ตอนที่ 2
กว่าจะเลิกประชุมพระอาทิตย์ก็ตกดินเสียแล้ว การเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี นรีกมลเห็นความพอใจปรากฏบนใบหน้าสวยของเจ้านาย เมื่อผลลัพธ์การประชุมดีเกินคาดหมาย และดูเหมือนคุณเธอจะอารมณ์ดีเสียด้วย สังเกตจากการที่นรีกมลไม่ถูกเอ็ดเวลาวรินทร์ไม่พอใจ
แอบเหล่เจ้านายสาวที่ต้องไปนั่งรับประทานอาหารเย็นกับผู้บริหารอีกบริษัท โต๊ะอาหารของผู้บริหารนั้นอยู่ไกลจนนรีกมลคอแทบเคล็ด นรีกมลจึงตัดใจหันกลับมาทานอาหารบนโต๊ะกลมร่วมกับพนักงานชายในบริษัทที่เธอทั้งเคยคุยและไม่เคยคุยแทน
“น้องไนน์ครับ” กำลังจะตักอาหารเข้าปากเสียงเรียกก็ดังขึ้นจากผู้ชายที่นั่งตรงข้าม
“คะ พี่ชาติชาย”
“ทำงานกับท่านรองประธานเป็นไงมั่งครับ” คำถามนี้เรียกความสนใจจากคนทั้งโต๊ะ
“ก็ดีค่ะ”
“สวยอย่างนั้นเรื่องมากไหม” อีกคำถามดังขึ้นแทบจะทันทีจากชายหนุ่มนามสุริยะ
“ก็…ไม่นะ ออกแนวเข้มงวดกับงานมากกว่า”
“ใช่ๆ เห็นตอนประชุมนี่ตั้งใจเชียว ไม่วอกแวกเลย”
“ใหม่ๆ ก็อย่างนี้แหละ ยังมีไฟ รอดูนานๆ เถอะ” นรีกมลมองหน้าคนพูดแล้วเม็มเก็บเอาไว้ในสมอง…คนนี้ไม่น่าคบ
ต่อจากนั้นพวกผู้ชายก็เริ่มคุยเรื่องคนอื่นที่เธอไม่ใคร่จะสนใจ จึงฟังบ้างไม่ฟังบ้าง
“…มีแฟนหรือยังก็ไม่รู้”
“คะ อะไรนะ” นรีกมลถามย้ำเพราะไม่ทันฟังประโยคต้นของคำถาม “เมื่อกี้ถามถึงคุณวรินทร์หรือเปล่าคะ”
สุริยะยิ้มอยู่ในทีแล้วทวนประโยคให้ฟัง “เปล่าครับ พี่ถามว่าน้องไนน์น่ารักขนาดนี้ มีแฟนหรือยังก็ไม่รู้”
ผู้ชายทั้งโต๊ะโห่ฮิ้วกันระนาว นรีกมลหน้าขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อตนเองตกเป็นจุดสนใจ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้พูดถึงวรินทร์ อยู่ดีๆ ก็ไหลมาเรื่องเธอเฉย
“มีแล้วค่ะ”
คำตอบนั้นเรียกเสียงถอนหายใจจากคนทั้งโต๊ะ แต่ดูเหมือนพวกเขายังไม่สลดสักเท่าไหร่
“ไม่เป็นไร พี่สนใจเป็นกิ๊ก”
“พี่สมัครด้วย สนใจไหมครับ แก่ ใจดี ไม่สปอร์ต กทม. ฮ่าๆ”
นรีกมลรู้ดีว่าคนพวกนี้หยอกเย้าเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรมากมายจริงจัง หญิงสาวจึงหัวเราะเล่นไปกับเขาด้วย
“ว้า…ถ้าไม่มีแฟนจะเปิดรับสมัคร แต่พอดีแฟนหนูดุอ่ะค่ะ”
“เป็นงั้นไป…แห้วเลยตู”
ทั้งโต๊ะหัวเราะกันสนุกสนาน แต่ประเดี๋ยวเดียวทั้งโต๊ะก็เงียบกริบ พวกผู้ชายพากันสงบเสงี่ยมจนผิดปกติ ชาติชายที่นั่งตรงข้ามพยักเพยิดหน้าไปทางข้างหลังเธอ
ตายแล้ว…เจ้านายมา
“คุยกันให้มีลิมิตหน่อย เสียงดังรบกวนคนอื่น” เสียงทุ้มเรียบนิ่งจนเกินจำเป็น ทำเอาคนทั้โต๊ะหนาวๆ ร้อนๆ
“ขอโทษค่ะ พวกเราไม่ได้ตั้งใจ” นรีกมลที่เป็นคนใกล้ชิดวรินทร์ที่สุดเป็นคนเอ่ย
