web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 137
Total: 137

ผู้เขียน หัวข้อ: เกินห้ามใจ ตอนที่ 20(ตอนจบ)  (อ่าน 3990 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
เกินห้ามใจ ตอนที่ 20(ตอนจบ)
« เมื่อ: 22 มกราคม 2014 เวลา 07:45:56 »
ตอนที่ 20 (อวสาน)

ปัง!

ภาคินสะดุ้ง ถดตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างนึกหวาด เมื่อจู่ๆ วรินทร์ก็บุกเข้ามาในห้องแล้วทุบโต๊ะเขาแทบสะเทือน

“พี่ภาคปิดบังรินทร์มาตลอด” วรินทร์เอ่ยเสียงเขียว

“ปิดบังอะไร๊” ภาคินหันหน้าหนีประกายตาคาดคั้นจากลูกพี่ลูกน้องสาว

“ไม่ได้ปิดบัง แต่ทำไมเสียงพี่ถึงสูงอย่างนั้น โกหกไม่เนียนเลยนะพี่ภาค”

ภาคินยกมืออย่างยอมแพ้ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ น้ำเสียงอ่อนอ่อยเหมือนคนมีความผิดติดตัว

“ยัยพอร์ชบังคับพี่ไม่ให้บอกรินทร์เรื่องนรีกมลลาออก”

“แค่นั้นหรือคะ” วรินทร์หรี่ตา

“พี่รู้แค่นั้นแหละ ไม่รู้จะให้ปิดบังรินทร์ไปทำไม” ภาคินขมวดคิ้ว

วรินทร์ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้ามภาคิน ประกายตาตาที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้เจ้าของห้องระบายลมหายใจอย่างโล่งอก

“รินทร์เพิ่งรู้เมื่อบ่ายนี้เอง ว่านรีกมลย้ายไปทำงานกับยัยพอร์ช”

“เฮ้ย!” ภาคินอุทานด้วยความตกใจ “ทำไมนรีกมลถึงทำอย่างนั้น”

“ผิดคำถามค่ะ ต้องถามว่าทำไมยัยพอร์ชถึงทำอย่างนั้นมากกว่า”

“ก็เหมือนกันนั่นแหละ แล้วทำไมเพื่อนตัวดีของรินทร์ถึงทำอย่างนั้นล่ะ”

วรินทร์คลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเพื่อนสาวคนสนิท “พอร์ชน่ะรู้จักรินทร์ดี เผลอๆ จะรู้จักดีมากกว่าตัวรินทร์เสียด้วยซ้ำ”

ใช่! พอร์ชรู้ว่าถ้าเธอไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้ ว่าความรู้สึกกระวนกระวายใจที่เกือบจะเสียคนสำคัญไป มันเป็นยังไง

“พี่ไม่เข้าใจ”

วรินทร์เผยยิ้มอย่างเป็นต่อให้ภาคินที่รู้สึกไม่ชอบใจนักยามได้เห็น

“ไม่รู้น่ะดีแล้วค่ะ ไว้รินทร์กับนรี…เอ่อ ไว้รินทร์พร้อมเมื่อไหร่ จะบอกพี่ภาคเป็นคนแรกเลย”

ภาคินขมวดคิ้วมุ่น พลางเอียงใบหน้าจ้องมองแผ่นหลังของวรินทร์ที่ลุกเดินจากไปด้วยใบหน้างงงวย



พีชญาโยนกระเป๋าสะพายลงบนเตียงไม่เบานักจนมันกระเด็นหล่นลงมาอยู่บนพื้นข้างเตียง หญิงสาวถอดชุดสูทตัวสวยออกก่อนจะวางพลาดไว้บนเก้าอี้อย่างลวกๆ ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดีเกินกว่าจะทำอะไรอย่างพิถีพิถัน

พีชญาล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ความเมื่อยล้าทั้งกายทั้งใจทำให้เปลือกตาบางปิดลง ดวงหน้าที่มักประดับยิ้มอยู่เป็นนิจเรียบเฉยราวเปลือกแข็งที่ปกป้องตัวเองไว้คลายลง

เธอเหนื่อย…เหนื่อยเหลือเกิน

เสียงโทรศัพท์ดังรอดมาจากกระเป๋าสะพาย ทำให้พีชญาสบถเบาๆ ด้วยความขัดใจ หญิงสาวเขยิบตัวไปปลายเตียง ก่อนจะเอื้อมมือควานเข้าไปหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพาย

ทันทีที่เห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา พีชญาก็อดจะระบายรอยยิ้มออกมาไม่ได้

“ฮัลโหลรินนี่”

“พอร์ช สี่ทุ่มแล้วกลับถึงบ้านหรือยัง”

ความห่วงใยที่ถ่ายทอดมาในน้ำเสียง ทำให้พีชญาฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม

“ถึงแล้วๆ ว่าแต่โทรมาเพื่อจะถามแค่นี้เหรอ”

“เปล่า” ปลายสายหัวเราะเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยคำด้วยน้ำเสียงเก้อกระดากที่ทำร้ายจิตใจคนฟังอย่างสุดประมาณ “เลขาของพอร์ชน่ะ ส่งตัวกลับมาทำงานที่เดิมได้หรือเปล่า”

“ได้สิ” พีชญาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นสดใส “แต่ขอเป็นต้นเดือนหน้านะ พอร์ชกับคุณเลขามีงานต้องเคลียร์กันอีกนิดหน่อย”

“อืมๆ งั้นแค่นี้นะ”

“ดะ เดี๋ยวรินนี่”

“หืม ว่าไงคะ”

“วันอาทิตย์นี้ไปเที่ยวกันไหม”

วรินทร์เงียบไปชั่วอึดใจ “ขอโทษนะพอร์ช เอ่อ คือรินทร์นัดนรีกมลไว้ ว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน”

“อะ อ่อ ไม่เป็นไร” พีชญาสะกดกลั้นลมหายใจที่ขาดห้วง “ดีแล้วล่ะ จะได้คุยกันให้เข้าใจซะที พอร์ชก็เบื่อที่จะช่วยแก้ปัญหาให้แล้วล่ะ เบื่อจริงๆ รินนี่เนี่ย”

“ขอโทษนะที่รบกวนพอร์ชมาตลอด รินทร์ขอบใจมากจริงๆ…พอร์ชเป็นเพื่อนที่รินทร์รักมากที่สุดเลยรู้หรือเปล่า”

“อืม” พีชญาได้แต่ตอบรับในลำคอ รอยยิ้มเศร้าสร้อยที่ไม่เคยมีใครได้เห็นประดับขึ้นบนริมฝีปาก

“ฝันดีนะ” วรินทร์เอ่ยเป็นคำสุดท้ายก่อนจะกดตัดสายไป

พีชญาเลื่อนโทรศัพท์ออกจากใบหูอย่างเหม่อลอย นัยน์ตาสวยจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์จนมันดับไป เงาสะท้อนในจอเผยให้เห็นหญิงสาวเจ้าน้ำตาผู้แสนจะบอบบางและอ่อนแอ

นานเท่าไหร่แล้วที่คำว่า ‘เพื่อน’ มันค้ำคอจนพีชญาขยับไปไหนไม่ได้ คำๆ นี้พันธนาการเธอจนไม่อาจจะละทิ้งวรินทร์ไปให้ไกลแสนไกล หรือแม้แต่จะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของใครอีกคน

ใช่! เธอชอบ ‘ผู้ชาย’

เรื่องนี้เธอไม่ได้โกหก…เธอชอบผู้ชาย ให้ความสนใจในผู้ชาย และอยากแต่งงาน มีสามี มีลูก มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไป เท่าที่รู้คงก่อนหน้าที่วรินทร์จะกลับมาไทย และก่อนที่วรินทร์จะเจอนรีกมลอีกกระมัง

ต้องเป็นวรินทร์ เฉพาะผู้หญิงคนนี้เท่านั้นที่ทำให้เธอหัวใจเต้นแรงยามได้ใกล้ชิด

ถึงกระนั้นพีชญาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไป เธอปล่อยความรู้สึกเล็กๆ นี้ให้เติบโตและพอกพูนจนเต็มหัวใจ รู้เพียงแต่ว่าอยากจะเห็นวรินทร์มีความสุข มีรอยยิ้ม ปรึกษาปัญหาทั้งสุขและทุกข์กับเธอทุกเรื่องอย่างไม่มีความลับต่อกัน…เพียงเท่านี้พีชญาก็พอใจแล้ว

เธอมันขี้ขลาด ขี้ขลาดที่หวงแหนความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ‘รัก’ ที่บ่มเพาะมานานปีจนไม่กล้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไป ได้แต่เป็นมดแดงแฝงมะม่วง คอยเก็บความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้รับจากความไว้ใจของใครอีกคน

ความรักของพีชญาคือการให้ เธอไม่อาจทนเห็นใบหน้างามที่ปราศจากความสุขจากการสูญเสียได้อีก เธอจึงยอมช่วยทุกทาง แม้ว่าจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดแต่เพียงผู้เดียว…เจ็บปวดที่ต้องมองดูคนทั้งคู่รักกัน

เธอจึงตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะไม่พยายามเปลี่ยนสถานะ และหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีก

วรินทร์จะไม่มีทางรู้ความลับนี้

…ความลับที่เธอเกินจะห้ามใจไปหลงรักเพื่อนสนิท

พีชญากลั้นสะอื้นก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง มองดูตัวเองในกระจกแล้วฉีกยิ้มกว้างอย่างที่ชอบทำ

“เป็นเพื่อนกัน เพื่อนที่รินนี่รักที่สุดก็เพียงพอแล้ว”



วรินทร์เคาะนิ้วกับพวงมาลัยเป็นจังหวะระหว่างจอดรถรอนรีกมลอยู่หน้าคอนโด เสียงเคาะกระจกข้างคนขับทำให้วรินทร์หันไปมองแล้วก็ต้องลอบยิ้มอย่างพอใจ ดวงตาสวยคมถึงกับเป็นประกายวาบเมื่อเห็นสายรัดข้อมือเชือกถักสีดำสนิทประดับด้วยมุกสีขาวที่แกว่งไกวตามการเคลื่อนไหว วรินทร์อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเชือกถักของตัวเอง ไข่มุกสีน้ำตาลนั้นล้อกับแสงแดดอันอบอุ่นที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาจนแวววับ

ใบหน้าเล็กๆ ของนรีกมลที่ล้อมกรอบด้วยผมอ่อนนุ่มสลวย ยามนี้ถูกดัดให้เป็นลอนดั่งเกลียวคลื่น เสริมให้ใบหน้าแลดูหวานละมุนยิ่งกว่าเดิม หมวกปีกกว้างสีครีมที่ประดับบนศีรษะ ทำให้คนตัวเล็กในชุดเดรสตัวสั้นสีพาสเทลยิ่งดูน่ารักขึ้นไปอีกเท่าตัว

นรีกมลขึ้นรถเมื่อวรินทร์ชี้นิ้วไปทางที่นั่งข้างคนขับ รอยยิ้มกว้างถูกส่งไปให้อดีตเจ้านายทันทีเมื่อได้นั่งอยู่ข้างกัน

วันนี้วรินทร์อยู่ในชุดลำลองสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินแขนยาวแต่ถูกพับเป็นสามส่วน เผยให้เห็นท่อนแขนเรียวสีน้ำผึ้ง ตัดกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีน้ำตาล ทั้งหมดขับเสน่ห์ของวรินทร์ออกมาได้อย่างหมดจด จนคนมองนั้นหัวใจแทบจะหยุดเต้น

อย่ายิ้มอย่างนั้นสิคะคุณวรินทร์…นรีกมลตัดพ้อด้วยใจระทวย

วรินทร์ถอดหมวกปีกกว้างของนรีกมลออก ก่อนจะจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงอยู่ให้เข้าที่ด้วยท่าทีอ่อนโยน แล้วเอ่ยคำ

“ไปกันเถอะ”

นรีกมลพยักหน้าเบาๆ แล้วหันหนีสายตาระยิบระยับของวรินทร์ไปมองข้างทางแทน

และแล้วรถยุโรปคันหรูเคลื่อนไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนสีหน้าของทั้งสองคน

วรินทร์และนรีกมลก้าวลงจากเรือซึ่งข้ามฝั่งจากแหลมบาลีฮายมาสู่เกาะล้าน ทั้งสองชื่นชมกับน้ำทะเลสีฟ้าใสอยู่ไม่นาน นรีกมลก็ชักชวนวรินทร์ให้เดินตามมา

นรีกมลชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์สีน้ำเงินเข้มคันหนึ่งท่ามกลางมอเตอร์ไซค์มากมายหลายคันที่จอดเรียงรายไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวเช่า หญิงสาวจ่ายเงิน แล้วจูงมือวรินทร์ให้มายืนข้างกัน

วรินทร์ตาโตมองนรีกมลรวบกระโปรงเดรส ก่อนจะกวาดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ด้วยท่าทางทะมัดทะแมง

“ขึ้นซ้อนเลยค่ะคุณรินทร์”

“อะ เอ่อ…” วรินทร์ยืนนิ่งค้าง ส่งเสียงอ้ำอึ้งในลำคอไม่ยอมขยับตัว

“ไม่ต้องกลัวค่ะ ไนน์ขับมอเตอร์ไซค์เป็นตั้งแต่อยู่มอปลายแล้ว”

“ฉัน…เอ่อ ฉันไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์น่ะ” วรินทร์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยพลางยิ้มแหยอย่างไม่มั่นใจ “ไม่รู้ว่าควรจะนั่งยังไง ท่าไหน”

นรีกมลอึ้งไปหลายวินาที ท่าทีขาดความมั่นใจของคนหน้าสวยทำให้นรีกมลอมยิ้มอย่างเอ็นดู

“ยกขาขึ้นคร่อมเลยค่ะ แล้ววางเท้าไว้ที่พักเท้าตรงนั้น”

กว่านรีกมลจะจัดแจงจัดที่นั่งให้วรินทร์ได้ก็ใช้เวลาไปร่วมห้านาที

“พร้อมแล้ว ไปกันเลยนะคะ” นรีกมลหันไปมองคนด้านหลังที่พยักหน้ารัวเร็ว แม้สีหน้าจะเรียบเฉยแต่นรีกมลก็สัมผัสได้ถึงความกลัวที่แฝงอยู่ในใจของอีกคน

นรีกมลออกตัวช้าๆ แต่ถึงอย่างนั้นวรินทร์ก็ตกใจ จนต้องคว้าเอวคนขับเอาไว้อย่างคาดคะเนน้ำหนักและการทรงตัวไม่ถูก

นรีกมลระบายรอยยิ้มกว้าง “กอดเอวไนน์แน่นๆ นะ”

“อืม”

นรีกมลเร่งความเร็วจนมอเตอร์ไซค์แล่นฉิวไปตามทาง จุดมุ่งหมายของเธอคือการตระเวนเที่ยวรอบเกาะล้าน โชคดีที่ตอนบ่ายแดดไม่ค่อยแรง ทั้งสองจึงดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงามท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านร่างกายช่วยคลายร้อนไปในตัว

ด้วยความที่คนน้อย ไม่พลุกพล่าน นรีกมลจึงหยุดรถที่หาดสังวาลย์ เธอจับจูงมือของวรินทร์พากันเดินขึ้นสะพานไม้ ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง วรินทร์หยุดเดิน ก่อนจะเท้าแขนทั้งสองข้างบนราวสะพาน นัยน์ตาสีเข้มมองทิวทัศน์เบื้องหน้าด้วยความชื่นชม

นรีกมลเดินเข้าไปยืนข้างกัน “ดูคุณรินทร์จะชอบทะเลนะคะ”

“จะตลกไหม ถ้าบอกว่าฉันชอบกลิ่นเค็มๆ ของทะเล”

“ไม่ตลกหรอกค่ะ” นรีกมลยิ้มตอบ “ฉันจำตอนที่เราอยู่ตรังได้ คุณรินทร์แอบไปเดินชายทะเลคนเดียว”

“ยังจำได้อยู่อีกเหรอ” วรินทร์หันกลับมามองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “แล้วตอนที่ฉันชมว่าเธอ ‘น่ารัก’ ล่ะ ยังจำได้ไหม”

นรีกมลเบิกตาโต ใบหน้าแดงแปร๊ดจนต้องยกมือมาปิดไว้เพราะกลัวอีกคนจะเห็น วรินทร์หัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้หยอกล้อคนตัวเล็ก

นรีกมลเงยหน้าขึ้นสบตาคนข้างกันก่อนจะติดสินใจเอ่ยถ้อยคำด้วยเสียงอ่อน “ขอโทษนะคะ ขอโทษที่เคยทำร้ายความรู้สึกกัน…คุณรินทร์จะอภัยให้ไนน์ได้ไหม”

วรินทร์หุบยิ้มแล้วหันไปมองท้องทะเลเบื้องหน้า

“ทะเลกว้างใหญ่ยังมีจุดสิ้นสุดเลย”

คำตอบที่ไม่ตรงคำถาม ทำให้นรีกมลต้องเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของวรินทร์ที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความเศร้าลึกล้ำ

“ฉันไม่รู้ว่าความรักของเราจะสิ้นสุดตอนไหน”

“คุณรินทร์!”

วรินทร์ยิ้มมุมปากพลางหันมาจับปลายคางของเธอไว้ คนหน้าสวยก้มลงมาแนบชิด ก่อนจะใช้ริมฝีปากคลอเคลียกับริมฝีปากของเธอ   

“แต่ฉันหวังว่ามันจะไม่มีสิ้นสุด ฉันจะพยายามปรับตัว จะอ่อนโยนและทะนุถนอมเธอ” วรินทร์ขยับกายไปสวมกอดคนร่างเล็กกว่า แล้วซบหน้าลงตรงไหล่ “ฉันจะให้อภัยในทุกเรื่องที่ผ่านมา จะเปิดใจให้โอกาสเธอ และถึงแม้จะมีอุปสรรคอะไร ไนน์ต้องสัญญานะ ว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกัน”

“คุณรินทร์…” นรีกมลรับรู้ได้ถึงความชื้นที่หัวไหล่ เธอไม่อาจพูดคำใดได้นอกจากชื่อของอีกคนที่ยามนี้ดูอ่อนแอและเปราะบางเหลือเกิน

นรีกมลลูบไหล่ลูบหลังวรินทร์ ก่อนจะเอ่ยให้คำมั่นด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“สัญญาค่ะ ไนน์สัญญา”

วรินทร์ผละออกมา แล้วแตะริมฝีปากลงบนส่วนเดียวกันกับของอีกคน ราวกับเป็นการแสดงความขอบคุณในคำมั่นของนรีกมล

“ฉันรักเธอ นรีกมล”

ลมหายใจร้อนที่เป่ารดอยู่ตรงข้างแก้ม ทำให้นรีกมลเก้อเขินเพราะยังไม่คุ้นเคยในสัมผัส มือบางที่กำคอเสื้อเชิ้ตของวรินทร์เลื่อนมาโอบรอบคอ ก่อนจะโน้มใบหน้าสวยลงมาแล้วกระซิบเป็นคำรักแผ่วเบา

“ไนน์ก็รักคุณค่ะ”

จุดเริ่มต้นของความรักที่เพิ่งเริ่มต้น

ความรักที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสิ้นสุดอยู่ที่ใด

แต่ ณ ตอนนี้ไม่มีใครสนใจถึงสิ่งเหล่านั้น


เมื่อทั้งสอง ‘เกินห้ามใจ’ ที่จะมอบรอยจูบแสนหวานให้แก่กันและกันอย่างไม่รู้หน่าย โดยมีสายลมที่แสนอบอุ่น ท้องทะเลสีครามสดใส และสะพานแห่งรักนี้เป็นพยาน

……………………………………..จบบริบูรณ์………………………………………….

:30: :30: :30: :30:




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.