Chapter 2 : หมาป่าผู้ว้าเหว่
“คุณแคลคะ คุณแคล..” เสียงไมดังขึ้นด้านนอกประตูห้องนอนมาสเตอร์ภายในคฤหาสน์ดารอฟสกี้
“มีอะไรหรือไม เข้ามาก่อนสิ” เสียงเจ้าของห้องนอนเอ่ยตอบ ก่อนจะตามด้วยเสียงเปิดประตูและเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาด้านใน
“คุณแคลคะคือ...อุหว๊า....” ไมอุทานทันทีที่รู้ชัดแล้วว่า เธอเห็นอะไรที่นี่ เจ้าของชื่อที่ถูกเธอเรียกขานนั่น ในตอนนี้มีเพียงเสื้อคลุมบางๆปกคลุมเรือนร่างที่แสนจะเพอร์เฟคอยู่เท่านั้น
นั่นก็เท่ากับว่า เธอกำลังอยู่กับคนอะไรไม่รู้เซ็กซี่เป็นบ้าเลย.. เรื่องนี้ได้แต่คิดในใจไม่กล้าเอ่ยออกมา
ฝ่ามือทั้งสองข้างของเธอถูกยกขึ้นปิดสองตาตัวเอง ไม่สนใจเสียงหัวเราะน้อยๆที่ดังเข้าหูมา พนันได้เลยว่าถ้ามีกระจกอยู่ตรงหน้า เธอคงจะเห็นใบหน้าที่แสนจะแดงก่ำของตัวเองแล้วแน่ๆ แน่นอนสิ..ก็ร่างสูงระหงของคนนี้ ไม่มีอะไรปกปิดร่างกายนอกจากเสื้อคลุมสีม่วงอ่อนซาตินเนื้อบางๆเท่านั้น ผ้าคาดเอวหลวมๆ จึงอนุญาตให้เนินอกขาวอวบอูมเผยสู่สายตาผู้ที่เข้ามายืนอยู่ตรงนี้
“โอ้..ขอโทษทีจ้ะ เมื่อคืนฉันดื่มหนักไปหน่อย ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ไมช่วยให้ใครไปเอาชาร้อนให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ..” เจ้าของห้องนอนเดินบีบขมับตัวเองเพื่อหวังบรรเทาอาการปวดศีรษะ จากอาการเมาค้าง
เหล้าสาเกญี่ปุ่นน่ะ เหล้าฝรั่งมังค่าแทบจะแตะไม่ได้เลย ต้องหันหาชักโครกทันทีหรือไม่ก็เมาจนคุมสติไม่ได้ แย่ชะมัด ของดีๆดันกินไม่ได้ซะนี่..
“ระหว่างที่รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า มีอะไรก็พูดมาได้เลยนะ ฉันฟังอยู่” แคลพึมพำต่อขณะพาร่างสูงของเธอเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดทำงานของเธอออกมาแล้วค่อยเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อจัดการกับตัวเอง
ไมเดินกลับห้องมาพร้อมเครื่องดื่มในมือ ถือมันไปวางไว้บนโต๊ะกาแฟ รอคนสั่งมาจัดการกับมันต่อ เพราะคิดว่าตอนนี้อีกคนคงอยู่ในห้องน้ำ เสียงสายน้ำจากฝักบัวบอกกับเธอมาแบบนั้น ถอนใจเบาๆระหว่างมองเรื่อยๆไปภายในห้องนอนห้องนี้ จากนั้นก็ตัดสินใจทำตามที่ถูกบอกเมื่อครู่..มีอะไรก็พูดมา..
