web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 165
Total: 165

ผู้เขียน หัวข้อ: เกินห้ามใจ ตอนที่ 4  (อ่าน 1773 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
เกินห้ามใจ ตอนที่ 4
« เมื่อ: 22 มกราคม 2014 เวลา 07:29:53 »
ตอนที่ 4

พีชญานั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์เรื่อยเปื่อยอยู่บนโซฟานุ่มในห้องทำงานของวรินทร์ หลังพีชญากลับจากอังกฤษเธอก็ได้แต่ลอยไปลอยมา ไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง อยู่บ้านไม่มีอะไรทำก็ไปเดินห้าง ไม่ก็มานั่งเล่นที่ห้องทำงานของวรินทร์

ไม่มีอะไรทำเลยอ่ะ!

พีชญามองวรินทร์ที่นั่งทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เห็นแล้วนึกอยากจะแกล้งขึ้นมา หญิงสาวยิ้มเผล่ ค่อยๆ เขยิบเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานเรื่อยๆ

“จะทำอะไรจ๊ะ พอร์ชคนสวย” วรินทร์ขัดทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากงาน พีชญาแทบจะสะดุดขาตัวเอง…รินนี่ รู้ได้ไงว่าเธอจะมาแกล้ง ตาไวจริงๆ เลย

“เปล่าซะหน่อย” ว่าแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมด้วยสีหน้าหงอยๆ

วรินทร์เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้ม พอดีกับจังหวะที่พีชญายกขาไขว่ห้าง สายตาของเธอจึงบังเอิญเหลือบไปเห็นอะไรที่ไม่สมควร

“ใส่สั้นไปมไหมพอร์ช”

“อะไรสั้น”

“ชุดอ่ะสั้นเกินไปไหม เมื่อกี้รินทร์เห็นคุณน้องของพอร์ชด้วย…สีแดงร้อนแรงเชียว” วรินทร์เอ่ยแซวด้วยสีหน้าทะเล้น

พีชญาจิกตาใส่แล้วกระเด้งตัวขึ้นมายืน ขาเรียวเดินอ้อมหลังมาที่เก้าอี้ทำงานของเจ้าของห้อง แสร้งยกมือมาลูบไล้เรียวหน้าสวยของอีกคน วรินทร์มองเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ไม่ต้องยั่ว…กับพอร์ช รินทร์ไม่เกิดอารมณ์หรอกจ้ะ” พูดจบวรินทร์ก็โดนอุ้งมือมารของพีชญาขยี้หน้าซะจนแทบพัง

“รินนี่!” ตวาดเสียงดังลั่นห้อง “นี่ปากเหรอเนี่ย นึกว่าเอาตรงอื่นมาพูด”

วรินทร์เบะปากใส่พีชญาที่ยังคงทำตาเขียวใส่ แต่ไม่นานคนตาหยีก็ใจอ่อน ปากบางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพราะวรินทร์ยังคงนวดใบหน้าตัวเองไปมาเหมือนยังไม่หายเจ็บ

“เจ็บมากเลยหรอ ไหนดูซิ” พีชญาดึงมือคนเจ็บออกแล้วยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ

“เจ็บสิ…รับผิดชอบเลยนะ” วรินทร์เอียงแก้มที่มีแต่รอยแดงให้ดู พีชญาก้มตัวยื่นหน้าเข้าไปมองด้วยระยะที่ใกล้กว่าเดิม ปลายนิ้วลากผ่านเนื้ออ่อนเบาๆ

“อะ เอ่อ…ขอโทษที่มาขัดจังหวะค่ะ” นรีกมลเอ่ยเสียงแผ่ว นัยน์ตาหวานมองพีชญาที่ย่อตัวจนใบหน้าแทบจะชนแก้มเจ้านายของเธอด้วยใบหน้าตื่นๆ เป็นผลให้พีชญารีบเด้งตัวออกห่างจากวรินทร์หลังจากสิ้นคำนั้น

“เข้ามา ทำไมไม่เคาะประตู!” วรินทร์เผลอขึ้นเสียงใส่ ทำเอาคนฟังสะดุ้งด้วยความตกใจ

“เคาะแล้วค่ะ แต่ไม่มีใครตอบ ฉันเลยถือวิสาสะเข้ามา ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกคุณ…”

