Chapter 5 : สาวข้างบ้านดาเรนยืนกลั้นหัวเราะจนท้องแข็ง สาวที่กำลังยุ่งกับการดูดฝุ่นในรถคันงามจึงชะโงกหน้าออกมามองงงๆ
“ดาเรนคะ ขำอะไรนักหนาล่ะ หรือว่าอยากทำตัวเป็นพ่อพันธุ์จริงๆ” นิโคลหรี่ตามองคู่ชีวิตอย่างไม่ไว้ใจ จนคนโดนมองเลิกขำแล้วเดินเข้ามาหา ก้มหน้าลงมาประทับจูบที่ปาก พาให้เคลิบเคลิ้มจนลืมเรื่องหงุดหงิดไป
มือสวยทั้งอุปกรณ์ที่ถือไว้ลงกับเบาะที่เธอนั่ง เปลี่ยนมาลูบไล้ใบหน้าเนียนของคนที่แลกสัมผัสกันแทน ดาเรนชอบทำให้เธอลืมตัวอยู่เรื่อย ลืมไปเลยว่ากำลังทำงานบ้านอยู่ ลืมลูกสาวสองคนที่คงจะตื่นแล้วแน่ๆตอนนี้
นั่นไงล่ะ เจ้าตัวดีทั้งสอง..
“แอนเดรีย.. มะม๊ากับปะป๊าจะหาน้องให้เราล่ะ”
เสียงใสๆที่พวกเธอจำได้ดีพาให้ยิ้มอยู่ในจูบก่อนค่อยๆละจากกัน และพวกเธอเห็นสองร่างน้อยๆเกาะอยู่กับล้อรถ ดวงตากลมโตสองสีมองเธอทั้งคู่อย่างสนใจ แสบทั้งคู่เลยเชียว..
แก่แดดแล้วเหรอ.. แค่สามขวบ!
“สาวๆ ตื่นกันแล้วเหรอคะ” ดาเรนเป็นคนขยับตัวก่อน ร่างสูงก้มลงนั่งยองๆข้างๆลูกสาวสองคน ส่วนอีกคนที่ตัวยังอยู่ในรถก็ชะโงกหน้ามาหาลูกพร้อมเอื้อมแขนมาวางมือบนศีรษะน้อยๆขยี้เบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“เดี๋ยวนี้พูดจากันแบบนี้เหรอคะ ใครสอนหนูมาอมีเลีย” นิโคลถามแอบดุ ลูกสาวก็ดูเหมือนกลัวแต่ท่าทางจะยังไม่เข้าใจเลยตอบเสียงใส
“อาเจสเคยบอกค่ะ”
ทั้งพ่อและแม่หันมองหน้ากันประหลาดใจ และคนเป็นแม่ก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้ปะป๊าเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้ที ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วนะที่เจสสิก้าพาเรื่องปวดหัวมาให้ มีอย่างที่ไหนไปแนะนำกับคนไข้ว่าให้หาต้นแบบของคนที่พวกเขาต้องการจะให้ลูกของตนเหมือนมาช่วยในโปรเจ็คผลิตทายาท สนับสนุนให้สาวโสดที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามีเข้าโครงการประหลาดๆที่หล่อนคิดขึ้นมาใหม่ แล้วมันก็มาเดือดร้อนเธอเมื่อสาวหนึ่งในโครงการมาตกหลุมพรางความน่ารักแสนดีของสามีเธอเข้าให้ เกิดอยากได้ดาเรนเป็นตัวต้นแบบไปเสียอีก ดีนะที่ดาเรนเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องขำขัน จึงไม่ทำให้มันเป็นสาระให้ต้องมีปัญหากันระหว่างพวกเธอสองคน ไม่เช่นนั้น คนที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อวานนั่นต้องรับผิดชอบ
แต่เรื่องเก่ายังไม่ทันหาย เรื่องใหม่ก็มาอีกแล้วนะ !