“เธอน่ะตัวดีเลย นรีกมล” หน่วยตาสีดำจัดจับจ้องที่หญิงสาวไม่วางตา
“น้องเขาไม่ผิดหรอกครับ พวกผมผิดเอง”
วรินทร์ไม่ตอบอะไร สายตาน่าเกรงขามยังคงจ้องมองเธอ จากนั้นจึงเบนสายตาไปมองรอบๆ โต๊ะ ทุกคนพากันหลบตา ใบหน้าสวยคมที่ยังคงเรียบเฉยราวรูปปั้น ทำให้ไม่อาจเดาได้ว่าวรินทร์กำลังคิดอะไรอยู่
“ทีหลังก็เบาๆ หน่อย” จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาเสียเฉยๆ จนสะดุ้งกันทั้งโต๊ะ แล้ววรินทร์ก็เดินจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มาจากไหนอ่ะ ตกใจหมดเลย” แต่ละคนลูบเนื้อลูบตัวให้หายขนลุก
“พวกพี่ก็ไม่เตือนไนน์เลย หันไปหัวใจตกถึงตาตุ่ม”
“โทษที พี่ยังเอาตัวไม่รอดเลยน้อง…ว่าแต่เมื่อกี้พวกเราคุยกันดังขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ฉันว่าไม่นะ โต๊ะข้างๆ เรายังไม่หันมาว่าเลย”
ชาติชายชะเง้อมองไปที่โต๊ะ ซึ่งผู้บริหารทั้งหมดยกเว้นวรินทร์ยังทานอาหารกันอยู่ “อ้าว! คนอื่นยังไม่ลุกเลย”
นรีกมลเอี้ยวมองตาม ผู้บริหารคนอื่นยังอยู่กันเต็มโต๊ะ
“เดี๋ยวไนน์จะไปดูคุณรินทร์สักหน่อย เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนกลางวันยังอารมณ์ดีอยู่เลย” พวกผู้ชายพยักหน้าอย่างเข้าใจแถมยังพูดให้กำลังใจทิ้งท้าย นรีกมลยิ้มแหยกลับไปอย่างไม่มั่นใจในชะตาชีวิตของตัวเอง ก่อนจะพาร่างตออกจากห้องอาหารไปอย่างรีบร้อน
…จะอยู่ห้องหรือเปล่านะ
นรีกมลเปิดประตูห้องเข้าไปก็ไม่เจอใคร ลองดูในห้องน้ำก็ไม่อยู่ นรีกมลยกมือกุมหน้าผากอย่างคิดไม่ตกว่าเจ้านายคนสวยไปอยู่ที่ไหน มือเรียวล้วงโทรศัพท์เพื่อโทรหา ปลายสายก็ไม่รับ
“ไปไหนนะคุณรินทร์”
เดินหาไปทั่วถึงริมหาดก็ยังไม่เจอ จนกระทั่งหันไปเห็นแผ่นหลังแวบๆ คลับคล้ายคลับคลาเหลือเกินในล็อบบี้เลาจน์ของโรงแรม จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
อ่ะ! ใช่จริงๆ ด้วย
“คุณวรินทร์คะ” นรีกมลทรุดตัวลงข้างกันบนเก้าอี้สูงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ มองหน้าอีกคนที่ยังคงกระดกน้ำสีสวยเข้าปากโดยไม่หันมาสนใจกันสักนิดเดียว
“คุณรินทร์เป็นอะไรหรือเปล่า” ถามต่ออย่างไม่ละความพยายาม ผลที่ได้คือความเงียบเหมือนเดิม
“ถ้าคุณเงียบอย่างนี้ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ว่าคุณไม่พอใจอะไรอยู่” นรีกมลแหวอย่างเหลืออด
ได้ผล…วรินทร์แย้มริมฝีปาก หญิงสาวหัวเราะในลำคอ ก่อนน้ำเสียงทุ้มจะเอ่ยกลับมา
“ไม่พอใจ ฉันนี่เหรอไม่พอใจ”
“ใช่ คุณกำลังไม่พอใจ”
