Chapter 12
“คุณๆ สอนฉันเต้นเพลงไก่ย่างหน่อยสิ” วีนัสที่นั่งอยู่ในห้องนอนของกี้พูดขึ้นมาหลังจากที่เธอนำบทละครเรื่องใหม่ขึ้นมาอ่าน
“ไก่ย่างเหรอ... อยากเต้นไปทำไมล่ะ”
“ก็ละครเรื่องใหม่ฉันเล่นเป็นเด็กมหา’ลัย มันมีฉากรับน้องน่ะแล้วในบทฉันต้องเต้น แต่ฉันเต้นไม่เป็น ไม่เคยได้ยินซะด้วยซ้ำไอ้เพลงไก่ย่างเนี่ย” ดาราหน้าหวานพูด “ยังมีเพลงอีกหลายเพลงด้วยนะ นึกไม่ออกเลยแฮะต้องเต้นยังไง”
“อ๋อ... แล้วแน่ใจแล้วเหรอที่จะให้ฉันสอนคุณเต้นน่ะ” สาวเซอร์พูด
“ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอก แต่รู้ว่าถ้าคุณสอนแล้วมันต้องออกมารั่ว ออกมาขำตรงใจผู้กำกับชัวร์” ดาราสาวพูดพลางยิ้มออกมา
กี้หัวเราะแล้วเข้าไปขยี้ผมอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูแล้วลงไปนั่งข้างๆ “อื้อหือ... มาแบบนี้นี่เองถึงว่ารีบมาหาแต่เช้าเลยนะ มี Hidden agenda แบบนี้ซะด้วย”
วีนัสยิ้ม “นั่นก็ส่วนหนึ่งนะ... กะแวะมาดูคุณด้วยแหละว่าเป็นยังไงบ้าง”
“หือ... หมายความว่ายังไง”
“ก็...” ดาราหน้าหวานใช้มือปัดผมขึ้นทัดหู “เราไม่ได้เจอกันตั้งเกือบสองอาทิตย์เพราะฉันทำงาน... ฉันก็เลย... แบบว่า...”
ใบหน้าของสาวเซอร์ร้อนขึ้นเพราะคำพูดของอีกฝ่าย เธอยิ้มแล้วพูดออกมาตรงๆ ว่า “อื้อ เข้าใจแล้ว... ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
ดาราหน้าหวานยิ้มแล้วเอนตัวพิงเจ้าของห้อง “คุณรู้จักเพลงพวกนี้มั้ย... เพลงอะไรชื่อตลกชะมัด”
เมื่อกี้อ่านรายชื่อเพลงที่ดาราสาวต้องเต้นในกระดาษที่อีกฝ่ายยื่นให้ก็หัวเราะคิก “นี่คุณต้องเต้นหมดนี่เลยเหรอ... อยากเห็นจังท่าทางจะสนุก”
“อย่าหัวเราะสิ... ฉันซีเรียสนะ ไม่เห็นจะรู้จักสักเพลง ร้องยังไงก็ไม่รู้ ท่าเต้นต้องออกมาแปลกแน่ๆ เลย”
“แปลกชัวร์ คอนเฟิร์มเลย... จะให้สอนร้องหรือให้สอนเต้นก่อนล่ะ”
“ร้องก่อนก็แล้วกัน” วีนัสพูด
สาวเซอร์สอนอีกฝ่ายร้องเพลงตามลิสต์ที่อยู่ในกระดาษ แค่สอนร้องไปแค่ไม่กี่เพลงดาราหน้าหวานก็หัวเราะดังลั่นเพราะเนื้อเพลงนั้นพอคิดตามแล้วทำให้เธอหยุดหัวเราะไม่ได้
“เพลงอะไรของคุณเนี่ย... ไก่ย่างยังพอว่า โอ้ทะเลนี่โอเคเลย เพลงตุ่มนี่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ก็พอร้องได้ แต่เพลงต่อๆ มานี่สิคุณ โรตี... เมียงู... ยะ... มะหมี่... นี่คุณเคยร้องกับเต้นเพลงพวกนี้ด้วยเหรอ”
“อื้อ... มันเป็นเพลงของกองสันทนาการน่ะ... มหา’ลัยที่นู่นไม่มีใช่มั้ยล่ะ”
“ค่ะ... เพลงอะไรเนี่ย คิดกันได้ยังไง”
“อ้ะๆๆ อย่าเพิ่งพูดจนกว่าจะเห็นท่าเต้น... ฉันว่าคุณไม่กล้าเต้นหรอกนะเพลงพวกนี้”
“ไม่เชื่อ... เต้นให้ดูเลย” ดาราสาวพูดแล้วไปยืนข้างๆ อีกฝ่ายเพื่อให้สอนเธอเต้นเพลงตลกๆ พวกนี้ แต่พอแค่เธอเห็นท่าเต้นของเพลงไก่ย่างก็หัวเราะแบบหยุดไม่อยู่ และเมื่อดูเพลงอื่นๆ ก็ทำหน้าตาเหรอหราแล้วลงไปนอนหัวเราะท้องแข็งอยู่บนเตียง
“ทำไมท่าเต้นมันเป็นแบบนี้อ่ะ... คุณบ้าไปแล้วเหรอ”
“มันเต้นแบบนี้จริงๆ นี่ยังแค่เบาะๆ นะ ถ้าคุณไปเห็นพวกคณะวิศวะฯ ที่มีผู้ชายเยอะๆ คุณจะยิ่งรับไม่ได้เลยล่ะ แรงกกว่านี้ 3 – 4 เท่าเลย” กี้พูดพลางหอบหายใจจากการเต้นให้อีกฝ่ายดู
“มีเพื่ออะไรเนี่ยเพลงพวกนี้... ท่าเต้นตลกๆ บ้าๆ เนื้อเพลงก็ทะลึ่งด้วย”
“เห็นแบบนี้พอเต้นกันเป็นกลุ่มกับเพื่อนมันสนุกนะ แบบว่าสนุกจนลืมอายไปเลยล่ะ ส่วนเนื้อเพลงที่จริงเนื้อเพลงมันไม่ได้ทะลึ่งเลยนะ ที่ทะลึ่งเพราะความคิดคนเรามันคิดไปเองต่างหาก เพลงพวกนี้ร้องจริงๆ ก็แค่ปีละครั้งสองครั้ง ถ้าคิดว่าเนื้อเพลงกับท่าเต้นมันทะลึ่งสองแง่สองง่ามก็ให้คิดซะว่า Life is more fun when you have some dirty mind (คิดลึกสักนิดชีวิตมีสุข)” สาวเซอร์พูด
วีนัสหัวเราะ “ก็ใช่นะ... งั้นก็ต้องหัดเต้นเพลงเบสิคให้ได้ก่อนละกัน”
ดาราสาวเริ่มหัดเต้นและร้องเพลงแรก เธอเต้นไปขำไปดวยความเขินและไม่ชินแต่ดูท่าทางสาวเซอร์จะไม่ได้ว่าอะไรแถมยังบอกให้เธอออกท่าทางให้มากขึ้นอีกด้วย
“ไม่ไหวเลยแฮะคุณเนี่ย... เต้นเพลงแบบนี้เค้าห้ามเขินนะ ด้านได้อายอด... ว้า... ยุไม่ขึ้นเลยแฮะสงสัยต้องหาคนมาดูเพิ่ม” กี้พูดแล้วลุกขึ้นยืน “เออใช่! เดี๋ยวไปพาคนที่คุณคุ้นหน้าคุ้นตามาดูดีกว่าเผื่อว่าจะดีขึ้น รอแป๊บ”
ไม่นานนักเจ้าของห้องก็กลับเข้ามาพร้อมกับหิ้วป้ายคัตเอ้าท์ของติ๊กและเอ สองดาราร่วมค่ายกับดาราหน้าหวานเข้ามาแล้วก็นำมาตั้งเอาไว้ตรงหน้าของอีกฝ่าย
“มาแล้ว...” สาวเซอร์พูดแล้วดัดเสียงเป็นพูดให้คล้ายกับเสียงของดาราอีกสองคน
“สู้ๆ นะคะนัส เอจะเอาใจช่วย” กี้ดัดเสียงพูดของดาราสาวหน้าเกาหลีที่วีนัสเคยร่วมงานด้วยกันหลายครั้ง
“น้องนัส... ขอท่าเต้นเจ๋งๆ แรงๆ สู้มานนนน” สาวเซอร์ทำเสียงเลียนแบบดาราหน้าทะเล้น รุ่นพี่ของดาราสาว
ดาราหน้าหวานหัวเราะลั่น “นี่คุณไปเอามาจากไหนเนี่ย... ไปขโมยมาจากเซเว่นหรือยังไง”
“เปล่า... ไปขอเค้ามา กะว่าจะเอามาไว้เฝ้าบ้าน แต่โดนน้ากานว่าเอามาทำไมให้รกบ้านก็เลยแอบเอาไปเก็บไว้ก่อนไม่อยากทิ้ง เสียดาย... เอาสิ เต้นเลยๆ ไม่ต้องเขิน ท่องไว้ๆ ด้านได้อายอด” แล้วกี้ก็ลงไปนั่งตรงกลางระหว่างป้ายคัทเอ้าท์พร้อมส่งเสียงเชียร์
วีนัสหัวเราะแล้วลองเต้นอีกครั้ง เธอรู้สึกสนุกจนลืมความอายและเมื่อได้รับการยกนิ้วโป้งพร้อมกับคำว่า ‘ผ่าน’ จากเจ้าของห้องแล้วเธอก็ทรุดตัวลงนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ไม่ค่อยออกกำลังกายล่ะสิคุณ... หอบแฮ่กเชียว” สาวเซอร์นำพัดมาพัดให้อีกฝ่ายที่นั่งเหงื่อแตกพลางหอบอยู่บนพื้น
“อื้อ... ไม่มีเวลาน่ะ แค่เวลานอนยังไม่ค่อยจะมีเลย แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกาย ใครจะไปถึก บึกบึนเหมือนคุณล่ะ”
“โห... เดี๋ยวนี้มีว่ากลับด้วยอ่ะ คุณดาว... เล่นละครเรื่องอะไรเนี่ยมีเต้นด้วย หวังว่าเรื่องนี้คงไม่มีฉากที่คุณต้องไปตบกับใครเค้านะ เต้นแค่นี้ก็หมดแรงแล้ว ถ้าไปตบเค้าละก็มีหวังแพ้เค้าแหงๆ เลย”
ดาราหน้าหวานหัวเราะคิก “อย่าพูดให้หัวเราะสิ เหนื่อยนะ”
กี้ยิ้ม ไม่พูดอะไรแล้วก็เร่งมือพัดให้กับอีกฝ่ายจนกระทั่งดาราสาวเริ่มหายใจเป็นปกติแล้วอีกฝ่ายก็แย่งพัดมานั่งพัดเอง
“อื้อ... เสาร์นี้คุณว่างมั้ย” วีนัสถาม
“ว่าง... ทำไมเหรอ”
“อยากให้ช่วยสอนฉันทำอาหารหน่อย... พอดีวันอาทิตย์ต้องไปออกรายการพวกทำอาหารน่ะก็เลยอยากฝึกๆ ไว้”
สาวเซอร์ขมวดคิ้ว “ก็ได้อยู่ แต่ฉันทำอาหารฝรั่งไม่เป็นหรอกนะ”
“เมนูไหนก็ได้... ฉันก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน” ดาราหน้าหวานพูด
“ไม่น่าเชื่อ... เห็นไอ้จอยมันชอบพูดเรื่องคุณบ่อย พวกอาหารที่คุณชอบกินน่ะ หลายเมนูเลย ฉันก็เลยคิดว่าคุณน่าจะชอบทำอาหาร”
“คุณนี่น้า... สงสัยอะไรก็ถามมาสิ ทำไมต้องไปฟังจากคนอื่นด้วยล่ะ เป็นแบบนี้ตลอดเลย” ดาราสาวทำหน้างอนๆ
กี้หัวเราะ “ที่ไม่ถามก็เพราะอยากเห็นคุณทำหน้าแบบนี้บ้างไง”
“พูดอะไรเนี่ย ไหนคุณเคยบอกว่าชอบให้ฉันยิ้ม”
“ก็ใช่ แต่เห็นคุณยิ้มแล้วก็อยากเห็นคุณทำหน้าบึ้งบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร”
“กวนนักนะ แถซะไม่มีล่ะคุณเนี่ย... แล้วยังไงล่ะ เห็นฉันทำหน้าแบบนี้แล้วมันเป็นยังไงเหรอ”
สาวเซอร์เท้าคางมองแล้วยิ้ม “ก็... น่ารักดี”
วีนัสอมยิ้มแล้วก้มหน้าลง เธอยกมือปัดผมขึ้นทัดหูอีกครั้งแล้วก็รู้สึกว่าหน้าของเธอร้อนขึ้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า “เอาผมทัดหูอีกแล้ว... ฉันทำอะไรให้คุณเขินเหรอ”
“ค... คุณ... ม... ไม่ได้เขินสักหน่อย” ดาราหน้าหวานพูดตะกุกตะกัก เธอแปลกใจมากที่กี้รู้ถึงพฤติกรรมที่เธอทำบ่อยๆ เวลาเขิน ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนแม้แต่พ่อ แม่ น้องสาวของเธอ หรือแฟนเก่าของเธอ
“เหรอ... นี่ฉันเดาผิดเหรอเนี่ย... ว้า...” เจ้าของห้องก็เดินมานั่งที่ข้างๆ ดาราสาวแล้วนั่งเท้าคางมองอีกครั้งจนวีนัสต้องหลบตา เธอได้ยินเสียงของสาวเซอร์ที่พูดเบาๆ ว่า “แล้วเวลาคุณเขินเป็นยังไงล่ะ”
“ไม่บอก... คิดเอาเองสิ” ดาราหน้าหวานพูดแล้วผลักตัวเจ้าของห้องให้ถอยห่างจากเธอ ส่วนตัวเธอเองนั้นก็รีบเดินขึ้นไปนั่งบนเตียง
“ห้องฉันมันก็มีอยู่แค่นี้... คิดว่าจะหนีพ้นหรือไง” กี้พูดขำๆ แล้วลุกขึ้นเพื่อจะเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อดาราสาวรีบคว้ากีต้าร์เข้ามากอดเอาไว้ “โหย... มีตัวประกันด้วย”
“ถ้าเข้ามาล่ะก็ จะยึดคืน” วีนัสพูดแล้วทำหน้ายิ้มแบบเหี้ยมๆ
สาวเซอร์เดินเข้ามาแล้วก็ทรุดตัวนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง เธอหันไปมองดาราหน้าหวานแล้วพูดว่า
“ยอมแพ้... จบเรื่องนี้แล้วคุณไปเล่นหนังบู๊จำพวกระเบิดภูเขา เผากระท่อมท่องป่าหิมพานต์ก็น่าจะรุ่งเหมือนกันนะ ท่าจับกีต้าร์เป็นตัวประกันเหมือนท่าคนเมายาบ้าจับเด็กเป็นตัวประกันอย่างกะแกะ ขาดก็แค่มีดจ่อคอ”
“บ้า...” ดาราสาวพูดพลางขยี้ผมเจ้าของห้อง “ตกลงว่างใช่มั้ย... งั้นก็สอนฉันทำกับข้าวหน่อยก็แล้วกัน มีเมนูแนะนำมั้ยคะ”
“เมนูก็...” กี้พูดพลางแอบมองอีกฝ่ายแล้วยิ้มออกมากวนๆ “ผัดเผ็ดแมวดำ ต้มยำช้าง แกงจืดเนื้อค่างกับกอไผ่ ฉู่ฉี่คางคก จิ้งจกปิ้ง ฆ้อนผัดพะแนง ชะแลงเปรี้ยวหวาน กระบองทอดมัน หัวขวานชุบไข่ ของหวานก็... อีโต้แช่เย็น จอบแช่อิ่ม*...”
“เดี๋ยวๆๆๆ เมนูอะไรของคุณเนี่ย ทำไมมันแปลกๆ” วีนัสร้องห้ามหลังจากฟังอยู่พักใหญ่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “อะไรก็ไม่รู้... น่ากลัวชะมัด แค่ฟังชื่อก็ขนลุกแล้ว ไอ้ที่คุณบอกมามันกินได้จริงๆ เหรอ”
สาวเซอร์หัวเราะ “กินแล้วตาเหลือก กินแล้วท้องร่วงกันทุกราย**... บ้า... ของพวกนั้นใครจะไปกินได้ ถึงมีวัตถุดิบฉันก็ไม่ทำหรอกนะ สยอง... หรือว่าคุณจะกินจริงๆ ล่ะจะได้ปิดตาทำให้กิน”
(*, ** บางส่วนจากเพลงกับข้าวเพชฌฆาต: ขวัญจิต ศรีประจันทร์)
“นี่แกล้งกันอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย” ดาราหน้าหวานวางกีต้าร์ลงข้างตัวแล้วเข้าไปบีบแก้มของคนที่นอนอยู่ทันที “กวนได้กวนดีนะคุณน่ะ ชอบแกล้งให้ฉันกลัว ชอบแกล้งให้ฉันเอ๋ออยู่เรื่อยเลย นี่แหนะๆๆๆ”
“โอ้ยๆๆๆ เจ็บนะคุณ” กี้ดิ้นไปมาพร้อมกับพยายามปัดมืออีกฝ่ายออกแต่ก็ไร้ผลเมื่อดาราสาวโถมตัวขึ้นมาทับเธอเต็มๆ แล้วทั้งบีบ ทั้งดึงแก้มเธอเป็นการใหญ่ “พอแล้วน่า ยอมแล้วๆ”
วีนัสหัวเราะ เธอปล่อยมือออกจากแก้มข้างหนึ่ง “คุณต้องยอมฉันเหมือนที่ยอมคุณยายคนนั้นแล้วล่ะ... ถึงฉันจะเถียง จะกวนสู้คุณยายไม่ได้ แต่... ไม่รู้ล่ะ คุณก็ต้องยอมฉัน เข้าใจนะ”
สาวเซอร์ยกมือไหว้ดาราหน้าหวานปะหลกๆ ทั้งๆ ที่แก้มข้างหนึ่งยังคงถูกดึงอยู่ “โอเคค่าคุณดาว... ยอมแล้วค่า ยอมแล้ว”
“แหนะ ยังจะมากวนอีก คนบ้า...” ดาราสาวปล่อยมืออีกข้างแล้วล้มตัวลงนอนบนแขนของอีกฝ่าย “ยอมแล้วจริงๆ นะ”
“อื้อ... ยอมให้คุณนะ แต่ไม่รับปากนะว่าจะไม่กวนใส่” กี้พูดแล้วหัวเราะ
“เรื่องนั้นรู้อยู่หรอกน่า...” วีนัสยิ้ม
สาวเซอร์ดึงตัวดาราหน้าหวานเข้ามากอดและจูบอย่างเนิ่นนาน เมื่อถอนจูบออกเธอก็หันไปหาป้ายคัตเอ้าท์รูปเอและติ๊กที่ยังคงอยู่ในห้องแล้วพูดว่า “ชู่วว์... อย่าไปบอกใครเค้าล่ะว่าฉันจูบดารา... รูดซิปปากเลยนะ เงียบๆ ล่ะอย่าส่งเสียง”
ดาราหน้าหวานหัวเราะร่วนพลางตีไหล่คนที่เธอกอดอยู่ แล้วดึงตัวกี้เข้ามาจูบอีกครั้ง
...
“ตอนนี้ถ้าพวกเรามองไปที่สองข้างทาง จะพบว่ามีแต่ป่า ป่า และ ป่า ซึ่งมีทั้งป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าพรุ ป่าโปร่ง แต่ถ้าอยากเห็นไม้ป่าเดียวกันบนรถของเราก็มีเหมือนกันนะครับ”
เสียงของปรีชาที่ผ่านไมโครโฟนดังขึ้นบนรถมินิบัสที่ประกอบไปด้วยสมาชิกของสถาบันพัฒนาเครือข่ายองค์กรชุมชน ดาราและทีมงานจากบริษัท GNN เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อประโยคสุดท้ายที่พูดออกมาเขาได้ผายมือไปยังแซมมี่ ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองที่นั่งอยู่บนรถด้วยซึ่งผู้ที่ถูกพาดพิงก็ส่งเสียงวี้ดว้ายราวกับชอบใจออกมาดังลั่น
“นอกจากนั้นในรถคันนี้ก็มีสัตว์ให้เราดูมากมาย” หนุ่มอีสานพูดต่อไป
“ทั้งลิง” เขาผายมือไปที่กี้ที่กำลังหลับอยู่
“ค่าง” ปรีชาชี้ไปที่โชค
“บ่าง” หนุ่มอีสานชี้ไปที่ตั้ม
“และชะนี” ปรีชาผายมือไปที่จอย “อุ๋ย ไม่ใช่ นั่นมันพยูน... ชะนีอยู่โน่น” เขาชี้ไปที่สอง
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งพร้อมๆ กับสาวอวบที่ลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าคนถือไมค์แบบไม่ออกเสียง อ่านปากได้ว่า “ไอ้เชี่ย”
ขณะนี้ทีมจากทั้งสองบริษัทกำลังเดินทางไปอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่การมาในทริปนี้ไม่ใช่การทำงาน แต่เป็นทริปทำบุญที่ทางสถาบันฯ ร่วมมือกับบริษัทจัดให้กับโรงเรียนบนเขาแห่งหนึ่ง ทีมงานและดาราที่เคยร่วมกิจกรรมกันต่างพร้อมใจกันเคลียร์คิวเพื่อมาที่นี่โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นทริปที่เปิดโอกาสให้ทีมสมาชิกของสถาบันฯ ได้พักผ่อนหลังจากที่ทำงานหนักมาโดยตลอดโดยค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดบริษัท GNN เป็นคนออกและตามแนวคิดซื้อใจคนของพิชิต กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัท GNN
วีนัสที่นั่งคู่กับเอ ดาราสาวหน้าเกาหลีแอบมองสาวเซอร์ที่นอนหลับโดยมีเสื้อฮู้ดดี้คลุมปิดใบหน้า เธอยิ้มน้อยๆ เพราะไม่เคยเห็นท่าทางของอีกฝ่ายขณะเดินทางมาก่อน ดาราหน้าหวานสบตากับสองแล้วยิ้มให้
“เป็นแบบนี้ทุกทีแหละค่ะ นั่งรถทีไรโดนเบาะดูดวิญญาณหลับทุกที” สาวหมวยพูดพลางชี้ไปที่คนนั่งข้างๆ
ดาราสาวหัวเราะแล้วพยักหน้าแบบเข้าใจ หลังจากนั้นเธอก็หันไปคุยกับดาราสาวหน้าเกาหลีที่ชวนให้เธอดูรูปในโทรศัพท์มือถือ
พีทที่นั่งเกือบด้านหลังสุดของรถแอบมองวีนัสแบบไม่วางตา เขารู้สึกแย่เพราะการสัมภาษณ์ล่าสุดของอีกฝ่ายที่บอกว่าเขากับเธอยังคงเป็นแค่เพื่อนกัน และยังไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นถึงแม้ว่าสื่อซุบซิบดาราจะประโคมข่าวออกมาว่าทั้งคู่ดูใจกันอยู่ติดต่อกันเกือบ 3 เดือนก็ตาม หลังจากที่ได้ยินข่าวนั้นเขาก็รีบเข้าไปคุยกับดาราหน้าหวานซึ่งเธอก็บอกเขามาตรงๆ ว่าเธอไม่ได้ชอบเขาพร้อมกับบอกว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว
“แล้วที่พวกเราไปเที่ยวด้วยกันละนัส... ที่ไปกินข้าวกัน ดูหนังกันมันคืออะไร” ดาราหน้าตี๋ถามด้วยความไม่เข้าใจ
“เรื่องนั้นนัสถูกสั่งมาอีกที... มันก็แค่รักโปรโมทน่ะ พีทไม่สังเกต ไม่เข้าใจเหรอว่าที่พวกเราทำงานด้วยกัน ที่พวกเราไปเที่ยวด้วยกันมันก็คือ Hidden agenda ของข้างบนที่เค้าสั่งลงผ่านผู้จัดการของพวกเราว่าให้พวกเราทำตามเท่านั้นแหละ”
“แต่ที่ผมคิดกับนัส ผมจริงจังนะ นัสไม่คิดอะไรกับผมจริงๆ เหรอ”
ดาราสาวส่ายหน้า “พีท... นัสเห็นพีทเป็นเพื่อนนะ เพื่อนที่ดี นัสไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นนอกจากเพื่อนอย่างเดียวเท่านั้น”
“แล้วที่เราจูบกันล่ะ วันนั้นไง วันที่ถ่าย MV”
“พีทขโมยจูบนัสนะ เราไม่ได้จูบกัน ขอโทษทีนะแต่นัสไม่ได้คิดอะไรกับพีทจริงๆ” วีนัสเดินหนีปล่อยให้ดาราหน้าตี๋ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่คนเดียว
การมาทริปในวันนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่บริษัทหยิบยื่นให้พีทในการทำคะแนนพิชิตใจดาราหน้าหวาน ผู้จัดการส่วนตัวของเขาบอกมาว่าถ้าหลังจากงานนี้หากท่าทีของดาราสาวยังไม่เปลี่ยนแปลง ตารางงานของเขาคู่วีนัสที่มีอยู่จะถูกยกเลิกโดยทันที และวางตัวให้ดาราหน้าหวานออกงานคู่กับคนอื่นแทน ในช่วงนี้เขายอมรับว่าไม่ค่อยมีงานมากนัก ยิ่งโชว์ตัวเดี่ยวๆ ก็น้อยมาก หากไม่ได้ออกงานคู่กับวีนัสที่กำลังเป็นดาราขายดีอยู่ในขณะนี้รายได้ของเขาก็ต้องลดลงแน่นอน
“ทำยังไงดีวะ” ดาราหน้าตี๋พูดกับตัวเองพลางคิดหาวิธีคุยกับดาราหน้าหวานตามลำพัง
รถมินิบัสแวะจอดที่ร้านกาแฟริมทางเพื่อให้สมาชิกและคนขับรถได้พักผ่อน เมื่อลงจากรถแล้วสมาชิกส่วนใหญ่จะเดินเข้าห้องน้ำและเข้าไปสั่งเครื่องดื่ม บางส่วนก็เดินปรี่เข้าไปถ่ายรูปตามมุมของร้านที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาและมองเห็นเทือกเขาที่สลับซับซ้อนอันสวยงาม หลังจากที่ดาราสาวเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเธอก็เดินเขาไปในร้านเพื่อสั่งกาแฟ
ขณะที่รอเครื่องดื่มอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกชื่อของเธอ วีนัสหันไปมองก็ตาโตแล้วรีบเดินเข้าไปกอดคนที่เรียกชื่อของเธอ
“แพท... กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ดาราหน้าหวานร้องทักอีกฝ่ายเสียงดัง คนที่เธอกอดนั้นเป็นสาวหล่อหน้าตาดีคนหนึ่งที่มากับกลุ่มเพื่อนอีก 2 – 3 คนที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน
“เพิ่งมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่เห็นว่านัสกำลังยุ่งอยู่เราเลยไม่ได้โทรไปหา เป็นไงมั่งล่ะ ดังใหญ่แล้วนะเพื่อนเรา เพื่อนๆ ที่นู่นดูละครที่นัสเล่นผ่านยูทูปกันหมดเลย ติดกันหนึบเลยล่ะ” สาวหล่อพูดแล้วชวนคุย
“ก็ดี... แล้วเอ็มมี่ล่ะสบายดีมั้ย” วีนัสถามถึงแฟนสาวของแพท
“อื้อ สบายดี ปลายปีนี้กะว่าจะมาเที่ยวเมืองไทยน่ะ ถ้านัสว่างก็ไปเที่ยวกันนะ เห็นว่าเพื่อนๆ จะกลับมากันหลายคนเลยล่ะ”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้นเสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้นในหมู่ทีมงานสถาบันฯ และทีมงานบางคนของบริษัท
“เป็นอะไรวะไอ้จอย ทำไมไม่เข้าไปสั่งน้ำล่ะ” กี้ถามเพื่อนสาวที่แอบยืนอยู่ตรงประตูหน้าร้าน
“ไอ้กี้ เดี๋ยวอย่าเพิ่งเข้าไป มึงเห็นป่ะ นั่นไงนั่นคนที่กำลังยืนคุยกับน้องนัสอ่ะ”
สาวเซอร์ชะเง้อมองเข้าไปในร้านก็พบดาราหน้าหวานกำลังยืนคุยกับสาวหล่อคนหนึ่งอย่างสนิทสนม สองที่เดินเข้ามาพอดีก็พูดขึ้นมาว่า
“พี่จอย... คนนั้นที่เคยมีข่าวว่าเป็นแฟนคุณนัสใช่ป่ะ” สาวหมวยพูด
“ใช่ ทอมคนนั้นแหละเคยมีข่าวกับน้องนัสว่าเป็นแฟนกันแล้วก็เงียบไป... แล้วทำไมมาเจอกันที่นี่วะ”
“จะไปรู้เหรอ... นี่แกคิดจะยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปใช่มั้ยเนี่ย... ไม่เข้าฉันเข้าไปก่อนนะเว้ย หิวน้ำ” พูดจบกี้ก็เดินเข้าไปในร้านโดยไม่สนใจเพื่อนสาวอวบ สองเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปทันที
“กินไรดีวะกี้” สาวหมวยถามเพื่อนหลังจากที่ยืนดูเมนูอยู่นาน เธอสังเกตว่าเมื่อวีนัสเห็นสาวเซอร์เดินเข้ามาเธอก็แอบมองอยู่นิดหนึ่ง
“ไม่รู้ว่ะ คิดไม่ออก...” กี้พูดพลางขมวดคิ้วมองเมนู แล้วเธอก็ได้ยินเสียงหวานๆ ของดาราสาวหันมาบอกกับเธอว่า
“คุณๆ ฝากจ่ายเงินหน่อยสิ” ดาราหน้าหวานยื่นเงินให้กับอีกฝ่ายแล้วหันไปคุยต่อ แพทแอบมองมาที่สาวเซอร์นิดหนึ่งแล้วหันไปคุยต่อ
กี้ส่ายหน้าแล้วก็เดินไปจ่ายเงินและรับแก้วกาแฟให้กับอีกฝ่ายที่เคาน์เตอร์ ในขณะที่สองสั่งกาแฟของตัวเองแล้ว เธอหันมาถามเพื่อนอีกทีว่า “ตกลงแกจะกินอะไรวะ”
“ไม่กินและ คิดไม่ออก” สาวเซอร์ตอบพลางมองไปที่วีนัสที่กำลังคุยกับสาวหล่อด้วยใบหน้าที่เครียดขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนกำลังคุยอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเพราะทั้งสองเดินไปคุยกันที่มุมหนึ่งของร้านบริเวณที่มีคนน้อยกว่า
หลังจากนั้นไม่นาน ดาราสาวและแพทก็กอดกันอีกครั้งก่อนที่สาวหล่อจะโบกมือลา วีนัสเดินเข้ามาหากี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล สาวเซอร์ยื่นแก้วเครื่องดื่มให้อีกฝ่ายพร้อมเงินทอน ดาราหน้าหวานดูดอเมริกาโนเย็นจากหลอดอยู่พักหนึ่งแล้วยื่นให้กับเธอ
“ช่วยกินหน่อยสิ กินคนเดียวไม่หมด”
“อื้อ...” กี้ดูดเครื่องดื่มอึกหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่อร่อยแต่ก็เสียดายเงินใช่มั้ยล่ะ ถึงให้ฉันช่วย”
วีนัสยิ้มออกมา “บ้า... ของเค้าออกจะอร่อย”
“อันนี้เค้าเรียกว่าอะไรนะ”
“อเมริกาโนเย็น”
“เหรอ...” สาวเซอร์มองซ้ายมองขวาแล้วแกะฝาแก้วกาแฟออกเพื่อดูด้านใน “แล้วมันแตกต่างกับโอเลี้ยงตรงไหนล่ะเนี่ย พูดจริงๆ นะ โอเลี้ยงของอาแปะในซอยข้างสถาบันฯ อร่อยกว่าตั้งเยอะ”
ดาราหน้าหวานหัวเราะแล้วตีแขนอีกฝ่าย “คุณนี่... พูดอะไรก็ไม่รู้ ที่ให้กินเพราะเห็นคุณหลับตลอดทางต่างหาก ตื่นขึ้นมาดูทางซะบ้างสิ”
“ก็นั่งรถแล้วมันง่วงนี่นา ง่วงก็ต้องนอนสิ” กี้พูดแล้วเดินนำวีนัสที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกไปนอกร้านแล้วเธอก็หันมาพูดกับอีกฝ่ายเบาๆ ว่า “หายเครียดแล้วใช่มั้ย”
“อื้อ...” ดาราหน้าหวานรับคำเบาๆ พลางยกมือปัดผมขึ้นทัดหู
สองมองภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา แต่แล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นใบหน้าของพีทที่ไม่สู้ดีนัก ดูท่าทางดาราหน้าตี๋เครียดอย่างเห็นได้ชัด เขาจ้องมองไปที่วีนัสด้วยสายตาที่น่ากลัว และเมื่อเขาหันมาสบตากับสาวหมวยก็รีบเดินหนีไป
“อะไรวะ... รู้สึกไม่ค่อยดีซะแล้วสิเรา” สองพูดกับตัวเอง
...
“โอ้โหเว้ย กีต้าร์ตัวใหม่ของคุณกีรติ... แล้วไอ้บู้บี้ไปไหนแล้วล่ะ” โชคส่งเสียงดังเมื่อเห็นกี้เดินมาพร้อมกับกี้ (กีต้าร์) ที่วีนัสให้เธอยืม
“ไม่ใช่ของกู... ยืมคนอื่นเค้ามาอีกที ส่วนไอ้บู้บี้ก็ไปสบายและ” สาวเซอร์ตอบแล้วนั่งลงข้างๆ จอย
ดาราหน้าหวานที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งก็อมยิ้มเมื่อเห็นกี้นำกีต้าร์ของเธอมาด้วย ขณะนี้พวกเขาได้มาถึงรีสอร์ทอันเป็นที่พักในคืนนี้และกำลังจะกินอาหารเย็นที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ เสียงหัวเราะดังมาจากโต๊ะอาหารของทีมจากสถาบันฯ บ่อยครั้งเนื่องมาจากมุกที่บรรดาสมาชิกเล่นและแซวกันบนโต๊ะอาหาร
“ไอ้กี้มึงจะไปไหนวะ” ตั้มตะโกนถามสาวเซอร์ที่ลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินออกไป
กี้หันหลังตะโกนบอกเพื่อนว่า “มุกเมื่อกี้ของมึงแม่งลึกเชี่ยๆ รอแป๊บเดี๋ยวกูไปเรียกมอ’ไซค์ก่อน” โต๊ะของดาราและทีมจากบริษัทที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะลั่น
“เรียกมอ’ไซค์ไปตามมุกไอ้ตั้มเหรอวะ” ปรีชาถาม
“ป่าว... กูจะไปส่งแฟกซ์ พอดีมีแฟกซ์ด่วนมาจากท่านประธานาธิบดีบอกว่าต้องการตัวด่วน ไปล่ะ” สาวเซอร์รีบวิ่งออกนอกห้องไปทันที และดูเหมือนคนที่จะเข้าใจมุกนี้ก็มีเพียงทีมจากสถาบันฯ และดาราหน้าหวานที่แอบหัวเราะ
ไม่กี่นาทีต่อมาดาราสาวก็ขอตัวไปทำธุระที่ห้องน้ำ เธอเดินออกจากห้องอาหารโดยไม่รู้ว่าพีทแอบเดินตามเธอมาเงียบๆ วีนัสเดินไปตามทางเลียบสวนหย่อมของรีสอร์ทเงียบๆ แต่แล้วจู่ๆ เธอก็รู้สึกขนลุกเหมือนมีคนจ้องมองเธอ ดาราหน้าหวานหันไปมองข้างหลังก็ไม่พบใคร ด้วยความที่รู้สึกไม่ดีเธอจึงเร่งฝีเท้าเดินตรงไปที่ห้องน้ำ
“จะรีบไปไหนเหรอ” จู่ๆ ดาราหน้าตี๋ก็ยืนดักหน้าเธอ วีนัสตกใจแล้วก้าวถอยหลัง
“ไปห้องน้ำน่ะ” ดาราสาวพยายามเดินหนีแต่ก็ถูกอีกฝ่ายดักไว้
“คุยกันก่อนไม่ได้เหรอ”
“ไม่ใช่ตอนนี้ นัสกำลังรีบนะ”
พีทยกมือทั้งสองข้างขึ้นราวกับยอมแพ้ “ก็ได้ๆ... เชิญครับคุณผู้หญิง ผมจะรออยู่ตรงนี้ล่ะ”
ดาราหน้าหวานรีบเดินไปที่ห้องน้ำทันที เมื่อแอบมองที่กระจกหน้าอ่างล้างมือเธอก็เห็นอีกฝ่ายยืนกอดอกรอเธออยู่หน้าประตู เธอรีบเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ริมด้านในสุดทันทีแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหากี้ และก็ตกใจเมื่อได้ยินเสียงริงโทนดังมาจากห้องน้ำห้องข้างๆ
วีนัสกดวางสายแล้วเคาะผนังข้างๆ “กี้...” เธอเรียกเบาๆ
“ว่าไง...” สาวเซอร์ตอบแล้วดาราสาวก็ได้ยินเสียงกดชักโครกตามมาด้วยเสียงเปิดประตูห้องน้ำ
กี้ล้างมืออยู่ที่หน้ากระจกเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง เงาสะท้อนของกระจกทำให้เธอมองเห็นดาราหน้าหวานที่แง้มประตูห้องน้ำแล้วกวักมือเรียกเธอ สาวเซอร์ขมวดคิ้วแล้วทำท่าว่าเธอไม่เข้าใจ วีนัสจึงชี้มือไปที่ประตูด้านหน้า กี้จึงหันไปมองตามนิ้วที่อีกฝ่ายชี้แล้วเธอก็เห็นดาราหน้าตี๋ทำหน้าเครียดพร้อมๆ กับเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องน้ำหญิง เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปที่ห้องที่ดาราสาวอยู่
“มีอะไรเหรอ” สาวเซอร์กระซิบถาม
“เค้าตามฉันมา ฉันคิดว่าเค้าไม่พอใจที่ฉันบอกเค้าไปตรงๆ ว่าฉันไม่ได้ชอบเค้า”
“อ่าฮะ... รู้สึกเสียหน้าว่างั้น เลยอยากจะมาคุยกับคุณ... ดูท่าทางไม่ดีเลยแฮะ”
“Sort of… somethin’ fishy (ก็คงงั้น... รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ)”
“คุณทำธุระให้เสร็จเถอะ... ฉันยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนหรอก” กี้พูด
“อื้อ...”
เมื่อเสร็จธุระส่วนตัวแล้ววีนัสก็ค่อยๆ เปิดประตูออกมาจากห้องก็เห็นสาวเซอร์ปรายตามองไปที่ประตูหน้า “เค้าไปแล้ว เมื่อกี้เห็นคุยโทรศัพท์แล้วรีบเดินออกไป”
“ค่อยยังชั่ว” ดาราหน้าหวานถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปกอดอีกฝ่าย กี้จูบที่ผมของเธอเพื่อปลอบใจ สองสาวกอดกันอยู่พักหนึ่งแล้วเดินกลับไปที่ห้องอาหาร
ดาราสาวกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารเงียบๆ เธอเห็นว่าพีทแอบมองเธออยู่ เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจเมื่อได้ยินเสียงโห่ฮาและเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากโต๊ะของทีมสถาบันฯ อีกครั้ง วีนัสพยายามสะกดอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้ด้วยการหันไปคุยกับคนอื่น แต่แล้วเธอก็ถูกดาราหน้าตี๋เข้ามาดึงแขนออกไปจากโต๊ะอาหาร สร้างความตกใจให้กับเอ ติ๊ก เบส แจน ซีนและแซมมี่ที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างมาก
สาวเซอร์มองตามพีทที่ดึงตัวดาราหน้าหวานออกไป เธอขมวดคิ้วพลางนั่งเฉยๆ แต่เมื่อเห็นคนอื่นๆ กรูกันไปที่หน้าประตูเพื่อดูเหตุการณ์เธอก็รีบเดินออกไปที่ประตูอีกทางหนึ่งทันที
สมาชิกทั้งของสถาบันฯ และบริษัทรีบวิ่งออกไปที่หน้าประตู พวกเขาเห็นดาราหน้าตี๋ยืนตะคอกใส่วีนัส ด้วยความไม่พอใจ พวกเขาไม่ได้ยินสิ่งที่พีทพูดเพราะทั้งสองนั้นยืนอยู่ค่อนข้างไกลจากประตู ดาราหน้าหวานยืนกอดอกฟังอีกฝ่ายอยู่เฉยๆ โดยไม่ตอบโต้อะไรแต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเครียด เมื่อฝ่ายชายใส่อารมณ์กับเธอเรื่อยๆ พร้อมกับพยายามดึงตัวดาราสาวเข้าไปกอดแต่วีนัสก็ขัดขืนด้วยการสะบัดแขนแล้วเดินหนี แต่ก็ถูกพีทดึงตัวเอาไว้อีก... เสียงอื้ออึงดังขึ้นเมื่อดาราหน้าหวานตบหน้าอีกฝ่ายเต็มแรงจนใบหน้าสะบัดไปตามมือแล้วเธอก็รีบวิ่งหนีไป
“เฮ้ๆๆๆๆ คุณๆๆๆ” กี้รวบตัวดาราสาวที่วิ่งออกมาถึงบริเวณสวนหย่อม วีนัสส่งเสียงร้องออกมาแล้วทุบเธอเป็นการใหญ่ “นี่ฉันเอง... กี้ไง วีนัส... ฉันไง... กี้”
เมื่อดาราหน้าหวานเห็นสาวเซอร์เธอก็หยุดมือแล้วกอดอีกฝ่ายแน่น น้ำตาร้อนๆ ไหลลงมาเป็นทาง กี้ยืนกอดดาราสาวเงียบๆ เธอเช็ดน้ำตาให้กับวีนัสเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบเสียงลงแล้ว
“โอเคนะ”
“อื้อ... ขอบคุณนะ”
“ตบได้สวยนี่... แรงดีซะด้วย เห็นทีจะต้องถอนคำพูดซะแล้ว... คุณนี่ตบชนะพวกนางอิจฉาได้แน่ๆ”
ดาราสาวหัวเราะกับคำพูดของอีกฝ่าย “คุณนี่... ฉันหายใจไม่ทันเพราะร้องไห้ คุณจะให้ฉันขาดใจตายเพราะคุณทำให้ฉันหัวเราะงั้นเหรอ”
“ไม่ยอมให้คุณขาดใจตายหรอกน่า ฉันรู้จักวิธีทำ CPR* นะ”
*Cardiopulmonary resuscitation ปฏิบัติการเพื่อช่วยชีวิตคนที่หัวใจหยุดเต้นและหยุดหายใจกะทันหัน เป็นการช่วยโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือแพทย์ เพียงแต่ใช้มือกดที่หน้าอกและเป่าลมหายใจเข้าปากผู้ป่วย
“งั้นเหรอ... ลองทำให้ดูหน่อยสิ” ดาราหน้าหวานพูด
สาวเซอร์ยิ้มแล้วจูบวีนัสอย่างอ่อนโยน หลังจากนั้นก็พาดาราสาวกลับไปที่ห้องอาหาร สองสาวลงมานั่งที่โต๊ะของทีมสถาบันฯ แบบไม่รู้ไม่ชี้สร้างความมึนงงให้กับทุกคนที่โต๊ะเป็นอย่างมาก ส่วนทีมงานของบริษัทนั้นต่างพากับกลับขึ้นไปบนห้องหมดแล้ว ดังนั้นทั้งห้องอาหารจึงเหลือแต่พวกเขาอยู่เพียงโต๊ะเดียว