Chapter 15เช้าตรู่ของวันนี้วีนัสเดินทางมาถึงกองถ่ายละครเรื่องใหม่ ขณะที่รอช่างแต่งหน้าดาราหน้าหวานก็กดโทรศัพท์ส่งข้อความไปทักทายกี้ที่ยังคงอยู่ต่างจังหวัด เธอรู้สึกประหลาดใจเมื่อคนที่เธอเพิ่งจะส่งข้อความไปหาเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาโทรกลับมาหาเธอ
“วันนี้ตื่นเช้าจัง นึกว่ายังไม่ตื่นซะอีก” ดาราสาวตอบกลับหลังจากที่กดรับสาย
“อื้อ... ออกมาใส่บาตรน่ะ”
“ทำบุญเป็นกับเค้าด้วยเหรอคุณน่ะ นึกว่าทำชั่วเป็นอย่างเดียว” วีนัสแซว
“ไม่ได้ทำให้ตัวเองสักหน่อย ฉันไม่อยากจะขึ้นสวรรค์หรอกนะ มันเหงา เพื่อนน้อยเกินไป” สาวเซอร์พูดทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะ
“ไม่ได้ทำบุญให้ตัวเองแล้วคุณทำให้ใครล่ะ”
“ทำให้พ่อกับแม่ต่างหาก” ปลายสายตอบ
ดาราหน้าหวานทำหน้าตกใจ “ร... เหรอ... วันนี้เป็นวัน... เอ่อ...”
“วันที่พ่อกับแม่ตาย” กี้ตอบเสียงเรียบๆ ดูเหมือนเธอจะไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก “ใส่บาตรให้สักหน่อย เดี๋ยวตามมาทวงล่ะแย่เลย”
คำพูดเมื่อครู่ทำให้คนฟังยิ้มออกมา “ค่ะ... แล้วจะกลับเมื่อไหร่เหรอ”
“มะรืนนี้ เมื่อวานเพิ่งจะกลับมาจากหมู่บ้านน่ะ เออใช่! ได้แวะไปเยี่ยมบ้านของยายที่เคยเล่าให้คุณฟังด้วยล่ะ คุณเชื่อมั้ยว่ากางเกงในที่ฉันเคยซื้อให้ยายยังอยู่เลยนะ ยายแกสั่งลูกแกไว้ว่าห้ามทิ้ง”
ดาราสาวหัวเราะคิก “จริงเหรอ... อำฉันหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่อำๆ แต่ไม่กล้าขอมาเป็นหลักฐานให้คุณดูหรอกนะ ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าไอ้กางเกงในที่ฉันซื้อให้นี่ควรค่าแกการเก็บรักษาขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ทำไมยายไม่ปิดทองแล้วก็เขียนพินัยกรรมยกให้ลูกหลานไปซะเลยล่ะเนี่ย...” สาวเซอร์พูด เธอได้ยินเสียงหัวเราะได้มาจากอีกฝ่าย
“วันนี้คุณมาถ่ายละครเหรอ”
“ค่ะ... ละครเรื่องใหม่... วันนี้ต้องใส่ชุดนักศึกษาด้วยล่ะ ไม่เคยใส่มาก่อนเลย ตื่นเต้นจัง”
“จริงเหรอ... แล้วเต้นท่าไก่ย่างวันนี้เลยหรือเปล่า” กี้ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ยังไม่เต้นวันนี้... แหมคุณนี่อยากเห็นฉันเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็อยากดูนี่นาว่าท่าเต้นลูกศิษย์คนโปรดจะเป็นยังไง เต้นไม่ดีนี่เสียชื่อคนสอนแย่เลย” สาวเซอร์พูดขำๆ
“อื้อ... แล้วกินข้าวเช้าหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณล่ะ”
“ยังเลย กำลังเดินหาของกินอยู่เนี่ย ตลาดเช้าที่นี่น่าเดินมากเลยนะ ของโปรดคุณมีเพียบเลยล่ะคุณดาว”
วีนัสหัวเราะ “ของโปรดฉันเหรอ... อะไรล่ะเนี่ย อ้ะๆๆ ไม่เอาเมนูแบบคราวที่แล้วนะ”
“ว้า... โดนดักคอซะแล้วสิ” กี้พูด “บรรยายไม่หมดแฮะ เยอะแยะไปหมด คนที่นี่เค้ากินโรตีกับแกง แล้วก็ชาพม่าเป็นอาหารเช้ากันล่ะ”
“ฟังแล้วท่าทางจะอร่อย... อยากไปด้วยจัง” ดาราหน้าหวานพูด
“ก็... ยังไงดี... ทริปนี้ดีแล้วล่ะที่บริษัทคุณไม่ส่งคนมา”
“ทำไมล่ะ”
“มันไม่ได้สบายเหมือนทริปที่เคยจัดกับบริษัทคุณไง แล้วก็... ดีแล้วล่ะที่คุณไม่มาด้วย”
ดาราสาวขมวดคิ้ว “มีอะไรเหรอ... ทำไมถึงพูดแบบนั้น”
“ก็... ทริปนี้เป็นทริปที่มีคนจากกระทรวงฯ ตามมาด้วยเพื่อมาดูงานแล้วก็มาประเมินดูเรื่องงบประมาณ ถ้าคุณมาด้วยมันก็คงดูไม่ดีเท่าไหร่”
“อ่าฮะ... เข้าใจแล้ว พูดซะให้กลัวเลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นซะอีก” วีนัสพูดพลางส่ายหน้า “พี่ช่างแต่งหน้ามาแล้วล่ะ ต้องวางก่อนนะ อย่าลืมถ่ายรูปข้าวเช้ามาให้ดูด้วยล่ะ”
“แลกกับรูปคุณในชุดนักศึกษาก็แล้วกัน โอเคมั้ย”
ดาราหน้าหวานหัวเราะ “ได้ค่ะ แค่นี้ก่อนนะ”
“อื้อ” สาวเซอร์กดวางสายแล้วถอนหายใจออกมา เธอไม่กล้าบอกอีกฝ่ายว่าอดีตคนรักของดาราสาวร่วมทริปนี้กับเธอด้วย
...
