Chapter 4 : วิวาห์อลวนงานพิธีมงคลถูกจัดแบบเรียบง่าย ด้วยเจ้าของงานไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายเพราะคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะรับมือไม่ไหว ร่างกายไม่ปกติเท่าไหร่แบบนี้ ถ้าไม่ได้ยาช่วยก็คงจะพกกระโถนติดมือมารับแขกด้วยแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่า การจะเป็นแม่คนกับเขาทั้งทีมันจะเหนื่อยได้ขนาดนี้ นี่แค่ลูกคนเดียวเท่านั้นเองนะ
คิดไปคิดมาระหว่างนั่งดื่มจิบน้ำเย็นให้เย็นใจหายเหนื่อย หญิงสาวก็มองเรื่อยๆไปรอบตัว เธออมยิ้มส่ายศีรษะน้อยๆ เพราะงานที่เธอว่าจะจัดเล็กๆนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจ แขกเหรื่อที่ไหนไม่รู้มากันเต็มไปหมด คนมากพอๆกับงานของดาเรนกับนิโคลตอนนั้นเลยทีเดียว แต่ก็อย่างว่า แค่แขกของคุณเจ้าสาวอีกคนในงานนี้ก็เกินครึ่งร้อยแล้วล่ะมั้ง...
“มานั่งแอบอะไรคนเดียวแบบนี้ล่ะคุณเจ้าสาว” เสียงทักถามที่เธอจำได้ว่าเสียงใครพาให้ยิ้มกว้างขึ้น หญิงสาวหันไปเชื้อเชิญทางสายตาให้เจ้าของเสียงนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆกัน ไม่กี่นาทีให้หลังที่หล่อนนั่งลงแล้ว เธอก็รู้สึกได้ถึงมืออุ่นๆที่มาลูบที่ท้อง หล่อนยิ้มร่าเริงราวกับเจอบางอย่างที่ถูกใจอย่างนั้นแหละ
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยเพนนี เธอยอมมีลูกจริงๆด้วย หรืออ้วนลงพุงกันแน่เนี่ย” โซเฟียพูดติดตลก แล้วก็โดนตีบ่ามาแบบเบาๆ ให้ตัวเองแกล้งเจ็บ “นี่เธอ ฉันไม่ใช่คุณหมอเจสนะที่จะทนมือทนไม้เธอได้น่ะ ทำเบาๆหน่อย อ้อ..แล้วอย่าเที่ยวใช้แรงมากๆ เดี๋ยวกระเทือนหลานฉัน”
“แหม.. ไม่ต้องห่วงหรอกน่า รับรองได้เป็นป้าอยู่แล้วแหละ คุณป้าโซเฟีย” เพนนีพูดล้อเลียนเพื่อนซี้ อีกฝ่ายยกมือคล้ายจะตีเธอบ้างแต่หล่อนก็เปลี่ยนใจ ดึงมือกลับไปเสียอย่างนั้น แล้วก็ส่งเสียงบ่นออกมาแทน
“จะเป็นแม่คนอยู่วันสองวันนี้แล้ว ยังจะเล่นแบบนี้อีกนะ โตได้แล้วนะเธอ”
คนโดนบ่นส่ายหน้ายิ้มๆ ดูไม่ติดใจกับเรื่องที่อีกคนบ่นแต่ปากก็ยังเถียง “โซเฟีย.. ฉันต้องบอกเธอไหมว่า ฉันเพิ่งท้องได้สามเดือนเท่านั้นนะ”
“นั่นล่ะๆ อีกเจ็ดเดือนไม่นานนักหรอก นี่ก็เผลอแป๊บเดียวเองนะ เธอได้แต่งงานแล้ว ฉันยังจำวันที่เธอทะเลาะกับคุณหมอ แล้วเอาไม้ทีไล่ตีหัวเค้าได้อยู่เลย คิดแล้วยังขำไม่หาย” โซเฟียหัวเราะจนตัวงอ จนโดนทุบต้นแขนไปหนึ่งที คราวนี้แปลกเมื่อได้สบตาคนทุบอีกครั้ง เธอเห็นเพื่อนรักนั่งน้ำตาคลอ หล่อนเมินหน้าไปทางอื่น คงไม่อยากให้เห็นว่ากำลังร้องไห้ และเธอพอจะได้เดาได้ว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้เจ้าสาวร่ำไห้ในวันวิวาห์
“เฮ้.. ร้องไห้แบบนี้ เดี๋ยวคุณหมอมาเจอก็ตกใจแย่หรอก”
“ฉันเคยบอกว่า เราจะอยู่ด้วยกัน ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่ฉันก็....” เพนนีพูดยังไม่ทันจบดีก็ถูกดึงเข้าไปกอดจนเสียงของตัวเองหายไป กลายเป็นเธอที่ต้องฟังเสียงเพื่อนรักที่ลูบหลังปลอบขวัญ
“นั่นเป็นสัญญาของเราตอนเด็กๆเท่านั้นเพนนี ตอนนี้เธอโตแล้ว เราโตแล้ว เราต้องมีชีวิตของเรา เธอเองก็มีชีวิตของเธอที่เธอเลือก ฉันก็มีที่ฉันเลือก เธอไม่ต้องคิดมาก”
“แต่ฉันไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวนะโซเฟีย เมื่อก่อนฉันยังไปๆมาๆได้ แต่ตอนนี้...”
“ตอนนี้เธอต้องดูแลตัวเองกับลูกในท้องเพนนี ดูแลคุณหมอด้วย ดูแลครอบครัวตัวเองให้สมบูรณ์ ฉันอยากเห็นแบบนั้น” หญิงสาวยิ้มยืนยันเมื่อเพื่อนผละออกจากอ้อมกอดมาจ้องหน้า แม้ในความเป็นจริงเธอจะรู้สึกว่าอยากจะร้องไห้เหมือนกัน แต่ก็ทนเก็บเอาไว้ ไม่อยากให้เสียบรรยากาศงานมงคล อีกอย่างก็ดีใจมากกว่าที่เห็นเพื่อนในชุดเจ้าสาว รอมานานแล้ว ก็เพื่อนของเธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาตั้งนานแล้วนี่นา
มือบอบบางไล่ปัดเส้นผมสีเข้มที่หล่นหลุดออกมาจากการมัดออกจากใบหน้าคุณเจ้าสาวจากนั้นก็หยิบทิชชู่มาซับน้ำตาให้ “หยุดร้องไห้เป็นเด็กได้แล้วนะ หน้าตาสวยๆที่ช่างเค้าแต่งไว้จะลบหมดแล้ว มานี่ฉันเติมให้ใหม่” คนที่เปลี่ยนจากผู้จัดการร้านอาหารกลายเป็นมาเป็นช่างแต่งหน้าชั่วคราวบ่นเบาๆ พลางหยิบอุปกรณ์เมคอัพส่วนตัวขึ้นมาจัดการกับใบหน้าของเจ้าสาวขี้แย
โซเฟียเริ่มต้นตั้งแต่ซับคราบมาสคาร่าที่ไหลเยิ้มปนกับน้ำตาของเจ้าหล่อน เธอต้องลบและเขียนขอบตาให้หล่อนใหม่ทั้งหมด เพราะมันเกินจะแก้ จากนั้นก็ผัดแป้ง ทาปากให้จนกลับมาสวยเหมือนเดิม และเธอยิ้มให้กับผลงานนั้นที่ความจริงก็นับว่าโชคดีนะที่เจ้าของใบหน้าที่เธอแต่งเติมแก้ไขให้ไม่ได้นั่งขยุกขยิกให้เธอต้องคอยดุเหมือนลูกอีก ปกติเพนนีเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว.. จะเป็นแม่คนแล้วนี่นา..
