วันนั้ไร่หทัยภัทรดูวุ่นวายเหมือนกำลังเกิดเรื่องอะไรสักอย่างแต่มัทนาก็ไม่คิดจะใส่ใจอะไรเมื่อเธอเองก็มีเรื่องให้ต้องคิดเหมือนกันโดยเฉพาะเรื่องบางอย่างที่เธอดันหน้ามืดทำลงไปโดยไม่คิดและผลที่ออกมาก็คือความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ข้างในใจของตัวเองและสิ่งนั้นนี่เองที่ทำให้เธอเดินมาถึงบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่ที่เหมือนกำลังมีการรวมตัวของคนงาน หญิงสาวมองไปทั่วๆอย่างแปลกใจก่อนจะสะกิดถามคนงานหญิงที่กำลังจะเดินเข้าไป
“มีอะไรกันเหรอ”
“นายหญิงเรียกประชุมด่วนเร็วๆเข้าถ้าไปช้าเดี่ยวก็โดนดี”
คนพูดแสดงสีหน้ากลัวๆก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังกลุ่มคนที่นั่งอยู่
“ขนาดนั้นเชียว”
มัทนาเอ่ยออกมาอย่างนึกขันแต่เพียงแค่ใบหน้าของคนหน้ากลัวโผล่ออกมาจากบ้านก็ทำให้เธอเข้าใจได้ถึงความรู้สึกของคนงานหญิงเมื่อครู่ได้เป็นอย่างดีจนต้องรีบวิ่งไปหาที่นั่งของตัวเองบ้าง
นายหญิงของไร่เดินออกมาดูคนงานที่เริ่มทยอยมามากขึ้นเรื่อยๆด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดพักนี้เกิดเรื่องมากมายจนเธอรู้สึกปวดหัวไปหมดทุกอย่างประดังเข้ามาแทบจะพร้อมกัน หทัยภัทรเปลี่ยนจากใบหน้าเคร่งเครียดทันทีเมื่อสายตาของเธอมองเห็นใบหน้ากวนอารมณ์ของคนบางคนที่เธอยังไม่ได้ชำระแค้นกับเหตุการณ์บางอย่างที่อีกฝ่ายได้ก่อก็ดันมีเรื่องหัวขโมยเข้ามาก่อนจนต้องเรียกให้คนงานทุกคนเข้ามาประชุมพร้อมๆกันแบบนี้
“คนงานน่าจะมาเกือบครบแล้วนะคะ”
ปาลิตาเดินมาหยุดเคียงคู่อยู่กับพี่สาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กันก่อนจะหันไปมองยังตำแหน่งเดียวกับสายตาของคนข้างๆที่ไม่ยอมหันมามองเธอ
“นั่นมัน!”
เมื่อมองไปยังเป้าหมายเดียวกับคนข้างๆปาลิตาก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่อีกคนกำลังให้ความสนใจอยู่คืออะไร หญิงสาวกำมือไว้แน่นก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆอย่างขัดใจ
“ถ้าเราจัดการเรื่องไอ้หัวขโมยนี่เสร็จตาว่าเราควรจัดการยัยนี่เป็นคนต่อไป”
คนพูดทำท่าราวกับเสือที่เตรียมจะขย้ำเหยื่อแล้วไหนจะน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของคนพูดนั่นอีกทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะหันมามองก่อนจะหันกลับไปยังเป้าหมายเดียวกัน
“พี่บอกแล้วไงว่าให้ค่อยเป็นค่อยไปอย่าใจร้อน”
“ตาใจร้อนหรือว่าพี่หทัยใจเย็นกันแน่คะ”
ปาลิตาหลุดพูดประโยคที่ไม่ควรพูดออกมาแต่เธอก็ไม่คิดจะเอ่ยแก้ตัวเมื่อมันคือเรื่องจริงที่พี่สาวของเธอควรจะได้รับรู้
“หมายความว่าไง”
คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆทำให้คนฟังรู้สึกเกรงอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ควรจะพูดเรื่องนี้สักที
“ตาแค่รู้สึกว่ายัยนั่นอยู่สบายเกินไปมันไม่คุ้มกับการลงทุนในครั้งนี้สักเท่าไหร่”
“นี่แค่เริ่มต้นเรายังมีเวลาอีกเยอะ”
“แล้วทำไมเราไม่จัดหนักๆตั้งแต่เริ่มต้นล่ะคะตั้งแต่ยัยนั่นมาตาก็ไม่เห็นว่ามันจะลำบากตรงไหน”
คนพูดหันไปจ้องหน้าบุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยถึงก่อนจะดึงสายตากลับมาจ้องหน้าของคนที่ตัวเองคุยด้วย
“แก้แค้นยังไงกันคะยัยนั่นถึงได้อยู่บ้านพักพิเศษที่แยกออกมาจากคนงานแล้วไหนจะตอนไปทำงานที่ได้เจ้าของไร่มาเทียวรับเทียวส่งอีก สิทธิ์พิเศษแบบนี้ขนาดน้องของเจ้าของไร่ยังไม่เคยได้รับเลยนะคะ”
ปาลิตาเริ่มเอาความน้อยใจออกมาตัดพ้อเธอไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาแต่ครั้งนี้มันอดไม่ได้จริงๆทุกอย่างเริ่มทะลักออกมาทั้งคำพูดและแววตาจนหทัยภัทรถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดเหมือนคนกำลังน้อยใจของน้องสาว
“เอาไว้คุยต่อวันหลังคนงานมาครบล่ะ”
หทัยภัทรพูดจบก็เตรียมเดินไปประจำที่แต่กลับถูกคนที่ยืนคุยด้วยวิ่งมาขวางไว้พร้อมกับทำหน้าเหมือนรอคอยคำตอบที่ตัวเองได้เอ่ยถามไป
“มีอะไรอีก”
“ตาแค่อยากได้คำตอบ”
“พี่บอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันไงตอนนี้เรามีเรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการก่อน”
หทัยภัทรเดินเลี่ยงน้องสาวที่คุยไม่รู้เรื่อยไปอีกทางแต่แล้วการก้าวเท้าของเธอก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อคนที่รอคำตอบเอ่ยประโยคในใจออกมาอีก
“สำหรับตาเรื่องคนที่ทำลายหัวใจของที่หทัยสำคัญที่สุด ตาจะไม่มีวันให้มันลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้และตาก็คิดว่าพี่หทัยก็ควรจะจัดการซะที”
“ปาลิตาหยุดได้แล้ว”
นรีรัตน์เข้าไปดึงน้องสาวเอาไว้แต่กลับถูกอีกฝ่ายปัดมือออกจากนั้นเจ้าตัวก็เดินไปหาพี่สาวอีกคน
“ตาเป็นห่วงพี่หทัยนะคะ”
ปาลิตาเอ่ยออกมาด้วยแววตาเศร้าๆก่อนจะเอื้อมไปคว้ามือพี่สาวสุดที่รักมากุมไว้ หทัยภัทรมองหน้าสลับกับมือของคนตรงหน้าด้วยแววตาที่อ่อนลงก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ขอบใจนะตาเอาเป็นว่าถ้าเสร็จเรื่องนี้เรามาคุยกันอีกทีนะแต่วันนี้พี่ขอจัดการเรื่องนี้ก่อน”
หทัยภัทรดึงมือออกช้าๆก่อนจะเดินไปด้านหน้าของกลุ่มคนงานที่มารวมตัวกันครบแล้วเธอเข้าใจความห่วงใยที่ปาลิตามอบให้แต่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในไร่ตอนนี้ก็สำคัญมากเช่นกันและเธอก็คงไม่รีรอที่จะให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้เพราะฉะนั้นต้องจัดการหัวขโมยที่แฝงตัวอยู่ในไร่นี้ให้ได้เสียก่อน!
การประชุมจบลงพร้อมกับคำสั่งเด็ดขาดให้ทุกคนเฝ้าระวังข้าวของทั้งของตัวเองและของส่วนรวมในครั้งนี้นายหญิงออกมาป่าวประกาศเหมือนจะรู้ตัวคนทำแต่ยังไม่มีหลักฐานและกล่าวปิดท้ายว่าถ้ามีอีกและจับได้ครั้งหน้าจะไม่มีคำว่ายกโทษให้แต่จะส่งไปกินข้าวแดงหรือไม่ก็ยิงทิ้ง เท่านั้นแหละคนงานในไร่ถึงกับขวัญเสียกันเป็นแถวยิ่งคนมาใหม่อย่างมัทนาถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ไม่คิดว่าคนพูดจะโหดได้ขนาดนี้แต่เธอก็ทำความเข้าใจอยู่ไม่นานเมื่อลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่เจอหทัยภัทรสิ่งเหล่านั้นน่าจะเพียงพอที่ทำให้เธอเข้าใจได้ไม่ยาก
“นั่งคิดอะไรอยู่”
คนถูกถามเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของคำถามที่กำลังส่งยิ้มมาให้เธอจากนั้นไม่นานมือน้อยๆก็ถูกยื่นมาตรงหน้าราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังจะดึงเธอขึ้นและมีหรือที่เธอจะปฏิเสธ มัทนายื่นมือไปจับมือของคนใจดีเอาไว้ก่อนจะถูกอีกฝ่ายฉุดให้ลุกขึ้นจริงๆแต่นรีรัตน์ก็ต้องออกแรงเพิ่มมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าแรงในตอนแรกของเธอไม่สามารถช่วยให้คนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นได้
“ตัวหนักเหมือนกันนะ”
คนนั่งอยู่ไม่พูดอะไรนอกจากอมยิ้มก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาเองอย่างรวดเร็วจนทำให้คนที่ออกแรงฉุดถึงกับเซถอยหลังเกือบล้ม
“เธอนี่”
นรีรัตน์หันมาส่งสายตาดุให้คนที่เธออุตสาห์ช่วยแต่กลับถูกแกล้งคืนจนเกือบล้นยังดีที่อีกฝ่ายช่วยดึงมือเธอเอาไว้ไม่งั้นคงได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่แต่ทันทีที่สายตาของเธอประทะเข้ากับอีกคนใกล้ๆแบบนี้ก็ทำให้เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“คุณนรีเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
มัทนาเอ่ยถามอย่างรู้สึกผิดก่อนจะจ้องหน้าคนที่ยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิกอย่างแปลกใจจากนั้นหญิงสาวก็โบกมือผ่านหน้านรีรัตน์ไปมาเพื่อเรียกสติอีกคนให้กลับคืนมา
“เอ่อ…ขอบใจนะ”
เมื่อได้สตินรีรัตน์ก็กล่าวขอบคุณคนที่ช่วยเธอไม่ให้ล้มจากนั้นก็เดินถอยห่างออกมาอย่างอายๆที่จริงประโยคที่ควรหลุดออกจากปากของเธอน่าจะเป็นประโยคต่อว่าแต่พอเห็นหน้าคนขี้แกล้งใกล้ๆเธอก็พูดอะไรไม่ออกแถมยังไปขอบคุณคนที่แกล้งตัวเองอีกต่างหาก…แปลกใจกับตัวเองจริงๆ
มัทนามองคนที่ทำท่าทางแปลกๆอย่างไม่เข้าใจมากนักแต่เธอก็ไม่ติดใจอะไร หญิงสาวยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับคนแปลกใกล้ๆ
“คุณนรีมีอะไรให้มัททำหรือเปล่าคะ”
“ไม่มี…เอหรือว่ามีดีนะ”
คนพูดเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้เธอเดินมาที่นี่
“ตกลงมีหรือไม่มีคะว่าแต่นี่มันเลิกงานแล้วนี่นาไว้พรุ่งนี้ค่อยทำเนาะ”
มัทนาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนๆจนคนฟังต้องหัวเราะออกมา
“ฉันไม่ใจร้ายถึงขนาดให้เธอทำงานนอกเวลางานหรอก”
นรีรัตน์พูดจบก็ยื่นบางอย่างให้คนที่ยืนทำหน้าสงสัย
“กุญแจรถ”
มัทนาอุทานออกมาเบาๆก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่ถือเจ้ากุญแจนี้อยู่อย่างงงๆ
“ไปเที่ยวกัน”
พูดจบนรีรัตน์ก็ไม่คิดจะรอคำตอบเพราะตอนนี้เธอจัดการลากแขนคนขี้สงสัยไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันจิ๋วถึงจะทุลักทุเลไปหน่อยแต่เธอก็สามารถพาอีกคนมาได้ก่อนจะโยนกุญแจให้อีกฝ่ายเป็นคนขี่ส่วนสารถีจำเป็นก็ทำหน้าที่อย่างงงๆแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่หลอกเธอไปฆ่าอย่างแน่นอน
ภาพของคนสองคนที่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปช่างดูขัดหูขัดตาคนมองอย่างหทัยภัทรเป็นที่สุด นายหญิงของไร่สะบัดหน้าหนีไปทางอื่นอย่างอารมณ์เสียหากไม่ติดเรื่องการวางแผนจับโจรในวันนี้เธอคงไม่มีวันปล่อยคนทั้งคู่ไปแน่ๆ
“พี่นรีทำแบบนี้ทำไมกันนะ!”
เสียงไม่พอใจของปาลิตาดังขึ้นขณะที่สายตายังคงจับจ้องที่ภาพของคนที่กำลังซ้อนมอเตอร์ไซค์และหากเธอมองไม่ผิดพี่สาวของเธอกำลังกอดเอวคนขี่อยู่ นั่นยิ่งทำให้อารมณ์หงุดหงิดของปาลิตาเพิ่มมากขึ้น
“กลับมาเห็นทีต้องคุยกันยาว”
“พักเรื่องนี้ก่อนเรายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ”
ปาลิตาหันไปมองหน้าคนที่จู่ก็พูดเบรกอารมณ์ของเธอด้วยความสงสัย เมื่อสักครู่ที่เธอเดินเข้ามาอีกฝ่ายดูเหมือนมีอาการยิ่งกว่าเธอซะอีกแต่ละสายตาเพียงแค่เสียวนาทีภูเขาไฟที่ควรจะระเบิดกลับเงียบสงบได้อย่างน่าประหลาด
“ไม่มีอะไรละไปเตรียมตัวเถอะ”
“แล้วพี่นรีล่ะคะ”
“พี่บอกว่าไปเตรียมตัวไง!”
หทัยภัทรตะคอกออกมาอย่างลืมตัวแต่ครั้นพอคิดจะปลอบโยนอีกฝ่ายกลับเดินออกไปแล้ว คนรู้สึกผิดทิ้งตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงเธอรู้ว่าช่วงนี้ออกจะขัดใจปาลิตาอยู่หลายครั้งแต่เธอก็ไม่รู้ควรจะทำอย่างไรถึงจะดีที่สุด รู้ทั้งรู้ว่าปาลิตาพูดถูกทุกอย่างแต่หัวใจของเธอกลับไม่แข็งแรงพอที่จะทำแบบนั้น
ดึกมากแล้วมัทนาเพิ่งแยกกับนรีรัตน์เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา หญิงสาวใจดีพาเธอไปเที่ยวรอบๆไร่ก่อนจะพาไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่อีกคนยืนยันว่านี่คือภาพที่สวยที่สุดและทุกอย่างก็เป็นจริงทั้งสวยงามและตรึงหัวใจจนเธอลืมนึกถึงเรื่องเวลามารู้อีกทีก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มกว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาถึงก็เกือบสี่ทุ่มครึ่งแต่นรีรัตน์ก็ไม่มีถ้อยคำตำหนิใดๆที่เธอพาไปเถลไถลนอกจากรอยยิ้มน้อยๆเช่นเดิมหากที่นี่คือดินแดนที่เรียกว่าสวรรค์เธอคงได้เจอนางฟ้าตัวเป็นๆแล้วล่ะ
มัทนาอมยิ้มให้กับความคิดของตัวเองก่อนจะต้องหยุดเดินเมื่อหางตาของเธอกำลังปะทะเข้ากับเงาของใครบางคนในความมืด หญิงสาวรีบหันไปมองแต่กลับไม่พบสิ่งที่หางตาจับได้ มัทนาจ้องไปยังออฟฟิคที่ตอนนี้ดูมืดและวังเวงมากเป็นพิเศษและเธอมั่นใจว่าเห็นเงาอะไรสักอย่างบริเวณนี้แน่นอน
“ใครน่ะ”
ไม่ต้องรอให้ความสงสัยมาเยือนอีกรอบเพราะมัทนาได้เปลี่ยนทิศทางจากบ้านพักเป็นบริเวณออฟฟิคแทนและเพื่อไม่ให้วังเวงจนเกินไปการส่งเสียงดังออกมาจึงเป็นสิ่งที่หญิงสาวคิดว่าน่าจะดีที่สุด
“ใครน่ะ ใครอยู่ตรงนั้นออกมา”
เสียงตะโกนเรียกยังดังอยู่เป็นระยะๆแต่คนเอ่ยกลับไม่มีทิศทางที่ชัดเจนแต่แล้วความรู้สึกบางอย่างก็บอกให้มัทนาหันไปมองยังป่ารกทึบที่อยู่ข้างๆ
“ใครอยู่ตรงนั้นออกมานะ ออกมาเดียวนี้!”
มัทนาค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ความมืดเรื่อยๆก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกความกล้าและก็ได้ผลเมื่อแรงใจของเธอมีมากขึ้นแต่ก็ต้องฝ่อลงทันทีเมื่อมีมือของใครบางคนจับไหล่ของเธอเอาไว้และก่อนที่จะคิดอะไรออกสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้คือการจับมือที่จับไหล่ตัวเองไว้ก่อนจะพลิกดึงคนร้ายเข้ามาล็อคไว้
“ทำอะไรของเธอเนี้ย!”
เสียงร้องโวยวายทำให้มัทนาต้องรีบปล่อยคนร้ายออกจากการเกาะกุมก่อนจะเดินไปจับข้อมืออีกฝ่ายมาลูบเบาๆ
“มัทขอโทษไม่คิดว่าจะเป็นคุณหทัยภัทร”
“ฉันว่าเธอรู้แต่แกล้งไม่รู้มากกว่านะ”
“เจ็บมากมั้ยคะเดี๋ยวมัทดูให้”
“ไม่เจ็บมั้งแดงขนาดนี้ฉันน่าจะยิงปืนทักทายเธอมากกว่าใช้มือแตะนะว่ามั้ย”
“นี่ก็โหดเกิน”
คนพูดเอ่ยออกมาหน้าซีดๆเพราะผลจากการตกใจเมื่อสักครู่แต่เธอก็ยังคงนวดแขนและข้อมือของนายหญิงจอมโหดเรื่อยๆไม่ยอมปล่อย
หทัยภัทรไม่ได้ขัดขืนอาจเพราะเธอกับคนตรงหน้าเคยสัมผัสกันมากกว่านี้มาแล้ว เอ๊ะ! ความคิดสะดุดทันทีเมื่อเหตุผลข้อนี้ถูกอ้างขึ้นมาใบหน้าขาวผ่องค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนจะผลักตัวการสร้างความปั่นป่วนล้มลง
“ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเรื่อง เอ่อ…เรื่อง เรื่อง”
มัทนาลุกขึ้นสำรวจตัวเองช้าๆเมื่อไม่พบรอยอะไรหญิงสาวก็หันไปจ้องหน้าคนที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างและเธอก็คิดว่าพอจะรู้ว่าเรื่องดังกล่าวคือเรื่องอะไรและมันคงยากที่หทัยภัทรจะพูดออกมาได้
“เรื่องที่เธอจูบฉัน!”
แทบจะลำลักความคิดออกมาเมื่อสิ่งที่คิดว่าไม่แต่อีกฝ่ายกลับกล้าประกาศออกมาแบบนี้
“คือมัท…”
“ไม่ต้องพูดฉันไม่ฟังคำแก้ตัวแต่เธอเตรียมรับบทลงโทษได้เลยถ้าจับโจรได้เมื่อไหร่คิวต่อไปเป็นเธอแน่นอน”
พูดจบหทัยภัทรก็เดินกลับบ้านทันทีทั้งๆที่ตอนแรกกำลังซุ้มจับโจรอยู่แท้ๆแต่พอเห็นว่ามีใครมาเดินเกะกะเธอก็เดินออกมาอย่างลืมตัวดีนะที่ปาลิตาและคนอื่นๆแยกย้ายไปคนละทางไม่อย่างนั้นคงได้มีเรื่องให้ต้องคิดเพิ่มขึ้นอีกเป็นแน่
“ตามมาทำไม”
หทัยภัทรหันหลังกลับมาเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนที่ไม่อยากเห็นหน้าตามมา
“มัทแค่จะมาส่ง”
“ฉันกลับเองได้”
“งั้นเปลี่ยนเป็นเดินเล่นก็ได้ค่ะ วันนี้ดาวสวยน่าไปดูดาวนะคะว่ามั้ย”
คนฟังยืนนิ่งกับรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมาแต่เพียงครู่เดียวภาพบางอย่างก็ทำให้เจ้าตัวทำเปลี่ยนเป็นหน้างอแทน
“ไปดูเองสิ!”
พูดจบหทัยภัทรก็กระแทกเท้าเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับพยายามสะบัดไล่ภาพเมื่อตอนเย็นออกจากหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหัวเสียจนต้องรีบพาตัวเองเข้าห้องให้เร็วที่สุด
มัทนามองคนที่เดินหนีกลับเข้าบ้านอย่างงงๆ ทั้งๆที่คิดว่าอีกฝ่ายจะคล้อยตามแล้วแต่ทำไมจู่ๆกลับเปลี่ยนมาโกรธยิ่งกว่าเธอเดิม…นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า “วัยทอง”
เปิดจองแล้วน๊าตั้งแต่วันนี้ - 10 กุมภา 14
ราคาเล่มละ 350 บาท
ค่าส่งลงทะเบียน 30 บาท
รวมที่ต้องโอน 380 บาท
สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคา 250 บาท
โอนเงินมาได้ที่
ธนาคารกสิกรไทย
สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่
457-211-232-8
ชื่อบัญชี สมทรัพย์
โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่
Mail
mydestiny_k@hotmail.com Tel 087-0591110
Line samakae
facebookhttps://www.facebook.com/mea.you.927
ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ
นิยายเรื่องอื่นๆ
คุณหนูที่รัก yuri
http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=975576 ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri
http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=552259 เกมรัก สะดุดใจ yuri
http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=847672 ปีกรัก yuri
http://writer.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1003521 สัญญาวิวาห์กำมะลอ yuri
http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1044762 สามารถสั่งซื้อได้แล้วจ้า
แบบe-book ก็มีนะค่ะเข้าไปดูได้ที่
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookSearchResults&type=author&search=meAyou ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