เสียงช้อนส้อมกระทบจาน เสียงแก้วน้ำกระทบกันดังออกมาจากโต๊ะอาหารตัวยาวในร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวอำเภอแม่สอด ทีมจากสถาบันฯ และทีมจากกระทรวงฯ นั่งกินอาหารเย็นกันที่นี่หลังจากการทำงานในทริปนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว
“ทานเหล้ากันมั้ยครับทุกท่าน” โชคถามขณะที่กำลังหมุนฝาเปิดเหล้าฝรั่งขนาด 1 ลิตรยี่ห้อหนึ่ง
สมาชิกเกือบทุกคนที่นั่งอยู่ยกมือ ยกเว้นเจ้าหน้าที่สาวจากกระทรวงฯ
“ผสมอะไรกันบ้างครับ กินกันเยอะหรือเปล่าผมจะได้กะถูก” หนุ่มสกินเฮดถามต่อ
เมื่อแต่ละคนบอกส่วนผสมของรสชาติที่ตนเองชอบ จอยก็พูดขึ้นมาว่า “ท่าทางคุณจอมจะคอแข็งนะคะ ให้โชคชงซะเข้มเชียว”
“ก็... ฮะ” จอมขวัญพูดพลางปรายตามองไปที่กี้ ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับเธอ
เมื่อกินกันไปได้สักพัก วงดนตรีของร้านก็เริ่มบรรเลงเพลงซึ่งเพลงส่วนใหญ่จะเป็นเพลงยอดฮิตติดชาร์ต แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มเปลี่ยนไปเล่นเป็นเพลงเก่าและเพลงเพื่อชีวิต
สาวแว่นหน้าหล่อเบ้ปากราวกับไม่ค่อยพอใจเมื่อได้ยินวงดนตรีเล่นเพลงแนวนี้ขึ้นมา เธอมองไปที่สมาชิกของสถาบันฯ ที่ส่งเสียงร้องตามเพลงที่กำลังเล่นอยู่อย่างสนุกสนานด้วยสายตาเหยียดๆ และมองกี้ที่ขยับตัวและร้องตามเพลงนั้นเพลงนี้ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
“เพลงนี้ถูกขอมาจากโต๊ะใหญ่ค่ะ เขียนมาด้วยว่าขอมอบให้คุณกี้” นักร้องสาวพูดออกไมโครโฟนขณะที่กำลังอ่านกระดาษที่ปรีชาเขียนขอเพลงไปให้
“แหม... สถานะเดียวกันกับคนร้องเลยนะครับเนี่ย” มือกีต้าร์ส่งเสียงแซวเพื่อเล่นมุก
“ไอ้ปรี... เขียนขอเพลงอะไรไปวะ” สาวเซอร์ถามเพื่อนด้วยใบหน้างงๆ แล้วตะโกนถามมือกีต้าร์ว่า
“สถานะอะไรอ่ะคะ”
“สถานะผู้เชี่ยวชาญด้านความโสดมีความเหงาเป็นของแถม แล้วก็คานเป็นที่สิงสถิตน่ะสิครับ” เสียงกลองรับมุกเป็นจังหวะดังตึ่งโป๊ะ ทุกคนในร้านหัวเราะชอบใจ
นักร้องสาวรีบพูดแทรกขึ้นมาว่า “ขอมอบเพลง เหงา... ไม่เข้าใจ ให้กับคุณกี้ค่ะ”
กี้หัวเราะร่วนแล้วหันไปด่าคนขอเพลง หลังจากนั้นก็ร้องตามเพลงอย่างสนุกสนานราวกับไม่ใส่ใจสายตาของจอมขวัญที่มองเธอแบบดูแคลน
ไม่ได้หยิ่งจริงจริง
มันยังไม่เจอะอย่างเขา ไม่มีใครเอา
มันเลยต้องเหงา... เข้าใจ
หน้าต่างประตูมาดูยังเปิดเอาไว้ ให้คนที่อยากเข้ามา
กลางวันทำงาน กลางคืนนั่งทำใจ
เวลาเจอใครมีแฟนก็อิจฉา คนดีคนใดก็ไม่เห็นมีมา
ทำไมหายากเย็น... เข็ญใจ
ตะโกนดังดังไม่อยากนั่งบนคาน มันมีอาการอยากเกี่ยวก้อยกับใคร
บางทีคนเราก็แอบเหงาไม่เข้าใจ กำลังอยากมีใครไว้ให้กอด
(เพลงเหงา... ไม่เข้าใจ: บาว-ปาน)
“เพลงโดนใจมั้ยคร้าบบบ” หนุ่มอีสานถามเพื่อน
“โดนมาก... ขอบคุณมึงมากเลยนะไอ้คุณเพื่อน คิดไงเนี่ยถึงขอเพลงนี้” สาวเซอร์ถาม
“ก็เห็นว่าพักนี้ชอบทำหน้ามุ่ย ชอบคิดอะไรอยู่คนเดียว ก็นึกว่าเหงา อยากมีแฟนเหมือนไอ้สองไง คิดว่าคงจะอิจฉาที่คนร่วมห้องโทรหาแฟนจ๋าจ้า แบ่แบ้ จุ๊บจุ๊บุ” ปรีชาพูดแล้วพาดพิงไปที่สองที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ
“ยังไม่เอาอ่ะ กูยังไม่อยากมี”
“แหม... ก็คิดซะว่ากูอยากเห็นมึงบินได้” โชคพูดขึ้นมา
“เฮ้ย! เพลงบาวปาน ไม่ใช่บอดี้แสลม บิงดงบินได้อะไรของมึง อยากบินก็ขอเพลงเลยดิ๊” จอยตัดมุกเพื่อน
“เพลงของบอดี้แสลมอ่ะเหรอ” สาวหมวยถาม
“ป่าว เพลงจั๋งซี้มันต้องถอนของปอยฝ้าย” สาวอวบพูดต่อทำเอาทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะหัวเราะยกเว้นสาวแว่นหน้าหล่อ
จอมขวัญรู้สึกเซ็งกับบรรยากาศที่โต๊ะอาหารเป็นอย่างมาก เธอไม่ชอบเพลงแบบนี้ ไม่ชอบคนกลุ่มนี้ และเหนือสิ่งอื่นใดเธอไม่ชอบกี้ ผู้หญิงที่อดีตคนรักของเธอบอกว่าชอบมาก เธออยากกลับไปนอนพักแล้วแต่ดูเหมือนว่าจำเป็นต้องนั่งอยู่ต่อเพื่อรักษามารยาท สาวแว่นหน้าหล่อจึงคิดอยากจะแกล้งสาวเซอร์ขึ้นมาจึงร้องบอกกับอีกฝ่ายว่า
“คุณกี้คออ่อนเหรอฮะ ไม่ค่อยเห็นดื่มเลย น้ำแข็งละลายหมดแล้ว”
กี้เลิกคิ้วแล้วตอบว่า “ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่ช่วงที่รอทีมคุณจอมมาฉันกินเบียร์ไปหลายแก้วแล้ว เมื่อกี้เต้นเพลินไปหน่อยก็เลยไม่ได้กิน”
“เหรอฮะ... พอดีเห็นว่ายุงลงไปไข่ในแก้วแล้วก็เลยคิดว่าคุณกี้คออ่อน ไม่ดื่มแล้วซะอีก” จอมขวัญพูดเสียงเรียบ
“โห... ไอ้กี้ คุณจอมเค้าว่าแกอ่อนว่ะ ไอ้อ่อนเกลือ” ปรีชาพูดล้อเพื่อน
สาวเซอร์ยิ้มๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไร เมื่อเธอส่งแก้วให้พนักงานสาวชงเหล้าแล้วเธอก็ร้องเรียกสาวแว่นหน้าหล่อ
“คุณจอมคะ”
กี้ชูแก้วเหล้าตัวเองพลางทำท่าชนแก้ว “หมดแก้วค่ะ”
ผู้ที่ถูกเรียกยกแก้วของตนเองชนกับแก้วของอีกฝ่ายแล้วก็ดื่มเหล้าจนหมดแก้ว สาวเซอร์เองก็เช่นเดียวกันและหลังจากนั้นมากี้ก็ชวนสาวแว่นหน้าหล่อชนแก้วอยู่ตลอดจนกระทั่งคนถูกชวนเริ่มเดินเป๋ไปเข้าห้องน้ำหลายต่อหลายรอบ ในขณะที่คนชวนกลับมีท่าทางเฉยๆ ไม่ออกอากาศอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
“เอาแล้วไง” จอยกระซิบกับสอง “เล่นกะใครไม่เล่น เล่นกับไอ้กี้ คอแข็งอันดับสองรองจากพี่ชัย”
จอมขวัญเดินเซกลับมานั่งที่โต๊ะ เธอยังไม่ยอมแพ้สาวเซอร์ “แหม... คุณกี้นี่คอแข็งเหมือนกันนะฮะ”
“จำเป็นค่ะ เพราะไม่งั้นจะโดนไอ้พวกนี้ด่าว่าอ่อน... อ่อนเกลือ”
“หมายความว่าอะไรเหรอคะ ไอ้อ่อนเกลือเนี่ย” เจ้าหน้าที่สาวถามขึ้นมา
ตั้มอธิบายว่า “มาจากช่วงที่เรากินเหล้าช็อตน่ะครับ ว้อดก้าบีบมะนาว ใส่เกลือ ใส่โซดาแล้วผลัดกันกิน ใครที่เมาก่อน ขอยอมแพ้ก่อนต้องวิ่งไปซื้อเกลือให้พวกที่เหลือเพราะตอนนั้นเกลือที่เราเอามาชงกินมันเหลืออยู่ก้นถุง มันจะหมดแล้ว ร้านค้าก็อยู่ไกล พวกเราก็เลยเรียกคนที่เมาก่อนว่าอ่อนเกลือ”
กี้นั่งหัวเราะคิกกับคำอธิบายของหนุ่มตี๋ แล้วหันไปหาสาวแว่นหน้าหล่อ “ไหวหรือเปล่าคะคุณจอม หรือว่าคุณจอม... อ่อนเกลือ”