“เอ่อ...คุณแคลคะ คือคนที่คฤหาสน์สวอนส์โทร.มาบอกว่า ดิว.. เอ่อ..ดิออนหายไป ค่ะ เห็นว่า..ขับมอเตอร์ไซด์ออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้” ไมกล่าวด้วยท่าทางที่บอกได้เลยว่า ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับรายงานเรื่องนี้ของเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่า การหายตัวไปของเพื่อนสาวไม่ได้เป็นอะไรที่ร้ายแรงเกินไปอย่างที่ใครๆเข้าใจ หล่อนแค่ไปในที่ที่หนึ่งซึ่งไม่ต้องการให้ใครติดตามไปเกะกะเท่านั้น แม้กระทั่งบอดี้การ์ด
“อื้ม...แล้วไมพอจะรู้ไหม ว่าคุณหนูเธอจะไปไหนได้บ้าง” แคลลี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงธรรมดาเมื่อพาตัวเองในชุดเสื้อผ้าที่เกือบจะสมบูรณ์มานั่งลงจิบน้ำชาที่ไมเตรียมมาให้ ท่าทางของเธอเงียบขรึม
บอดี้การ์ดคนสวยอยู่ในชุดการแต่งตัวที่เรียบง่ายในชุดสูทเทาเข้มเข้ารูปกับเชิ้ตสีขาวปราศจากเนคไท กระดุมคอสองเม็ดด้านบนถูกทิ้งไว้ เผยให้ผิวขาวเนียนเหนือทรวงอกงดงาม ขาเรียวยาวถูกปกปิดไว้ด้านในของกางเกงแสล็คสีเดียวกันกับเสื้อสูทเธอนั่งไขว้ขา แผ่นหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ของชุดรับแขก แสดงให้เห็นถึงเป็นผู้มีบุคลิกสง่างามกว่าคนทั่วไป สองมือเรียวสวยประคองถ้วยน้ำชาเพื่อจิบผ่อนคลายการตึงเครียดของสมอง เพราะฤทธิ์เหล้าสาเกญี่ปุ่นที่เธอดื่มเมื่อคืน ยังมีพิษอยู่ถึงเวลานี้
โดยปกติแล้วแคลลี่จะไม่นิยมดื่มแอลกอฮอล์และไม่ได้ติดมัน แถมยังค่อนข้างจะแพ้มันเสียด้วย ดื่มได้ไม่มากนักก็ต้องหยุด เพราะเธอรู้ตัวดีว่า เธอเป็นประเภทสาวคออ่อนและจะดื่มเฉพาะเวลาอยู่ที่บ้านกับคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น เพราะถึงจะเป็นถึงบอดี้การ์ดก็คงไม่สามารถจะทำอะไรได้ หากแอลกอฮอล์ทำให้ประสิทธิภาพของตัวเองหมดไป ปกป้องตัวเองก็ยังไม่ได้เลย แล้วถ้าอย่างนั้น เมื่อคืนเธอดื่มทำไม จะเกี่ยวกันหรือไม่กับเรื่องของนายจ้างคนใหม่ที่เพิ่งไปรับมอบงานมาเมื่อวันวาน คนหน้าหวานนั่งยิ้มให้กับถ้วยชาในมือ ไม่สนใจว่าอีกคนในห้องจะเห็นมันหรือไม่
“เอ...ฉันคิดว่า.. ดิออนน่าจะไปที่ถนนนอกเมือง X นะคะ..” ไมตอบอย่างไม่มั่นใจ และก็ได้เห็นอีกคนเลิกคิ้วข้างหนึ่งให้กลับมา “เอ่อ..ก็ตรงนั้นมีหน้าผาอยู่น่ะค่ะ มันเป็นสถานที่เกิดเหตุที่คุณแม่ของเขาขับรถไปประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เพราะเท่าที่ฉันทราบก็คือวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของคุณแม่ของดิออนน่ะค่ะ” เธอสรุปความ และเห็นว่าคนตรงหน้าพยักหน้าให้ สีหน้าของเขาไม่อาจบอกได้ว่าคิดอะไรอยู่
“อา...เข้าใจแล้ว ไมเตรียมรถให้ฉันด้วยนะ” คนฟังเอ่ยเพียงเท่านั้น ก็ทิ้งถ้วยชาไว้กับโต๊ะและเดินออกจากห้องไป
“แม่คะ.......” เสียงห้าวของเด็กสาวแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ เหมือนเธอคิดจะฝากคำพูดประโยคนี้ไปกับสายลมที่พัดผ่านมาและผ่านไป เผื่อเสียงนี้จะสามารถที่จะไปถึงบุคคลที่เธอคิดถึงสุดหัวใจ ณ ที่แห่งนั้น
ดวงตาสีเขียวงดงามดั่งมรกตค่อยๆหรี่ลงและปิดสนิทลงในที่สุด ผมยาวสลวยสีเข้มปลิวสยายไปในทิศทางที่สายลมพัดผ่านไป ร่างเล็กในชุดซิ่งมอเตอร์ไซด์รัดสัดส่วนแบบสาวหุ่นดีอย่างนักกีฬายืนอยู่ในท่าสงบนิ่งบริเวณถนนบนหน้าผาแห่งนี้ เธอกำลังตั้งใจทำสมาธิ หวังให้ช่อดอกไม้ที่ปล่อยลงไปยังผืนทะเลนั้น ส่งข้อความจากเธอไปถึงผู้ที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ แม้ไม่รู้เลยว่า มันจะไปถึงหรือไม่ แต่เธอก็เต็มใจที่จะทำ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะทำได้เพียงคนผู้นั้น เป็นการระลึกถึงเขาในวันที่เขาจากลา
ดอกเตอร์เซร่าห์ สวอนส์ ประสบอุบัติเหตุขับรถตกหน้าผาขณะที่เธออายุได้เพียง 7 ปี หลังจากที่น้องสาวของเธอเกิดได้ไม่นานนัก เป็นการเสียชีวิตอย่างกะทันหันที่เธอคิดว่ามันเป็นเหตุไม่ปกติ แม้ตำรวจผู้ทำคดีจะยืนยันอย่างหนักแน่นมาหลายครั้งแล้วว่า มันเป็นแค่อุบัติเหตุก็ตาม แต่ดิออนไม่เชื่อเรื่องนี้ เธอยังเชื่ออยู่จนกระทั่งวันนี้ว่า นั่นเป็นการฆาตกรรม ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเธอจึงพยายามทุกวิธีทางเพื่อสืบหาสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตของแม่ของเธออย่างลับๆ อย่างที่ไม่เคยให้คุณพ่อของเธอหรือใครๆได้รู้ เพราะหากพวกเขารู้ มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
“โอ้...บรรยากาศดีจริงๆ เลยนะเนี่ย” เสียงหวานๆสำเนียงไม่เหมือนใคร แต่คุ้นหูยังไงบอกไม่ถูก ดังขึ้นมาทำลายความเงียบสงบอันนี้ ดวงตาสีมรกตต้องเปิดตาขึ้นอย่างหงุดหงิดใจและหันมองหาเจ้าของเสียง
“เธอ...” ดิออนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางหน่ายๆและถอนหายใจออกมาแรงๆ และแกล้งหันมองไปทางอื่น เหมือนไม่ได้สะทกสะท้านกับแรงดึงดูดของรอยยิ้มหวานกับดวงตาสีแปลกประหลาดนั่นเลยแม้แต่น้อย เธอจะไม่มีทางปล่อยให้ใครรู้ได้ว่า เธอคิดอะไร แม้ในใจจะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มองจ้องร่างระหงในชุดสูทสีเข้มนั้น ตอนนี้มันมีแค่ทะเลที่อยู่เบื้องหน้า “มาทำไมไม่ทราบ..” เธอถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าร่างสูงกว่าขยับเข้ามาอยู่ใกล้ในรัศมี
แคลลี่คลี่ยิ้มบางเบา แม้คิดว่าไม่น่าจะมีใครเห็นมันและพูดทีเล่นทีจริง “มาตามหาหัวใจมั้ง...” แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามันกลับสามารถพาความน่ารักของใครมาบางคนมาสู่สายตาได้ เมื่อแก้มขาวของฝ่ายนั้นแดงก่ำทันตาเห็น
“Idiot ! เลิกเล่นตลกได้แล้วแคลลี่ ฉันไม่มีอารมณ์” เสียงห้าวตอบแผ่วเบา ไม่มีเค้าความดุดันเหมือนที่เคยเป็น จนคนที่ได้ยินมีสีหน้าประหลาดใจ
ดวงตาสีมรกตยังคงมองไปยังทิศทางเดิมต่อไปไม่สนใจคนใกล้ตัวเลยแม้สักนิด ดวงตาสีแดงจึงตัดสินใจมองตามในทางเดียวกันนั้นไปอย่างเงียบๆ หวังจะเจอในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังสนใจอยู่ ทุกๆอย่างดูเงียบสงบ ไม่คำพูดใดๆออกจากริมฝีปากสวยของทั้งคู่ไปช่วงเวลาหนึ่งซึ่งเป็นเวลาก่อนที่เจ้าของร่างเล็กกว่าจะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบนั้นด้วยตัวเอง “ฉันจะกลับแล้วล่ะ...”
“ไปด้วยคนนะ” แคลร้องบอกขณะเดินตามหลังคนตัวเล็กกว่า แววตาของดวงตาสีแดงดูออดอ้อนเกินความพอดี เพราะรู้สึกดีที่มันทำให้ได้เห็นใบหน้ารำคาญใจของอีกคน ..ท่าจะโรคจิตซะแล้วมั้ง.. ฉันนี่...
ดิออนเลิกคิ้วเรียวเข้มของเธออย่างสงสัย “แล้วเมื่อกี้มายังไง ทำไมไม่กลับแบบนั้นล่ะ” เธอไม่สนใจจะรอฟังคำตอบของคำถาม ร่างบางเดินตรงไปยังที่รถมอเตอร์ไซด์นักซิ่งรุ่นใหญ่ของเธอ..ดูคาตี้ แต่เธอรู้ดีว่ามีคนเดินตามหลังเธอมาอย่างแน่นอน หูของเธอบอกว่าได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาตามมาติดๆ เธอยิ้มน้อยๆอย่างที่ไม่รู้ตัวว่ายิ้มทำไม
“ไมมาส่ง แต่ฉันให้กลับไปแล้วล่ะ” แคลตอบพร้อมรอยยิ้มขณะเดินมาเคียงกับร่างเล็ก ดวงตาสีแดงแอบชำเลืองมองคนข้างๆอย่างชื่นชม ‘หุ่นดีมากเลยนะเนี่ย ไม่คิดเลยว่า แค่ชุด biker suit แบบนี้ จะทำให้เด็กกะโปโลกลายเป็นสาวเซ็กซี่ได้ อา...คิดอะไรอีกแล้วเนี่ย..ยัยแคล..’
“งั้นก็...ขับให้ฉันนั่งหน่อยสิ ฉันเหนื่อยแล้ว...” ดิออนแกล้งพูดลองเชิง เผยรอยยิ้มและสายตาเจ้าเล่ห์ท้าทายคนที่เดินมาด้วยกัน
แคลลี่หยุดคิดไม่ถึงนาที ก่อนที่จะตอบกลับ “.....โอเค ขอกุญแจกับหมวกกันน็อคด้วยละกัน” รอยยิ้มละไมแจกจ่ายไปอีกครั้งแล้วกับวันนี้
‘เฮ้ย...อะไรว่ะเนี่ย นึกว่าจะไม่กล้าซะอีก แน่จริงๆผู้หญิงคนนี้ น่าสนใจดีนะ โอ้..ไม่..ไม่นะ ยัยดีออน อย่าไปหลงกลเค้า..’
“เอ้า...รับไป” สาวนักซิ่งเตะความคิดเพ้อเจ้อของเธอออกไป และส่งกุญแจกับหมวกกันน็อคสำรองที่ดึงออกมาจากท้ายเบาะมาให้อีกคน จากนั้นศีรษะของเธอก็มีหมวกสวมอยู่หนึ่งใบเหมือนกัน มือเล็กยื่นออกมาเป็นสัญญาณให้ร่างสูงขึ้นนั่งประจำที่คนขับ กับนาทีนี้เองเจ้าของร่างเล็กเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า เธอคิดผิดที่คิดอุบายนี้ขึ้นมา เพราะมันกลายเป็นว่า เธอกำลังเอื้อประโยชน์ให้กับหล่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจ มีอย่างที่ไหน กับคนที่เธอต้องการจะอยู่ให้ห่างไกลมากที่สุด ในตอนนี้เธอกลับดึงหล่อนเข้ามาอยู่ใกล้ๆมากกว่าเดิม เมื่อต้องกอดเอวผู้หญิงคนนี้จนแน่นแบบนี้ด้วยความที่กลัวจะพลัดหล่นลงจากรถ
“เกาะแน่นๆนะ ถ้าหล่นขึ้นมา เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน” และโดยไม่ทันได้รอให้ตัวเองได้พูดจนจบประโยค เจ้าของคำเตือนก็เร่งเครื่องมอเตอร์ไซด์รุ่นใหญ่คล้ายกลายเป็นสิงห์นักซิ่งตัวจริง แคลลี่ยิ้มกว้างอยู่ในหมวกกันน็อคเมื่อรู้สึกว่าคนด้านหลังกอดรัดตัวเธอเสียจนแน่น แม้หล่อนจะยังไม่บ่นอะไรขึ้นมาในเวลานี้ แต่คงอีกไม่นาน เมื่อเธอเร่งความเร็วให้มากขึ้น