วรินทร์หันมามองหน้าเลขาที่นั่งข้างกันก่อนจะยิ้มเยาะ “เธอเป็นใคร จะรู้จักฉันดีไปกว่าตัวฉันเองได้ยังไง” นรีกมลตัวชา ใจอยากตีปากคนตรงหน้าให้หายเจ็บใจ
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นแค่ใครสักคนที่ไม่รู้จักตัวคุณดี แต่ฉันก็เป็นห่วงคุณมากกว่าที่คุณห่วงตัวเองด้วยซ้ำไป”
วรินทร์นิ่งไป แต่เพียงชั่วครู่เธอก็แค่นยิ้ม ก่อนจะสั่งน้ำเมาสีสวยมาดื่มต่อ
“พูดได้ดีนี่คุณเลขา น่ารักจังนะคุณเนี่ย” วรินทร์ว่าแล้วก็หันมายิ้มให้ใส่เสียเฉยๆ ทำเอาคนมองใจเต้นตึกตัก ความทรงจำเมื่อตอนเช้าไหลเข้ามาในหัวซะจนใบหน้าซับสีจาง จึงต้องหันหน้าไปมองทางอื่นอย่างนึกกระดากในใจ
แต่เสียงสั่งเครื่องดื่มอีกแก้วทำให้นรีกมลต้องรีบหันมาปราม
“พอเถอะค่ะคุณรินทร์ พรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องแต่เช้านะคะ” นรีกมลคว้ามือเรียวที่ทำท่าจะยกน้ำอีกแก้วขึ้นมาคื่ม
วรินทร์มองหน้าเธอนิ่ง ช่างเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึกของนรีกมล ดวงตาสีเข้มวาววับที่หวานเชื่อมกว่าเดิมเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แม้กระทั่งริมฝีปากอิ่มที่ฉ่ำแดง
ถ้าเธอเป็นผู้ชายก็คงจะ...
…จูบไปแล้ว
วรินทร์มองหน้าเลขาตัวเล็กที่สายตานิ่งค้างอยู่ตรงริมฝีปากเธอมาครึ่งนาที ก็ได้แต่หัวเราะขบขันจนอีกคนหลุดจากภวังค์
“หัวเราะอะไรคะ”
ดูสิ…หัวเราะจนหน้าแดงหมดแล้ว เธอมีอะไรน่าขันหรือไง
“เธอทำหน้าเอ๋อน่ารักดี…ปะ ฉันอารมณ์ดีแล้ว กลับห้องกันดีกว่า” วรินทร์ว่าพลางยื่นมือมาจับก่อนจะจูงคนตัวเล็กกว่าให้เดินไปข้างกัน
ระหว่างอยู่ในลิฟต์ นรีกมลไม่กล้ามองหน้าเจ้านายสาวที่ยังไม่หุบยิ้ม ไม่รู้จะขบขันอะไรนักหนา ตอนมาหายังหน้าหงิกอยู่เลย คนอะไรอารมณ์แปรปรวนอย่างกับคนประจำเดือนมา
เข้ามาในห้องปุ๊บวรินทร์ก็ล้มตัวลงนอนปั๊บทั้งที่ยังไม่ถอดรองเท้า นรีกมลได้แต่ส่ายหัวให้กับความสกปรกของอีกคน แต่เธอเข้าใจว่าวรินทร์คงเหนื่อยจากการประชุม แถมยังต้องนั่งปั้นหน้ายิ้มทั้งวัน คนร่างเล็กจึงไม่ว่าอะไร ก่อนจะตัดสินใจไปอาบน้ำ เดี๋ยวค่อยมาเรียกเจ้านายให้ไปอาบต่อ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงนรีกมลก็ออกจากห้องน้ำด้วยชุดนอนเรียบร้อย หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้เจ้านายก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแล้วสะกิดเบาๆ
“คุณวรินทร์คะ อาบน้ำเถอะ เหม็นเหล้า”
วรินทร์ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนไม่อยากตื่นสักเท่าไหร่ นรีกมลจึงสะกิดแรงกว่าเดิมจนคนหน้าสวยหรี่ตามองแล้วลุกขึ้นมานั่ง วรินทร์ได้กลิ่นครีมอาบน้ำจากอีกคนจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“หอมจังเลยน้า…”