“ไม่ใช่ๆ เราไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะคุณเลขา” พีชญารีบเอ่ยเสียงสูง สองมือยกขึ้นโบกปฏิเสธไปมา

“ช่างเถอะ! มีอะไรก็ว่ามา” นรีกมลมองเจ้านายคนสวยที่ตีหน้าเฉยแตกต่างกับกิริยาลุกลี้ลุกลนของพีชญา พีชญาได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยลาเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของวรินทร์ ตลอดจนกลัวคุณเลขาจะเข้าใจผิดเรื่องของเธอสองคน

เอาเป็นว่า…ชิ่งดีกว่าเนาะ

วรินทร์พยักหน้ารับรู้หลังฟังข้อความจากผู้เป็นเลขา นรีกมลยื่นแฟ้มงานที่เพิ่งบอกไปให้ แต่มือเรียวสีน้ำผึ้งนั้นไม่ได้คว้าเพียงแค่แฟ้ม…

…นิ้วเรียวสวยกลับลากผ่านหลังมือเธอไปด้วย

นัยน์ตาดำจัดวาววับล้อกับแสงไฟดูลึกลับและน่าค้นหา นรีกมลเบนหน้าหลบสายตานั้น แล้วเอ่ยปากขอตัวออกไปนอกห้อง

“ฉันกับพอร์ชเป็นแค่เพื่อนกัน” จู่ๆ วรินทร์ก็เอ่ยขึ้นมาเสียเฉยๆ

นรีกมลชะงักฝีเท้า “บอกฉันทำไมคะ”

“ก็แค่อยากบอกให้ฟัง ไม่ต้องใส่ใจหรอก” นรีกมลพยักหน้าพลางยิ้มอ่อน ร่างเล็กหมุนตัวกลับ แล้วเดินห่างไป

นรีกมลคิดว่าเสียงเก้าอี้ที่ดังเอี๊ยดอ๊าดอยู่ข้างหลังคงเป็นเพราะเจ้านายคนสวยขยับเนื้อขยับตัว แต่เปล่าเลย…

“อ๊ะ!”

อ้อมกอดจากด้านหลังทำให้นรีกมลยืนแข็งค้างอยู่อย่างนั้น โดยเฉพาะแรงกดตรงไหล่ ทำให้นรีกมลไม่กล้าที่จะหันไปมอง เพราะเกรงจะเจอะใบหน้าสวยๆ ให้หัวใจได้สั่นไหวเล่น

“ทำอะไรคะ” นรีกมลถาม พยายามดึงแขนเจ้านายสาวที่โอบตรงเอวออก

“อยู่นิ่งๆ หน่อยสิ” วรินทร์ดุอย่างไม่จริงจังนัก “เหนื่อยจัง ขออยู่แบบนี้แป๊บนึงนะ”

อ้อนจังนะคะ พูดซะขนาดนี้ใครจะกล้าปฏิเสธลง…นรีกมลคิดอย่างหมดหนทาง

ลมหายใจร้อนๆ ที่รินรดข้างหูเพิ่มอุณหภูมิที่ข้างแก้มของคนตัวเล็กได้ป็นอย่างดี จมูกสวยที่ฝังคลอเคลียไหล่แอบสูดดมกลิ่นหอมจากอีกคน วรินทร์รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ถูกบรรเทาให้เบาบางลงจนแทบจะไม่เหลือ ราวกับใจชุ่มชื่นขึ้นเพราะมีน้ำทิพย์พร่างพรมลงบนหัวใจ

นรีกมลแอบถอนใจเฮือก หลังคนด้านหลังคลายแรงที่โอบกอดลง จังหวะหัวใจคล้ายจะเต้นช้าลงได้เพียงชั่วครู่ เมื่อริมฝีปากของคนหน้าสวยขยับเข้ามาใกล้ใบหูเธออีกครั้ง เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ

“เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะ”

“คะ” นรีกมลเอ่ยอย่างแปลกใจ

“ถ้าไม่ตกลง ก็จะไม่ปล่อย” วรินทร์กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นคล้ายจะย้ำคำ

“คุณรินทร์เอาแต่ใจจัง”

คนหน้าสวยหัวเราะกับประโยคนั้น “เอาแต่ใจ…ก็คงอย่างนั้น ฉันเป็นพวกทำตามใจตัวเอง ไม่ว่าใครจะว่าหรือบังคับยังไง หากฉันไม่พอใจหรือเห็นว่าเป็นสิ่งที่ผิด ฉันก็ไม่ทำ…ขัดใจไม่ได้ก็แต่กับคุณพ่อคนเดียว” วรินทร์พูดแล้วก็นึกถึงมารดาของตน

“นอกจากนั้นนะ คุณรินทร์ยังไม่ถามความเห็นคนอื่น นึกจะทำอะไรก็ทำ ดูอย่างที่ตรังสิ หนีไปดื่มเหล้าเฉย แถมยังเมาจนเผลอ…” วรีกมลยิ้มกว้างกับประโยคที่เอ่ยไม่จบของเลขาหน้าห้อง

“พูดต่อสิ ฉันเมาจนเผลอทำอะไร ไม่เห็นจะจำได้เลย” วรินทร์แสร้งถามด้วยความสงสัย

“คุณวรินทร์!” นรีกมลปลดตัวออกจากอ้อมกอด ก่อนจะหันไปตีแขนเจ้านายอย่างลืมตัวด้วยใบหน้าแดงแจ๋

“นี่กล้าทำร้ายเจ้านายเหรอ!” วรินทร์ถลึงตาใส่ แล้วจับมืออีกฝ่ายไว้

นรีกมลหยุดการกระทำไว้อย่างตกใจ หากไม่ทันจะขอโทษ วรินทร์ก็เอ่ยดักอย่างรู้ทัน

“เปลี่ยนจากคำขอโทษ เป็นไปทานข้าวเย็นด้วยกันกับฉัน”

“คุณรินทร์!”

เจ้าเล่ห์เหลือเกินนะแม่คุณ!

“ตกลงนะ” คนหน้าสวยยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีเหมือนเด็กเพิ่งได้ของเล่น นรีกมลนึกหมั่นไส้จึงตอบกลับไปเสียงสะบัดอย่างจำยอม

“ค่ะ”

หลังนรีกมลเดินออกจากห้องไป วรินทร์ก็เดินกลับไปนั่งเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เธอนั่งอมยิ้มพลางนึกแปลกใจกับเหตุการณ์ที่กลับตาลปัตร จากตอนแรกที่คิดจะตัดใจเพราะอีกคนมีคนรักอยู่แล้ว กลับมามีกำลังใจเต็มเปี่ยมเพราะข่าวร้ายของเลขาร่างเล็ก ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับเธอ วรินทร์นึกขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้
ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี…ทำไมมันช่างเหมาะเจาะกันขนาดนี้นะ

วรินทร์เลือกร้านอาหารไทยขนาดกลางที่ไม่ไกลจากบริษัท เป็นสถานที่รับประทานอาหารเย็น เธอเลือกมุมด้านในที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว นรีกมลมองหน้าเจ้านายสาวที่ดูจะมีความสุขมากกว่าทุกวัน สังเกตจากนัยน์ตาสีเข้มที่เปล่งประกายมากกว่าทุกที นรีกมลไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เห็นอาการของอีกคนแล้วก็อดจะคิดไม่ได้ว่า วรินทร์มีความสุขเพราะได้อยู่ใกล้เธอ

เท่านั้น…รอยยิ้มพรายก็ระบายเต็มใบหน้าของนรีกมล

“ยิ้มอะไรคะ” วรินทร์หันมาถามหลังเห็นรอยยิ้มกว้างของคนหน้าหวาน เธอไม่ใคร่จะเห็นอีกฝ่ายยิ้มแบบนี้ในช่วงหลังๆ ส่วนใหญ่นรีกมลจะระบายรอยยิ้มอ่อนซะมากกว่า

เหมือนคนมีอะไรในใจ คงทำใจเรื่องคนรักเก่าไม่ได้…วรินทร์คิดว่าอย่างนั้น

“ฉันชอบร้านนี้ค่ะ” นรีกมลมองไปรอบๆ ผนังบุไม้ทำให้บรรยากาศของร้านดูอบอุ่น แสงสว่างจากโคมไฟเพดานก็เป็นสีนวลอ่อนๆ ทำให้รู้สึกสบายตา ในใจอดรู้สึกชื่นชมรสนิยมของอีกคนไม่ได้ ขนาดเธอทำงานอยู่แถวนี้มานานยังไม่รู้จักร้านนี้เลย

“เธอชอบก็ดีแล้ว” วรินทร์ระบายยิ้ม

บริกรเดินมารับรายการอาหาร ทั้งสองจึงสั่งไปสามสี่อย่าง เมื่ออยู่กันตามลำพังอีกครั้ง นรีกมลก็ไม่อาจเลี่ยงนัยน์ตาดำจัดทรงเสน่ห์ของวรินทร์ไปได้ จึงยิ้มหวานกลับไปให้ด้วยใบหน้าขึ้นสี

เพราะความน่ารักของอีกคน วรินทร์จึงเลื่อนมือไปกุมมือของคนตัวเล็กที่วางสบายๆ อยู่บนโต๊ะ จังหวะนั้นก็มีสายเข้าโทรศัพท์ของวรินทร์

‘ภัทรพล’

วรินทร์เลิกคิ้วกับชื่อคนที่โทรมา ตั้งแต่เจอกันที่บ้านวันนั้น เธอกับเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย

“สวัสดีค่ะพี่ภัทร” นรีกมลสะดุ้งเล็กน้อยกับชื่อที่ออกมาจากปากเจ้านายสาว ลอบมองหน้าวรินทร์ที่ยังปกติ ไม่ผิดสังเกตใดๆ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“น้องรินทร์เป็นยังไงบ้างครับ สบายดีมั้ยเอ่ย”

“สบายดีค่ะ” วรินทร์ตอบ “โทรมามีอะไรรึเปล่าคะ”

“ต้องมีธุระเหรอครับ ถึงจะโทรมาหาน้องรินทร์ได้ คือพี่แค่อยากชวนทานข้าวน่ะ น้องรินทร์ว่างหรือเปล่าครับ” ประโยคยาวๆ นั้นทำให้วรินทร์ต้องเลิกคิ้ว

“คงไม่ได้ค่ะ รินทร์มีนัดแล้ว ไว้เราไปทานกันวันหลังนะคะ” วรินทร์เอ่ยผลัด พลางสายตาก็มองไปที่มือตัวเอง เพราะนรีกมลกำลังชักมือออกจากการเกาะกุม พอเงยขึ้นมามองสีหน้า ก็ยังเห็นคนตรงข้ามยิ้มให้กันดี วรินทร์จึงไม่ได้ใส่ใจกับอาการนั้น

นรีกมลรอจนอีกฝ่ายวางสายแล้ว จึงส่งยิ้มที่หวานกว่าปกติไปให้ วรินทร์เลิกคิ้วทำหน้ารู้ทัน

“อยากถามอะไรคะ”

“รู้ได้ยังไงคะ ว่าฉันอยากถาม” นรีกมลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่รอยยิ้มบนมุมปากทำให้คนเป็นนายไม่เชื่อ

“รู้แล้วกัน” วรินทร์ว่าแต่ไม่ยอมบอกเหตุผล “ก่อนจะถาม เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นสิคะ น่ารักกว่านะ”

นรีกมลทำหน้านิ่วกับนิสัยเจ้าบงการของอีกคน แต่ก็ยอมทำตามที่เจ้านายสาวบอก

“ไนน์ไม่ถามดีกว่า มันละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคุณรินทร์”

วรินทร์หัวเราะ “ถามมาสิ ถ้าเป็นไนน์จะตอบทุกคำถาม”

พูดแล้วยิ้มซะบาดตาบาดใจขนาดนั้น ใครจะไม่ยอมคุณบ้างคะคุณวรินทร์

“เมื่อกี้คุณคุยโทรศัพท์กับใครคะ แฟนคุณรินทร์หรอ” นรีกมลถามเสียงเบา

“ฉันยังไม่มีแฟนหรอกนะ กำลังหาคนแถวๆ นี้อยู่” วรินทร์ตอบด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอหายใจสะดุด คนเป็นนายทำท่าคิดหนักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบออกมาว่า “พี่เค้าเป็นแค่คนรู้จักค่ะ”

คำนี้แหละเหมาะที่สุด จะให้ตอบว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ พี่ชายก็ไม่เชิง แถมยังเป็นผู้ชายที่แม่ของเธออยากได้มาเป็นลูกเขยอีกต่างหาก “อย่าสนใจเลย…นั่นอาหารมาพอดี ทานกันดีกว่านะ”

แค่คนรู้จัก…นรีกมลยิ้มในใจ

แม้จะมารับประทานอาหารกับเจ้านายแต่ตลอดมื้ออาหารนรีกมลไม่ได้อึดอัดแม้แต่น้อย ถึงเวลาทำงานวรินทร์จะเป็นคนจริงจังแค่ไหน แต่นิสัยจริงกลับอ่อนหวานกว่าที่คิด ยิ่งเวลาพูดคะพูดขาด้วยน้ำเสียงทอดอ่อนแล้วล่ะก็…เธออยากจะเก็บไว้ฟังคนเดียวจัง

เสร็จสิ้นมื้ออาหารวรินทร์จึงขับรถมาส่งคนเป็นเลขาที่บริษัท เพื่ออีกคนจะได้ขับรถของตัวเองกลับบ้าน ถึงแม้ใจอยากจะขับไปส่งมากกว่าก็ตาม

นรีกมลมองตามหลังวรินทร์ที่เธอคิดว่าจะเดินไปขึ้นรถตัวเอง แต่กลับมุ่งหน้าไปทางบริษัทแทน เลขาตัวเล็กจึงเลื่อนกระจกแล้วตะโกนถาม

“จะไปไหนคะคุณรินทร์”

“เคลียร์งานต่อน่ะ” วรินทร์หันมายิ้มให้แล้วเดินเข้าบริษัทไป

นรีกมลมองจนลับตา เห็นเจ้านายสาวทำงานหนักขนาดนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกคนกลับมาทำงานต่อเป็นประจำ เห็นเวลาเลิกงานวรินทร์ก็กลับบ้านพร้อมๆ กับเธอทุกวัน นรีกมลหมายมาดไว้ในใจ ไว้มีโอกาสจะถามให้หายสงสัย

โทรศัพท์ส่งเสียงว่ามีข้อความเข้า นรีกมลจึงหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน

กลับบ้านได้แล้ว! นี่คือคำสั่ง!!!

จาก เจ้านายคนสวยที่ฮอตยิ่งกว่าอากาศประเทศไทย

“คนบ้า”

นรีกมลยกมือปิดปากเพื่อกลั้นหัวเราะ คนอะไรชมตัวเองว่าสวย ถึงแม้เธอจะยอมรับว่าอีกคนสวยและถึงขั้นสวยมากๆ ก็เถอะ แต่ที่สำคัญ วรินทร์ยังไม่ลืมคำพูดที่เคยพูดกับเธอที่ชายหาด

…น่ารักจัง

นรีกมลอมยิ้มกับตัวเองแล้วลงมือแก้ไขชื่อของวรินทร์ที่บันทึกไว้ในโทรศัทพ์จาก ‘เจ้านาย’ เป็น ‘My boss is so hot’ แทนด้วยความหมั่นไส้
เงยหน้าขึ้นมองกระจกบนตึกบริษัท ที่เมื่อกี้นรีกมลคาดว่าวรินทร์คงมองมาเห็นรถของเธอที่ยังไม่เคลื่อนไปไหน คนตัวเล็กยิ้มในหน้าแล้วขับรถออกไปด้วยใจที่เปี่ยมสุข



ภัทรพลนั่งรอวรินทร์ที่ห้องรับแขกในบ้านหญิงสาวด้วยใจเบิกบาน โดยมีคุณหญิงอมรรัตน์อำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี ดอกกุหลาบสีแดงช่อโตถูกซ่อนไว้ข้างหลังรอให้คนที่อยากเจอ

“สวัสดีค่ะพี่ภัทร” วรินทร์ในชุดอยู่บ้านสบายๆ เอ่ยทักทาย ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตรงข้ามชายหนุ่ม

“สวัสดีครับ วันนี้วันอาทิตย์พี่เห็นว่าเป็นวันหยุด คงไม่รบกวนน้องรินทร์ใช่มั้ย”

“ค่ะ แล้วดอกไม้ข้างหลังนั่นเอามาให้ใครคะ” คำถามจากหญิงสาวทำเอาคนฟังต้องยกมือลูบท้ายทอยเพราะความเขิน ภัทรพลหัวเราะแหะๆ ก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ไปให้

“สำหรับน้องรินทร์ครับ”

วรินทร์รับมาด้วยสีหน้างงงวย “เนื่องในโอกาสอะไรคะ”

“เอ่อ…” ชายหนุ่มพยายามคิดหาคำพูด

วรินทร์เห็นท่าทางอ้ำอึ้งอย่างนั้นก็นึกสงสาร ทำไมวรินทร์จะไม่รู้ล่ะว่าเขาให้ดอกไม้เธอเพราะอะไร

“ขอบคุณสำหรับดอกไม้ค่ะ ว่าแต่พี่ภัทรมาถึงบ้านรินทร์ เพื่อมาให้ดอกไม้เองเหรอคะ”

“พี่อยากมาเจอหน้าน้องรินทร์” ภัทรพลว่าพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอย่างไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ที่ไหนดี

“อืม” วรินทร์พยักหน้า “งั้นรินทร์มาให้เจอหน้าแล้ว พี่ภัทรก็กลับไปได้แล้วค่ะ”

ได้ยินดังนั้นภัทรพลแทบจะพ่นน้ำออกมาจากปาก มองหน้าอีกคนที่ยังคงยิ้มแย้มด้วยความตะลึงลาน อารมณ์ตอนนี้เรียกว่า อึ้ง

วรินทร์หัวเราะเสียงใส “ล้อเล่นค่ะ โอ๋ๆ พี่ภัทรอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ มันตลกนะ”

ภัทรพลรีบหุบปากที่อ้ากว้างแล้วยิ้มให้กับคำพูดนั้น

…น่ารักขนาดนี้ใครจะไม่ให้อภัยวรินทร์ได้ล่ะ

“น้องรินทร์พูดแรงมาก ใจพี่เนี่ยลงไปถึงตาตุ่ม”

“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” วรินทร์พูดแล้วเปลี่ยนสีหน้ามาจริงจัง “พี่ภัทรมาจีบรินทร์ใช่มั้ยคะ”

พูดแรงแล้วยังถามตรงอีกนะ น้องรินทร์

“ครับ พี่มาจีบ” ภัทรพลยื่นอกรับอย่างแมนๆ

วรินทร์เลิกคิ้วกับคำตอบนั้น “แต่รินทร์มีคนที่ชอบแล้วนะคะ จำได้ว่าเคยบอกพี่ภัทรไปแล้ว”

“พี่จำได้” ภัทรพลตอบ “แต่น้องรินทร์ก็ยังไม่ได้คบเขาคนนั้นเป็นแฟน ดังนั้นพี่มีสิทธิ์จีบ ถูกไหมครับ”

“รินทร์เตือนพี่แล้วนะคะ” วรินทร์ทำเสียงขู่ “อยากบอกว่าโอกาสอกหักของพี่เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์”

“เกือบแต่ก็ยังมีโอกาส ถึงแม้จะแค่หนึ่งหรือสองเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าเป็นโอกาส” ภัทรพลไม่ยอมแพ้

วรินทร์พอใจกับใจสู้ของอีกคน แต่เธอไม่ได้ชอบผู้ชาย จะให้บอกอย่างนั้นก็กระไรอยู่ รู้อย่างนี้พูดไปเลยดีกว่าว่าโอกาสอกหักเท่ากับร้อยเปอร์เซ็นต์

“โอเคค่ะ ยังไงรินทร์ก็ห้ามพี่ภัทรไม่ได้อยู่ดี” วรินทร์เอ่ยปลงๆ

“งั้นพี่จะเดินหน้าจีบแบบดับเครื่องชนเลยนะ” ภัทรพลยิ้มกว้าง

คนหน้าสวยพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ภัทรพลถือเป็นหนุ่มหน้าตาดี เครื่องหน้าคม หุ่นสูงใหญ่บึกบึน แต่เผอิญว่าเธอชอบสาวตัวเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักๆ มากกว่าน่ะสิ

ว้า…สงสารพี่เค้าเหมือนกันนะเนี่ย

“เชิญพี่เลยค่ะ รินทร์เตือนแล้วนะ” วรินทร์ยกนิ้วขึ้นส่ายไปมา

ภัทรพลยังคงยิ้มกว้างอยู่อย่างนั้นเมื่อวรินทร์ขอตัวขึ้นไปข้างบน รู้สึกตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกวรินทร์ หญิงสาวสวย มีเสน่ห์ การศึกษาดี แถมนิสัยยังขี้เล่น น่ารัก ถึงแม้จะพูดอะไรแรงๆ ไปบ้าง แต่พอหักลบกลบหนี้ ถือว่าถูกใจเขามากๆ ภัทรพลรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง

…รู้สึกเหมือนได้แอบรักใครครั้งแรก

“ว่าไงตาภัทร น้องว่ายังไงบ้าง” คุณนายอมรรัตน์เดินเข้ามาถาม หลังเห็นลูกสาวเดินถือดอกไม้ขึ้นห้องไป

“น้องรินทร์มีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ”

คุณนายอมรรัตน์อุทานด้วยความตกใจ “ภัทรรู้ไหมว่าเป็นใคร”

“ไม่รู้ครับ ผมไม่กล้าถาม”

“แล้วยังไงต่อ”

“ผมก็บอกจะจีบ น้องก็ไม่ได้ว่าอะไร” ภัทรพลพูดไปอมยิ้มไป

“เดี๋ยวแม่ตะล่อมถามให้ ภัทรเต็มที่เลยนะลูก แม่เอาใจช่วย”

“ครับ” ถึงไม่บอก ภัทรพลก็เต็มที่อยู่แล้ว

“ปะ ไปไหว้คุณพ่อกัน เพิ่งกลับจากตีกอล์ฟเมื่อกี้นี้เอง เห็นเดินหลังไวๆ เข้าไปในห้องนั่งเล่น”

ภัทรพลเดินตามคุณนายอมรรัตน์ไป ในใจยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้วรินทร์จะยังไม่มีทีท่าโอนอ่อน แต่ถ้าครอบครัวของหญิงสาวสนับสนุนกันถึงขนาดนี้ อย่างน้อย…ต้นทุนของเขาก็ดีกว่าคนที่วรินทร์แอบชอบอย่างแน่นอน

นรีกมลมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าแปลกๆ แอบสงสัยสัยเบาๆ ว่าสาวเจ้าเป็นอะไร ทำไมถึงทำอย่างนี้ เล่นคุกเข่าข้างโต๊ะทำงาน เท้าคางมองหน้าเธอตาปริบๆ เท่านั้นยังไม่พอ คุณเธอยังทำอมยิ้มแก้มตุ่ยให้อึดอัดใจเพิ่มอีกแหนะ

“มีอะไรรึเปล่าคะคุณพีชญา” นรีกมลตัดสินใจถาม หลังทนให้ถูกจ้องมานาน

“ไม่มีค่ะ”

เหอะๆ ไม่มีแล้วมาจ้องทำไมคะ…ทำงานทำการไม่ได้เลย

“ไม่เข้าไปหาคุณวรินทร์เหรอคะ”

“เดี๋ยวเข้าค่ะ” ตอบแล้วยิ้มตาหยีใส่

“ถ้าคุณรินทร์มาเห็น ฉันจะโดนเอ็ดเอานะคะ” นรีกมลพยายามจะโน้มน้าวให้อีกคนเข้าไปในห้องให้ได้

พีชญาทำตาโต “ถ้ารินนี่ดุคุณ เดี๋ยวพอร์ชจัดการให้เอง จะหยิก จะตี จะข่วนให้เป็นแผลเลย”

ค่ะ…รู้แล้วว่าสนิทกันมาก แต่เวลาคุณไม่อยู่ล่ะคะ ฉันน่ะโดนเต็มๆ

“พอร์ชทำคุณรำคาญเหรอ” พีชญาตีหน้าเศร้า “ไปก็ได้”

“ไม่ได้รำคาญเลยค่ะ!” นรีกมลรีบบอก “แต่เวลาถูกคนจ้องเราก็รู้สึกกังวลใช่มั้ยคะ แค่อึดอัดเล็กๆ ค่ะ”

“แต่เวลารินนี่จ้อง คุณเลขาไม่เห็นอึดอัดเลย ไม่ยุติธรรมอ่ะ!”

นรีกมลหน้าเห่อร้อน…มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ

คนๆ นั้นน่ะ…ละไว้ในฐานที่เข้าใจ

“มีเขิน” พีชญาแซวแล้วลุกขึ้นยืน เธอก็เริ่มเจ็บหัวเข่าบ้างแล้ว นี่ขนาดเปลี่ยนจากชุดเดรสมาใส่กางเกงแล้วนะ

“ไม่ได้เขินค่ะ” นรีกมลเถียงทั้งที่หน้าแดง

“ไม่รบกวนคนที่โกหกว่าไม่เขินดีกว่า” พีชญาว่ายิ้มๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของรองประธาน

พีชญาเข้ามาก็เจอแฟ้มงานกองสูง เอกสารที่กระจายเต็มโต๊ะ และวรินทร์ที่ทำหน้าเคร่งเครียด พีชญารู้หน้าที่ดี จึงค่อยๆ เดินไปนั่งบนโซฟาโดยพยายามให้เกิดเสียงเบาที่สุด

“พอร์ช” เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้นจากงาน “มีนิตยสารอยู่บนโต๊ะ ซื้อมาตั้งไว้เผื่อจะอยากอ่านแก้เบื่อ”

ได้ยินดังนั้นแม่คุณก็ยิ้มตาหยี “รินนี่น่ารักจัง ใจดีแบบนี้รักตายแลย ว่าแต่ใจดีกับคนหน้าห้องป่ะ”

วรินทร์ไม่ตอบ…แต่ยิ้มอย่างนั้นหมายความว่าไงคะคุณเพื่อน

“มีอะไรดีๆ ล่ะสิ ตั้งแต่เค้าเลิกกับแฟนแล้วเอาใหญ่เลยนะ”

“อยู่แล้ว ช่วงทำคะแนนนี่นา” วรินทร์ยักคิ้วใส่

“ย่ะ” พีชญาสะบัดเสียงใส่อย่างหมั่นไส้

“เหนื่อยจังเลยพอร์ช” วรินทร์ยืดแขนบิดขี้เกียจ

พีชญายิ้มอ่อนอย่างให้กำลังใจ “เหนื่อยก็พัก ไม่ก็หาเวลาไปหวานกับคนหน้าห้อง จะได้กระชุ่มกระชวยหัวใจ”

“พักไม่ได้ ช่วงนี้งานเยอะ ส่วนไอ้เรื่องนั้นก็ทำตลอดอยู่แล้ว ถ้าสถานการณ์มันอำนวย”

“รินนี่เหมือนตาลุงหลอกเด็ก” พีชญาแขวะ “คุณเลขาจะตามทันมั้ยเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้ แสวงหากำไรตลอดเวลา”

“เป็นนักธุรกิจค่ะ ทำอะไรต้องแสวงหาผลกำไรสูงสุด”

“ค่า…แม่คนเก่ง ทำงานต่อเลยไป จะอ่านหนังสือรอ” พีชญาเอ่ย “อ้อ ตอนเที่ยงพาไปเลี้ยงข้าวด้วย ล้างท้องรอตั้งแต่เช้าแล้ว”

วรินทร์เบ้หน้า “งานเยอะอ่ะ ไม่อยากออกไปไหน กะจะให้นรีกมลซื้อข้าวกล่องขึ้นมาให้”

“ไม่เป็นไร พูดไปอย่างนั้นแหละ รินนี่ทำตามที่สะดวกเถอะ”

พีชญารู้สึกเห็นใจเพื่อนสาวเป็นอย่างมาก งานก็หนักจนไม่มีเวลากระดิกตัวไปที่อื่น ไหนจะเรื่องหัวใจที่คงหนักพอๆ กัน เธอรู้ว่ารสนิยมของคนมันเลือกกันไม่ได้ ในเมื่อมาสายนี้แล้ว ทางข้างหน้าวรินทร์คงต้องเจอเส้นทางที่ยากลำบาก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พีชญาให้สัญญากับตัวเองว่าเธอจะอยู่ข้างเพื่อนสาว ไม่ห่างหายไปไหนแน่นอน

…สัญญาด้วยชุดเดรสสีแดงสดตัวโปรดเลยเอ้า





 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.