ทีมจากสถาบันฯ และกระทรวงฯ หัวเราะคิก จอมขวัญรู้สึกเสียหน้าจึงตอบกลับไปว่า “ไหวสิฮะ... แค่นี้เอง จอมเคยดื่มเยอะกว่านี้ซะด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินดังนั้นโชคจึงเดินไปหยิบขวดเหล้าที่มีน้ำสีอำพันอยู่ก้นขวดมาวางบนโต๊ะ “เหลืออีกนิดเดียว... เอางี้มะ เพียวๆ คนละครึ่ง”
สาวเซอร์ยื่นแก้วให้เพื่อน “จัดมา”
นักเรียนนอกไม่ยอมแพ้ เธอยื่นแก้วให้หนุ่มสกินเฮดเช่นเดียวกัน
20 นาทีต่อมา…
กี้นั่งทำหน้าเซ็งพลางลูบหลังสาวแว่นหน้าหล่อที่กำลังอยู่ในท่าทำความเคารพโถส้วมอยู่ในห้องน้ำของโฮมสเตย์พลางส่งเสียงโอ้กอ้ากไปด้วย เมื่อจอมขวัญอาเจียนจนหมดเธอกับสองก็ช่วยกันหิ้วปีกคนเมากลับไปที่ห้องนอน พวกเธอจัดท่าทางของนักเรียนนอกให้เรียบร้อย ก่อนที่พวกเธอจะเดินออกจากห้อง สาวเซอร์ก็หันมามองคนเมาที่นอนอยู่บนเตียงแล้วพูดเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากว่า
“อ่อนว่ะ”
...
วีนัสนัดเจอแพทที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังเพื่อหาของขวัญวันเกิดให้กับแม่ของเธอ ดาราหน้าหวานทำท่าเซ็งอีกครั้งเมื่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญตามมาด้วย
“อย่ามองเราแบบนั้นดิ เราไม่รู้จริงๆ นะว่าจะมาเจอจอมที่นี่” สาวหล่อรีบปฏิเสธเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนสาว “เราไม่รู้จริงๆ ว่าจอมรู้ได้ยังไงว่าเราจะมาเจอนัส”
ดาราสาวถอนหายใจเบาๆ “ช่างเถอะแพท เราไปซื้อของกันเถอะ”
สามนักเรียนนอกเดินดูของตามชั้นต่างๆ อย่างไม่เร่งรีบ วีนัสเองยังไม่มีไอเดียว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวันเกิดให้แม่ของเธอเลยจึงได้แต่เดินดูไปเรื่อยๆ จนไปพบกับกระเป๋าถือที่เธอถูกใจและก็คิดว่าแม่ของเธอน่าจะถูกใจด้วย
“อื้อ... เราว่าสั่งเค้กให้แม่ดีมั้ย แม่นัสชอบทานเค้กนี่นา” สาวแว่นหน้าหล่อเสนอหลังจากที่กำลังรอจ่ายเงินค่ากระเป๋า
ถึงจะรู้สึกหงุดหงิดที่อดีตคนรักตามมาด้วยแต่ดาราหน้าหวานก็พยักหน้ารับ เพราะจอมขวัญนั้นถือว่าค่อนข้างสนิทกับครอบครัวของเธอมาก สาวแว่นหน้าหล่อมักจะมาช่วยทำงานบ้านหรือนั่งคุยกับพ่อและแม่ของเธอเสมอเมื่อมีเวลาว่าง ช่วงที่คบกันอยู่นั้นเวลาที่พ่อกับแม่ของเธออยากจะได้อะไรก็มักจะสื่อสารผ่านทางจอมขวัญเสมอ
“ไปร้านไหนดีล่ะ” แพทถาม
“ข้างล่างมีร้านนึงที่แม่ชอบมาทานน่ะ เดี๋ยวลงไปดูก็ได้ว่ามีอะไรบ้าง” ดาราสาวพูด
แต่กว่าที่วีนัสจะลงไปถึงชั้นล่างได้เธอก็ต้องฝ่าบรรดาผู้คนและแฟนคลับที่เข้ามาขอลายเซ็นและขอถ่ายรูปด้วยจนทำให้สาวแว่นหน้าหล่อเริ่มทำเสียงในลำคอแบบไม่ค่อยพอใจนักให้ได้ยินจนเธอต้องมองค้อน
“อะไรกันนักกันหนา ไม่รู้จักมารยาทบ้างเลยหรือยังไง privacy (ความเป็นส่วนตัว) รู้จักกันบ้างมั้ยเนี่ย” จอมขวัญบ่นให้สาวหล่อที่ยืนรออยู่ข้างๆ ฟัง
แพทเหล่มองเพื่อน “ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ใช่ว่าพวกเราได้จะเจอดาราบ่อยๆ ที่อเมริกางั้นแหละ นัสก็ไม่เห็นจะว่าอะไรด้วย”
สาวแว่นหน้าหล่อมองดูนาฬิกาข้อมือ หน้าปัดมีรอยขีดข่วนจากการที่เธอเอามือปัดไปโดนขอบเตียงหลังจากที่ตื่นขึ้นมาในสภาพเมาค้างเพราะดวลเหล้ากับกี้
