web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 39
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 33
Total: 33

ผู้เขียน หัวข้อ: กว่าจะรักกัน...เท่าวันนี้ บทที่ ๓  (อ่าน 2842 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ n-ew

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
กว่าจะรักกัน...เท่าวันนี้ บทที่ ๓
« เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 14:09:34 »
-บทที่ ๓-

   ในที่สุดพ่อกับแม่ของดลยาก็ย้ายไปอยู่จังหวัดตราด ทิ้งให้ดลยาอยู่กับป๋อมแม่บ้านตามลำพัง แรกๆ เธอรู้สึกดีที่ไม่ต้องได้ยินเสียงแม่บ่น แต่ที่เธอคิดไม่ถึงก็คือคนดูแลคนใหม่ ที่แม่ฝากฝังเธอไว้ในความดูแล ตามเฝ้าเธอยิ่งกว่าแม่ซะอีก

   “เมื่อไหร่จะกลับบ้านตัวเองซะที มาอยู่ทั้งวันมืดค่ำแล้วกลับซะทีสิ” เอ่ยถามอย่างอดรนทนไม่ไหว

   “ก็แม่หนูกับแม่พี่บอกให้มาอยู่เป็นเพื่อน พี่ก็ต้องมา” ลดหนังสือที่อ่านอยู่ แล้วบอกอย่างกวนๆ ทำเอาหญิงสาวคว้าหมอนอิงที่วางอยู่ข้างๆ ปาใส่ทันที พร้อมกับเสียงตวาดแว๊ด

   “บอกแล้วว่าไม่ใช่เด็ก ไม่ต้องมาเรียกหนู...”

   “ไม่ให้เรียกหนู แล้วจะให้เรียกอะไรล่ะจ๊ะ” ถามยิ้มๆ อย่างถูกใจที่ได้กวนให้ดลยาได้คุยกับเธอ หลังจากนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่เช้า

   “เรียกชื่อ...เรียกเป็นไหม หรือว่าภาษาไทยไม่แตกฉาน” ต่อว่าอย่างพาลๆ

   “ค่า...น้องดิว ไปกันเถอะ” เรียกชื่ออย่างกวนๆ แล้วเอ่ยชวน พร้อมกับลุกขึ้นจากการนอนอ่านหนังสือ

   “ไปไหน...” ถามด้วยสีหน้างงๆ

   “แม่บอกให้พาน้องดิวไปทานข้าวที่บ้าน” บอกพร้อมกับคว้าข้อมือคนตัวเล็กให้เดินตาม แต่กลับถูกขืนไว้

   “ใครบอกว่าจะไปด้วย”

   “พี่บอกนี่ไง...ไป...ไม่งั้นพี่จะโทรบอกแม่น้องดิวว่าน้องดิวดื้อมาก...ก...” ขู่พร้อมกับลากเสียงในตอนท้าย อย่างจงใจล้อเลียน พร้อมกับล้วงเอาโทรศัพท์มือถือ ออกมาขู่

   “ไม่ต้องเอาแม่มาขู่เลย” เถียงหน้าง้ำอย่างไม่ยอมลงให้

   “ไม่เชื่อใช่ไหม งั้นโทรเลย...” แกล้งกดหมายเลขบนโทรศัพท์มือถือ ทำเอาคนที่ดื้อแพ่งละล่ำละลักบอก

   “ไปก็ได้...ชิ...คนขี้ฟ้อง” พร้อมกับเดินนำออกไปทางบ้านของมิรันตี โดยมีคนตัวสูงเดินตามยิ้มๆ อย่างเอ็นดู ในความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก ซึ่งเธอเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่คิดว่าโตเป็นสาวแล้วจะดื้อขนาดนี้

   “แม่...แม่ค่ะ...” มิรันตีร้องเรียกหาแม่ เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ไม่นานรุ้งเด็กที่ทำงานบ้านก็วิ่งออกมาบอก

   “คุณนายไม่อยู่ค่ะ มีเพื่อนมารับออกไปตั้งแต่บ่ายแล้ว”

   “อ้าวเหรอ...ไม่เห็นแม่บอก แล้วแม่ทำกับข้าวไว้ให้หรือเปล่าจ๊ะ” ถามอย่างแปลกใจ เมื่อเช้าก่อนเธอออกจากบ้านไป แม่ยังกำชับให้พาน้องมาทานข้าวที่บ้าน

   “ไม่ได้ทำค่ะ แต่ฝากบอกไว้ว่าให้หนูไปซื้อให้คุณสองคน แต่หนูไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร ก็เลยรอถามคุณรันก่อน คุณรันอยากทานอะไรคะ เดี๋ยวหนูจะออกไปซื้อให้” รุ้งบอกก่อนถาม พร้อมเตรียมตัวจะออกไปซื้อให้

   “สงสัยแม่จะรีบไปธุระ น้องดิวอยากทานอะไรเดี๋ยวให้รุ้งไปซื้อให้” หันมาถามเสียงอ่อย

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่รุ้ง เดี๋ยวดิวเดินออกไปหาทานเองดีกว่า” หันไปบอกรุ้งซึ่งรู้จักกันดี ก่อนจะเดินออกไปทางหน้าปากซอยโดยไม่สนใจอีกคน  มิรันตีรีบเดินตามหลังคนที่เดินจ้ำออกไปติดๆ จนถึงตลาดโต้รุ่งหน้าปากซอย ดลยาเดินนำเข้าไปหาโต๊ะนั่งในร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง โดยมีมิรันตีเดินตามเข้าไปนั่งตรงข้าม

   “ป้า เล็กต้มยำ งอกเยอะๆ ชิ้นเยอะๆ เส้นเยอะๆ 2 จ้า” ดลยาร้องสั่งอย่างคุ้นเคย

   “คนมองกันใหญ่แล้ว จะกินหมดเหรอสั่งเยอะๆ ทุก อย่างขนาดนั้นน่ะ” มิรันตีถามเบาๆ

   “อาราย...ทำหน้าบางไปได้ คนมันหิวนี่ ใครอยากมองก็มองไปเด่ะ” หญิงสาวลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน เมื่อเห็นมิรันตีทำท่าอายๆ

   ไม่นานนัก เด็กเสิร์ฟร่างอ้วนก็ยกชามก๋วยเตี๋ยวมาวางให้ตรงหน้า ดลยาลงมือกินก๋วยเตี๋ยวอย่างรวดเร็ว โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มิรันตีอดขำกับท่าทีนั้นไม่ได้ ก่อนจะลงมือกินของตัวเองบ้าง ขณะที่เธอกำลังใช้ตะเกียบคีบลูกชิ้นในชามของเธอ ก็มีตะเกียบอีกคู่เข้ามาแย่งคีบลูกชิ้นลูกนั้นไปต่อหน้าต่อตา

   “กลัวกินไม่หมดไม่ใช่เหรอ ช่วย...” พูดทั้งๆ ที่ลูกชิ้นยังเต็มปากอยู่เลย

   “เอาดิ...กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ...” มิรันตีบอกก่อนจะคีบลูกชิ้นในชามส่งให้อีกสองลูก

   “พอแล้วไม่ต้องมาประชด แล้วฉันก็โตแล้ว” บอกอย่างรู้สึกเคืองๆ ก่อนจะคีบลูกชิ้นในชามกินจนหมด อย่างคับแค้นใจ

   “อิ่มแล้วจ่ายตังค์ให้ด้วยนะ” บอกเสร็จแล้วลุกขึ้นทันที โดยไม่สนใจมิรันตีที่ยังกินไม่เสร็จ จนคนที่นั่งอยู่ต้องคว้าข้อมือไว้

   “เดี๋ยวสิพี่ยังกินไม่อิ่ม รอก่อนเดี๋ยวเดินเข้าไปด้วยกัน” พูดเสียงอ่อนลง จนดลยาใจอ่อนยอมนั่งรอ แต่ยังไม่วายบ่นกระปอดกระแปด

   “มัวแต่ชักช้าอยู่นั่นแหล่ะ”

   มิรันตีอมยิ้มกับเสียงบ่นอย่างไม่จริงจังของดลยา ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินอีก 2-3 คำ ก็เรียกเด็กให้มาเก็บเงิน แล้วเดินเคียงข้างกันเข้าไปในซอย ท่ามกลางความมืด...เงียบและดวงดาวในคืนฟ้ามืด

   “ขอบคุณ...ที่อุตส่าห์เดินมาเป็นเพื่อน” ดลยากล่าวเมื่อเดินมาหยุดยืนตรงประตูรั้วบ้าน

   “เข้าบ้านไปล็อกประตูให้เรียบร้อยนะ มีอะไรไม่ชอบมาพากลให้รีบโทรหาพี่” สั่งเสียด้วยความเป็นห่วง ทำเอาคนตัวเล็กซาบซึ้งใจขึ้นมาเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่วายส่งเสียงกวน

   “จ้า...คุณผู้ปกครอง” ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในบ้าน

   “น้องดิว...เดี๋ยวก่อน” ร้องเรียกก่อนที่ประตูบ้านจะปิดสนิท

   “อะไรอีกล่ะ ยังสั่งไม่จบอีกเหรอเนี่ย” เสียงโวยดัง ออกมาอย่างหงุดหงิด พร้อมกับใบหน้าที่โผล่มาตรงประตู

   “ฝันดีนะคะ...” บอกเสียงหวาน ก่อนจะเดินจากไป ทำเอาคนที่โผล่หน้าออกมายืนอึ้ง...มองตามร่างที่เดินจากไปอย่างนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนั้น...มองตามหลังคนที่เดินจากไปอย่างรู้สึกแปลกๆ ไม่เคยมีใครบอกเธอแบบนี้มาก่อน

   ‘ท่าจะบ้า’ บ่นกับตัวเองที่หลงละเมอไปกับถ้อยคำหวาน ของคนที่กวนเธอมาตลอดเวลาที่เจอกัน ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปอย่างเหงาๆ เมื่อต้องอยู่คนเดียวขึ้นมาจริงๆ...




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.