“ไงล่ะ กลับมาสวยเหมือนเดิมแล้ว รับรองคุณหมอไม่รู้หรอกว่า เจ้าสาวของเค้าแอบกลายเป็นเด็กขี้แยอีกครั้ง” เพื่อนเจ้าสาวคนสวยพูดไปหัวเราะไปจนคนขี้แยเมื่อครู่ทำหน้ามุ่ยใส่แต่ปากอมยิ้ม
“ล้อได้ก็ล้อไปนะ อย่าให้ถึงตาเธอบ้างล่ะ วันที่เธอแต่งงาน ฉันจะไปแหย่ให้ร้องบ้างเลย คอยดูเถอะ” เพนนีพูดไปพลางข่มเขี้ยวดวงตาวาวข่มขู่ แต่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรอีกคนได้ โซเฟียส่ายหน้ากลับมาและพูดเสียงเจื้อยแจ้ว
“ไม่มีทางซะล่ะ ฉันจองหมู่บ้านคานทองนิเวศน์เอาไว้แล้ว สร้างเองอะไรเองเสร็จสรรพ ไม่ต้องจ้างคุณบอสแสนดีของเธอด้วยนะ”
“อย่าเลยโซเฟีย ฉันเห็นคนที่พูดแบบเธอน่ะ หลังจากพูดได้ไม่กี่วันก็พาแฟนมาอวดแล้ว เพราะงั้น..เธออย่าพูดถึงเรื่องที่มันยังไม่เกิดจะดีกว่า ฉันขอเตือน”
คุณเพื่อนเจ้าสาวเบือนหน้าหนีเมื่อโดนไล่จี้เรื่องที่ไม่อยากจะพูดถึง และเธอโชคดีที่มีบางคนหรือหลายๆคนผ่านมาทางนี้พอดีจึงรอดตัวไปได้ “อ๊ะ คุณดาเรนกับเด็กๆจะมาตามแม่นี่ไปรับแขกอีกเหรอคะ เอาไปเลยค่ะ เอาไปเลย” โซเฟียคว้าแขนเจ้าสาวให้ลุกขึ้น พร้อมดันตัวส่งให้คนตัวสูงที่จูงมือสองสาวน้อยมาด้วย แต่ถึงคุณเพื่อนเลิฟจะถูกเด็กๆ ฝาแฝดดึงมือไปด้วยกันแล้ว หล่อนก็ยังหันกลับมาได้อยู่
“เรายังคุยกันไม่จบนะโซเฟีย จำไว้” เพนนีมองเพื่อนรักอย่างคาดโทษก่อนจะยอมให้มือน้อยๆจากเด็กสองคนลากไปทำหน้าที่เจ้าของงานต่อ และปล่อยให้คนที่ยังอยู่คุยกับหล่อนต่อไป แอบหวังว่าแม่เพื่อนรักคงจะไม่ทำอะไรแปลกๆกับคุณบอสที่รักของตนหรอกนะ หล่อนยิ่งชอบชมเค้าอยู่ แต่ถ้าหล่อนกล้า ก็ให้เจอของแข็งของแม่เจ้าแฝดไปล่ะกัน ตอนนี้เธอคงจะต้องไปหาที่รักของเธอบ้างแล้ว
นั่นไงล่ะ คนบ้าอะไร แก่ก็แก่กว่า ยังจะสวยกว่าได้อีก แล้วแบบนี้ใครจะคิดว่า ฉันไม่ได้เป็นเลสควีนส์..
