web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 39
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 36
Total: 36

ผู้เขียน หัวข้อ: ผิดเพราะ...รัก ตอนที่ ๓  (อ่าน 2831 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ n-ew

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
ผิดเพราะ...รัก ตอนที่ ๓
« เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 13:33:06 »
ตอนที่ ๓
   
   ตอนเช้าเสียงข้อความโทรศัพท์ของมิรินดังขึ้น มิรินงัวเงียหยิบมาเปิดอ่านดูอย่างแปลกใจ
   “ดีใจจังที่ตื่นลืมตาขึ้นมาแล้วมีรินนอนอยู่ข้างๆ” มิรินอ่านข้อความแล้วต้องหัวเราะคิก เป็นแพรตะวันที่ตื่นก่อนแล้วแอบส่งข้อความให้มิรินนั่นเอง
   “แหม...อยู่ใกล้กันแค่นี้ ทำไมต้องส่งข้อความด้วยค่ะ พูดตรงๆ ก็ได้” มิรินเอาหน้าแนบหลังแพรตะวัน พร้อมโอบกอดแนบแน่น
   “มันเขินน่ะ ส่งข้อความดีกว่า” แพรตะวันพลิกตัวมากอดมิรินที่ขยับเข้าไปหา จูบลงไปที่หน้าผากเน้นๆ
   “ตื่นได้แล้วค่ะที่รัก ต้องไปทำงานเดี๋ยวสายอย่ามาโทษพี่นะ”
   “โทษอยู่แล้วล่ะก็ตัวเองทำเค้าหมดแรง”
   “ทำอะไรหมดแรง ไม่เห็นได้ทำอะไรเห็นนอนเฉยๆ” แพรตะวันหยอก พร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นที่เห็นมิรินอายหน้าแดง
   “คนบ้ามาว่าเค้า ไม่คุยด้วยแล้ว” รินกลบเกลื่อนความอาย ก่อนจะรีบลุกวิ่งเข้าห้องน้ำไป
    แพรตะวันรู้สึกเป็นสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับมิริน มิรินเองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับแพรตะวัน ทั้งคู่ต่างเติมเต็มในส่วนที่ขาดให้แก่กันและกัน  แม้ไม่ได้เจอกันแต่ก็โทรคุยกันทุกวัน 
   จนช่วงหลังๆ มิรินแทบจะไม่มีเวลาให้แพรตะวันเลย  โทรไปหาทีไรก็มักจะติดไปทานข้าวกับที่ทำงานบ้างล่ะ ไม่ว่างบ้างล่ะปวดหัวบ้างล่ะ ไม่สะดวกเพราะต้องไปกินข้าวกับคนนั้นบ้างล่ะ
   จนวันหนึ่งแพรตะวันไปหาถึงที่ทำงานโดยที่ไม่บอกมิรินล่วงหน้า แพรตะวันรู้สึกว่ามิรินเป็นกังวล พอถามมิรินก็บอกว่าปวดหัวที่บ้านมีปัญหา
   “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า” แพรตะวันบอกอย่างห่วงใย
   “พี่ช่วยรินไม่ได้หรอกขอบคุณนะคะ” น้ำเสียงมิรินดูเครียดๆ
   “เย็นนี้ไปทานข้าวกับพี่นะคะ” แพรตะวันเห็นมิรินเครียด ก็เลยพยายามเปลี่ยนเรื่อง
   “พอดีวันนี้รินมีนัดค่ะ ขอโทษนะ” มิรินบอกเสียงแผ่ว
   “เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันแล้วนะคะ” แพรตะวันเอ่ยอย่างน้อยใจ