“นี่มันเกือบจะ 15 นาทีแล้วนะ”
“บ่นจริง ถ้าจอมรีบ จอมก็ลงไปก่อนก็แล้วกัน เราจะรอนัสอยู่ที่นี่แหละ” สาวหล่อพูดด้วยความรำคาญแต่จอมขวัญยังคงยืนรอต่อไปด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดมากขึ้น เมื่อดาราสาวหลุดจากฝูงชนได้แล้วเธอก็เดินเข้ามาหา
“โทษที” วีนัสพูดยิ้มๆ แต่เมื่อเธอมองเห็นใบหน้าของอดีตคนรัก รอยยิ้มของเธอก็เลือนหายไป
“ไปกันเลยมั้ยนัส” แพทพูดพลางดึงมือเพื่อนสาวให้เดินลงบันไดเลื่อนไป
ดาราหน้าหวานแอบมองไปด้านหลัง เห็นสาวแว่นหน้าหล่อมองไปที่แฟนคลับของเธอด้วยสายตาไม่พอใจ เธอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“I’m gonna get mad (อยากจะบ้าตาย)” สาวหล่อบ่นออกมาเบาๆ ให้ดาราสาวได้ยิน
“Me too (ฉันก็เหมือนกัน)”
ก่อนที่จะเดินไปถึงร้านเบเกอรี่ วีนัสก็เห็นร่างของคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาที่สะพายกระเป๋ากีต้าร์ยืนอยู่ด้านหน้า ดาราหน้าหวานรีบเดินตีคู่เพื่อมองใบหน้าของอีกฝ่ายทันทีแล้วเธอก็ยิ้มออกมาเมื่อคนที่เธอเห็นนั้นเป็นคนที่เธอกำลังอยากจะพบ
“คุณ...” ดาราสาวร้องทัก
สาวเซอร์สะดุ้งแล้วหันไปมอง เธอยิ้มให้เมื่อเห็นวีนัสพร้อมกับรอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้า
“ว่าไง” กี้หันมาหา เธอหันไปยิ้มให้กับแพทที่กำลังค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลังเพราะไม่อยากกวนการพูดคุยของเพื่อนสาว
“คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ วันนี้ไม่ต้องเฝ้าร้านหรือยังไง”
“ยื่นใบลาให้น้ากานไปแล้ว” สาวเซอร์ตอบด้วยเสียงที่แหบเล็กน้อย เธอยกขวดน้ำขึ้นดื่ม
ดาราหน้าหวานพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่าย เธอสังเกตว่ากี้ดูท่าทางอิดโรย “ดูคุณเหนื่อยๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เพิ่งกลับมา ยังไม่ค่อยได้นอนเลย”
“แล้วทำไมวันนี้ไม่พักล่ะ ออกมาข้างนอกทำไม... แล้วเอากีต้าร์ออกมาด้วย จะเอาไปเล่นที่ไหนเหรอ” ดาราสาวยื่นมือไปจับที่กระเป๋ากีต้าร์
“วันนี้มาเล่นดนตรีเปิดหมวกกับพวกเพื่อนๆ ที่คณะ... เพื่อนที่มหา’ลัยน่ะ พอดีว่าจะจัดงานเลี้ยงรุ่นกันแต่คิดว่าน่าจะทำอะไรที่มันดีกว่าไปนั่งกินเหล้า ก็เลยจะไปทำบุญให้โรงเรียนที่เมืองกาญจน์น่ะ... วันนี้ก็เลยมาเล่นดนตรีหารายได้ไปซื้ออุปกรณ์การเรียน แล้วก็ของอื่นๆ”
“แล้วได้มาเยอะมั้ย”
“ไม่รู้เหมือนกัน เพราะฉันออกมาก่อน”
“ไหงงั้น ทำไมยอมแพ้ง่ายๆ ไม่สมกับเป็นคุณเลย” วีนัสพูดพลางมองหน้าอีกฝ่าย บทสนทนาของเธอและสาวเซอร์ทำเอาแพทที่ยืนฟังอยู่ห่างๆ อมยิ้ม
“พรุ่งนี้มีประชุมแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดีด้วย อยากนอนเลยขอออกมาก่อนน่ะ” สาวเซอร์จิบน้ำอีกครั้งแล้วพูดต่อเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของดาราหน้าหวาน
“ไม่ต้องห่วงนะ แค่นอนไม่พอเท่านั้นเอง”
เมื่อได้ฟังคำตอบจากกี้ ดาราสาวก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “อื้อ...”
“อ้าวนึกว่าใคร คุณกี้นี่เอง” จอมขวัญเดินปรี่เข้ามาหาเมื่อเห็นว่าอดีตคนรักกำลังยืนคุยกับศัตรูหัวใจอยู่
สาวเซอร์หันไปมองแล้วขมวดคิ้ว “หวัดดีค่ะคุณจอม”
“มาทำอะไรแถวนี้เหรอฮะ... โอ๊ะ! สะพายกีต้าร์มาด้วย ไม่คิดว่าคุณกี้เล่นเป็นด้วยนะฮะ”
“ก็... เล่นเป็นค่ะ วันนี้มาเล่นดนตรีเปิดหมวกหารายได้ไปทำบุญให้โรงเรียนน่ะค่ะ”
สาวแว่นหน้าหล่อยิ้มมุมปาก “ทำบุญจริงๆ เหรอฮะ”
“ค่ะ” กี้ตอบกลับไปแบบแกนๆ
สาวหล่อรีบเดินเข้ามาหาทันที “แล้วกลุ่มเพื่อนของคุณกี้เล่นอยู่ตรงไหนเหรอฮะ เผื่อว่าจะได้เข้าไปช่วยสมทบทุน”
“อ๋อ อยู่ตรงหน้าสถานีรถไฟฟ้าน่ะค่ะ ขอบคุณนะคะคุณแพท”
“แล้วเพื่อนของคุณกี้เล่นเพลงแนวไหนเหรอฮะ” จอมขวัญถามต่อโดยไม่สนใจสายตาของดาราหน้าหวานที่มองเธอแบบไม่พอใจ
“ก็ทั่วไปแหละค่ะ... เพลงไทย เพลงฝรั่งสลับกันไป ถ้ามีคนขอเพลงแล้วร้องได้เล่นได้ก็จะเล่นให้”
“เหรอฮะ ก็เล่นได้หลายแนวดี คิดว่าเล่นเป็นแต่แนวเพื่อชีวิตที่คุณกี้ฟังเป็นอยู่อย่างเดียวซะอีก” สาวแว่นหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ
กี้มองที่คู่สนทนาแล้วยักไหล่แล้วตอบสั้นๆ ว่า “ก็สไตล์ใครสไตล์มันแหละค่ะ”
“แล้วนี่คุณจะกลับยังไง” ดาราสาวรีบถามตัดบททันที
“ก็รถเมล์ หรือไม่ก็รถตู้ แถวนี้มีรถผ่านที่บ้านหลายสายอยู่”
จอมขวัญพูดแทรกขึ้นมาว่า “เห็นคุณกี้ถือกีต้าร์มาแล้วจอมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ฮะ พวกเรากำลังจะมาซื้อของขวัญวันเกิดให้แม่ของนัสพอดี แล้วก็กำลังคิดๆ กันอยู่ว่าจะทำอะไรให้ในงานปาร์ตี้ดี”
“แล้วยังไงอ่ะคะ” สาวเซอร์ถาม ในขณะที่แพทและวีนัสขมวดคิ้ว
“คุณกี้ทำให้จอมนึกขึ้นได้ว่า จอมน่าจะเล่นเปียโนแล้วก็ให้นัสร้องเพลงเป็นของขวัญวันเกิดให้แม่ของนัสยังไงละฮะ” สาวแว่นหน้าหล่อพูดยิ้มๆ “นัสชอบร้องเพลงเวลาที่จอมเล่นเปียโน เสียงนัสเค้าเพราะมากเลยล่ะฮะ ถ้าได้ร้องเพลงให้แม่ก็คงจะเซอร์ไพร์สน่าดู”
“งั้นเหรอคะ” กี้พูดเสียงเรียบ
“ต้องขอบคุณคุณกี้นะฮะที่ทำให้จอมนึกขึ้นมาได้ จอมว่าจอมกับนัสคงต้องไปหาเพลงที่แม่ชอบมาซ้อมกันก่อนจะถึงวันงาน คุณกี้คิดว่ายังไงฮะ”
สาวเซอร์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ก็ดีนี่คะ”
“คุณกี้มีเพลงแนะนำมั้ยฮะ... อ้อ ลืมไป คุณกี้ชองเพลงเพื่อชีวิตคงไม่ฟังเพลงฝรั่ง”
“คุณแม่ของคุณวีนัสน่าจะอายุพอๆ กับพ่อแม่ของฉัน ก็คงจะชอบเพลงยุค 60s ไม่ก็ 70s แต่ฉันก็คงไม่ทราบหรอกค่ะว่าคุณแม่ของคุณวีนัสชอบเพลงอะไร”
“แหม... ไม่คิดว่าคุณกี้จะมีความรู้เรื่องแบบนี้ด้วยนะฮะ” จอมขวัญพูดเย้ยๆ
ดาราหน้าหวานเริ่มจะทนไม่ได้กับการกระทำของอดีตคนรัก เธอคว้าแขนกี้ให้เดินออกห่างจากสาวแว่นหน้าหล่อ
“คุณไม่จำเป็นต้องคุยกับเค้าก็ได้” ดาราสาวพูด เสียงของเธอสั่นเพราะรู้สึกโกรธกับพฤติกรรมของจอมขวัญ
“ไม่คุยก็เสียมารยาทสิ”
วีนัสถอนหายใจ สาวเซอร์พูดออกมาว่า “ถอนหายใจอีกแล้ว ฉันควรจะเริ่มนับสถิติถอนหายใจของคุณจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”
คำพูดนี้ทำให้ดาราหน้าหวานยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่อดีตคนรักก็รีบเดินเข้ามาหาอีกครั้งโดยที่สาวหล่อรีบเดินตามมาด้วย
“ไปซื้อเค้กให้แม่กันเลยมั้ยนัส จอมอยากให้นัสเลือกเองบ้าง เพราะจอมเลือกให้แม่นัสทานทุกทีเลย” พอพูดจบสาวแว่นหน้าหล่อก็ดึงมือดาราสาวให้ถอยห่างจากกี้ วีนัสสะบัดมือออกเบาๆ
“เราไปเองได้ จอมไม่ต้องมาจับมือหรอก... ไปนะ” ดาราหน้าหวานบอกกับสาวเซอร์
กี้ยกมือขึ้นเพื่อโบกมือลา เธอได้ยินแพทพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “แพทพูดอะไรได้ไม่เยอะหรอกนะฮะ แต่คุณกี้รู้มั้ยว่าแพทเซ็งมาก เบื่อด้วย แล้วก็อึดอัดแทนนัสด้วย แพททำได้ก็แค่พูดในใจเท่านั้นเอง”
“คุณแพทรู้อะไรมั้ยคะ” สาวเซอร์พูดออกมาเบาๆ
“อะไรเหรอฮะ”
“ข้อดีของการพูดในใจก็คือด่าใครแล้วคนนั้นจะไม่มีวันรู้... ไปก่อนนะคะ”
สาวหล่อยืนหัวเราะอยู่คนเดียวเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวที่เพิ่งจะบอกลาเธอไป
...