เจ้าสาวเอวบางร่างเล็กนึกในใจเมื่อความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอีกครั้งพอได้เห็นหน้าสุดที่รักในชุดสูทกางเกงขายาวสีขาวที่อยู่ไม่ไกลไปกว่าครึ่งเมตร ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดว่า โชคดีเท่าไหร่แล้วที่เจสสิก้ายอมใส่ชุดแบบนี้แทนที่จะใส่ชุดเจ้าสาวเหมือนเธอ ไม่อย่างนั้น เธอคงจะไม่ได้เกิดแน่ๆ ขนาดใส่ชุดออกจะแมนขนาดนี้ หล่อนก็ยังสวยจนคนมองเหลียวหลัง อยากให้ลูกที่จะเกิดมาหน้าตาบุคลิกเหมือนหล่อนจริงๆ
“เฮ้..เป็นไงบ้าง” เจ้าสาวอีกคนในงานถามขึ้นเมื่อเดินมาหากัน พออีกคนพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มก็ก้มหาหลานสาวสองคนบ้าง “ไงจ๊ะตัวเล็ก ไปตามเจ้าสาวจอมอู้มาให้คุณอาเหรอคะ น่ารักจังนะเนี่ย” เด็กน้อยทั้งสองพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน คนเป็นอาก็หอมให้รางวัลกันไปคนละฟอดใหญ่ๆ และได้รับจุ๊บที่แก้มกลับคืนมาจากริมฝีปากน้อยๆ พาให้หัวเราะอย่างมีความสุข
ถ้าลูกของฉันคลอดและโตเท่านี้จะน่ารักแบบเจ้าแฝดไหมนะ.. เจสสิก้าแอบคิดในใจพร้อมยืดตัวขึ้นหาเจ้าสาวของตัวเอง พอดีกับที่ดาเรนโผล่กลับมา
“เจสกับเพนนีไปรับแขกต่อเถอะ เด็กๆมาหาปะป๊าค่ะลูก เราจะไปหามะม๊ากันนะคะ” ปะป๊าหน้าสวยในชุดสีขาวกับเสื้อคลุมตัวโคร่งสีดำเข้ามาขอรับตัวสาวน้อยของตัวเองออกไป เพราะจะปล่อยให้เจ้าภาพของงานทั้งสองไปทำงานของตัวเองต่อ แต่ก็ไม่ได้ลืมที่จะให้กำลังใจกันอย่างทุกครั้ง
“ยังไหวนะเพนนี ถ้าจะให้ช่วยอะไรก็บอกล่ะ อย่าเกรงใจ เธอก็ด้วยนะหมอ.. ทนๆเอาหน่อยนะ อีกไม่นานก็จบ”
“โอเคดาเรน.. ขอบใจ”
“ขอบคุณมากค่ะบอส”
“งั้นก็โอเค.. ฉันไปนะ” ดาเรนบอกทั้งสองคนและเตรียมจะจูงมือน้อยๆของสองแฝดกลับไปหามารดาของพวกเขาที่รับอาสาคุยกับแขกผู้ใหญ่แทนคู่แต่งงานให้อยู่ แต่ขณะที่กำลังจะเริ่มต้นเดินฝ่าฝูงชนไป เธอกลับพบใครบางคนที่ทำให้ชะงักนิ่ง ยืนมองเขาอย่างตกใจ
ไม่นะ ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย อะไรจะซวยแบบนี้!
“ดาเรนใช่ไหม..” ชายหนุ่มทักทาย ทำตัวราวกับสนิทสนมกัน ทำให้ฟังแทบจะหยุดอาการเบ้ปากไม่อยู่ ใครเชิญนายนี่มาไม่ทราบเนี่ย อย่าให้รู้นะ !
“สวัสดีจัสติน ยินดีที่ได้เจอ แต่ถ้าจะมาหานิกกี้ล่ะก็ ตอนนี้ฉันเกรงว่าจะไม่เหมาะเท่าไหร่นะ” หญิงสาวทักกลับแต่ออกท่าทางกันท่ากันอย่างชัดเจน ปกติดาเรนไม่เคยทำตัวเสียมารยาทกับใครมาก่อน แต่กับหนุ่มคนนี้เธอขอสักคน ก็เขาเป็นหนึ่งในจำนวนห้าเจ้าบ่าวที่สาวของเธอชิ่งหนีออกมากลางงานแต่ง
แต่ตอนนี้เขามาทำไมอีกล่ะ ในเมื่อนิกกี้เป็นของเธอแล้วอย่างถูกต้อง ซ้ำยังมีพยานรักกันถึงสองคนแล้วด้วย เขาไม่มีสิทธิ์แม้จะคิดเจอหน้าหล่อนอีกต่อไป..
นายจัสตินยังยิ้มได้แม้จะเจอคำไล่ทางอ้อมแบบนี้ เขาทำให้เธออารมณ์เสียมากขึ้นจนสีหน้าเริ่มออก พาให้ลูกน้อยของเธอเห็นถึงความไม่ปกติของปะป๊า..
