง

“เฮ้ยมึง กูว่าไอ้เรียวกับฟางมันแปลกๆ ว่ะ” สาวแว่นเปิดประเด็น

“ใช่ๆ กูก็ว่างั้น ดูดิ เรียกเค้ากับตัว แถมดูไอ้เรียวมันยอมๆ ยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”

โอคาตุสาวเสริมว่า “ดูเหมือนฟางจะหวงแล้วก็ห่วงเรียวมากเลยนะ เรียวเองก็ดูจะเอาใจฟางด้วย”

“หรือว่า.... แกคิดเหมือนฉันมั้ยบีหนึ่ง” เกย์หนุ่มพูด

แนนตอบรับทันที “ฉันก็คิดเหมือนแกแหละบีสอง”

“ฟางต้องเป็นเคสที่ไอ้เรียวเล่ามาแน่เลย” สองสาวแท้กับหนึ่งสาวเทียมประสานเสียงกันอย่างแผ่วเบา

และแล้วหยกก็เข้าไปอยู่ในห้วงความคิดยูริของเธออีกครั้ง ส่วนโต้งและแนนก็จ้องพฤติกรรมของฉันและฟางอย่างไม่วางตา

“กูว่าใช่แน่แล้วว่ะ” สาวแว่นพูด

“กูก็ว่างั้น” โต้งตอบกลับ

“ไอ้เรียวเอ้ย มึงมาปรึกษาพวกกูเอาตอนที่จะสายไปซะแล้วแหละ” เกย์หนุ่มพูดพึมพำ

หยกพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอกนะเรียว... แม้จะเป็นเพศเดียวกันก็ตาม”

เกย์หนุ่ม สาวแว่น และโอตาคุสาวมองฉันที่กำลังหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดรอยเปื้อนขนมจากแก้มของฟาง แล้วมองตาอย่างรู้กัน



 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.