   “เอาไว้วันหลังได้ไหมค่ะ วันนี้รินไม่ว่างจริงๆ”
   แพรตะวันเลยเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเธอรู้สึกน้อยใจคนรักเป็นยิ่งนัก ทำไมมิรินไม่ได้รู้สึกคิดถึงเธอเหมือนที่เธอคิดถึงมิรินนะ 
   “ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก แค่ไปกินข้าวแถวๆ บ้านค่ะ 2-3 ทุ่มก็กลับแล้ว แล้วรินจะโทรหานะคะ” มิรินบอกเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นแพรตะวันนิ่งเงียบ
   แพรตะวันกลับถึงห้องอย่างรู้สึกเบื่อๆ เธอรู้สึกแย่ที่รู้ว่ามิรินไปกับคนอื่น ถึงแม้ว่ามิรินจะบอกเธอว่าไม่มีอะไรกันก็ตาม แต่เธอก็อดรู้สึกและคิดมากไม่ได้ ใครที่ไหนจะให้เงินเราให้สิ่งของเราโดยที่ไม่ได้อะไรตอบแทน
   เรื่องนี้เธอเคยคุยกันกับมิรินแล้ว แต่มิรินก็ยืนยันกับเธอว่าไม่มีอะไรมากกว่าแค่เป็นเพื่อนกินข้าว ไปซื้อของกันเท่านั้นเอง เพราะเธอไม่ได้ชอบผู้ชาย ขอให้เชื่อใจเธอ แต่เพราะเธอมีความจำเป็นต้องทำ
   แพรตะวันรักมิริน เธอเชื่อทุกคำพูดของคนรัก แม้ว่าบางครั้งเธอจะรู้สึกระแวงและคิดมาก
   “ที่รักค่ะ กลับถึงบ้านแล้วนะคะ” เสียงมิรินออดอ้อนมาตามสาย
   “ก็ดีแล้วนี่” เสียงแพรตะวันยังคงมีแววเคืองๆ
   “ทำไม...โกรธรินเหรอ รินก็บอกพี่แล้วไงคะ ว่ารินไปไหนกับใครตามที่เคยคุยกัน แล้วจะโกรธรินทำไม” เสียงมิรินเริ่มแข็ง
   “พี่อยากอยู่กับรินนี่ค่ะ เราไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์แล้วนะ พี่คิดถึงรินนะ” เสียงแพรตะวันเริ่มอ่อนลง
   “อื้อ...รินก็คิดถึงพี่เหมือนกันค่ะ ว่าจะบอกอยู่ว่าวันเสาร์จะให้พี่มาหา ไปนอนที่บ้านด้วย”
   “จริงๆ นะคะ” แพรตะวันเสียงใส เพราะความดีใจที่จะได้อยู่กับคนที่เธอรัก
   “ดีใจล่ะซี่” มิรินส่งเสียงแซว
   “งั้นรินวางสายนะค่ะ ไว้เจอกันวันเสาร์นะจ๊ะ” แพรตะวันรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้คุยกับมิริน วันนี้วันพุธอีกไม่กี่วันเธอก็จะได้มีโอกาสได้อยู่กับคนที่เธอรักแล้ว แพรตะวันแทบจะนับวันรอเลยก็ว่าได้ เพราะเธอรู้สึกคิดถึงคนที่เธอรักมากคนนี้จริงๆ ทั้งที่ใช้เวลาคบกันไม่นาน แต่เธอรู้สึกว่ามิรินมีในส่วนที่เธอขาด เธอรู้สึกว่าทุกครั้งที่เธออยู่กับมิริน เธอไม่มีความกังวลใดๆ เลย เธอรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆ

   วันเสาร์มาถึงแพรตะวันรู้สึกสดใสตั้งแต่เช้า เพราะว่าวันนี้เธอจะได้อยู่กับมิรินให้หายคิดถึง แพรตะวันไปนั่งรอมิรินจนงานเลิกก่อนที่มิรินจะชวนไปห้างใกล้ๆ แถวนั้น
   “จะไปไหนกันดี” แพรตะวันเอ่ยถาม
   “ก็ไปหาอะไรทานกันไงคะ”
   “ที่รักอยากทานอะไรคะ” แพรตะวันเอ่ยถามอย่างอยากเอาใจคนรักเมื่อเข้าไปนั่งในร้านอาหาร
   “รินจะดื่มกาแฟ พี่ทานเถอะค่ะ”
   “ไม่หิวเหรอ เย็นแล้วนะทานอะไรซักหน่อยซิ แล้วเย็นแล้วยังจะดื่มกาแฟอีก เดี๋ยวนอนไม่หลับนะคะ” แพรตะวันยังคงถามด้วยความเป็นห่วง เพราะมิรินเป็นโรคกระเพาะปวดท้องบ่อยๆ
   “เดี๋ยวรินมีนัดไปกินข้าวกับเค้า” มิรินเอ่ยเสียงแผ่วเบาหลังจากเงียบไปนาน
   “ไหนรินบอกพี่ว่าจะให้พี่ไปที่บ้านวันนี้” แพรตะวันเสียงเริ่มขุ่น
   “ก็ใช่...แต่มันก็เปลี่ยนแปลงได้นี่ค่ะ รินขอโทษ”
   “พี่ไม่อยากได้ยินคำนี้ เรานัดกันตั้งหลายวันแล้วนะคะ”
   “รินรู้ก็พอดีมันจำเป็นนี่ค่ะ”
   “จำเป็นอะไรนักหนา พี่ไม่เคยมีความสำคัญอะไรกับรินเลยใช่ไหม” แพรตะวันเสียงสั่นก่อนจะนิ่งเงียบไปนาน
   “รินไม่ดีเอง รินมีหลายคนมั๊ง รินเลยไม่มีเวลาให้พี่เลยแล้วรินก็กลัวว่ารินจะทำให้พี่เสียใจอย่างนี้อีก” เพราะอะไรไม่รู้ทำให้มิรินพูดออกมาแบบนั้น อาจจะด้วยนิสัยที่เอาแต่ใจตัวเองของมิรินที่ไม่ชอบให้มีใครขัดใจเธอ ทำให้เธอเผลอพูดแรงๆกับแพรตะวัน
   และมิรินก็รู้ตลอดเวลาที่ผ่านมา แพรตะวันรักเธอมาก เธอเองที่ทำเรื่องทุกอย่างให้มันเลวร้ายลง เพราะสภาพทางบ้านทำให้เธอต้องดิ้นรนเอาตัวรอด จนลืมนึกถึงคนที่รักเธอ บางครั้งเธอก็อยากจะปล่อยแพรตะวันไป ไม่อยากให้แพรตะวันต้องมารับรู้และเจ็บปวดเพราะเธออีก
   แพรตะวันนิ่งเงียบไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้ เพราะมันรู้สึกอัดอั้น แต่ในความคิดของเธอ เธอรู้สึกสะดุดกับคำพูดของมิริน แต่แพรตะวันยังคงก้มหน้าก้มตากินอาหารที่อยู่ตรงหน้า
   “รินขอโทษ” มิรินเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด พร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือแพรตะวันเมื่อเห็นแพรตะวันนิ่งเงียบไป
   “ไม่ต้องหรอก รินบอกว่ารินมีหลายคน เลือกไม่ได้ พี่ช่วย...รินตัดพี่ออกไปซักคนจะได้มีน้อยลง” แพรตะวันพูดจบพร้อมกับถอดแหวนที่   มิรินเคยสวมให้เธอออก วางคืนให้อย่างหมดความอดทน มิรินนิ่งอึ้งอย่างคิดไม่ถึงกับสิ่งที่แพรตะวันทำ 
   “พี่เลือกเองนะ” มิรินเอ่ยหลังจากนิ่งไป
   “พี่ยอมรับสภาพ เพราะไม่ว่าเมื่อวาน วันนี้ หรือพรุ่งนี้ รินก็ไม่เคยเลือกพี่อยู่แล้ว รินจะได้ไม่ต้องลำบากใจกับพี่อีก พี่รักรินมากนะ ขอบคุณมากที่ให้พี่มีช่วงเวลาที่ดีๆ” แพรตะวันบอกก่อนจะรีบลุก เดินหันหลังออกจากที่ตรงนั้น เพราะเธอไม่อยากให้มิรินเห็นน้ำตาของเธอที่ไหลเป็นทางอย่างไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้
   แพรตะวันยังนั่งอยู่ในรถ ตรงที่จอดรถของห้างตรงนั้นนาน นานจนไม่รู้เหมือนกันว่านานแค่ไหน เพราะเธอไม่สามารถจะไปไหนได้ในเวลานี้ แพรตะวันนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น
   ในสมองของเธอคิดแต่เรื่องของมิริน ไม่น่าเชื่อว่าเธอกับมิรินจะจบลงแบบนี้ ทั้งๆ ที่เธอรักมิรินมาก แต่เธอไม่สามารถจะอยู่โดยที่ไม่มีตัวตน ไม่มีความสำคัญเลย ‘คำว่าจบพูดเบา-เบาก็เจ็บ’ คำนี้มันใช้ได้ดีจริงๆ ในเวลานี้สำหรับเธอ
    “นี่เราทำบ้าอะไรลงไป” มิรินยังคงนั่งอยู่ที่เดิม น้ำตาไหลเสียใจไม่ต่างกัน เธอไม่คิดว่าเธอจะรักแพรตะวันได้มากขนาดนี้เหมือนกัน
   ทุกครั้งที่เธอต้องไปกับคนอื่น เธอรู้สึกแย่ทุกครั้งที่คิดว่าแพรตะวันต้องรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เธอทำ แต่ต่อไปนี้จะไม่มีคนที่คอยห่วงใยเธอ และเอาใจใส่เธอเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว น้ำตายิ่งไหลมากกว่าเดิม แต่เมื่อนึกว่าบางทีมันอาจเป็นการดีที่สุดแล้วสำหรับเธอกับแพรตะวัน มิรินเช็ดน้ำตาเชิดหน้าอย่างพยายามเข้มแข็ง และยอมรับกับการกระทำของตัวเอง
   เสียดายที่เราพบกันสายจนป่านนี้ ความรู้สึกในใจที่ต่างมี

   
จึงไม่อาจเรียกว่าความรู้สึกดี ดี อีกต่อไป
   เหตุผลฉันไม่อาจชอบใครคนอื่นได้
เพราะมีเขาเข้ามาอยู่ในหัวใจ
   ไม่มีที่ให้ใครอื่นอีกเลย และเธอก็เหมือนกันใช่ไหม
   เธอมีใครเคียงข้างอย่างเปิดเผย
เราไม่ควรเป็นคน แม้ “คนคุ้นเคย”
   เพราะความรู้สึกอาจเกินเลยไปกว่านั้น
   อย่าพบกันอีกเลยนะ เพราะใจเราต่างก็หวั่นไหว
   เราจะได้ไม่ทำร้ายคนของกันและกัน
ด้วยถ้อยคำสั้น ๆ แค่ “ถูกใจ”

   แพรตะวันเหมือนคนเจ็บหนัก เธอโหมทำงานอย่างหนัก และใช้เวลาทุกนาทีอยู่ใกล้ๆ ปลายฝัน เหมือนเธอจะยึดปลายฝันเป็นที่พึ่ง
   “อะไรกันแพรเดี๋ยวนี้เป็นอะไรตามฝันตลอดเลย อยู่ห่างๆ บ้างก็ได้ เดี๋ยวนี้ไม่ออกไปหาเพื่อนๆ ล่ะ”
   “อ้าวไม่ดีเหรอ แพรจะได้อยู่ในสายตาฝันตลอดไง แล้วแพรกลัวฝันจะเหงาอ่ะ”
   “ฝันอึดอัด...แพรจะไปหาเพื่อนก็ไปเหอะ ไม่ต้องมาอ้างเลย”ปลายฝันบ่นอย่างไม่จริงจังอะไร
   “โธ่เอ๊ย...เค้าอุตส่าห์ไม่เหลวไหลอยากอยู่ใกล้ๆ แฟน ยังจะมาว่าอีกเดี๋ยวก็หาแฟนใหม่ซะหรอก”
   “รีบๆ เลย ทำให้มันจริงหน่อย” ปลายฝันมองอย่างท้าทาย
   ปลายฝันไม่ชอบให้แพรตะวันมาอยู่ใกล้ตลอดเวลา เธอไม่ชอบสายตาของคนที่มองมา เวลาที่เธอไปไหนต่อไหนกับแพรตะวัน ไม่ชอบให้แพรตะวันแสดงออกว่าเป็นอะไรกันกับเธอ  ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร เวลาที่เธอเห็นแพรตะวันเสียใจกับคำพูดของเธอ เธอก็อยากที่จะขอโทษแต่คำคำนั้นเธอก็ได้แค่คิด ไม่เคยได้บอกแพรตะวันให้รับรู้เลยสักครั้ง
   “อยากให้ไปนักไปก็ได้” แพรตะวันบ่นอย่างหัวเสียกับคำพูดของปลายฝันด้วยความน้อยใจ แพรตะวันขับรถไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไปหามิริน แต่ตอนนี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ถึงแม้เธอจะรู้สึกคิดถึงมิรินมากขนาดไหน เธอก็ต้องตัดใจให้ได้

‘ถ้ามันจะเจ็บแล้วมันจะจบ
ต้องเจ็บเท่าไรก็ยอม
แต่ถ้าค่อยๆ เจ็บ แล้วค่อยๆ ทรมาน
ต่อไปอีกนานแสนนาน ฉันไม่ยอม’

   คนจัดรายการวิทยุนี่ก็เหมือนจะรู้ เปิดเพลงแต่ละเพลงทำเอาคนฟังที่เจ็บอยู่แล้วยิ่งเจ็บมากขึ้น
   “บ้าฉันไม่ใช่นางเอกMVนะ จะได้เปิดเพลงกระหน่ำใส่ฉัน 555”แพรตะวันบ่นระบายอารมณ์ตัวเอง แล้วก็อดขำไม่ได้ พอได้หัวเราะก็รู้สึกดีขึ้น พอรู้สึกตัวอีกที แพรตะวันก็ขับรถมาถึงถนนเกษตรนวมินทร์แล้ว ถนนนี้มีร้านอาหารมากมายสองฝากฝั่ง
   แพรตะวันเลือกร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งที่ตกแต่งน่ารัก ดูสบายๆ บรรยากาศดีมีคนไม่เยอะมากนัก เพราะแพรตะวันไม่ค่อยชอบร้านที่มีคนเยอะมากเกินไป แพรตะวันเลือกสั่งเบียร์มาดื่ม นั่งฟังนักร้องร้องเพลงเบาๆ ไม่เสียงดังหนวกหูมากจนเกินไป
   “คุณแพรใช่ไหมคะ” ขณะที่แพรตะวันกำลังเพลินกับเสียงเพลงอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงทักอยู่ด้านหลัง แพรตะวันหันไปตามเสียงที่ทักอย่างแปลกใจ
   “คุณแพรจริงๆ ด้วย จำป่านได้หรือเปล่าคะ” เสียงร้องอย่างดีใจที่เธอทักคนไม่ผิด พร้อมกับรอยยิ้ม
   “คุณสายป่านใช่ไหมจ๊ะ” แพรตะวันทบทวนความจำกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
   “ค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคุณแพรตะวันจะจำป่านได้ด้วย มาคนเดียวเหรอคะ”
   “ใช่ค่ะ แล้วคุณป่านล่ะค่ะ”
   “ป่านนัดเพื่อนไว้ค่ะ แต่ยังไม่เห็นมาเลย” สายป่านตอบแพรตะวันหลังจากมองสำรวจไปจนทั่วร้านแล้ว
   “งั้นนั่งด้วยกันก่อนก็ได้ค่ะ แพรจะได้มีเพื่อนคุย” แพรตะวันเอ่ยชวน
   “ดีเหมือนกันขอบคุณค่ะ” สายป่านบอกเมื่อเธอนั่งลงตรงข้ามกับแพรตะวันเรียบร้อยแล้ว
   “คุณป่านดื่มอะไรดีคะ”
   “ขอเป็นกามิกาเซ่ ดีกว่าค่ะเบาๆ” ป่านบอกยิ้มๆ แพรตะวันหันไปสั่งพนักงานให้ตามความต้องการของสายป่าน
   “เราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะคะ ตอนนี้คุณป่านยังทำงานอยู่ที่โรงแรมเดิมอยู่หรือเปล่าคะ” แพรชวนคุย
   “ป่านออกมาทำร้านเสื้อผ้าของตัวเองแล้วค่ะ อยู่ใกล้ๆแถวนี้แหล่ะค่ะ ว่างๆคุณแพรแวะไปนะคะ” สายป่านพูดพลางหยิบนามบัตรส่งให้
   “คะแล้วแพรจะแวะไปแน่นอนค่ะ” ยิ้มหวานให้สายป่านอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ทำเอาสายป่านหัวใจสั่นไหว เพราะสายป่านแอบปลื้มแพรตะวัน ตั้งแต่ตอนที่แพรตะวันไปตกแต่งโรงแรมที่เธอทำงานเป็นผู้จัดการอยู่
   คราวนั้นเธอก็แอบชอบในความเท่ห์บวกเก่งของแพรตะวันอย่างมาก  เพียงแต่ตอนนั้นเธอมีณัฐเป็นคนรักอยู่ เธอเลยได้แค่เพียงชื่นชอบแบบแอบๆ รัก โดยไม่ได้แสดงออก
   ‘ว่าแต่ถ้าเป็นตอนนี้เธอจะแสดงออกมันจะสายไปหรือเปล่าน๊า’สายป่านอมยิ้มกับความคิดของตัวเองอย่างเป็นสุข
   “ไอ้ป่าน” เสียงแววเพื่อนสายป่านเรียกพร้อมกับยื่นหน้ามาตรงหน้าสายป่านอย่างรวดเร็ว
   “แหม....แหม...ไอ้ฉันก็รีบมาแทบแย่ กลัวแกจะคอยนาน ไม่ยักกะรู้ว่ามีเพื่อนคุยอยู่แล้ว รู้งี้ฉันไม่รีบหรอก” แววต่อว่าเพื่อนยิ้มๆ พลางปรายตามองแพรตะวันแบบล้อๆ สายป่าน
   “อะไรยัยนี่ มาถึงก็ใส่เป็นชุดๆ ก็พอดีเจอคุณแพร ก็เลยมีเพื่อนคุย ไม่งั้นฉันก็นั่งเหงารอแกดิกว่าจะเสด็จมา อ้อแล้วก็นี่คุณแพรเป็นมัณฑนากร ที่ตกแต่งโรงแรมที่ฉันเคยทำงานอยู่  คุณแพรคะ นี่แววเพื่อนป่านค่ะ” สายป่านแนะนำให้แพรตะวันกับแววรู้จักกันอย่างเขินๆ
   “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” แพรตะวันทักทายแววยิ้มๆ
   “สวัสดีค่ะคุณแพร ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ แล้วก็ต้องขอบคุณคุณแพรด้วยนะคะ ที่นั่งเป็นเพื่อนป่าน ไม่งั้นนะคะมันคงโทรจิกๆ แววเละแล้วล่ะค่ะ ยังสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าทำไมวันนี้คุณป่านเพื่อนเราถึงไม่โทรจิก ที่แท้มีคนน่ารักๆ นั่งเป็นเพื่อนนี่เอง” แววหันไปล้อสายป่านเพื่อนรักยิ้มๆ
   “เชิญคุณแววนั่งด้วยกันเลยนะคะ แพรจะได้มีเพื่อนคุย เอ...หรือว่ามีคนอื่นมาด้วยหรือเปล่าคะ”
   “โอ๊ย...ไม่มีแล้วค่ะ มีกันอยู่สองคนนี่แหล่ะค่ะ ไม่มีใครคบแล้ว อีกไม่นานคงจะเหลือแววคนเดียวซะแล้วก็ไม่รู้” แววพูดแล้วหันไปยักคิ้วให้สายป่านแบบรู้ทันความคิดของสายป่าน ทำเอาสายป่านเขินตีแขนเพื่อนเบาๆ กลัวแพรตะวันจะรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง
   แพรตะวันนั่งยิ้ม และหัวเราะกับความสนุกสนานของแววและสายป่านจนลืมเรื่องขุ่นมัวในใจของตัวเองจนหมด





 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.