นรีกมลทำหน้าไม่ถูกกับประโยคนั้น โดยเฉพาะไอ้เสียงลากยาวท้ายประโยค
“เพิ่งอาบน้ำมาค่ะ คุณก็ลุกไปอาบเลย จะได้มีกลิ่นหอมๆ ไง”
นรีกมลลุกขึ้นยืนก่อนฉุดแขนอีกคนให้ลุกตาม ไม่รู้ว่าวรินทร์ขาอ่อนเปลี้ยหรืออย่างไร จึงเซถลาเข้ามาในอ้อมกอดเธอ
“คุณรินทร์ยืนดีๆ สิคะ มันหนักนะ” บ่นพลางก้มหน้ามองคนขาอ่อนก็เจอะกับดวงตาคู่สวยราวกับแม่เหล็กที่ไว้ดึงดูดอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันรู้นะ” วรินทร์ยิ้มบางแล้วยืดตัวขึ้นมายืนปกติโดยที่ไม่ยอมละสายตาไปจากนัยน์ตาหวาน “ว่าเธอคิดอะไรกับฉันตอนนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์”
“ฉันคิดอะไร” นรีกมลขึ้นเสียงสูงอย่างร้อนตัว “ฉันแค่คิดว่าคุณควรหยุดดื่มแล้วกลับห้องต่างหาก ไม่ได้คิดอะไรอกุศลเลยนะ”
“ฉันยังไม่ได้พูดอย่างนั้นเลย ไอ้เรื่องอกุศลน่ะ” วรินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินเข้ามาหาช้าๆ นรีกมลถูกดันจนแผ่นหลังสัมผัสกำแพง ไม่รู้ทำไมเรี่ยวแรงที่จะใช้ผลักไสถึงหายไปหมด
“เธอน่ะ อยากจูบฉันใช่ไหม” วรินทร์คาดคั้น “ถ้าอยากจูบล่ะก็…”
คนหน้าสวยก้มหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกสัมผัสกันจริงๆ ลมหายใจที่ฟุ้งไปด้วยแอลกอฮอล์ติดอยู่ที่ปลายจมูกจนนรีกมลสมองเบลอไปหมด
ริมฝีปากแตะกันแผ่วเบา นรีกมลหลับตายอมยืนนิ่งให้วรินทืรแทะเล็มริมฝีปากบนและล่างอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ภายในสมองตีกันยุ่งเหยิงไปหมด ใบหน้าของชายคนรักปรากฏขึ้นในห้วงความคิด มือเรียวพยายามดันไหล่ของคนที่ตระกองกอดไว้ แต่ทันทีที่ลิ้นของอีกคนพยายามดันปากเธอให้อ้าออก สมองกลับว่างเปล่าไปเสียเฉยๆ
ทันทีที่ลิ้นเกี่ยวพันอย่างแผ่วเบาและอ่อนหวาน รสขมของแอลกอฮอล์ก็แทรกผ่านให้รู้สึกแปลกใหม่ นรีกมลเคลิ้มจนเผลอโอบกอดคนตรงหน้า ยังไม่ทันจะได้ตอบกลับคนหน้าสวยก็ถอนจูบออก หญิงสาวเกือบจะเผลอเดินถลาเข้าไปหา แต่ทันทีที่ได้สบแววตาสับสนของวรินทร์ นรีกมลก็หยุดปลายเท้าให้หยุดนิ่งเอาไว้ก่อน
“ฉัน…” วรินทร์ยกมือลูบหน้าตัวเองไปมา “ขอโทษนะ มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย”
กำลังจะเอ่ยปากว่าไม่เป็นไร แต่คำพูดต่อมาทำให้นรีกมลต้องหยุดชะงักไว้ เพราะความรู้สึกเจ็บแปลบในอก
…ทำไมกันนะ
“ฉันคงเมา”
นรีกมลแทบไม่กล้าจะสบตาวรินทร์ที่เดินผ่านไปเข้าห้องน้ำ ใจคิดฟุ้งซ่านกับเหตุการณ์เมื่อครู่
นี่เรากำลังคิดอะไร หวังอะไรอยู่
เมา…เธอแค่เมาสินะ
“ก็ดีแล้วนี่” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ
ก็แค่เหตุสุดวิสัย บอกตัวเองอย่าไปใส่ใจ ทั้งที่เมื่อกี้หัวใจยังเต้นรัวเพราะสัมผัสจากอีกคนอยู่เลย
ดีแล้ว…เธอจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อชายคนรัก
เพราะที่สำคัญ…
นรีกมลนึกขึ้นมาได้พร้อมกับความโล่งใจ
…ผู้หญิงก็รักกันไม่ได้อยู่ดี
ใช่!ไม่ว่าจะยังไง…เธอจะไม่มีวันรักผู้หญิงเป็นอันขาด
“ยัยรินทร์มาเร็วๆ เข้า คนอื่นเขารอลูกอยู่คนเดียว”
วรินทร์เร่งฝีเท้าตามคำสั่ง เดินตามมารดาเข้าไปในห้องรับแขกด้วยใบหน้างงงวย เพิ่งกลับมาจากตรัง ใจกะจะกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปทำงานต่อ เจอเหตุการณ์แบบนี้แสดงว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่
“เห็นบอกจะกลับวันนี้ช่วงเช้า แม่เลยนัดเพื่อนมา คนที่เล่าให้ลูกฟังน่ะ” คุณนายอมรรัตน์เล่าระหว่างทาง “ลูกชายคุณนาถฤดีก็มาด้วยนะ”
“รินทร์ต้องทำงานต่อนะคะ” วรินทร์โอดครวญ แต่ก็เท่านั้นเมื่อเดินมาถึงห้องรับแขก หญิงสาวก็ต้องปฏิบัติตัวเป็นลูกที่ดี
“นี่ไงลูกของดิฉัน หนูวรินทร์”
“สวัสดีค่ะ” วรินทร์ยกมือไหว้คุณนายนาถฤดีเผื่อแผ่ไปถึงชายหนุ่มที่นั่งข้างกัน ซึ่งดูเหมือนเขาจะอายุมากกว่าเธอ สองเจ้าบ้านนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับแขกผู้มาเยือน
“หน้าตาสะสวยนะคะเนี่ย เหมือนคุณนายตอนสาวๆ ไม่มีผิด” วรินทร์ยังปั้นหน้ายิ้มทั้งที่เบื่อหน่ายเหลือเกินกับอาการอวยของบุคคลเหล่านี้ มองไปยังชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าเขาก็ยิ้มฝืดเฝื่อนมาให้เธอ
ทั้งสองเผลอสบตากัน แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้ากลั้นหัวเราะปรากฏบนใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม
“นี่ตาภัทร เพิ่งกลับจากอเมริกา ไปต่อโทที่นั่นน่ะค่ะ ว่าแต่ลูกคุณนายจบจากประเทศไหนคะ”
“อังกฤษค่ะ จบมาพ่อเขาก็ให้มาจับงานบริหารเลย”
“เหมือนกันค่ะ พรุ่งนี้ตาภัทรจะเข้าบริษัทเป็นครั้งแรก กลัวจะไม่ว่างเลยพาตัวมาให้เจอกันก่อน”
“ดีแล้วล่ะค่ะ ยัยรินทร์ก็ไม่ค่อยว่าง” คุณนายอมรรัตน์หันมาบีบมือเธอเสียแน่นแล้วเอ่ยว่า “คุยกับพี่เขาหน่อยสิจ๊ะ จะได้สนิทกัน”
วรินทร์แสร้งยิ้มแล้วคุยไปตามเรื่องตามราว ชายหนุ่มก็ตอบรับเป็นอย่างดี สองคุณแม่มองลูกด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะพากันถอยฉากปล่อยให้ทั้งคู่ได้คุยกัน
“ไปหรือยังครับ” ภัทรพลเหล่มองแม่ตัวเอง เห็นหลังไวๆ ออกจากประตูห้องรับแขกไป
“ไปแล้วค่ะ” วรินทร์ตอบยิ้มๆ
“เบื่อบ้างมั้ยครับกับเหตุการณ์แบบนี้”