“แม่งเอ้ย... วันนี้มันเป็นวันห่านอะไรของกูวะเนี่ย!” กี้พูดออกมาด้วยความเซ็ง
จู่ๆ ฝนไล่ช้างก็ตกลงมาขณะที่สาวเซอร์กำลังจะเดินไปที่ท่ารถตู้ โชคดีที่วิ่งกลับในหลบฝนที่ใต้ตัวอาคารได้ทันก่อนที่จะเปียกไปทั้งตัว กี้มองไปที่กีต้าร์แล้วขมวดคิ้ว
“ทำไงดีวะเนี่ย” สมองของสาวเซอร์กำลังใช้ความคิดถึงวิธีการกลับบ้าน แล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้างฯ อีกครั้ง
กี้เดินกลับออกมาที่หน้าประตูห้างฯ ฝนเริ่มซาลงแล้วเธอจึงรีบวิ่งฝ่าสายฝนปรอยๆ ไปที่ท่ารถ ขณะที่กำลังวิ่งอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ส่งเสียงขึ้นมา เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นกลุ่มเพื่อนของเธอโทรมาหา
“ว่าไงมึง”
“กี้ ฝนตกว่ะ พวกกูเล่นต่อไม่ได้แล้ว” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
“เออ กูเห็นแล้ว... แล้วได้มาเท่าไหร่วะ”
“ประมาณสองหมื่นกว่า มึงเชื่อป่ะว่ามีดารามาหย่อนตังค์ด้วย” ปลายสายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ได้เยอะนี่หว่า... แล้วดารานี่ใครอ่ะ”
“วีนัสไงมึง วีนัสที่สวยๆ อ่ะ เดินมาแล้วก็หย่อนเงินลงไปเลย ทั้งแบงค์ 500 แบงค์ 1,000 เพื่อนเค้าอีกคนนึงก็มา ท่าทางทอมๆ มาหย่อนตังค์ลงไปเพิ่ม สองคนนี้ให้เงินรวมกันเกือบ 5,000 แหนะมึง”
สาวเซอร์ยิ้ม “เออ ดีใจด้วย เขียนอนุโมทนาตัวใหญ่ๆ เลยก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวกูจัดให้ วีนัสตัวจริงสวยมากเลยอ่ะมึง กูแบบอ้ากกกก มีแต่คนมอง เค้ายิ้มให้กูด้วยอ่ะ พวกไอ้สารีบเข้าไปขอถ่ายรูปใหญ่เลย แล้วแบบวีนัสหยิบกล่องใส่เงินแล้วเดินไปรอบๆ ช่วยบอกให้คนแถวนั้นทำบุญด้วยอ่ะมึง ทั้งสวยทั้งใจบุญ นางฟ้าของกูแท้ๆ”
กี้หัวเราะร่วน “เออๆๆ วันนี้วันดีมั้งมึงมีดารามาช่วยเนี่ย”
“ถูกต้อง มึงน่าจะอยู่ต่อว่ะ ไม่งั้นก็คงสนุกกว่านี้ เอ้ย! แล้วนี่มึงอยู่ไหนแล้ววะ ออกไปตั้งนานแล้วยังไม่ถึงบ้านอีกเหรอ”
“ยัง... ฝนตก กูติดฝนอยู่เนี่ย ตอนนี้กำลังจะไปท่ารถ พวกมึงก็กลับกันดีๆ ก็แล้วกัน”
“เออ มึงด้วย”
“แค่นี้นะ”
เพื่อนร่วมรุ่นของสาวเซอร์วางสายไปแล้ว และขณะที่เธอกำลังจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก็มีแรงกระแทกจากนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งที่เดินชนเธออย่างแรง ทำให้โทรศัพท์ของเธอนั้นร่วงหล่นจากมือ
“โทษครับ” เขาพูดแล้วเดินจากไป
กี้หันไปมองโทรศัพท์ของตัวเองที่หล่นอยู่บนพื้น แบตเตอร์รี่กระเด็นหายไป หน้าจอแตกร้าว ตัวเครื่องเปียกปอนเต็มไปด้วยน้ำฝนและน้ำที่เอ่ออยู่บนถนน
“เยี่ยมไปเลย ให้มันได้อย่างนี้สิ” สาวเซอร์บ่นกับตัวเองเบาๆ เธอหยิบเศษชิ้นส่วนที่เหลือขึ้นมาสะบัดน้ำออกแล้วเก็บใส่กระเป๋า
สองชั่วโมงต่อมา กี้ก็เดินสะโหล่สะเหล่ขึ้นมาบนห้องของตัวเองในสภาพที่ไม่ต่างอะไรจากคนที่เพิ่งกลับมาจากเล่นน้ำสงกรานต์มากนัก ท่าทางอิดโรยและเหนื่อยอ่อน พร้อมอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล อันเนื่องมาจากที่ตัวเปียกๆ ของเธอเข้าไปนั่งอยู่บนรถตู้ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำก็ทำให้ทั้งผมและเสื้อผ้านั้นเหนียวและชื้น สาวเซอร์ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแบบหมดแรง
“กี้... ดีนะที่แกไม่เปียกเหมือนฉัน” เจ้าของห้องปรายตาไปที่กีต้าร์ มันถูกหุ้มด้วยถุงดำแล้วปิดทับด้วยเทปแบบแน่นหนาเพื่อป้องกันน้ำเข้า
“เจ้าของแกจะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะนอนในสภาพแบบนี้” กี้ส่งเสียงถามออกมาเบาๆ
ถ้ากีต้าร์พูดได้ มันก็คงจะตอบว่า “แกสมควรไปอาบน้ำ สระผม ก่อนนอน กินยาดักด้วยจะได้ไม่เป็นหวัด” แต่ด้วยความที่มันพูดไม่ได้และถูกปิดด้วยถุงดำอย่างแน่นหนา มันก็เลยทำได้แค่เพียงดูสาวเซอร์หลับไปในสภาพแบบนั้นตลอดทั้งคืน
To be continued-----------
กี้เอาคืนได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าคุณๆ ผู้อ่านคงสะใจที่เห็นจอม “อ่อนเกลือ” ครางหน้าคงไม่กล้าท้าไอ้ลิงกี้ดวลเหล้าอีกแล้ว
เอาแล้วไง มือถือพัง ใช้ไม่ได้ แล้วจะโทรคุยกับวีนัสยังไงดีล่ะเนี่ย!!! วีนัสก็งานยุ่งด้วย เวลาเครียดจะอยากยิ้มอยากหัวเราะจะทำยังไงละทีนี้!!!
ตอนต่อไปอาจจะต้องรอนานหน่อยนะคะ เพราะอย่างที่เคยบอกๆ เอาไว้ว่าอีคนเขียนนั้นเพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ และงานเยอะมากกก (ได้ข่าวว่าเพิ่งทำงานได้แค่ 2 อาทิตย์) ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเวลาปรับตัวเนื่องจากมนุษย์รถตู้และรถเมล์อย่างอีคนเขียนนั้นต้องเปลี่ยนวิถีมาขึ้น รถตู้ + BTS + MRT ซึ่งไม่ชินอย่างแรง แถมงานที่ได้รับนั้นนอกจากงานหลักแล้ว งานรองคือสนับสนุนผู้บริหาร (ซึ่งต้องการงานด่วนและมีแต่เข้าประชุม อาทิตย์แรกของการทำงานเข้าประชุมประมาณ 10 กว่าประชุมแล้ว) เพราะฉะนั้นงานสนับสนุนต้องทำให้เสร็จก่อนงานหลัก (เพราะเอาเร็ว) เสร็จแล้วค่อยทำงานตัวเองทำให้เวลากลับบ้านนั้นไม่ได้เป็นไปตามเวลางานเลย...
แต่ยังไงซะงานที่นี่ก็มีอะไรให้เล่นสนุกๆ เช่น แข่งเดินเพื่อสุขภาพเป็นเวลา 3 เดือน นับโดยเครื่องนับก้าว (คิดเป็นก้าว/ กิโลเมตร/ การใช้พลังงานเป็นกิโลแคลอรี่/ การเผาผลาญไขมันเป็นกรัมให้อย่างเสร็จสรรพ) แข่งเป็นทีมกันทั้งออฟฟิศ เค้าบอกว่าปกติคนเราจะเดินวันละ 5,000 – 7,000 ก้าว/ วัน (ระดับปานกลาง)
คน Active เดินวันละ 10,000 ก้าว/ วัน ส่วนถ้าต้องการลดน้ำหนักต้องเดินให้ได้ 12,000 ก้าว/ วัน สถิติที่มากที่สุดของอีคนเขียนคือ 15,367 ก้าว ใน 1 วัน (จากการไปเที่ยวดรีมเวิร์ลเพื่อทอร์นาโด เครื่องเล่นใหม่โดยเฉพาะมันส์มาก ขึ้นไป 2 รอบ) แต่สถิติของออฟฟิศตอนนี้คือ 30,000 กว่าก้าวใน 1 วัน!!! (จากผู้บริหารคนหนึ่ง) แถมอีคนเขียนยังโดนหัวหน้าทีมตัวเองบังคับให้เดินได้วันละ 10,000 ก้าว/ วันด้วย (เดินได้เท่าไหร่ กินคืนเป็น 2 เท่า มันจะผอมมั้ยวะ)
วันก่อนตอนกลับบ้านเดินได้เลขสวยด้วยล่ะ (ถ่ายที่สถานี MRT) เชิญยล (สรุปรวมแล้วก็ได้ประมาณ 12,000 กว่าก้าวด้วยล่ะ!!!)