มาบอกอะไรกับเด็กแบบนี้อีก..หมอบ้า!
“อาเจสเคยบอกอะไรคะลูก เกี่ยวอะไรกับที่ปะป๊ากับมะม๊าทำเมื่อกี้ด้วยเหรอ” ดาเรนที่ใจเย็นกว่าค่อยๆถามลูกสาว พร้อมจับตัวเขามากอดเอาไว้คล้ายๆจะอยากบอกว่า ไม่ได้จะดุ นี่คือการคุยกัน
เธอเห็นอมีเลียหันไปมองแอนเดรียที่ไต่ขึ้นไปนั่งบนตักมารดาที่ยังอยู่ในรถ เด็กสองคนมองหน้ากันเหมือนสื่อสารอะไรบางอย่างระหว่างกันอย่างที่เธอไม่อาจเดาว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ฝาแฝดมักมีบางสิ่งที่สามารถสื่อถึงกันได้เสมอแม้ไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกเขาผูกพันกันมากกว่าพี่น้อง และใช่คนที่ตอบคำถามเธอกลายเป็นอีกคนไปแล้ว..
“อาเจสบอกว่า ถ้าแอนเดรียกับอมีเลียอยากมีน้องให้ขอปะป๊ากับมะม๊า แล้วปะป๊ากับมะม๊าจะหามาให้”
คราวนี้ปะป๊ากับมะม๊ามองหน้ากันตกใจ แต่ก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอถึงบอกกับลูกสาวของพวกเธอแบบนั้น แต่เด็กๆอยากจะมีน้องกันจริงๆหรือไง..
“ทำไมพวกหนูถึงอยากมีน้องล่ะคะ อยู่กันสองคนไม่ดีเหรอ หรืออมีเลียเบื่อแอนเดรีย หรือแอนเดรียเบื่ออมีเลียแล้วล่ะ” นิโคลถามอยากรู้ ลูกสาวทั้งสองก็ส่ายหน้าให้เกือบจะพร้อมกัน มองไปที่ดาเรน ฝ่ายนั้นก็ส่ายหน้าเหมือนคิดเหตุผลของลูกไม่ออก “แล้วทำไมอยากมีน้องล่ะคะ หรืออยากมีเพื่อนเพิ่ม” เธอพยายามถามลูก เด็กๆก็พยักหน้าพร้อมกัน ดวงตาวาวอย่างมีหวัง เรื่องราวก็เริ่มจะเคลียร์ “มะม๊าเคยบอกพวกหนูแล้วไงคะว่า เดี๋ยวอาเจสกับน้าเพนนีก็จะมีน้องมาให้พวกหนูเล่นด้วยแล้ว แล้วพรุ่งนี้หนูๆก็ต้องไปโรงเรียนแล้วนะคะ ที่นั่นมีเพื่อนเยอะเลย”
“ใช่จ้ะ ที่โรงเรียนลูกจะมีเพื่อนเยอะแยะเลยนะอมีเลีย.. แอนเดรีย” ดาเรนช่วยเสริม เด็กๆก็เริ่มมีสีหน้าดีขึ้น เธอถอนหายใจเบาๆแล้วสบตาภรรยา นิโคลก็ดูเครียดน้อยลง และเธอก็รู้ดีว่า ที่หล่อนเครียดไม่ใช่เพราะไม่อยากท้อง ไม่ใช่เพราะไม่อยากเลี้ยงเด็กอ่อนอีก แต่พวกเธอตกลงกันไว้แบบนั้นว่าจะมีลูกแค่สองคน เพราะพวกเธอต้องการจะเลี้ยงพวกเขาให้ดีที่สุด ไม่ได้เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพ
แต่เด็กเล็กๆอย่างฝาแฝดตัวน้อยคงไม่เข้าใจหรอก..
“พวกหนูรู้ไหมคะว่า น้องเล็กๆไม่ใช่ตุ๊กตา ไม่ใช่ของเล่นของเรา”
เสียงภรรยาสาวเปิดฉากคุยกับลูกสาวสองคนเรื่องใหม่แต่ก็เชื่อมโยงกับเรื่องเก่า ดาเรนลอบมองดูอาการของสองสาวน้อยของตนอย่างระวัง พวกเขายังดูงงๆ คงต้องอธิบายเพิ่ม เธอพยักหน้าให้นิโคลจัดการต่อไป ทำเรื่องที่หล่อนเริ่มให้จบ
“พวกตุ๊กตาในห้องลูกๆมันเดินไม่ได้ กินไม่ได้ พูดไม่ได้ ใช่ไหมคะ พวกมันไม่เหมือนลูกใช่ไหม”
“แต่แอนเดรียเคยป้อนขนมพี่หมี”
“อมีเลียก็คุยกับพี่กระต่าย”
ดาเรนและนิโคลเกือบจะหัวเราะพร้อมกันกับเสียงเถียงไร้เดียงสาของเด็กๆ แต่พวกเธอพยายามเก็บมันไว้ ไม่อยากให้ลูกๆคิดว่า โดนหัวเราะเยาะเพราะเรื่องที่พวกเขาพูด เดี๋ยวพวกเขาจะพาลไม่กล้าแสดงความเห็นอะไรอีก แบบนี้ต้องพยายามคุยกันให้เข้าใจ และมันคงต้องถึงตาเธอบ้าง
“ปะป๊ารู้ค่ะว่า พวกหนูเคยเล่นกับตุ๊กตาแบบนั้น แต่ปะป๊าขอถามเหมือนที่มะม๊าบอกนะคะ ตุ๊กตาพวกนั้น อย่างพี่หมีของลูกน่ะ กินขนมที่หนูป้อนได้หรือเปล่าคะแอนเดรีย และพี่กระต่ายพูดอะไรตอบลูกบ้างไหมคะอมีเลีย” สองสาวน้อยส่ายหน้าพร้อมกันกลับมา จึงได้โอกาสที่เธอจะพูดต่อ
“แต่น้องน่ะไม่เหมือนแบบนั้น น้องจะทำทุกอย่างได้เหมือนที่พวกหนูทำ แค่รอให้โตพอๆกับพวกหนูก่อนเท่านั้น เข้าใจไหมคะ”
“แล้วน้องก็จะทะเลาะกับลูกเวลาที่แย่งขนมหรือของเล่นกัน” นิโคลบอก เด็กทั้งสองเริ่มมีปฏิกิริยาตกใจ คล้ายพวกเขาจะคิดได้แล้วถึงปัญหาของการมีคนเพิ่มเข้ามาในครอบครัว แบบนี้ก็ได้โอกาส ตอกเข้าไปอีก.!
“ไม่แค่นั้นนะ น้องก็จะอ้อนมะม๊ากับปะป๊าให้สนใจเค้าคนเดียวด้วย!”
“แล้วพวกหนูก็จะกลายเป็นเด็กขี้อิจฉา” ดาเรนช่วยอีกแรง แล้วพวกเธอก็แทบจะหัวเราะเมื่อสาวน้อยๆพูดออกมาเกือบจะพร้อมกัน
“งั้นไม่เอาน้องก็ได้ แอนเดรียหวงของ”
“อมีเลียก็ไม่ยอมให้น้องมาแย่งมะม๊ากับปะป๊าหรอก”
เด็กทั้งสองเกาะพวกเธอไว้คนละคน พวกเธอก็กอดพวกเขาไว้แนบอกทั้งคู่ และก็รู้สึกว่า แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แค่ครอบครัวเล็กๆของพวกเธอ แต่ถึงอย่างนั้น เด็กๆก็ยังจะมีคำถามมาอีก วัยอยากรู้อยากเห็นจริงๆเสียด้วยนะ
“แล้วน้องของน้าเพนนีจะมาแย่งขนมแอนเดรียหรือเปล่า”
“ปะป๊ากับมะม๊าจะไปรักน้องนั่นไหมคะ”
“ก็รักค่ะ แต่ไม่รักเหมือนที่รักพวกหนูนะ คนละแบบกัน” นิโคลตอบใจเย็น ได้ดาเรนช่วยเสริมเหมือนเคย
“เพราะน้องของน้าเพนนีกับอาเจสเป็นหลานของปะป๊ากับมะม๊าเหมือนที่หนูสองคนเป็นหลานของอาเจสกับน้าเพนนีที่รักพวกหนูมาก และเพราะงั้นเราเลยต้องรักกัน และพวกหนูก็ควรแบ่งของให้น้องเล่น แบ่งขนมให้น้องทานบ้าง ได้ไหมคะลูก พวกหนูเข้าใจไหม”
เด็กๆพยักหน้าเข้าใจพร้อมกัน นั่นเพราะพวกเขาคงยังไม่รู้จักที่จะย้อนคำพวกเธอที่เคยพูดไว้เรื่องว่าน้องจะมาแย่งของหรือแย่งความรัก อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ แต่แน่นอน เกมส์ถามตอบนี้ยังไม่จบง่ายๆ คำถามใหม่ออกมาอีกแล้ว
“แล้วน้องจะมาอยู่บ้านเราหรือเปล่าคะ” อมีเลียเป็นตัวแทนถามแทนฝาแฝดของตัวเองที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ คนเป็นพ่อเป็นแม่มองหน้ากัน ถามกันว่าใครจะเป็นคนตอบคำถามนี้ได้ และดาเรนก็ตัดสินใจจะพูด แต่ก็ถูกขัดจังหวะ
รถบรรทุกรับจ้างย้ายบ้านแล่นเข้ามาตามถนนของหมู่บ้าน มันหยุดจอดที่หน้าบ้านข้างๆบ้านพวกเธอ พาความงงมาให้ทุกๆคน โดยเฉพาะเด็กๆ
“รถอะไรปะป๊า..”
“มีคนย้ายมาอยู่บ้านหลังนั้นค่ะ” ดาเรนตอบลูกสาว แล้วเงยหน้าขึ้นมองเป็นคำถามไปที่มารดาของพวกเขา เธองง บ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่มานานแล้ว ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของบ้านด้วย รู้แค่เพียงว่า มันมีเจ้าของไม่ใช่บ้านที่ไม่มีใครเอา
ข่าวลือในหมู่บ้านบ้างก็ว่า บ้านหลังนั้นเป็นบ้านผีสิง คนที่เคยอยู่เสียชีวิตไปก่อนที่เธอจะมาซื้อบ้านหลังนี้อยู่ มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับว่าเจออะไรแปลกๆในบ้านหลังนั้น จึงไม่มีใครกล้ามาซื้อบ้านหลังที่ติดกับบ้านหลังนั้นเลย ต่างก็กลัวอาถรรพ์ของบ้านร้างกันหมด จนมาถึงพวกเธอที่ไม่เคยเชื่อเรื่องข่าวลืออะไร แต่เท่าที่อยู่มานานเกือบเท่าอายุลูกสาวสองคน ก็ยังไม่เคยเจอว่า มีผีที่ไหนออกมาทักทายกันสักครั้ง ไม่ว่าเธอจะกลับบ้านดึกแค่ไหน
บางครั้งที่สองฝาแฝดเผลอปาอะไรเข้าไปในรั้วบ้านหลังนั้นแล้วเธอหรือนิโคลปีนข้ามรั้วไปเก็บมาให้ ก็ยังไม่เคยเจออะไรน่ากลัวเลยสักครั้ง หรือมันจะเป็นแค่ข่าวลือจริงๆ หรือผีจะไม่อยากหลอกพวกเธอ หรืออาจจะเป็นเพราะข่าวลืออีกอย่างน่าเชื่อมากกว่า ที่ว่าเจ้าของบ้านหลังนั้นอยู่ต่างประเทศ จึงปล่อยให้บ้านร้าง
แต่คิดไปคิดมาก็จำได้ว่า เมื่อหลายเดือนก่อนที่บริษัทเธอก็รับงานตกแต่งภายในให้กับบ้านหลังที่ว่านั่นด้วย นิโคลยังช่วยตรวจดูแบบแปลนให้อยู่เลย แค่ไม่เคยเจอหน้าคนจ้างตัวจริงเท่านั้น มีแค่ตัวแทนมาติดต่อ แล้วตกลงใครเป็นเจ้าของมันกันแน่ แต่คงอีกไม่นานหรอก คำถามนี้จะมีคำตอบ ย้ายของเข้ามาแล้วนี่นา..