“เบื่อ แต่ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ คุณแม่เรานี่คะ ดีที่คุณพ่อไม่เป็นไปกับเขาด้วย”
“น้องรินทร์รู้มั้ยว่าคุณแม่ของพวกเราพยายามจับคู่” ภัทรพลถาม
“รู้สิคะ”
“แล้วน้องรินทร์คิดว่ายังไง”
“ไม่คิดยังไงค่ะ เราไม่ยอมสักอย่างก็บังคับไม่ได้” วรินทร์เอ่ยด้วยหน้าตามุ่งมั่นทำเอาชายหนุ่มหัวเราะกับสีหน้านั้น “คอยดูสิ รินทร์กับพี่ภัทรคงได้เจอกันบ่อยๆ”
“จริงครับ แถวนี้แม่สื่อแม่ชักเขาเยอะ” ภัทรพลยิ้มแล้วจึงถามตรงประเด็น “ว่าแต่…น้องรินทร์มีคนรักหรือยังครับ”
วรินทร์เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มที่มุมปากเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นมาเธอกับแม่เลขาตัวเล็กก็ยังไม่ได้คุยกันเลย
“ยังค่ะ” วรินทร์พูดออกมาตรงๆ “แต่มีคนที่ชอบแล้ว”
“อ่อครับ ส่วนพี่ยังไม่มีใครเลย” ภัทรพลเอ่ยเสียงเรียบพลางยกมือลูบท้ายทอยเหมือนมือไม่ว่าง วรินทร์มองปฏิกิริยานั้นด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
วรินทร์มองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เห็นว่าสมควรแล้วจึงเอ่ย “งั้นไว้เจอกันวันหลังนะคะ รินทร์ต้องไปทำงานแล้ว ฝากลาคุณแม่พี่ภัทรด้วยนะคะ”
“ครับ บายครับ”
ภัทรพลมองตามหลังผู้หญิงที่มีเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างจนลับตา ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ยิ่งมาเจอตัวจริงแล้วความหนักใจยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
เขาจะทำยังไงดี…ภัทรพลถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นรีกมลเงยหน้าขึ้นมอง ยามได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาใกล้ สายตาเห็นวรินทร์ถือแก้วกาแฟด้วยมือข้างหนึ่งพร้อมกับพาดกระเป๋าสะพายไว้บนท่อนแขน ส่วนมืออีกข้างก็หนีบแซนวิชชิ้นใหญ่มาด้วย ดวงหน้าสวยพยักเพยิดไปที่ประตูห้องทำงาน ราวกับเป็นนัยว่า ‘เปิดประตูให้หน่อย’
ทำไมไม่พูด เป็นใบ้หรือไง…นรีกมลคิดอย่างหมั่นไส้
“ขอบคุณนะ” ว่าปุ๊บคนเป็นใบ้ก็พูดปั๊บแถมยังหันมายิ้มน่ารักให้ด้วยแหนะ…ลืมกินยาเขย่าขวดหรือเปล่า
วรินทร์เพิ่งเข้าห้องไป ยังไม่ทันที่นรีกมลจะได้นั่ง คุณเธอก็สั่งให้เข้าไปหาผ่านทางอินเตอร์คอม พอเคาะประตูแล้วเข้าไปก็เจอวรินทร์นั่งจ้องมองกันอยู่ก่อนแล้ว
“นั่งสิคุณ”
นรีกมลเห็นรอยยิ้มที่ส่งเรี่ยราดของวรินทร์แล้วก็พาลให้ใจสั่น แต่ทำยังไงได้เธอตัดสินใจไปแล้ว จึงแสร้งถอนใจให้อีกฝ่ายเห็น
“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอคะ”
วรินทร์มองอีกคนที่ยังไม่ยอมพูดอะไรอย่างพิจารณา “โกรธฉันเหรอ”
นรีกมลส่ายหน้าซะจนผมปลิวไปมา อาการนั้นเรียกรอยยิ้มจากวรินทร์ได้เป็นอย่างดี
“คุณนี่น้า…” วรินทร์ยิ้มในหน้าทำเอาคนมองต้องเบนสายตาไปทางอื่น
“มีอะไรเหรอคะ” ในที่สุดนรีกมลก็ยอมพูด “งานฉันบกพร่องตรงไหน”
“ไม่ใช่เรื่องงาน ฉันแค่อยากถามเธอว่า…” วรินทร์เอ่ยช้าๆ ชัดๆ “ที่ว่ามีคู่หมั้นแล้ว จริงรึเปล่า”
วรินทร์มองเลขาหน้าหวานที่เปิดปากอ้าค้างจนแมลงวันบินเข้าไปได้หลายตัว แล้วรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
“ยังค่ะ แต่ตกลงกันไว้แล้ว ถ้าเขากลับมาเราจะหมั้นกัน” วรินทร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ มุมปากบิดเป็นรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก
“ทำไมเหรอคะ”
“เปล่าหรอก แล้วตอนนี้แฟนที่ว่ายังไม่กลับ เขาไปอยู่ที่ไหนซะล่ะ”
“อยู่อเมริกาค่ะ ไปเรียนต่อ”
“แล้ว…ความสัมพันธ์เป็นยังไงบ้าง” วรินทร์ถามแล้วแสร้งทำเฉยทั้งที่ในใจนั้นคาดหวัง
“ก็ดีค่ะ ยังติดต่อกันเรื่อยๆ เขาบ่นคิดถึงฉันประจำ”
วรินทร์ยังคงยิ้ม “ผู้ชายใช่มั้ยล่ะแฟนเธอ”
วรินทร์มองหน้าเลขาที่มีสีหน้าตกใจปนประหลาดใจ เธอพูดกลั้วหัวเราะด้วยซ้ำยามตอบคำถาม “ก็ต้องผู้ชายสิคะ จะเป็นผู้หญิงได้ยังไง คุณรินทร์นี่ตลกนะคะ ผู้หญิงจะคบกันได้ยังไง…ประหลาดออก”
สำหรับวรินทร์การถูกปฏิเสธไม่เป็นไร แต่ถูกมองด้วยสายตาประหลาดนี่มัน…เกินไปหน่อย
ตลอดหลายเดือนที่ได้แต่เฝ้ามองโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ด้วยกัน หึงหวงอะไรกับไอ้เรื่องไร้สาระ ทั้งหมดมันน่าสมเพชสิ้นดี ตอนนี้เธอเข้าใจหมดแล้ว ที่ผ่านมาที่ยังหลอกตัวเองว่าเพื่อนของนรีกมลแค่พูดเล่น ความห่วงใยที่อีกคนมีให้กัน ตลอดจน…
…จูบในวันนั้น
ทั้งหมดไม่มีความหมายอะไรเลย เธอทำมันไปเพื่ออะไรกัน
วรินทร์กลืนก้อนเหนียวที่จุกอยู่ตรงลำคอลงไปอย่างรวดเร็ว แค่จากความสนใจพัฒนาเป็นชอบยังเจ็บขนาดนี้ แล้วถ้า…
รักขึ้นมาล่ะ…จะทำยังไง
“ขอบคุณที่ยอมตอบนะ คำถามไร้สาระน่ะ” วรินทร์ทำหน้านิ่งขึ้นมาได้โดยฉับพลัน ทักษะสำคัญของเธอล่ะ…ไอ้หน้ากากห่วยๆ นี่
“อ้อ ฝากนัดคุณบัณฑิตแผนกการตลาดด้วยนะว่าสะดวกตอนไหน ฉันมีเรื่องจะปรึกษาเขา”
“ค่ะ” เห็นนรีกมลรับปากโดยไม่มีอาการผิดปกติอะไร วรินทร์ก็โล่งใจ เลขาหน้าหวานคงไม่รู้หรอกว่าเธอคิดอะไรอยู่ ซึ่ง…ไม่รู้ล่ะดีแล้ว
เมื่ออยู่ในห้องเพียงลำพัง วรินทร์ก็ซบหน้าลงกับท่อนแขน น้ำตาใสๆ พรั่งพรูลงมาจนเลอะแขนเสื้อสูทตัวสวย หญิงสาวไม่สนใจแล้วล่ะว่าหน้าตาที่ตกแต่งมาอย่างดีจะเปรอะเปื้อนขนาดไหน ขอแค่เธอได้ระบาย ขอแค่วันเดียวเท่านั้น วันเดียว…
…ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม