web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 39
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 34
Total: 34

ผู้เขียน หัวข้อ: กำแพงหัวใจ ตอนที่ 12  (อ่าน 4675 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
กำแพงหัวใจ ตอนที่ 12
« เมื่อ: 31 มกราคม 2014 เวลา 15:07:49 »
   วันนี้เป็นอีกหนึ่งคืนที่มีการเฝ้าระวังแต่ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือการเอาของมีค่าไปเก็บในออฟฟิคอย่างเปิดเผยเพื่อล่อตาล่อใจคนร้ายให้ออกมา
   “วันนี้พอแค่นี้”
   คำสั่งจากนายหญิงดังขึ้นทำให้คนงานที่อยู่ตามจุดต่างๆพากันแยกย้ายแต่…ไม่ใช่คนออกคำสั่งวันนี้เธอรู้สึกมั่นใจว่าต้องไม่กลับบ้านมือเปล่าแต่แผนจับโจรมันต้องแนบเนียนขึ้น
   
   หทัยภัทรดูนาฬิกาที่บ่งบอกถึงเวลาเกือบเที่ยงคืนวันนี้อากาศเย็นกว่าทุกวันสินะ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้าที่ยังคงมืดมิดแต่ยังดีที่พอจะมองเห็นอยู่บ้าง
   คนที่นั่งอยู่ในความมืดตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่ามีร่างของใครอีกคนเข้ามานั่งข้างๆแต่เพราะกลิ่นหอมจางๆที่คุ้นเคยทำให้เธอรับรู้ว่าคนที่มาไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
   “มาทำไมอีก”
   “มาตามนัดค่ะ”
   มัทนาเอ่ยขึ้นพร้อมกับการส่งยิ้มออกมาน้อยๆแตกต่างจากคนฟังที่ตอนนี้กำลังตั้งท่าราวกับจะบีบคอคนพูดแต่กลับถูกรวบมือเอาไว้ก่อน
   “ทำอะไร!”
   “เก็บอาวุธ”
   มัทนาดึงมือของคนข้างๆมาซุกไว้ที่เสื้อของตัวเองก่อนจะทำท่าเตือนคนที่กำลังจะโวยวายว่าอย่าเสียงดังนั่นจึงทำให้หทัยภัทรสงบลงได้บ้าง
   “ปล่อย! ฉันไม่ทำอะไรเธอแล้ว”
   “สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจมัทว่าเราอยู่แบบนี้ไปก่อนดีกว่านะคะอุ่นดี”
   หทัยภัทรมองหน้าคนพูดที่ตอนนี้เริ่มมีสีเข้มขึ้นแล้วไหนจะรอยยิ้มบางๆที่เจ้าตัวพยายามเก็บซ่อนไว้อีกมันน่าแปลกแต่พอเริ่มคิดได้ว่าตอนนี้มือของเธอถูกเก็บไว้ที่ไหนเท่านั้นแหละใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีแต่จะทำอย่างได้เมื่อเธอไม่สามารถเอามือออกได้จริงๆถ้าเป็นแบบนี้คงต้องปล่อยให้เลยตามเลย,,,

   เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อมีบุคคลต้องสงสัยเดินท่าทางลับๆล่อๆเข้ามายังออฟฟิคทั้งสองสาวจับตาอยู่นานและทันทีที่มั่นใจนายหญิงของไร่ก็กระโจนออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับยกปืนในมือขึ้นขู่
   “อย่าขยับ”
   เสียงออกคำสั่งทำให้ผู้ร้ายตกใจอยู่ไม่น้อยก่อนจะหันมาเผชิญหน้าด้วยใบหน้าที่ซีดเผือก
   “นายหญิง!”
   “ใช่จำฉันได้งั้นเหรอแล้วทำไมถึงจำไม่ได้ว่าไร่นี้ให้อะไรกับนายบ้าง”
   คนพูดเอ่ยออกมาเสียงดังพร้อมกับหันไปมองรอบๆเมื่อไม่พบใครอื่นเธอจึงเดินเข้าไปใกล้หัวขโมยมากยิ่งขึ้น
   “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเป็นนายแต่ก็อุตสาห์ให้โอกาส”
   “ผม ผม…”
   “จะแก้ตัวอะไรอีกล่ะในเมื่อหลักฐานคามืออยู่แบบนี้เอาเป็นว่าเก็บคำแก้ตัวไปบอกกับตำรวจเถอะ”
   คนพูดหันไปล้วงเชือกที่มัดติดเอวของตัวเองออกมาเพื่อจะเอาไปมัดมือคนร้ายแต่เพียงแค่เสียววินาทีที่เธอละสายตาก็ถูกคนร้ายเข้ามาประชิดตัวพร้อมทั้งแย่งปืนเอาไปได้อย่างง่าย
   “ผมไม่เคยคิดจะเป็นโจรแต่มันจำเป็น”
   คนร้ายจ่อกระบอกปืนไปที่เจ้าของไร่สาวก่อนจะค่อยๆเดินถอยหลังออกมาช้าๆและนั่นถือเป็นโอกาสดีที่สุดที่มัทนาจะพุ่งตัวออกมาพร้อมกับใช้ไม้ฟาดลงไปยังมือที่ถือปืนของคนร้ายจนทำให้ปืนกระเด็นออกไปไกลจากนั้นหญิงสาวก็ฟาดลงไปที่ตัวของคนร้ายอย่างแรงจนคนถูกฟาดถึงกับล้มลงและก่อนที่จะทำการซ้ำอีกครั้ง มัทนาห็ต้องหันกลับไปยังเสียงร้องของหทัยภัทรและสิ่งที่เห็นทำให้เธอตกใจเป็นที่สุดเมื่อพบว่าคนร้ายไม่ได้มีแค่คนเดียวเพราะหญิงสาวที่ท่าทางไม่เป็นมิตรกำลังเตรียมฟาดไม้ในมือใส่คนที่นอนอยู่ที่พื้น
   หทัยภัทรหลับตาลงพร้อมกับความรู้สึกกลัวที่ก่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เธอประมาทเกินไปจริงๆถึงได้เกิดความผิดพลาดขนาดนี้
   “ไม่เจ็บ” นี่คือความรู้สึกแรกเมื่อรับรู้ได้จากเสียงของไม้ที่คนร้ายเตรียมไว้จัดการกับตัวเองถูกฟาดลงมากระทบกับอะไรบางอย่าง หทัยภัทรค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะพบเข้ากับใบหน้าของคนคุ้นเคยที่จ้องมองมายังเธอ
   “คุณไม่เป็นไรนะ”
   น้ำเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยทำให้คนฟังถึงกับต้องเอื้อมมือไปลูบที่แก้มขาวของอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
   “ทำบ้าอะไรของเธอ”
   ประโยคต่อว่าแต่คนพูดกลับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนจะเริ่มสังเกตเห็นของเหลวบางอย่างที่ค่อยๆไหลอาบแก้มของคนที่เอาตัวมาบังเธอไว้และมันคงมีมากไปจนไหลลงมาที่หน้าของเธอด้วย
   “มัทนา! มัทนา!”
   เสียงเรียกชื่อคนที่สลบไปแล้วดังขึ้นพร้อมกับการเขย่าตัวอีกฝ่ายแรงๆ หทัยภัทรถึงกับหัวใจหล่นวูบเมื่อเลือดของมัทนายังไหลไม่หยุดและตอนนี้อะไรก็คงไม่สำคัญเท่าการที่เธอต้องไปตามคนมาช่วยมัทนา!
   โจรทั้งสองเมื่อเริ่มเห็นว่ามีคนบาดเจ็บก็พากันวิ่งหนีไปคนละทางต่อไปนี้พวกเขาคงแฝงตัวในไร่นี้ไม่ได้อีกแล้วและจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นคาดว่าตัวเองไม่ควรมาเหยียบที่นี่หรือให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงเห็นหน้าอีกเป็นอันขาด

   หทัยภัทรเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายก่อนจะมาหยุดยืนหน้าห้องของคนเจ็บ จากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเธอต้องวิ่งมาตามคนงานที่อยู่ใกล้ๆให้ไปช่วยดีที่หัวขโมยไม่โหดร้ายจนถึงขั้นจะฆ่าแกงกันไม่อย่างนั้นเธอกับคนเจ็บคงไม่รอด
   “พี่หทัยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
   ปาลิตารีบวิ่งมาหาพี่สาวทันทีเมื่อรู้เรื่องเธอนึกโทษตัวเองที่ปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่นอกสายตาจนเกือบเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
   “พี่ไม่เป็นไร”
   “ตาขอโทษนะคะที่ปล่อยให้พี่หทัยอยู่คนเดียว”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเศร้าๆก่อนจะโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างลืมตัวจนหทัยภัทรต้องกระแอมออกมาเบาๆเพื่อเตือนสตินั่นจึงทำให้คนที่หลงลืมคิดได้จึงยอมปล่อยมือออกช้าๆ
   “ตาขอโทษค่ะ”
   “ไม่เป็นไรพี่รู้ว่าตาเป็นห่วงแต่พี่ไม่เป็นไรแล้ว”
   หทัยภัทรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเธอเข้าใจในการกระทำของน้องสาวคนนี้ดีแต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่ชอบเวลาที่ถูกอีกฝ่ายกอดหรือแม้กระทั่งจับมือ
   “เรากลับเข้าบ้านกันเถอะนะคะ ตาจะไม่ปล่อยพี่หทัยไว้คนเดียวอีกแล้ว”
   “ตาขึ้นไปก่อนเถอะ”
   “ทำไมล่ะคะ”
   “พี่ต้องรอดูอาการของมัทเค้าก่อน”
   “คนแบบนั้นไม่ตายง่ายๆหรอกค่ะ”
   ปาลิตาเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมานิดๆเมื่อได้ยินประโยคปฏิเสธแล้วไหนจะการเรียกชื่อที่ดูเปลี่ยนไปอีกยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวุดหวิดมากยิ่งขึ้น
   “เค้าช่วยพี่เอาไว้ถ้าไม่มีเค้าป่านี้คนที่ต้องนอนให้หมอรักษาก็คือพี่”
   “มันต้องการเอาหน้ามากกว่ามันคงอยากให้พี่หทัยใจอ่อน”
   “พูดอะไรของเธอปาลิตา”
   “ตาก็พูดว่ามันกำลังแสดงละครอยู่ไงคะและก็ดูเหมือนจะได้ผล”
   ปาลิตาเดินถอยห่างออกมาทีละก้าวอย่างช้าๆ
   “เพราะตอนนี้ใครบางคนกำลังจะใจอ่อนจริงๆ”
   พูดจบปาลิตาก็วิ่งกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ทันทีเพราะหากต้องอยู่นี่ต่อไปเธอคงได้ระเบิดอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ออกมาจนหมด หากเป็นแบบนั้นทุกอย่างระหว่างตัวเธอกับหทัยภัทรอาจจะแย่ลงไปกว่านี้
   หทัยภัทรถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนล้าเธอรู้ดีว่าปาลิตารักและหวังดีกับเธอมากขนาดไหนและตอนนี้เธอกำลังทำร้ายหัวใจของคนที่ดีกับตัวเองเพียงเพราะคนที่นอนเจ็บอยู่ในห้อง
   “นรีช่วยเฝ้ามัทนาให้มั้ยคะ”
   เสียงของคนหวังดีดังขึ้นมาอีกครั้งจนหทัยภัทรต้องหันไปส่งยิ้มบางๆให้
   “พี่คิดว่านรีนอนแล้วเสียอีก”
   “ก็เกือบแล้วค่ะ โชคดีนะคะที่พี่หทัยไม่เป็นอะไร”
   “ที่จริงคนเจ็บควรจะเป็นพี่แต่มัทนามาบังไว้เค้าเลยต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”
   เป็นอีกครั้งที่หทัยภัทรกำลังแสดงความอ่อนแอออกมาอย่างลืมตัว เธอนึกไปถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำสีแดงแต่กลับยังส่งยิ้มให้เธอและถามไถ่ว่าเธอเจ็บตรงไหนบ้าง ทั้งๆที่คนเจ็บเป็นตัวเองแท้ๆและก่อนที่คนทั้งคู่จะคุยอะไรกันไปมากกว่านี้ประตูห้องก็ถูกเปิดออกและเร็วกว่าความคิดเมื่อหทัยภัทรรีบลุกเดินไปหาหมอที่มาทำแผลทันที
   “เป็นไงบ้างคะคุณหมอ”
   “ปลอดภัยแล้วครับ ช่วงแรกๆอาจมึนๆหน่อยต้องคอยดูแลดีๆนะครับ”
   “ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ ขอโทษด้วยที่รบกวนกลางดึก”
   หทัยภัทรเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดแต่เธอก็คงปล่อยให้คนบาดเจ็บนอนรอจนเช้าไม่ได้
   “ไม่เป็นไรหรอกครับมีอะไรโทรตามผมได้ ขอตัวก่อนนะครับ”
   สองพี่น้องเดินไปส่งคุณหมอที่หน้าบ้านก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกัน นรีรัตน์รีบเดินตรงเข้าไปหาคนที่ยังนอนนิ่งอยู่ด้วยความเป็นห่วงแต่แล้วขาทั้งสองข้างของเธอก็ต้องหยุดก้าวเดินเมื่อโดนใครอีกคนตัดหน้าไปนั่งข้างเตียงก่อน
   หทัยภัทรจ้องมองคนเจ็บอยู่นานหลับตาลงทีไรเธอก็เห็นแต่แววตาที่แสนห่วงใยของคนตรงหน้าและภาพเหล่านั้นก็ฉายซ้ำไปซ้ำมาจนเธอต้องสะบัดหัวแรงๆเพื่อหวังจะไล่ภาพดังกล่าวให้หลุดไป
   “พี่หทัยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
   นรีรัตน์เอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่มีท่าทางแปลกๆและก็ได้ผลเมื่อคนท่าทางแปลกหยุดการกระทำลงพร้อมกับหันมามองที่เธอ
   “พี่ พี่คงเหนื่อยน่ะ”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ
   “พี่หทัยควรไปพักนะคะเดี๋ยวทางนี้นรีดูให้เอง”
   หทัยภัทรมองหน้าน้องสาวอย่างชั่งใจก่อนจะหันกลับมาดูหน้าคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง บางทีนรีรัตน์อาจพูดถูกว่าเธอควรจะไปพัก หญิงสาวลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปพูดอะไรบางอย่างกับคนที่ยืนอยู่จากนั้นก็เดินออกไปจากห้อง
   นรีรัตน์มองตามแผ่นหลังของคนที่เพิ่งออกไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจแต่เธอไม่มีความกล้าพอที่จะเอ่ยถามอะไรคงได้แต่รอคอยเวลาเท่านั้นที่จะเป็นตัวเฉลยคำตอบได้ดีที่สุด
   หญิงสาวเดินเข้าไปจ้องหน้าคนเจ็บครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องมาช้าๆเพราะไม่รู้จะอยู่ทำไมในนี้อีก…เมื่อคนที่จะนอนเฝ้าไม่ใช่เธอ
   
เปิดจองแล้วน๊าตั้งแต่วันนี้ - 10 กุมภา 14
   ราคาเล่มละ 350 บาท
   ค่าส่งลงทะเบียน 30 บาท
   รวมที่ต้องโอน 380 บาท

   สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคา 250 บาท

   โอนเงินมาได้ที่
   ธนาคารกสิกรไทย
   สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่
   457-211-232-8
   ชื่อบัญชี สมทรัพย์

   โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่
   Mail mydestiny_k@hotmail.com
   Tel 087-0591110
   Line samakae
   facebookhttps://www.facebook.com/mea.you.927
   ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ

   นิยายเรื่องอื่นๆ
   คุณหนูที่รัก yuri  http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=975576
   ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri  http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=552259
   เกมรัก สะดุดใจ yuri http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=847672
   ปีกรัก yuri  http://writer.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1003521
   สัญญาวิวาห์กำมะลอ yuri  http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1044762
   สามารถสั่งซื้อได้แล้วจ้า
   แบบe-book ก็มีนะค่ะเข้าไปดูได้ที่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookSearchResults&type=author&search=meAyou

   ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ   




sunmoon

  • บุคคลทั่วไป
Re: กำแพงหัวใจ ตอนที่ 12
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 07:28:38 »
เจ็บแล้วคุ้มยอม

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.