“อ๊าก...ยัยบ้า..ยัยบ้า..!!!” ดิออนไม่สนใจเลยว่า จะมีใครได้ยินเสียงตะโกนร้องของเธอหรือไม่ เธอแค่ต้องการจะร้องออกมา หวังว่ามันจะลดอาการหวาดเสียวได้ ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ได้ลืมความอายจนหมดสิ้นไป ดีใจที่ใส่หมวกกันน็อคเอาไว้ เพราะคนที่อาจจะมองดูเธออยู่ที่กระจกมองหลังจะได้ไม่เห็นว่า ตอนนี้หน้าทั้งหน้าของเธอได้เปลี่ยนสีไปแล้ว
พนันได้เลยว่า มันจะต้องแดงจัดเหมือนมะเขือเทศสุกแล้วแน่ๆ จากความร้อนที่มากถึงเพียงนี้ของมัน เพราะนอกจากจะกำลังกลัวว่า ความเร็วของรถอาจจะทำให้เธอพลัดตกลงไป เธอก็ยังใส่ใจอยู่กับสิ่งสำคัญที่ร่างกายส่วนหน้าของเธออีกด้วย หน้าอกขนาดกำลังสวยของเธอที่เฝ้าดูแลปกป้องมันมาแสนนาน ในเวลานี้เหมือนกำลังถูกบดขยี้ไปตามแผ่นหลังของผู้ที่อยู่เบื้องหน้า ที่แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่หล่อนไม่ได้เหมือนกันกับคนอื่นอย่างแน่นอน เมื่อบอกออกมาเต็มปากว่า “ไม่ชอบผู้ชาย” แบบนี้ ...ติดกับซะแล้วสิฉัน.. ไม่น่าเลย..
“กลัวเหรอจ๊ะ..ดิออนจัง.? ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ..” แคลลี่หัวเราะออกมาหลังพูดจาหยอกล้ออีกคนไป เธอไม่ได้คิดเลยว่า เสียงเธอจะดังไปจนแทรกเสียงเครื่องยนต์ไปถึงหูคนด้านหลังได้ แต่ถ้าได้ เธอก็ไม่ได้กลัว ออกจะชอบเสียอีก..
‘อา...รู้สึกดีจัง นึกไม่ถึงเลยว่าดิออนน่ะ จะมีหน้าอกเหมือนกันนะนี่ ซ้อนรูปหรือเนี่ย นิ้ม...นิ่ม หว๊า...บ้าไปใหญ่แล้วเรา..’
“โรคจิต ! หุบปากไปเลยนะ! ” เสียงตะโกนดังแทรกเสียงเครื่องยนต์มา คนนั่งหน้าถึงกับสะดุ้ง แต่ยังหัวเราะหึหึในลำคอ
“อ๊า...พูดเบาๆก็ได้จ้ะ..ดิออนจังจ๋า.. แสบหูไปหมดแล้วนะ” แคลลี่แกล้งตัดพ้อ เสียงหัวเราะในลำคอยังคงอยู่
“จะหยุดพูดมั้ย...นี่นี่นี่” กับนาทีนี้ ร่างเล็กกว่าถึงขนาดยอมเสี่ยงชีวิตใช้มือข้างหนึ่งของเธอหยิกหน้าท้องแบนราบของคนด้านหน้าอย่างแรง ขณะที่มืออีกข้างยังเกาะแน่น
โอ้ย....ดิวจัง โอเค โอเค ไม่พูดไม่แกล้งแล้วจ้า...” คนขับยอมแพ้แต่โดยดี แต่ไม่วายที่จะแอบยิ้มหวานอยู่ภายใต้หมวกกันน็อคอย่างที่เคยทำมา
พนันได้ว่าถ้าคนซ้อนได้เห็นใบหน้าขาวแสนขี้เล่นและดูเหมือนจะไร้เดียงสาของคนขับในตอนนี้ละก็ คงจะต้องมองแล้วกลอกตาไปมาอย่างรำคาญใจแน่ๆ และคงไม่พูดออกมาแบบนี้
“ดี...ขับไป” ดิออนรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนตั้งแต่แม่ของเธอเสียชีวิตไป ไม่แน่เหมือนกันว่า แคลอาจจะเป็นใครสักคนที่เธอจะสามารถไว้ใจได้ก็ได้ แค่คิดก็ต้องส่ายหน้าไปมา ขัดแย้งกันในสมองของตัวเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้นั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ที่มีคนขับให้ ก็สนุกไปอีกแบบนะ..