“ดาเรนคิดว่าใครย้ายมาคะ” นิโคลถามอย่างสงสัยขณะวางคางไว้บนศีรษะแอนเดรียที่นั่งตักตัวเองอยู่ เผลอๆก็จูบศีรษะลูกสักที ลูกก็ดูจะชอบจริงๆที่ได้อยู่แบบนี้กับเธอ
ดาเรนเองตอนนี้ก็กลายเป็นนั่งกับพื้นถนนในบ้านไปแล้ว ไม่กลัวเลยนะว่ากางเกงจะเปื้อนและใครจะเป็นคนซักให้ ถึงจะใช้เครื่อง แต่ไม่เป็นไร เธออนุโลมให้ เพราะแน่นอน หล่อนมีเด็กน้อยนั่งอยู่บนตักด้วย พวกเธออยู่ในอาการไม่ต่างกัน แค่อมีเลียจะชอบเอนทั้งตัวซบปะป๊าเท่านั้น หัวน้อยๆพิงบ่าดาเรน ท่าทางสบายจริง และคนที่ทำท่าคิดเหมือนๆเธอก็แอบจูบแก้มลูกสาวไปหนึ่งครั้งก่อนจะตอบได้
รักเหลือเกินนะ อิจฉานะเนี่ย..
“คนนั้นที่มาจ่ายเงิน ไม่ได้บอกนิกกี้เหรอคะ แล้วนิกกี้ไม่ได้ถามเหรอ” เสียงคำถามพาคนเผลออิจฉาลูกตัวเองกระพริบตาและสนใจคำถามแทน
“ไม่ค่ะ ช่วงนั้นยุ่งๆเรื่องเตรียมงานให้เจส เลยให้ฝ่ายบัญชีจัดการ เรื่องแบบตกแต่งก็ช่วยดูนิดหน่อย แต่เพราะเค้าเลือกแบบที่เรามีอยู่อยู่แล้ว ไม่ได้เขียนใหม่ ฉันเคยเข้าไปตรวจไม่กี่ครั้ง แล้วก็ตอนส่งงานเท่านั้น ไม่เคยเจอเจ้าของเลยค่ะ แต่จำได้ว่าตัวแทนบอกว่า เจ้าของบ้านงานยุ่งมากๆค่ะ”
“แบบที่เรามีอยู่แล้วเหรอคะ ที่นิกกี้เคยเขียนหรือของทีมออกแบบคะ” ดาเรนถาม เริ่มทำตัวเหมือนนักสืบ สองสาวน้อยที่นั่งตักก็หันไปสนใจกันเองตามประสาเด็ก อมีเลียดึงต้นหญ้าใกล้ๆมือขึ้นมาปาใส่น้องที่อยู่บนตักมารดา แอนเดรียก็ปัดป้องมันตามสไตล์ มือและแขนน้อยๆโบกในอากาศพาให้เจ้าของตักต้องคอยจับเอาไว้ไม่ให้ตีหน้าแม่หรือบังสายตา
อา.. แค่เจ้าตัวเล็กสองคนก็แทบจะเอาไม่ไหวแล้ว มีอีกคนจะเหลือเหรอ..
