ตอนที่ ๒ “แพรพรุ่งนี้ฝันจะกลับบ้านนะ ไปดูพ่อหน่อย เห็นแม่บอกไม่สบายไม่ยอมไปหาหมอ ไปด้วยกันไหม” ปลายฝันเอ่ยชวนแพรตะวันไปบ้านเธอที่ระยอง ซึ่งแพรตะวันกับครอบครัวของปลายฝันรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
“เอ่อ...ฝันไปคนเดียวได้ไหม พอดีพรุ่งนี้แพรนัดลูกค้าไว้จ๊ะ” แพรตะวันนิ่งเงียบไปนิดหนึ่งก่อนบอกออกไป
แพรตะวันเป็นมัณฑนากร รับออกแบบและตกแต่งภายใน ซึ่งเธอทำบริษัทเล็กๆ กับเพื่อน เธอต้องรับงานเองดูแลงานเอง แล้ววันนี้เธอก็มีนัดไปดูสถานที่ ที่มีคนว่าจ้างให้เธอตกแต่งร้านอาหารแถวๆ สายไหม
“ได้ไม่เป็นไร” ปลายฝันตอบแบบไม่ได้คิดอะไร เพราะหลังๆ มานี้ แพรตะวันก็แทบจะไม่ได้ไปบ้านพ่อแม่เธออยู่แล้ว
พอเสร็จงานแพรตะวันไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งไปหามิริน คนที่หัวใจเธอเรียกร้องทันที
“ทำไมวันนี้มาไม่บอกล่วงหน้าค่ะ” มิรินเอ่ยถามแพรตะวัน เมื่อเห็นจู่ๆ แพรตะวันมายืนอยู่ตรงหน้า
“ก็อยากให้ดีใจ ไม่รู้จะดีใจหรือเปล่า”
“ดีใจซิคะ ที่รักมาหาทั้งที ว่างเหรอคะ”
“จ๊ะว่างตลอด วันนี้กินข้าวกันนะ” สายตาที่แพรตะวันมองมิริน มีความหมายลึกซึ้ง
“รอนานนะคะ พอดีวันนี้มีประชุมค่ะ”
“ไม่เป็นไร นานแค่ไหนก็จะรอค่ะ” แพรตะวันบอกยิ้มๆ
“ปากหวานน๊ะ” มิรินหยอก
“แล้วหวานไหมล่ะ” แพรตะวันถามยิ้มๆ แบบมีความหมาย
“อืม...หวาน...น” มิรินตอบด้วยใบหน้าที่แดงเขินอาย เมื่อนึกถึงตอนที่แพรตะวันจูบเธอ วันนี้แพรตะวันพามิรินไปทานข้าวในห้างแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากที่ทำงานของมิรินมากนัก
หลังจากทานข้าวเสร็จ สองคนยังพากันเดินอ้อยอิ่งชี้ชวนกันดูนั่นนี่อย่างมีความสุข มือของมิรินจับมือแพรตะวันแนบแน่นขณะเดิน ทำให้แพรตะวันรู้สึกดีเวลาอยู่กับมิริน มิรินช่างแสดงออกกับเธอแบบเปิดเผย ซึ่งเธอไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน เหมือนกับมิรินเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย มันทำให้เธอยิ่งเพิ่มความรักที่มีต่อมิรินมากขึ้น
“วันนี้ไปบ้านรินนะคะ” มิรินเอ่ยชวนแพรตะวัน
“ไปได้เหรอ” แพรตะวันดีใจ แกมประหลาดใจที่มิรินชวนเธอไปบ้าน
“ได้ซิ พี่จะได้รู้จักบ้านรินไงคะ ไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าพี่จะไปได้ไหม”
“ไปได้ค่ะ”
ระหว่างที่ขับรถไปบ้านมิริน แพรตะวันรู้สึกหัวใจเต้นแรง ตื่นเต้น ไม่รู้ว่าคนที่บ้านมิรินจะรู้สึกอย่างไงนะ ที่มิรินพาเธอเข้าบ้านมิรินจับมือแพรตะวันบีบแน่น เหมือนจะรู้ว่าแพรตะวันรู้สึกแบบไหน บ้านมิรินไม่ใหญ่โตมากเป็นบ้านสองชั้น ที่บ้านมีแม่กับน้องสาวที่มีลูกสองคน กับน้องชายตัวอ้วนอีกคน ทุกคนให้การต้อนรับแพรตะวันเป็นอย่างดี ทำให้แพรตะวันคลายจากความกังวลไปได้เยอะ มิรินมีห้องนอนเป็นสัดส่วนอยู่ชั้นสอง ซึ่งทั้งชั้นมีมิรินพักอยู่คนเดียว ยิ่งทำให้แพรตะวันคลายความอึดอัดไปได้เยอะ
“เมื่อก่อนรินอยู่กับแม่กับน้องชาย แค่สามคน ส่วนน้องสาวเค้าแต่งงานไปอยู่กับสามีเค้า นี่พอเค้าเลิกกับสามีก็เลยกลับมาอยู่บ้าน ทุกอย่างก็เลยอยู่ในความดูแลของรินหมดเลย ค่าใช้จ่ายทุกอย่างรินต้องรับผิดชอบหมด บางทีรินเหนื่อยมากนะ แต่ก็ต้องทนถ้าไม่มีรินทุกคนคงแย่” มิรินเล่าให้แพรตะวันฟังเหมือนอยากปรับทุกข์ แพรตะวันยิ่งรู้สึกรักและสงสารมิรินมากขึ้น ก่อนจะดึงร่างมิรินเข้ามากอดปลอบใจ
“รินเก่งมากเลยนะคะตัวแค่เนี้ยะ ต้องรับผิดชอบอะไรตั้งมากมาย” แพรตะวันค่อยๆ โน้มตัวมิรินให้นอนลง ก่อนก้มลงหอมหน้าผากอย่างแผ่วเบา อยากให้มิรินรู้สึกอบอุ่น แต่พอมองเห็นสายตาที่มองเธออย่างแสนรัก เธอก็ไม่อาจห้ามใจไว้ได้
แพรตะวันเลื่อนริมฝีปากผ่านไปที่แก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะประกบปากอวบอิ่มที่เผยอรับอย่างเต็มใจ แพรตะวันบดริมฝีปากลงบนปากของมิรินอย่างเร่าร้อน ลิ้นของแพรตะวันค่อยๆ แทรกผ่านริมฝีปากบางของมิริน ก่อนจะควานเข้าไปดูดกลืนกินความหอมหวานจากปากของมิริน ลิ้นของมิรินตวัดหยอกเย้า ล้อเล่นวกวนให้แพรตะวันไล่ตามจนมิรินจนมุม แพรตะวันดูดความหวานจากลิ้นของมิรินอย่างโหยหา
“อุ้ย...อย่าคะพี่แพร รินยังไม่พร้อม” เสียงร้องของมิริน พร้อมกับมือที่พยายามดันตัวของแพรตะวันออก ทำให้แพรตะวันรู้สึกตัว
“พี่ขอโทษนะคะ พี่อยู่ใกล้รินแล้วอดใจไม่ได้จริงๆ ก็รินน่ารัก น่า...” แพรตะวันพูดแค่นั้นแล้วจ้องตา เข้าไปในตาของมิริน อย่างอยากให้มิรินรับรู้ ถึงความรู้สึกและความต้องการของตัวเอง
“พี่ยังไม่รู้จักรินดีพอ บางทีพี่อาจจะไม่อยากคบกับรินอีกเลย ถ้าพี่รู้จักรินมากพอ” มิรินบอกแพรตะวันเสียงแผ่วเบา ก้มหน้าหลบสายตาหวานคู่นั้น
“แล้วรินพร้อมที่จะให้พี่รู้จักรินหรือยังล่ะ” แพรตะวันบอกพร้อมกับใช้มือเชยคางมิรินให้มองตาเธอ
“ค่ะ แต่ขอเวลาให้รินหน่อยนะคะ”
“ค่ะพี่จะรอ จนกว่ารินจะพร้อม” แพรตะวันบอกพร้อมกับดึงตัวมิรินเข้ามาโอบกอด แล้วหอมแก้มมิรินเบาๆ อย่างรู้สึกดี
“งั้นพี่กลับก่อนดีกว่า อยู่นานเดี๋ยวจะห้ามใจไม่ไหว” แพรตะวันบอกยิ้มๆ
“เดี๋ยวรินไปส่งที่รถค่ะ” มิรินบอกพร้อมกับยื่นหน้าไปหอมแก้มแพรตะวันเบาๆ ก่อนที่จะพากันเดินลงไปที่รถ ในขณะที่ทั้งสองคนเดินไปที่รถนั้น มิรินถอดแหวนที่เธอใส่อยู่ สวมให้แพรตะวันที่นิ้วนางข้างซ้าย
“อะไรค่ะ” แพรตะวันรู้สึกงงๆ กับสิ่งที่มิรินทำ
“ต่อไปนี้รินจะได้อยู่กับพี่ตลอดเวลาไงค่ะ อย่าทิ้งมันนะคะ” มิรินบอกก่อนจะยกมือแพรตะวันขึ้นมาจูบเบาๆ ลงไปที่แหวนที่เธอสวมให้กับแพรตะวัน
แพรตะวันยกมือข้างที่มิรินสวมแหวนให้มาดู แหวนทองคำขาว วงเล็กๆ มีเพชรเม็ดเล็ก ๆ อยู่ตรงกลางเม็ดเดียวแบบทันสมัย แล้วมันช่างสวมใส่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายของเธอได้อย่างพอดี เธอยิ้มอย่างรู้สึกดี
“ไม่น่าเชื่อนะว่าจะใส่นิ้วพี่ได้พอดี แสดงว่าเราใส่เบอร์เดียวกันเลยนะคะ ไม่มีราคาค่างวดอะไรหรอก รินเห็นว่ามันสวยดี รินชอบก็เลยซื้อมาใส่เล่นๆ”
“แล้วทำไมเอามาให้พี่ซะล่ะ”
“อยากให้พี่แพรใส่ไว้ เวลาที่เห็นมันจะได้คิดถึงรินไงค่ะ หรือว่าพี่ไม่อยากใส่คะ” น้ำเสียงออดอ้อน
“พี่จะใส่ทุกวันเลยค่ะ” แพรตะวันบอกมิรินเสียงหวานไม่แพ้กัน
ปลายฝันเหม่อมองดวงตะวัน ที่กำลังจมหายไปในทะเลไกลลิบ คิดถึงใครคนหนึ่งที่เคยนั่งอยู่ข้างๆ เธอตรงนี้ ณัฐนทีคนที่จากเธอไปพร้อมๆ กับหัวใจรักที่เธอมอบให้เค้า ทั้งๆ ที่บอกว่ารักเธอมากมายและอยู่ด้วยกันมานาน แต่วันหนึ่งณัฐนทีก็หายไปจากชีวิตเธอเลย นานพอๆกับที่แพรตะวันเข้ามา ในขณะที่เธอเจ็บหนัก แพรตะวันเข้ามาในช่วงนั้น แพรตะวันเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่เข้ามาในขณะที่เธอกำลังจะจมน้ำตาย เธอยึดเอาแพรตะวันเป็นที่พึ่งในยามนั้น แพรตะวันทำให้เธอพ้นจากความทุรนทุรายและเจ็บปวด แต่จนบัดนี้เธอก็ยังไม่สามารถบอกกับตัวเองได้เลยว่า จริงๆ แล้วเธอรักแพรตะวันหรือเปล่า เวลาที่เธอได้ยินแพรตะวันเอ่ยถามว่า รักไหม...รักหรือเปล่า เธอไม่เคยเอ่ยปากบอกออกไปได้เลยสักครั้ง เพราะเธอไม่เคยแน่ใจตัวเองเลย
ถ้าเธอรักแพรตะวัน แล้วทำไมเธอไม่เคยลืมณัฐนทีได้เลย ทุกครั้งที่เธอไปในที่ที่เคยอยู่ เคยไปกับณัฐนทีเหมือนกับเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวาน ทุกอย่างยังกระจ่างชัดในความทรงจำ ทุกๆ ครั้งที่เธออยู่กับแพรตะวัน เธอรู้สึกผิดทุกครั้ง เธออยู่กับแพรตะวันแค่ตัว แต่หัวใจของเธอกลับไม่สามารถมอบมันให้แพรตะวันได้เลย หลายครั้งที่ปลายฝันรู้สึกรังเกียจตัวเองกับสิ่งที่เธอเป็น เกลียดความรู้สึกอ่อนแอที่ไม่สามารถลบคนที่จากเธอไปได้เลย
สายลมเย็นพัดกรูมาเบาๆ เงียบเหงาจนรู้สึกเหว่ว้า แล้วน้ำตาก็ร่วงลงเบาๆ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เธอเป็นแบบนี้ เวลาที่เธออยู่คนเดียว
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ปลายฝันตื่นจากความคิด พร้อมกับรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลริน ก่อนจะตอบรับเสียงของแพรตะวันที่ดังเข้ามาเมื่อเธอกดรับ
“ว่าไงแพร”
“ไปถึงบ้านไม่โทรมาบอกกันมั่งเลยนะฝัน” แพรตะวันต่อว่าน้ำเสียงน้อยใจ
“ก็รู้อยู่แล้วว่ากลับบ้าน ทำไมต้องโทรอีกล่ะ”
“แพรเป็นห่วงนี่คะ อย่างน้อยๆ รู้ว่าถึงแล้วโดยปลอดภัยก็น่าจะดีกว่า”
“อื้อ...ไม่ได้เป็นไรสักหน่อย ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ปลายฝันบอกเรื่อยๆ แบบไม่ได้รู้สึกอะไร
“พ่อเป็นไงบ้างคะ” แพรตะวันยังถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไรแล้ว แต่ว่าพรุ่งนี้จะพาไปเช็คที่โรงพยาบาลอีกทีจ๊ะ แพรแค่นี้ก่อนละกันนะ ฝันจะเข้าบ้านแล้ว”
“ค่ะ แพรคิดถึงฝันนะ”
“อื้อ”
แพรตะวันยังถือโทรศัพท์ค้างอยู่อย่างนั้น ทั้งๆ ที่ปลายฝันวางสายไปนานแล้ว ปลายฝันเป็นแบบนี้ทุกที ไม่เคยมีคำหวานออกจากปากปลายฝัน คำว่ารัก คำว่าคิดถึงแพรตะวันไม่เคยได้ยินมันเลย ผิดกับมิรินคำคำนี้แพรตะวันได้ยินแทบจะทุกครั้งที่คุยกัน
แพรตะวันเอื้อมมือลูบไล้หมอนใบที่ปลายฝันหนุนนอนประจำ ถึงแม้ว่าแทบจะทุกครั้งที่นอน ปลายฝันมักจะนอนหันหลังให้ แต่เวลานี้ที่ไม่มีปลายฝัน แพรตะวันก็รู้สึกคิดถึงเหลือเกิน
ระหว่างเธอกับปลายฝัน ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วซะจนเธออดคิดไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วเธอรักปลายฝันหรือเพราะความสงสารกันแน่ เธอกับปลายฝันเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอรับรู้ทุกเรื่องของปลายฝัน เวลานั้นเธอเห็นปลายฝันทุกข์ทรมานกับการจากไปของคนรัก เธอเจ็บปวดด้วยและอยากช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดนั้น
พออยู่ด้วยกันนานวัน เธอก็รู้สึกว่าเธอผูกพันกับปลายฝันมาก เวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเธอก็รู้สึกคิดถึง และเธอก็รับรู้ว่าปลายฝันยังไม่เคยลืมคนคนนั้นได้เลย และทั้งๆ ที่รู้ว่าผิด ที่รับมิรินเข้ามาในชีวิต โดยที่ยังมีปลายฝันอยู่แล้ว แต่บางครั้งแพรตะวันก็อยากมีความหวานมาหล่อเลี้ยงหัวใจให้มีความชุ่มชื้นบ้าง แพรตะวันอยากรู้สึกว่าเธอมีความสำคัญกับใครบางคนบ้าง เพราะแบบนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ของแพรตะวันกับมิริน ยิ่งแนบแน่นมากกว่าเดิม โทรหากันทุกวัน บอกรักบอกคิดถึงกันทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่งจู่ๆ มิรินก็หายไปไม่ติดต่อหาแพรตะวันเลย แพรตะวันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย แพรตะวันรู้สึกเป็นห่วงกระวนกระวาย ไม่เป็นอันทำงานคอยโทรหามิรินแทบตลอดเวลา
“เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ ทำไมเงียบหายไปอย่างนี้” พอดีตรงกับวันหยุดของมิริน ทำให้แพรตะวันไม่สามารถไปหามิรินที่ทำงานได้ จะไปหาที่บ้านแพรตะวันก็ไม่อยากจะไปวุ่นวายเกินไป
จากความห่วงกลายเป็นความโกรธที่มิรินไม่เห็นเธอมีความสำคัญไปไหนไม่บอกกันเลย แพรตะวันได้แต่รอ รอ วันหนึ่งผ่านไป สองวันผ่านไป จนวันที่สามแพรตะวันโทรหาจนมีเสียงมิรินที่ตอบกลับมา
“รินหายไปไหนมา ทำไมไม่รับโทรศัพท์ พี่เป็นห่วงมากเลยรู้ไหม”แพรตะวันต่อว่าทันทีที่มิรินรับสาย
“รินไม่สบาย” เสียงมิรินที่ตอบกลับมาแผ่วเบา
“เป็นอะไรทำไมไม่บอกพี่ รับโทรศัพท์ไม่ได้เหรอ แล้วดีขึ้นหรือยัง ตอนนี้รินอยู่ที่ไหน” เสียงแพรที่เอ่ยถามด้วยความรักและเป็นห่วง ทำให้มิรินรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมา
“พี่แพรค่ะ” เสียงมิรินแหบพร่า หลังจากนิ่งเงียบไปนาน
“หือ...ว่าไง รินร้องไห้ทำไม” แพรตะวันเอ่ยถามอย่างแปลกใจและเป็นห่วง
“ถ้ารินจะบอกว่ารินไม่ได้คบพี่คนเดียว รินคบคนอื่นด้วยพี่จะว่าไงค่ะ” มิรินถามมาตามสายเสียงแผ่วเบา
“พี่จะมีสิทธิ์ไปว่าอะไรรินได้ล่ะ” แพรตะวันเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งเงียบไปนาน เพราะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากมิรินในวันนี้
“รินไม่อยากโกหกพี่ รินรักพี่นะคะ รินไม่อยากเสียพี่ไป แต่รินไม่อยากหลอกพี่ พี่ก็รู้ใช่ไหมว่ารินต้องรับผิดชอบอะไรหลายอย่างในบ้านคนเดียว ลำพังเงินเดือนรินแค่นั้นมันไม่พอหรอก คนนี้เค้าให้รินในสิ่งที่รินต้องการได้ คือผู้ชายคนนี้เค้าเป็นลูกค้าที่สปา อายุเยอะแล้วค่ะ เค้าเข้ามานวดประจำ เค้าชอบริน แต่รินไม่ได้มีอะไรกับเค้านะคะ แค่ไปเที่ยวกับเค้า กินข้าวด้วยกันแค่นั้นเอง” มิรินบอกเล่าอย่างรู้สึกอัดอั้นกับสิ่งที่เธอต้องปกปิดมันไว้ แต่วันนี้เธอไม่อยากปิดบังแพรตะวันอีกต่อไปแล้ว
“แล้วรินจะให้พี่ทำอย่างไร เลิกกันเหรอ” แพรตะวันเอ่ยออกมาหลังจากนิ่งเงียบไปนาน อย่างสับสนกับสิ่งที่ได้ยินจากปากคนรัก
“ไม่นะคะ รินไม่อยากเลิกกับพี่ รินรักพี่นะคะ” มิรินละล่ำละลักบอกแพรตะวัน
“แล้วรินรักเค้าหรือเปล่า” แพรตะวันเอ่ยออกไปอย่างยากลำบาก
“รินบอกได้เลยว่ารินไม่เคยรักเค้านะคะ แต่รินรักเงินเค้า” มิรินบอกอย่างเปิดเผยตามนิสัยของเธอ เพราะเธอไม่อยากปิดบังคนที่เธอรักอีกต่อไป
“รินไม่อยากปิดบังพี่นะคะ รินคิดแล้วว่าถ้าพี่รับไม่ได้พี่คงจะเลิกกับรินแน่แน่”
“รินไม่ได้นอนกับเค้านะ” แพรตะวันถามย้ำ
“รินไม่ได้ขายตัวนะคะ” มิรินตอบหนักแน่นให้คนรักคลายความกังวล
“ถ้างั้นพี่ขอได้ไหม ต่อไปเวลารินจะทำอะไรไปไหน บอกพี่ได้ไหมอย่าเงียบหายไปแบบนี้ แล้วอย่าโกหกพี่ พี่ไม่ชอบเลย” แพรตะวันเสียงแข็งอย่างจริงจังกับสิ่งที่พูด
“ได้ค่ะ ต่อไปรินสัญญาว่าจะบอกพี่ทุกอย่าง ที่รินหายไป รินไม่กล้าคุยกับพี่แค่นั้นเอง รินสับสน ไม่รู้จะบอกพี่อย่างไง ต่อไปรินจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
“พี่คิดถึงรินมากนะคะ”
“รินก็คิดถึงพี่ค่ะ ที่รักพรุ่งนี้มาหารินนะคะ” มิรินส่งเสียงหวานออดอ้อนจนแพรตะวันใจอ่อน
“จ๊ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะคนดี”
วันต่อมาแพรตะวันรีบไปหามิรินที่บ้านตามที่มิรินบอก เมื่อขับรถไปถึงหน้าบ้านมิริน มิรินยืนรออยู่แล้วก่อนจะพาแพรตะวันเดินเข้าบ้าน
วันนี้ที่บ้านมิรินไม่มีใครอยู่ มีมิรินอยู่เพียงลำพัง เธอเลยให้แพรตะวันมาอยู่เป็นเพื่อน ทันทีที่เข้าบ้านแพรตะวันสวมกอดมิรินอย่างคิดถึง มิรินก็กอดตอบแพรตะวันอย่างเต็มใจ พร้อมกับยื่นหน้ามาหอมแก้มแพรตะวันแรงๆ
“คิดถึงจังเลยค่ะ” แพรตะวันกระซิบบอกข้างหูมิริน
“คิดถึงเหมือนกัน” มิรินยิ้มรับก่อนบอกตอบแพรตะวัน
มิรินนั่งเอนหลังพิงฝาดูทีวี โดยมีแพรตะวันนอนหนุนตักอยู่ แพรตะวันรู้สึกดีเหลือเกินที่ได้อยู่กับคนที่รักคนนี้
“รินรู้ไหมช่วงเวลาที่ดีที่สุด ก็คือการได้อยู่กับคนที่เรารัก และพี่ชอบช่วงเวลาที่ได้อยู่กับรินแบบนี้ค่ะ”
แพรตะวันเอื้อมมือโน้มลำคอมิรินให้ก้มหน้าลงมาหาเธอ และอย่างรวดเร็ว เธอประกบปากบดริมฝีปากจูบมิรินอย่างรุนแรง เร่าร้อน ลิ้นไล้วนหนักหน่วง มิรินแทบหายใจไม่ออกกับจูบที่เร่าร้อนของแพรตะวัน จนต้องอ้าปากกว้างเพื่อหายใจ แต่กลับเป็นการเปิดทางให้ลิ้นของแพรตะวัน ซอนไซเข้าไปในปากควานหาลิ้นของมิริน แล้วดูดอย่างหนักหน่วงก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระ แต่มิรินหยุดไม่ได้แล้ว อารมณ์ความต้องการของเธอพลุ่งพล่าน จนเธอต้องเอนตัวนอนลงบนตัวแพรตะวัน และไล้ลิ้นลงบนริมฝีปากแพรตะวันแผ่วเบานุ่มนวล ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปในปากของแพรตะวัน ที่เผยอออกรับลิ้นมิรินให้เข้าไปพร้อมหลบหลีกวนหนี ให้แพรตะวันไล่ตามอย่างชำนาญ ผลัดกันรับผลัดกันรุก มือมิรินไล้ลงสอดเข้าไปในเสื้อแพรตะวันอย่างแผ่วเบา จนเจอเต้าเต่งตึงขนาดกำลังพอดีมือ เธอใช้มือบีบเคล้นลูบไล้จนสะดุดยอดเม็ดแข็งเป็นไตสู้มือเธอ
มิรินรีบถอนปากออกมาจากปากแพรตะวัน เมื่อเจอที่หมายใหม่ ก่อนเธอจะไล้ลิ้นระรัวไปบนยอดที่แข็งชูชันเตรียมรับสัมผัสจากลิ้นเธอ เธอระรัวลิ้นลงบนยอดปทุมนั้นอย่างชอบใจ ก่อนจะย้ายไปหายอดปทุมอีกข้างหนึ่งที่ชูชันอย่างรอคอย และมิรินก็ไม่ได้ปล่อยให้มันรอนานเธออ้าปากงับ พร้อมดูดดุนยอดปทุมทั้งสองข้างอย่างหลงใหล
แพรตะวันแอ่นอกรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ พร้อมกับเสียงครางที่บ่งบอกถึงความสุขที่ได้รับ เพียงไม่นานเสื้อผ้าของทั้งคู่ก็หลุดออกจากร่างกายของทั้งสองคน
แพรตะวันเงยหน้ามองเต้าเต่งตึงของมิรินที่อยู่ข้างหน้า ไม่รอช้าแพรตะวันใช้มือลูบไล้กอบกุม ยอดอกเต่งตึงทั้งสองข้าง ก่อนจะไล้ลิ้นลากผ่านลำคอ ลากลงจนถึงหน้าอกอวบสวยเต่งตึง ที่แอ่นชูชันพร้อมรับสัมผัสจากลิ้นของแพรตะวัน แพรตะวันค่อยๆ ไล้ลิ้นลากวนรอบๆยอดตูมที่แข็งชันหยอกล้อกับลิ้นของแพรตะวัน ก่อนที่แพรตะวันจะใช้ปากดูดกลืนกินความหอมหวานนั้นอย่างกระหาย ส่วนมืออีกข้างก็ไล้วนยอดตูมอีกข้างที่แข็งสู้มือแพรตะวันไม่แพ้กัน มิรินแอ่นอกสู้ไม่ถอยส่งเสียงครางในลำคอ มือกอดรัดลำคอแพรตะวันแนบแน่นอย่างแสนรัก
แพรตะวันไล้ลิ้นลากผ่านท้องน้อยที่แบนราบ ค่อยๆลากผ่านลงจนถึงเนินเนื้ออวบอูม มิรินขยับขาอ้าออกอย่างรู้งาน ให้แพรตะวันแทรกใบหน้าเข้าไปอย่างสะดวก ก่อนจะแอ่นสะโพกรับลิ้นแพรตะวัน ที่ลากผ่านรอยแยกที่มีน้ำรักเจิ่งนอง แพรตะวันลากลิ้นผ่านขึ้นลง ขึ้นลงช้าๆ แต่เน้นหนัก มิรินครางเสียงกระเส่า แพรตะวันกดลิ้นลงในแอ่งน้ำนั้น ให้ลึกเข้าไปตามใจปรารถนา
มิรินสะดุ้งเฮือกผวา กดหัวแพรตะวันให้แนบกับเนินเนื้อยิ่งขึ้น แพรตะวันเริ่มระรัวลิ้นเร็วแรงขึ้น แรงขึ้น ก่อนจะย้ายไปดูดเม้มตรงที่ไวต่อความรู้สึก พร้อมๆ กับนิ้วที่แทรกเข้าไปแทนลิ้นก่อนจะดึงเข้าออกช้าๆ มิรินเด้งเอวรับตามจังหวะที่แพรตะวันดึงนิ้วเข้าออก แพรตะวันใช้ทั้งลิ้นและนิ้วพร้อมๆ กัน เร็วขึ้นแรงขึ้น แรงขึ้นจนมิรินร้องครางเสียงดังลั่น
“โอ้ย โอย พอแล้วพอแล้วค่ะที่รักเสร็จแล้ว” ก่อนจะดึงร่างแพรตะวัน ขึ้นมากอดรัดแนบแน่นเนิ่นนาน สองร่างกอดรัดแทบจะเป็นคนคนเดียวกัน แพรตะวันโอบกอดมิรินไว้ในอ้อมกอดอย่างแสนรัก ก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า