“ปะป๊าเป็นไรๆ”
“ปะป๊าไปหามะม๊ากันเถอะ แอนเดรียหิวแล้ว”
สองเสียงใสๆดึงเธอให้หายจากความหงุดหงิดได้อย่างน่าประหลาด ดาเรนก้มลงหาลูกสาวตัวน้อย “แป๊บค่ะลูกขา เดี๋ยวเราไปกันนะคะ”
“ปะป๊า..? อะไรนะดาเรน..?”
แต่เสียงนี้ก็มาทำให้อารมณ์เสียๆของเธอกลับมาอีกรอบ เจ้าของชื่อยืดตัวขึ้นเต็มความสูงที่เธอมี ถึงนายจัสตินจะสูง แต่เธอก็สูงเหมือนกัน ระยะห่างแค่สองสามเซ็นต์ไม่ทำให้เห็นความแตกต่างสักนิด เธอยังอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา และยิ่งเวลาเชิดหน้าแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เธอยิ่งดูสูงขึ้น รู้สึกมั่นใจขึ้นเมื่อพูดประโยคนี้
“ใช่.. ฉันเองแหละ ปะป๊าของพวกเค้า ฉันกับนิกกี้ เรามีลูกด้วยกัน และนายไม่จำเป็นต้องถามว่ามีได้ยังไงหรอกใช่ไหม ถ้านายรู้จักเจ้าของงานนี้”
คนฟังอึ้งไปสักพักก็ก้มลงมองสองสาวตัวน้อยในชุดออกงานที่ทำให้น่ารักน่าชังราวตุ๊กตา เห็นแล้วนายจัสตินถึงกับตาโต “โอ้.. สองคนเลยเหรอเนี่ย.. ทำได้ยังไง.. ฉันคิดว่าที่เค้าหนีงานแต่ง เพราะว่าไม่อยากมี----”
“ฉันอยากมีค่ะ แต่ฉันอยากมีกับคนที่ฉันรักมากกว่า” นิโคลโผล่มาได้ทันเวลาก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เธอสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสามคนที่รักของเธอแน่ๆ ไม่งั้นดาเรนคงพาลูกไปหาเธอแล้วตั้งนาน พอหันมาก็เจอโจทก์กันเลย เลยต้องออกตัวมาทันที ช่วยเจ้าหญิงของเธอ...
ชายหนุ่มมองหน้าผู้มาใหม่อย่างไม่เชื่อสายตา หนึ่งคือหล่อนยังสวยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนจากเมื่อห้าหรือหกปีที่แล้ว สองคือหล่อนตรงเข้าไปจุ๊บแก้มอีกสาวอย่างไม่ใส่ใจสายตาประชาชี ซ้ำตอนนี้เขายังจะมองออกแล้วว่า หนึ่งในสองเด็กน้อยที่เขาเห็นหน้าเหมือนใคร และอีกคนเหมือนใคร...
“นิกกี้ !”
“สวัสดีค่ะจัสติน ยินดีที่ได้พบอีกครั้ง” นิโคลทักทายพร้อมยิ้มสวยอย่างมีมารยาท มืองดงามยื่นไปให้ชายหนุ่มตั้งใจจะทักทายกันตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่มันก็ถูกตัดหน้าไปเสียก่อนด้วยมือของคนที่เกาะเอวเธออยู่
“ขอโทษค่ะนิกกี้ คือเมื่อกี้ลืมเขย่ามือกับเขาน่ะค่ะ ใช่ไหมคะจัสติน” ดาเรนยิ้มสะใจกับหน้าเหวอๆของหนุ่มที่เธอคว้ามือเขาไปก่อนที่จะได้สัมผัสกับมือของอีกคน ถึงจะไม่อยากจับมือหยาบหนาแบบนี้เท่าไหร่นักแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เขาได้จับมือภรรยาของเธอนั่นแหละ
จะมาจับได้ไง.. ฉันหวงนะ ขอบอก....