“ของฉันค่ะ” นิโคลบอก และขมวดคิ้วเมื่อนึกบางอย่างได้ พร้อมกันกับที่เธอล็อกตัวลูกสาวบนตักเอาไว้ไม่ให้กระดุกกระดิกขัดสมาธิแม่ “เดี๋ยวนะ ฉันจำได้แล้วล่ะ”
“อะไรคะนิกกี้” ดาเรนถามเสียงตื่นเต้นพร้อมรวบเด็กเล็กๆบนตักเอาไว้คล้ายกับที่อีกคนทำ แต่จะอยู่เฉยๆได้นานแค่ไหนล่ะ เจ้าตัวซน...
“แบบที่ใช้ตกแต่งบ้านหลังนั้น ดัดแปลงมาจากคอนโดของเจสค่ะ แค่แก้ไขให้เข้ากับบ้านเท่านั้น” คำตอบนี้พาทั้งสองมองหน้ากันอย่างตกใจราวว่าคิดบางเรื่องที่เหมือนกันอยู่ และสิ่งที่พวกเธอคิดกันก็ดูจะเป็นเรื่องจริงแล้ว แว่วหูได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์แล่นเข้ามาใกล้บ้าน พวกเธอทั้งสี่หันไปมองมันพร้อมกันและตกใจพร้อมกันทันที
ก็เธอแน่ใจว่า เธอรู้ว่าเจ้าของรถคันนั้นเป็นใคร หล่อนมาบ้านเธอเป็นประจำแทบทุกวัน แต่วันนี้กลับจอดอยู่แค่บ้านหลังนั้น... ต้องมีอะไรแน่ๆ...
“นั่นรถอาเจสนี่คะปะป๊า” อมีเลียชี้มือไปที่รถคันนั้นจอดอยู่แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย “ทำไมอาไม่มาบ้านเราคะ”
“อาเจสเบื่ออมีเลียไง” แอนเดรียพูดแทรกพร้อมหัวเราะคิก และโดนเศษหญ้าปาใส่หน้าทันทีจากแฝดพี่ที่ตัวเองว่า จากนั้นเด็กน้อยสองคนก็ลุกจากตักบุพการีไล่เลี่ยกันและวิ่งไล่จับกันเอง ดาเรนกับนิโคลที่เผลอปล่อยตัวลูกเพราะความตกใจก็ลุกขึ้นตามไปบ้าง หากแต่ไม่ได้ตามลูกสาวไปตามสนามหญ้าหน้าบ้านตัวเองหรอกนะ เพราะพวกเขาไปที่อื่นกัน แต่ไม่ได้ไกลเลย
แค่บ้านหลังที่รั้วบ้านติดกันนี่แหละ...
สองสาวมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มประหลาดที่พวกเธอเท่านั้นที่เข้าใจมัน และพากันเดินไปยังบ้านหลังที่ว่าตามหลังสองสาวน้อยที่วิ่งนำไปก่อน เธอทั้งสองมองเห็นอมีเลียกับแอนเดรียเข้าไปหาคุณอาหมอคนสวยของพวกเขา เจสสิก้าดูตกใจอยู่ตรงนั้นแต่ยังต้อนรับเด็กๆอย่างดี หล่อนพาพวกเขาหลีกออกมาจากพวกคนงานที่กำลังขนของกันอย่างขะมักเขม้น และอยู่ๆดาเรนก็กระซิบออกมาเบาๆ
“นิกกี้คะ คิดไหมว่า คืนนี้น่าจะมีต้อนรับเพื่อนบ้านกันหน่อยนะคะ”
นิโคลยิ้มอย่างรู้ความหมายของคำพูดนี้ เธอพยักหน้ารับและขอมือคู่ชีวิตไปจับไว้แล้วเดินต่อไปพร้อมกัน หากแต่แม้จะนิ่งๆแบบนี้ สมองของเธอวิ่งไปไกล...
ชอบเซอร์ไพร์สนักนะเจส.. เตรียมตัวรับเซอร์ไพร์สบ้างหรือยัง..
หรือไม่กลัว...
...........................................
:875328cc: