web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 39
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 15
Total: 15

ผู้เขียน หัวข้อ: Lucky Loser Chapter 4  (อ่าน 2922 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Lucky Loser Chapter 4
« เมื่อ: 23 มกราคม 2014 เวลา 08:56:39 »
Chapter 4

พิมพรรณสูดหายใจลึกๆ เข้าเต็มปอดก่อนที่จะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านของหมอดูที่ต้น กะเทยนักเขียนแนะนำมา แต่ก่อนที่เธอจะเดินเข้าประตูรั้วตามคำเชิญของชายกลางคนไว้หนวดเคราสีขาวสลับดำในชุดขาวที่เป็นเจ้าของบ้านไปนั้น เธอรู้สึกแปลกๆ เนื่องจากจู่ๆ ขนที่คอของเธอก็ลุกตั้งชัน

‘อะไรกันเนี่ย’ สาวตาคมคิดพลางใช้มือลูบต้นคอเบาๆ

“เชิญที่ชั้นสองเลยครับ” เจ้าของบ้านพูดพร้อมๆ กับผายมือราวกับเชิญให้เธอเดินขึ้นไปก่อน

บรรณาธิการสาวก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดไปซึ่งเป็นเวลาเดียวกับกับที่เธอสังเกตเห็นชายคนนั้นกำลังลงกลอนประตู ทางเข้าและทางออกเดียวของบ้าน

‘ชักจะยังไงๆ แล้วละสิ’ พิมพรรณขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของสิ่งที่เธอเห็นเมื่อครู่

เมื่อเธอเดินขึ้นไปบนชั้นสองก็พบกับหิ้งพระขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทั้งไทย จีน อินเดีย และฮินดู สาวตาคมรู้โดยทันทีเลยว่าหมอดูคนนี้เป็นหมอดูแบบเข้าทรงที่เธอไม่เคยเชื่อกับการทำนายทายทักดวงชะตาแบบนี้เลยและไม่เคยดูดวงประเภทนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“เชิญนั่งครับ” เสียงของชายเจ้าของบ้านดังขึ้นที่ด้านหลัง เมื่อเห็นบรรณาธิการสาวยืนเก้ๆ กังๆ อยู่

“ค่ะๆ” พิมพรรณตอบรับพลางนั่งพับเพียบลงบนพื้น

ในขณะที่เจ้าของบ้านเดินตรงไปที่หน้าหิ้งพระ สาวตาคมก็รู้สึกว่า ณ บ้านหลังนี้มีเพียงแค่เธอกับชายคนนี้เพียงแค่สองคนเท่านั้นซึ่งขัดกับสิ่งที่เธอได้รับรู้มาว่าการดูดวงประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมีคนที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาคอยมารับใช้คนที่เป็นร่างทรง แต่ที่นี่ ตอนนี้ ไม่มีใครอื่นอีกเลย

“เอ่อ... บ้านใหญ่ดีนะคะ” บรรณาธิการสาวเริ่มชวนคุย ขณะที่ชายมีหนวดกำลังเตรียมของเซ่นไหว้

“อ่อ ครับ พวกท่านๆ เขาประทานมาให้”

“ท่านๆ เหรอคะ”

“ใช่ ท่านๆ ที่อยู่ตรงนี้นี่แหละ อย่างพระพิฆเนศองค์นี้ของแท้จากอินเดียเชียวนะราคาตั้งหลายล้าน แต่ท่านก็ประทานมาให้ผม ท่านเอาเงินมาให้ผมเลย”

‘โกหก’ พิมพรรณคิด ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบดูดวงและไม่เชื่อเรื่องโชคลาง แต่เธอก็รู้มาจากเพื่อนที่ชอบดูดวงว่ากลุ่มคนที่เป็นร่างทรงส่วนใหญ่นั้นเทพเจ้าของร่างทรงมักจะไม่ค่อยให้บุคคลที่เป็นร่างทรงมีเงินมีทองใช้มากนัก ส่วนใหญ่จะมีให้เฉพาะพอมีพอกิน ส่วนเรื่องรูปเคารพยิ่งถ้าเป็นของแพงหรือของแท้ห้ามให้คนๆ เดียวเป็นเจ้าของ ต้องให้คนที่มีจิตศรัทธาบริจาคทำบุญร่วมกันเท่านั้น

“เหรอคะ...”

“ครับ ของต่างๆ ที่อยู่ที่นี่ผมก็หาของผมมาคนเดียว”

‘โกหกอีกแล้ว’

ช่วงระหว่างที่เจ้าของบ้านกำลังหันหลังเพื่อจุดธูปเทียนอยู่นั้น บรรณาธิการสาวก็แอบสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเธอ ด้านหลังของเธอเป็นบันได ทางซ้ายมือมีห้องอยู่หนึ่งห้องซึ่งไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไร ส่วนด้านหลังหิ้งพระเป็นระเบียง

“ขอโทษนะคะ ห้องน้ำอยู่ตรงไหนคะ” สาวตาคมถาม

“ลงไปชั้นล่างแล้วเลี้ยวซ้ายครับ” เจ้าของบ้านตอบโดยที่ไม่หันกลับมา

“งั้นขอไปห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ” ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินลงไปโดยที่ไม่รอคำตอบจากชายที่อยู่ตรงหน้า

บรรณาธิการสาวเดินลงมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน ปลดล็อคประตูแล้วเปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อยโดยไม่ให้เกิดเสียงผิดสังเกต หลังจากนั้นก็เปิดกระเป๋าถือหยิบสเปรย์พริกไทยกระป๋องเล็กออกมาใส่ในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์เผื่อว่าเกิดอะไรไม่ชอบมาพากลเจ้าสิ่งนี้อาจจะช่วยเธอได้ เมื่อเตรียมตัวเสร็จเธอจึงเดินกลับขึ้นไปชั้นสองอีกครั้ง

“เตรียมของเสร็จแล้วครับ เริ่มได้เลย” เจ้าของบ้านบอก

“ค่ะ” พิมพรรณนั่งพับเพียบลงบนพื้นเหมือนเดิม แล้วมองดูชายที่อยู่ตรงหน้าเริ่มพิธีด้วยความระมัดระวังตัวมากขึ้น

. . .
‘ทำไมคุณพิมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ไหนบอกว่าไม่เชื่อเรื่องดวง... แล้วทำไมมาที่บ้านนั้น’ ปูนคิดวกไปวนมาอยู่ในหัว

เมื่อขี่รถมอเตอร์ไซด์กลับมาถึงบ้านสาวหมวยก็เดินวนๆ เวียนๆ อยู่ในร้านอย่างครุ่นคิด ‘ถ้ามันเป็นอย่างที่ลูกค้าบอกจริง ป่านนี้คุณพิมก็คง...’

“ไม่น่าๆๆๆ ทำไมคิดมากอย่างนี้นะ” ปูนสะบัดหน้าไปมาเพื่อคลายความวิตกกังวล

แล้วทำไมเธอถึงต้องเป็นห่วงคนๆ นั้นถึงขนาดนี้ด้วยนะ นักกายภาพสาวถามตัวเอง พวกเธอรู้จักกันเพราะเป็นญาติของคนไข้ แต่ทำไมถึงต้องห่วงขนาดนี้

‘พิมเค้าชอบพูดว่าตัวเค้าเองโชคไม่ค่อยดี ทำอะไรก็จะแย่ไปหมด’เสียงของยายนิดังขึ้นมา

โชคไม่ค่อยดีงั้นเหรอ...

‘คิดว่าพิมเป็นเพื่อนคุณก็แล้วกันนะคะ’ เสียงของสาวตาคมก็ดังขึ้นมาอีก

สาวหมวยยิ้มให้กับตัวเอง... ที่เป็นห่วงคนๆ นี้ก็เพราะเป็นเพื่อนกันสินะ ถ้าอย่างนั้นปูนจะช่วยคุณเอง!

ปูนเดินตรงไปที่ชั้นวางของ หยิบกล่องยาวๆ ออกมา 2 กล่องพร้อมไฟแช็ก หลังจากนั้นก็หันไปบอกกับน้องชายที่เพิ่งจะเดินลงมาจากบนบ้านว่า “เซน เฝ้าร้านให้หน่อยนะเดี๋ยวเจ้มา”

“ไปไหนอ่ะ” น้องชายถามพลางเช็ดแว่นตา

“เฝ้าร้านไปเถอะ อย่างเพิ่งถามเลย ไปนะ”

นักกายภาพสาวสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์อีกครั้งแล้วขี่ออกไปในซอยที่เธอเพิ่งจะกลับมา

. . .

พิมพรรณมองชายเจ้าของบ้านที่นั่งขัดสมาธิ พนมมือด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ ตัวของชายที่เป็นร่างทรงกระตุกอย่างรุนแรง 2 – 3 ครั้งหลังจากนั้นก็เริ่มนั่งด้วยท่าที่สบายมากขึ้น

“ชื่ออะไรน่ะเรา” ร่างทรงถาม เสียงของเขาแหบนิดหน่อยแต่ก็ไม่แตกต่างจากเสียงเดิมเท่าไหร่นัก

“พิมพรรณค่ะ”

“วันเดือนปีเกิดอะไร”

“18 พฤษภา 25XX ค่ะ”

“เกิดวันอะไร”

“วันจันทร์ค่ะ”

“เอ็งเป็นคนมีเคราะห์... เพิ่งเจอเรื่องมาใช่มั้ยล่ะ”

“ก็... ประมาณนั้นแหละค่ะ”

ร่างทรงเงียบพร้อมกับทำท่านั่งสมาธิพร้อมกับส่งเสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์ บรรณาธิการสาวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างมากกับบรรยากาศโดยรอบ หน้าต่างและประตูระเบียงถูกปิด กลิ่นธูปตลบอบอวลอยู่ในห้องทำให้เธอรู้สึกมึนศีรษะ เธอพยายามตั้งสติแล้วเลื่อนมือไปแตะที่กระเป๋ากางเกงบริเวณที่มีสเปรย์พริกไทยเหน็บอยู่อย่างเตรียมพร้อม

“ตอนนี้ยังดีอยู่ แต่อีกไม่นาน ไม่กี่เดือน ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องความรัก จะแย่ลงเรื่อยๆ เรื่องสุขภาพด้วย จะมีปัญหากับคนใกล้ชิด แล้วก็จะมีแต่แย่กับแย่ลง”

สาวตาคมขมวดคิ้ว “จะเป็นถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ... แล้วจะแย่ลงยังไงอ่ะคะ”

“ทำงานราชการอยู่ใช่มั้ยล่ะ หึ... เอ็งจะมีปัญหากับเจ้านาย จะถูกลดขั้น ส่วนผู้ชายที่อยู่กับเอ็งจะทิ้งเอ็งไปอยู่กับคนอื่น ยัง... ยังไม่หมด เอ็งอาจจะเป็นเนื้องอก เป็นมะเร็งด้วย”

“ร... เหรอคะ ...แล้วทำยังไงให้มันจะดีขึ้นละคะ”

“ง่ายๆ ก็แค่ทำสะเดาะเคราะห์”

บรรณาธิการสาวรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนหัวใจจะถูกบีบ กลิ่นธูปทำให้เธอรู้สึกผะอืดผะอมอยากจะอาเจียน หรือว่า...มียาอยู่ในธูป! ชายคนนี้ต้องวางแผนอะไรบางอย่างเอาไว้แน่นอน!

‘ซวยแล้ว...’ สาวตาคมคิดในใจ

“สะเดาะเคราะห์เหรอคะ... มันต้องทำยังไงละคะ” พิมพรรณถามในขณะที่เธอกำลังต่อสู้อยู่กับความรู้สึกแย่ๆ อยู่นั้น สมองของเธอก็พยายามคิดหาวิธีที่จะหลุดรอดพ้นจากสถานที่นี้ด้วย หมอดูคนนี้เป็นสิบแปดมงกุฏแน่ๆ แล้วทำไม... ทำไมต้นถึงแนะนำเธอมาที่นี่!

“สักน้ำมันแก้เคล็ด”

“สักน้ำมัน... มันเป็นยังไงคะ”

“ก็เหมือนสักทั่วไปนั่นแหละ แต่ใช้น้ำมันพิเศษ ไม่ได้ใช้หมึก ...ไม่ต้องห่วงมันไม่มีลาย รับรองเลยว่ารูปร่างเอ็งไม่หมดสวย เชื่อมือข้าเถอะ แฟนเอ็งไม่นอกใจแถมยังจะรักเอ็งมากขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ”

“จ... จริงเหรอคะ” ปากของบรรณาธิการสาวสั่น เธอพยายามเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก อาการมึนงงยังคงอยู่ รวมทั้งอยากจะอาเจียนด้วย

“จริงสิ วันนี้จะทำให้เลยก็แล้วกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะทำวันเดียวเสร็จนะ มันต้องมาทำหลายวันไหน เอาเป็นว่าอาทิตย์ละครั้งก็แล้วกัน”

“เอ่อ... ฉันคงไม่มีเวลามากถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ คงไม่ทำดีกว่า” สาวตาคมมองดูนาฬิกา แค่ 15 นาทีที่อยู่ตรงนี้ มันทำให้เธอรู้สึกแย่ได้ขนาดนี้เชียวหรือและแล้วเธอก็คิดแผนที่จะหลุดพ้นจากสถานที่แห่งนี้ได้แล้ว
“เอ็งไม่เชื่อข้าหรือยังไง!” ร่างทรงพูดด้วยเสียงดังขึ้น

“บอกตามตรงก็... ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่” พิมพรรณพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ เพื่อยั่วโทสะของชายที่อยู่ตรงหน้า

“อุวะ! เอ็งเป็นใคร กล้าดีมาจากไหนถึงมาพูดกับข้าแบบนี้”

“ก็... แต่พนักงานบริษัทธรรมดาๆ ที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ ไม่ใช่ข้าราชการ” บรรณาธิการสาวพูดพลางดึงสเปรย์พริกไทยขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

ร่างทรงรู้สึกเสียหน้า เขายืนขึ้น กระทืบเท้า “เอ็งจะต้องโดนดี!” เขากระชากเสียงพูดด้วยความโกรธ

พิมพรรณไม่ตอบ เธอค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปที่บันไดช้าๆ ในขณะที่ชายเจ้าของบ้านย่างสามขุมเข้ามาหา สาวตาคมถือสเปรย์ด้วยท่าเตรียมพร้อม ในขณะที่ร่างทรงที่เดินตรงเข้ามาหาเธอแสยะยิ้มโดยที่ไม่ได้สังเกตว่าในมือของอีกฝ่ายนั้นถืออะไรอยู่

“เอ็งจะต้องโดนดี!” ชายเจ้าของบ้านตะโกนใส่บรรณาธิการสาวพร้อมยื่นมือทั้งสองมากดไหล่ของเธอไว้ แรงผู้หญิงอย่างเธอสู้ไม่ได้กับแรงกดที่มาจากมือผู้ชาย สาวตาคมพยายามขืนตัวไม่ให้ทรุดไปตามแรงที่ส่งมา แล้วเธอก็ยื่นมือที่ถือขวดสเปรย์ไปตรงหน้าของร่างทรงแล้วกด

“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เจ้าของบ้านร้องเสียงหลงด้วยความแสบ สเปรย์ถูกฉีดตรงไปที่ตาทั้งสองข้างของเขา สองมือที่จับไหล่ของอีกฝ่ายอยู่ถูกเปลี่ยนไปกุมอยู่ที่ใบหน้าแทน เสียงร้องที่บ่งบอกไปด้วยความทรมานยังคงส่งออกมาจากปากของเขาไม่หยุด

“มึง... มึงทำอะไรกู” ร่างทรงร้อง ตอนนี้เขาล้มตัวลงไปกองกับพื้น ร่างกายดื้นไปมาด้วยความเจ็บปวด

พิมพรรณรวบรวมกำลังของเธอทั้งหมดแล้ววิ่งลงบันไดไปยังด้านล่าง เธอวิ่งชนของที่วางเอาไว้ตามทางเพราะความมึนจากกลิ่นธูป สาวตาคมผลักประตูบ้านให้เปิดออก

“มึงงงงงงงงงงงงงง” เสียงของชายเจ้าของบ้านตามหลังเธอมา บรรณาธิการสาวหันกลับไปมอง เธอเห็นเข้าใช้มือหนึ่งกุมที่ใบหน้าด้านซ้าย ดวงตาขวาแดงก่ำเพราะสเปรย์ เขากลิ้งตกจากบันไดลงมาชั้น 1 แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
สาวตาคมรีบวิ่งออกจากบริเวณลานหน้าบ้าน เธอไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะใส่รองเท้าได้แต่หยิบขึ้นมากอดคู่กับกระเป๋าถือและขวดสเปรย์ที่อยู่แนบอก ผลักประตูรั้วให้เปิดออกแล้ววิ่งออกมายังถนนด้านนอก

“อย่าหนีสิโว้ย!” เสียงตะโกนดังออกมาจากในบ้าน แต่พิมพรรณก็เร่งฝีเท้าแบบไม่หยุดเช่นเดียวกัน

“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงดังคล้ายประทัดขึ้นที่บริเวณลานหน้าบ้านทำให้ร่างทรงตกใจ เขาชะงักแต่พอจะก้าวขาออกเสียงประทัดก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับความเจ็บปวด เหมือนมีใครบางคนจุดประทัดแล้วโยนใส่เขา

บรรณาธิการสาววิ่งเท้าเปล่าออกมาถึงหน้าซอย 21 ระหว่างที่หันซ้ายหันขวาอยู่นั้น เธอได้ยินเสียงร้องเรียกจากด้านหลัง

“คุณพิม” สาวหมวยขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเทียบข้างๆ เธอ แล้วพูดต่อว่า “ขึ้นมาเร็ว”

สาวตาคมกระโดดขึ้นซ้อนท้ายแทบจะในทันที เธอกอดเอวคนขี่ไว้แน่น หลับตาลงพร้อมกับซบหน้าลงบนแผ่นหลังของอีกฝ่าย

. . .
ร่างกายของพิมพรรณโงนเงนจะล้มแหล่มิล้อมแหล่เมื่อนักกายภาพสาวจอดรถที่หน้าร้านขายของชำ สาวหมวยรีบประคองตัวของอีกฝ่ายของที่ล้มลงไปกองกับพื้นซีเมนต์ แล้วพาบรรณาธิการสาวเดินเข้าไปในร้าน ส่วนเจ้าน้องชายตัวแสบพอเห็นพี่สาวกลับมาถึงร้านปุ๊บก็กลับขึ้นไปบนบ้านปั๊บ

ปูนพาสาวตาคมไปนั่งที่เก้าอี้ภายในร้าน ดึงรองเท้า กระเป๋าถือ และสเปรย์พริกไทยออกจากมือของอีกฝ่าย แล้วก็เดินไปเปิดน้ำอัดลมมาวางไว้ตรงหน้า

“ทานสิคะ” นักกายภาพสาวพูด

“เอ่อ... พิมไม่ทานน้ำอัดลม มัน...”

“มันไม่ดีต่อสุขภาพ” สาวหมวยพูด “ปูนรู้... แต่คุณพิมต้องทานค่ะ ตอนนี้อาการคุณค่อนข้างแย่ ความหวานจะช่วยให้คุณดีขึ้น... นะคะ...”

บรรณาธิการสาวยังคงบ่ายเบี่ยงจนกระทั่งอีกฝ่ายต้องจับหน้าให้อยู่นิ่งๆ แล้วบังคับให้ดูดน้ำอัดลมเข้าปากไปจนได้

“รู้สึกดีขึ้นหรือยังคะ” ปูนพูดเมื่อเห็นสีหน้าของสาวตาคมดีขึ้น

“ค่ะ... ขอบคุณนะคะที่ช่วย”

“ไม่เป็นไรค่ะ” แต่ก่อนที่นักกายภาพจะพูดอะไรต่อไปก็มีเด็กผู้ชายอายุประมาณ 10 ขวบ 2 คนวิ่งเข้ามาในร้าน

“พี่ปูนนนนนน” หนุ่มน้อยทั้งสองประสานเสียงเรียกเจ้าของร้าน

“ไม่เป็นอะไรกันใช่มั้ย”

“อื้อ”

“ขอบใจมากนะที่ช่วย อ้ะ ค่าแรง” ว่าแล้วสาวหมวยก็หยิบแบงค์ 20 ส่งให้สองหนุ่มน้อยคนละใบ “แต่ทีหลังอย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นล่ะ”

“ค้าบบบบ”

“แล้วอย่าบอกใครด้วยนะว่าพี่ให้ทำแบบนี้”

“ค้าบบบบ”

“โอเค... ไปได้แล้ว” หลังจากนั้นเด็กทั้งสองคนก็วิ่งออกจากร้านไป

เมื่อนักกายภาพสาวหันกลับมาอีกทีก็เห็นสาวตาคมยิ้มให้ ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มแบบเพลียๆ แต่ปูนรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้นน่ารักมาก

“ลูกสมุนเหรอคะ” พิมพรรณถาม

“ค่ะ... ก็ให้ช่วยอะไรนิดหน่อย”

“ใช่เสียงดังๆ เหมือนเสียงประทัดเมื่อกี้หรือเปล่าคะ”

“ใช่ค่ะ... ทำไมคุณพิมถึงไปที่นั่นละคะ” สาวหมวยถาม

บรรณาธิการสาวถอนหายใจ “พอดีว่ามีเรื่องนิดหน่อยน่ะค่ะ จำวันที่พิมคุยกับคุณปูนได้มั้ยละคะ วันที่พิมไปรับยายแต่ยายกลับไปก่อนแล้ว”

“จำได้ค่ะ”

“นั่นแหละค่ะ เย็นวันนั้นรถพิมถูกชน”

“อุ๋ย... แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”

“นี่ไงคะ” สาวตาคมชี้ไปที่แผ่นพลาสเตอร์ที่ปิดหางคิ้วซ้าย “แค่หัวแตกอ่ะค่ะ ไม่เป็นอะไรมาก แต่เรื่องรถก็ค่อนข้างจะหนักนิดนึง”

“อ่าค่ะ... กะว่าจะถามอยู่ว่าเป็นอะไรถึงมีแผลตรงนั้น... พอรถชนคุณพิมก็เลยมาดูดวงเหรอคะ”

“นั่นก็ส่วนหนึ่งค่ะ” พิมพรรณตอบพลางยกขวดน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม “พอดีว่าที่ทำงานพิม... พวกลูกน้องก็พูดแบบนี้บ่อยๆ แล้วก็แนะนำให้พิมไปหาหมอดูเผื่อจะช่วยละไรได้บ้าง ก็เลยมาที่นี่... แต่ก็... เท่าที่คุณปูนเห็นแหละค่ะ ช่วยอะไรไม่ได้ แถมยังจะพาให้แย่ลงไปอีก”

“เอ่อ... ลูกน้องคุณพิมที่แนะนำมาเป็นกะเทยหรือเปล่าคะ”

“ค่ะ... ทำไมเหรอคะ”

“ถึงว่าสิว่าทำไมคุณพิมถึงมาที่นี่ได้ ก็... บ้านนั้นเค้าขึ้นชื่อเรื่องดูดวงให้พวกกะเทย พวกสาวประเภทสอง นานๆ จะมีผู้หญิงมาสักทีนึง แต่พอมีผู้หญิงแท้ๆ มาทีไรก็มีเรื่องทุกที... อันนี้ปูนได้ยินคนเค้าเล่ามาอ่ะค่ะ... เมื่อเช้านี่เอง”

“เหรอคะ... ถึงคราวซวยของพิมอีกแล้วละสิเนี่ย”

“ไม่หรอกมั้งคะ... ปูนไม่แน่ใจว่าลูกน้องคุณพิมรู้หรือเปล่า แต่ถ้าเป็นปูนๆ จะด่าให้โทษฐานแนะนำมาแล้วไม่ยอมมาด้วย”

“อย่าเลยค่ะ... ด่าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เผลอๆ พิมอาจจะถูกลูกน้องเขม่นเอาอีกก็ได้”

สาวหมวยขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดว่าอะไร เธอแอบมองบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเงียบๆ และสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายมีอาการแปลกๆ

“เป็นอะไรไปคะ” นักกายภาพสาวถาม

“มึนหัวค่ะ... อาจเป็นเพราะกลิ่นธูป... เหมือนว่าเค้าใส่อะไรบางอย่างในธูป แบบว่าได้กลิ่นแล้วอยากจะแหวะน่ะค่ะ” พิมพรรณตอบพลางเอามือกุมศีรษะ

ปูนเดินไปหยิบสำลีก้อน เทพิมเสนน้ำลงไปให้ชุม แล้วนำไปวางไว้ใกล้ๆ สาวตาคม หลังจากนั้นก็ถูมือตัวเองไปมาหลายๆ รอบเพื่อให้เกิดความร้อน เธอบอกให้พิมพรรณเอามือที่กุมศีรษะอยู่ออกแล้วใช้มือทั้งสองแนบไปที่บริเวณขมับของบรรณาธิการสาวอยู่พักหนึ่งหลังจากนั้นก็ค่อยๆ นวดที่ขมับของอีกฝ่ายช้าๆ

“หายใจลึกๆ ยาวๆ นะคะ” สาวหมวยบอก

“ค่ะ”

นวดไปได้สักพักนักกายภาพสาวก็คลายมือออกแล้วเดินอ้อมไปยังด้านหลังของพิมพรรณ เธอค่อยๆ นวดที่ต้นคอ ไล่ขึ้นไปบริเวณหลังศีรษะ...

“อย่าเกร็งนะคะ หายใจเข้าลึกๆ” สาวหมวยกระซิบบอกแล้วใช้มือทั้งสองจับที่ต้นคอของคนที่นั่งอยู่ แล้วก็บิดไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว

บรรณาธิการสาวตกใจเพราะปูนบิดคอเธอด้วยความเร็วที่เร็วมาก เร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว แถมยังได้ยินเสียงกระดูกคอของตัวเองดัง “กร๊อบ” อีกต่างหาก และอีกไม่กี่อึดใจต่อมาคอของเธอก็บิดไปทางขวา ถูกดันไปข้างหน้า และถูกดึงไปด้านหลังครบทั้ง 4 ทิศทาง แต่ละทิศที่หันไปตามแรงของสาวหมวยนั้นเธอก็ได้ยินเสียงกระดูกคอของตัวเองดังเป็นระยะๆ

นักกายภาพสาวเดินลงมานั่งตรงข้ามเธออกีครั้งหลังจากนวดเสร็จ “ดีขึ้นมั้ยคะ” ปูนถาม

“เอ่อ... ดีขึ้นค่ะ” สาวตาคมพูดพลางลูบที่ต้นคอของตัวเอง

“ปูนว่าที่คุณพิมมีอาการมึนคงเป็นเพราะอากาศไม่ถ่ายเทจากบ้านหลังนั้นมากกว่า กลิ่นธูปที่ไม่คุ้ยเคยเองก็อาจจะมีส่วน แต่พอดีเห็นคุณพิมบอกว่ารถเพิ่งถูกชนแล้วก็มีแผลที่หัว คนส่วนใหญ่จะทำแผลเท่าที่ตัวเองเห็นแต่ไม่ได้คิดถึงแรงกระแทกจากการถูกชนอาจจะทำให้เกิดการเคลื่อนของกระดูกได้...”

“ก็เลยช่วยทำกายภาพให้พิมใช้มั้ยคะ”

“ค่ะ... ฟรีค่ะ ไม่คิดตังค์” นักกายภาพสาวพูดจบก็ยิ้มกว้าง

พิมพรรณยิ้มตอบ ทำไมเธอเห็นรอยยิ้มของคนๆ นี้แล้วรู้สึกชอบขึ้นมานะ... อาจเป็นเพราะความจริงใจที่เธอคนนี้เข้ามาช่วยเธอจากเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานนี้กระมัง

“คุณพิมจะทำยังไงกับเจ้านั่นคะ” นักกายภาพสาวถาม ทำเอาสาวตาคมตื่นจากภวังค์

“เจ้านั่น... ใครคะ”

“ก็หมอดูยังไงละคะ”

บรรณาธิการสาวส่ายหน้า “คงไม่ล่ะค่ะ พิมไม่อยากมีเรื่อง”

“คุณพิมใจดีเกินไปแล้วนะคะ... เจ้านั่นทำคุณพิมถึงขนาดนี้ เป็นปูนๆ จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย”

“อยากอยู่ค่ะ แต่พิมไม่มีหลักฐาน เพราะงั้น... คงจะเอาเรื่องอะไรไม่ได้เยอะ แล้วอย่างที่คุณปูนบอก เขามีชื่อในหมู่สาวประเภทสอง ถ้าขืนทำอะไรลงไป พิมกลัวว่าจะมีเรื่องที่หนักกว่านี้เข้ามาหาพิม”

ปูนขมวดคิ้วและคิดอย่างชั่งใจ สาวตาคมพูดถูก พวกเธอไม่มีหลักฐานและถ้าขืนทำอะไรกระโตกกระตากคนที่จะเดือดร้อนก็อาจจะเป็นพิมพรรณก็ได้

“เฮ้อ... เข้าใจแล้วค่ะ แล้วก็ขอโทษนะคะ”

“ขอโทษเรื่องอะไรคะ”

“เรื่องที่ว่าคุณพิมเมื่อกี้”

“ไม่เป็นไรค่ะ” บรรณาธิการสาวยิ้ม รอยยิ้มนั้นทำเอาอีกฝ่ายยิ้มตาม

ก่อนที่จะคุยอะไรกันต่อก็มีลูกค้าเข้าร้าน นักกายภาพสาวจึงลุกขึ้นไปขายของ พิมพรรณมองตามหญิงสาวที่เดินเนือยๆ ไปที่ตู้เย็น เธอไม่คิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนนี้ คนที่ได้รับฉายาว่า “หมวยนำโชค” เธอคงจะได้รับโชคดีจากปูนขึ้นมาบ้างกระมัง

เมื่อสาวหมวยเดินกลับมานั่งที่เดิม สาวตาคมก็ถามอีกฝ่ายขึ้นมาเบาๆ ว่า

“คุณปูนคะ... คุณปูนคิดยังไงกับคนที่โชคร้ายตลอดคะ”

“หมายความว่ายังไงอ่ะคะ”

“ก็หมายความว่าเวลาที่คุณปูนรู้จักคนที่โชคไม่ดี โชคร้าย หรือดวงซวยตลอด คุณปูนคิดยังไงกับเค้าคะ แบบว่า สงสาร อยากช่วย หรืออย่างอื่น”

“มันแล้วแต่สถานการณ์มากกว่าค่ะ”

“ยังไงละคะ”

“ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างกรณีที่คุณพิมหกล้มในห้องกายภาพ ปูนว่าอาจเป็นความซุ่มซ่ามหรือการเดินไม่ระวังมากกว่า ส่วนเรื่องที่ทำให้คุณยายโกรธก็เป็นเพราะความผิดที่ผิดเวลา ส่วนเรื่องหมอดู... ก็คงเพราะความไม่รู้ และโชคร้ายอย่างที่คุณพิมชอบพูดบ่อยๆ ว่า...”

“ซวยแล้ว” สองสาวพูดขึ้นมาพร้อมกันแล้วก็หัวเราะ

“ถ้าถามปูน ปูนอยากช่วยมากกว่าค่ะ แต่ก็...”

“ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ใช่มั้ยคะ” บรรณาธิการสาวตอบ

“ค่ะ”

“แต่ที่รอดจากสถานการณ์แบบเมื่อกี้... จะพูดได้ว่า Lucky ก็ได้ละค่ะ”

“ค่ะ... Lucky” สาวตาคมทวนคำพูดของอีกฝ่าย

ปูนยิ้ม “เอาเป็นว่าคุณพิมควรจะยึดในสิ่งที่คุณพิมเชื่อมาตลอดน่าจะดีกว่าล่ะค่ะ จะดีหรือจะร้ายมันก็ขึ้นอยู่กับที่การกระทำของเราเอง เราทำด้วยตัวของเราเอง เรื่องโชคลางหรืออะไรนั่นก็เป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตมันมีสีสันเท่านั้นเองละค่ะ”

“ค่ะ... ขอบคุณนะคะที่ช่วย และขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ”

. . .
พิมพรรณซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์ของสาวหมวยออกมาที่หน้าหมู่บ้านเพื่อที่จะขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน เธอมองแผ่นหลังจากคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วอมยิ้ม และอยากจะกอดเอวนักกายภาพสาวเหมือนกับตอนที่ขึ้นมาจากหน้าปากซอย 21 เหลือเกินแต่ก็ไม่กล้าพอ เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้านเธอก็ลงจากรถมอเตอร์ไซด์

“กลับบ้านดีๆ นะคะ” ปูนพูด

“ค่ะ... ขอบคุณะนะคะ”

“ไปนะคะ” สาวหมวยพูดอีกครั้งก่อนที่จะเข้าเกียร์

“ค่ะ เอ่อ... คุณปูนคะ”

“ค่ะ”

“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ”

“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”

“เอ่อ... ค่ะ”

ก่อนที่นักกายภาพสาวจะจากไป เธอก็บอกกับพิมพรรณว่า “อ้อ... แล้วก็... ขอให้โชคดีนะคะ”

“ค่ะ... Lucky”

บรรณาธิการสาวเรียกรถแท็กซี่พร้อมๆ กับที่ปูนจะขี่รถมอเตอร์ไซด์กลับเข้าไปในหมู่บ้าน




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.