สาวบลอนด์ส่งสายตาตำหนิน้อยๆไปที่สามีหน้าสวยของเธอ และหลุดยิ้มเมื่อหล่อนทำตาอ้อน แต่แน่นอน ดาเรนหวงเธอ มันเป็นอะไรที่เธอชอบอยู่แล้ว ความจริงเธอควรจะขอบใจใครบางคนที่ส่งอดีตเจ้าบ่าวคนนี้ของเธอมางานนี้นะ
แต่ใครล่ะที่เชิญเขา ใครกันที่รู้จักเขา หรือว่าคุณพ่อเธอ...
“เอ่อ ไม่ทราบคุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ คือฉันหมายถึง เจสชวนคุณหรือคะ แต่จำได้ว่า เค้าไม่รู้จักคุณนี่นา” นิโคลถามอย่างพยายามมีมารยาท และเพราะเธอถามสองคนที่ทำหน้าเหมือนจะฆ่ากันอยู่เลยปล่อยมือออกจากกันได้เสียที แต่ถึงอย่างนั้น หางตาเธอยังเห็นว่าดาเรนแอบขู่ชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ด้วยสีหน้าและสายตา ถึงหล่อนจะก้มลงคุยกับลูกสาวสองคนเป็นระยะก็เถอะ
อื้ม..มันเกินคำว่ารู้สึกดีไปแล้วหรือยัง เริ่มอึดอัดแล้วนะบรรยากาศแบบนี้..
“พี่สาวผมชวนให้มาครับ เค้าเคยเป็นคนไข้คนนึงของคุณหมอเพื่อนคุณ”
“อ้อเหรอคะ แล้วไหนล่ะคะพี่สาวคุณ” สาวบลอนด์มารยาทดีพยายามชวนคุยต่อ เพราะเธอเองก็พอรู้จักพี่สาวของชายหนุ่มอยู่บ้าง ตอนที่จะแต่งงานกันกับเขา ก็เคยเจอมาบ้างเหมือนกัน แต่เธอก็ลืมมองไปว่าคนข้างตัวอยากจะลากเธอออกไปจากที่นี่เต็มแก่แล้ว เธอเองก็อยากจะไป แต่คนเราเคยเป็นถึงคนที่จะมาแต่งงานกัน ก็ควรจะคุยกันสักหน่อยสิ หรือเธอคิดไม่ถูก...
ถ้าหันไปถามดาเรนก็คงจะได้คำตอบมาว่าไม่ถูกแน่นอนแหละน่า..นิกกี้.. มันไม่ถูกนะ จบแล้วก็จบกันไปสิ.. แต่ก็....
เธอแค่อยากจะลองใจคนเท่านั้น...
จัสตินมองหาพี่สาวของเขาในทันที ไม่นานก็โบกมือเรียกใครคนหนึ่งจากกลุ่มสาวๆที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ “เฮ้.. ซาร่าห์มานี่หน่อย” เขาเรียก และอีกไม่กี่นาทีต่อมาสาวในชุดออกงานกลางวันแต่แสนเซ็กซี่ด้วยหุ่นของเจ้าหล่อนก็มาปรากฏต่อหน้าต่อตาทุกคน สาวที่ชื่อซาร่าห์ปรายตาคมๆมายังเธอ ยิ้มให้อย่างมีมารยาทแต่ก็แบบนางร้ายเท่าที่เธอรู้สึกนะ หล่อนยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะกี่ปี...
“นิกกี้สวยจัง.. ว้าวแล้วนี่ลูกสาวเธอเหรอ.. กับใครๆ” หล่อนเปิดปากถามทันที และก้มลงจะคุยกับเด็กๆของเธอบ้าง แต่ท่าทางเจ้าแฝดตัวน้อยจะตกใจเสียงแหลมๆของหล่อน จึงถอดกรูดไปเกาะขาปะป๊าแน่น ซ้ำแอนเดรียตัวแสบยังพูดออกมาอีก
“ปะป๊า.. แอนเดรียจะกลับบ้านแล้ว กลัวแม่มด”
นิโคลอยากจะหัวเราะกับคำของลูกน้อยด้วยเธอก็ชอบใจมัน แต่ที่ทำคือต้องปรามลูกสาว ตามมารยาททางสังคมที่ดี เพราะไม่งั้นเธอคงได้เห็นนางร้ายที่พยายามจะทำตัวรักเด็ก ปรี๊ดแตกแน่ๆ “ไม่ใช่แม่มดค่ะแอนเดรีย.. สวัสดีคุณป้าซาร่าห์สิคะลูก”
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“สวัสดีค่ะป้าซาร่าห์”
ลูกสาวคนที่ว่าแม้จะทำตามที่บอก ตามด้วยอีกคนที่ทำตามกัน กระนั้นเธอก็ยังเห็นความหวาดกลัวในดวงตากลมโตของพวกเขา และเธอคงจะต้องเลือกลูกมากกว่ามารยาท
“ดาเรนคะ พาลูกไปหาคุณพ่อคุณแม่ก่อนได้ไหมคะ แล้วฉันจะตามไป” นิโคลตัดสินใจ แต่แน่นอน สามีเธอไม่เห็นด้วย
“แต่นิกกี้คะ เจสกับเพนนีจะเข้าพิธีแล้วนะ”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะที่รัก แต่ขอเวลาแป๊บนะคะ จริงๆ” หญิงสาวยืนยันหนักแน่น อีกคนก็ต้องทำตามอย่างไม่เต็มใจ แต่หล่อนยังไม่ลืมเข้ามาจูบแก้มเธอก่อนจะไปคล้ายจะประกาศว่า ห้ามใครยุ่งกับเธอ..
เฮ้อ..ให้มันได้แบบนี้สิ ดาเรนของฉัน...
“ตกลงว่า เธอกับดาเรน...?” ซาร่าห์ถามขึ้นทันทีเมื่อได้อยู่กันสามคน นิโคลพยักหน้ารับ
“ค่ะ ฉันแต่งงานแล้วกับดาเรนและมีลูกด้วยกัน ขอโทษพวกคุณด้วยนะคะ โดยเฉพาะคุณนะจัสติน ขอโทษค่ะ” คนฟังทั้งสองยืนอึ้งเหมือนจะไม่เชื่อที่เธอพูด แต่จะไม่เชื่อได้อย่างไร ก็หลักฐานเต็มตาขนาดนี้
“ผมยินดีกับคุณด้วยนะครับ” จัสตินเป็นคนแรกที่เอ่ยแสดงความยินดี เพราะความจริงเขาก็ยอมรับมานานแล้วว่า เธอไม่เคยรักเขา ที่ผ่านมาก็แค่ละครบทหนึ่งที่เธอเล่น โดยที่ยอมให้เขาได้เป็นพระเอกชั่วคราว เมื่อหมดวาระก็ต้องจบกันไป เขาเข้าใจมันดี นั่นถือว่าเป็นโชคดีของเธอ
แต่กับผู้หญิงคนนี้ล่ะ ทำไมยังมองเธอแปลกๆ ไม่ใช่สิ หล่อนมองตามดาเรนกับลูกไปจนถึงตรงนั้นที่พวกเขาอยู่กับแขกผู้ใหญ่แล้ว.. ทำไมหรือ.? หรือว่า...
นิโคลมองซาร่าห์อย่างสงสัย เธอตั้งใจจะเปิดปากถาม แต่พลันต้องตกใจเมื่อหล่อนพูดโพล่งออกมาเสียงดัง จนเธอไปไม่เป็น..
“ฉันรู้แล้วว่า ฉันอยากได้ใครเป็นพ่อของลูกให้ ฉันจะตอบหมอเจสได้ยังไง.. ดาเรน แมคคอลลี่นี่เอง.! ดาเรนของเธอคือคำตอบนั้น ฉันขอยืมเค้าหน่อยได้ไหมล่ะ..นิกกี้.. เสร็จแล้วจะรีบเอามาคืนเลย...”
โอ้ย..ดาเรนคะ บอกหน่อยสิว่า.. นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ! หรือเรื่องนี้ฉันควรจะต้องถามคุณคะเจส..
หมอบ้า.. คุณสร้างเรื่องบ้าอะไรขึ้นมา.!
.........................................................