web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 10
Total: 10

ผู้เขียน หัวข้อ: Chapter 04 - My bodyguard  (อ่าน 2975 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Chapter 04 - My bodyguard
« เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 09:14:34 »
Chapter  4 :  My bodyguard

“เฮ้..ยัยโย่ง ! ทำไมมาแต่เช้าล่ะ” ดิออนทักทายเมื่อเปิดประตูห้องนอนมาและเห็นว่ามีใครบางคนยืนอยู่ 
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมยาวสีน้ำผึ้งยืนกอดอกพิงฝาผนังข้างประตูห้องนอนของเธอ  สายตาของหล่อนดูเหม่อลอย  แต่ยังคงยิ้มให้เหมือนที่เคยเป็นมาเมื่อหันมาเห็นเธอ  และเมื่อเธอได้เห็นตัวหล่อนเต็มสองตา  ก็ต้องเบิกตาค้างและอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น  มันมองไปทางอื่นไม่ได้จริงๆ เพราะชุดของวันนี้ที่แคลลี่ใส่อยู่  เป็นชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนๆพอดีตัวไม่ได้ผูกเนคไท   ปล่อยกระดุมสองเม็ดบนเอาไว้คล้ายต้องการจะโชว์ผิวขาวเนียนเหนือทรวงอกสวยๆนั่น  กางเกงแสล็คสีน้ำเงินเข้มเข้ากับรูปร่างสูงโปรงขายาวเห็นแล้วใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก 
ดิออนไม่แน่ใจเลยว่าเพราะอะไร  ทำไมเธอถึงได้มีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนนี้  ทั้งที่หล่อนก็เป็นผู้หญิงเหมือนๆเธอ  มิหนำซ้ำยังสวยกว่าตัวเธอมากๆอีกด้วย  ..ฉันไม่ได้เป็นพวกเลสเบี้ยนนะ  ไม่ได้เป็น..  นะโว้ย..
แคลลี่ขยับออกจากผนังมายืนตรงหน้าเจ้าของบ้าน  ใบหน้าสวยหวานก้มลงเล็กน้อยเพราะต้องการจะมองคนตัวเล็กกว่าให้ชัดขึ้นเหมือนไม่ได้รู้สึกเลยว่าหล่อนกำลังคิดอะไร  ยื่นมือเรียวสวยข้างหนึ่งทำท่าขยับขึ้นเพื่อจะจับมือเล็กของคนเบื้องหน้า   แต่ทว่าร่างนั้นกลับเบือนหนีไปอีกทาง  เธอจึงได้แต่แอบถอนหายใจ  “ฉันจะมารับคุณหนูไปมหาวิทยาลัย” แต่ยังไงก็ยังยิ้มแม้จะเห็นอีกคนทำตาขวาง
“ใครว่าฉันจะไปด้วยล่ะ” ดิออนย้อนและมองดวงตาสีแดงนั่นอย่างท้าทาย “ฉันจะขับรถไปเองย่ะ” มือเล็กตั้งท่าจะผลักอีกคนให้ถอยไป  แต่เธอก็ลืมไปว่า  เธอจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้  มารู้ตัวอีกที  ตัวเธอก็ลอยขึ้นจากพื้นเสียแล้ว 
“ปล่อยนะ..  ปล่อย..  ปล่อยฉัน..ยัยบ้า.!”  เสียงโวยวายดังก้องไปทั้งบ้าน  แต่มันกลับไม่ไปทรมานหูคนที่กำลังแบกเธออยู่  ไม่เลยสักนิด
“ดิออนจัง..  มีใครบอกรึเปล่าคะว่า..  ทำแบบนี้..มันไม่น่ารัก..” 
ร่างเล็กที่กำลังดิ้นอยู่บนบ่าของอีกคนหยุดนิ่งชะงักเมื่อได้ยินเสียงสั่งสอนแบบนี้  ก่อนที่จะทำมันต่อไป  “ฉันก็ไม่เคยบอกนี่   ว่าฉันน่ารัก..  ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!” 
ดิออนพยายามดิ้นให้แรงขึ้นรวมถึงทั้งทุบหลังและยังพยายามเตะขาไปมา  หวังว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บและปล่อยเธอลง  แต่มันก็เหมือนเปล่าประโยชน์จริงๆ บอดี้การ์ดหน้าสวยเต็มไปด้วยความแข็งแรงทางร่างกาย  รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นนั้นเหมือนมันมีไว้เพื่อหลอกศัตรูชัดๆ  และหนึ่งในนั้นก็คือเธอ   
“คุณหนูเป็นเด็กไม่ดี   และเด็กไม่ดีก็จะต้องถูกทำโทษ...เข้าใจไหมคะ”   เสียงหวานที่เคยน่าฟังเพราะสำเนียงแปลกประหลาด  ตอนนี้มันเหมือนมาบาดหูเธอ  ดิออนรู้สึกว่าสมองของเธอเบลอไปหมดและเรี่ยวแรงก็ลดถอยลง  จากที่ดิ้นรนเพื่อจะหลุดออกจากการถูกจับไว้  กลับกลายมาเป็นปล่อยให้เขาอุ้มพาดบ่าและพาเดินลงมาตามบันได 
“เฮ้..ปล่อยนะ..”
“อย่าดิ้นนะคะ  ไม่งั้นตก  ไม่รู้ด้วย..”  ริมฝีปากสวยเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะพูดประโยคนี้  แคลรู้สึกหนักที่ต้องแบกใครคนหนึ่งไว้บนบ่าแต่ในเวลาเดียวกัน  เธอก็มีความสุขไปด้วยเพราะจริงๆแล้วดิออนตัวเบากว่าที่คาดไว้  มิหนำซ้ำยังตัวเล็กกว่าเธอค่อนข้างมากไม่ใช่แค่เพียงความสูงที่แตกต่างกันประมาณสิบเซนติเมตรแบบนี้ 
“เธอก็ปล่อยฉันลงสิ..”  ดิออนพยายามอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้เสียงของเธอเบาลงกว่าเมื่อครู่  เธอกำลังมองดูขั้นบันไดที่เธอคล้ายกำลังลอยลงไปตามมัน  และยังไม่รู้ด้วยว่า  จากการพยายามจะดิ้นออกจากตัวอีกคน  เธอก็กำลังกอดรอบคอหล่อนจนแน่น  และยังเอาอะไรบางอย่างไปสัมผัสแก้มหล่อนอีกด้วย
โอ้..ฉันจะเป็นลม..  แทบจะทนไม่ไหวแล้วนะ  หอมอะไรแบบนี้..ดิออน..  แถมอะไรที่คิดว่ามันไม่มี..  มันก็มีเหมือนกันนะนี่..
แคลลี่พยายามตั้งสติและกระแอมเบาๆให้อารมณ์ของเธอเข้าที่  “ไม่ได้หรอกค่ะ  มันเป็นการลงโทษอย่างหนึ่งสำหรับคนดื้ออย่างคุณหนู”  ใบหน้าสวยดูพึงพอใจที่ได้ยินเสียงครางอย่างหมดหวังดังตามหลังมา 
“และขอเตือนไว้ด้วยนะคะว่า..  บันไดมันชัน  ถ้าขืนดิ้นแรงล่ะก็..  ฉันคงจะพลาด  และทำคุณหนูหล่นได้..”
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังตามหลังมา  แคลจึงฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก  เวลานี้สองแขนเรียวที่เกี่ยวรอบคอเธอยิ่งเพิ่มแรงการกอดรัดมากขึ้น  มันจึงเป็นอะไรที่สมใจเธอมาก  แต่ร่างกายของเธอยังคงเคลื่อนไหวไปตามคำสั่งของสมองอย่างเคร่งครัด  มันระมัดระวังในการลงบันไดมาก  เพราะความจริงก็ไม่ต้องการจะตกเหมือนกัน  มันไม่สนุกสักนิด
“ว้าย...คุณหนู..!!”   
แต่เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของใครบางคน  ก็ทำให้รอยยิ้มของเธอหุบลงไปบ้าง  แต่ก็แค่ชั่วเวลาไม่กี่วินาที  แคลขยิบตาให้เจ้าของเสียงนั่น  สาวใช้ผู้นั้นก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจและหลบออกไปจากรัศมีที่จะขวางทางเธอ
ดิออนถูกวางลงให้ยืนด้วยสองขาของตัวเองเมื่อมาถึงตัวรถที่จอดไว้เทียบท่าหน้าประตูบ้าน  แคลลี่เอื้อมมือมาเปิดประตูให้ทำท่าเชิญให้เข้าไป  สาวน้อยทำท่าเหมือนอยากจะผลักตัวหล่อนให้กระเด็นออกไป  แต่ก็ต้องชั่งตัวเองก่อน  เพราะแข้งขายังรู้สึกอ่อนแรงอยู่  เธอจึงทำได้แค่ตามน้ำไป  แต่ไม่วายจะสะบัดหน้าหนีและรีบปิดประตูตามหลังเสียงดัง  ไม่แม้จะสนใจรอยยิ้มหวานทรมานใจแบบนั้น 
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหนีพ้นการได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆในลำคอของใครบางคนนั้นได้เลย  ตอนนี้เธอเดาได้เลยว่า  คนหน้าตาทะเล้นคนนั้นกำลังทำหน้าตาอย่างไร  ถึงจะไม่เห็นก็ตาม
แคลลี่เดินก้าวเท้ายาวๆขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ  แล้วขยับมือขึ้นจับกระจกมองหลังที่กำลังสะท้อนภาพคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะผู้โดยสารด้านหลัง  เธอยิ้มให้กับเจ้าของสายตาที่บังเอิญมองขึ้นมาสบตากันตรงนั้น  และกระซิบเบาๆเหมือนจะให้หล่อนพยายามอ่านปากของเธอจึงจะเข้าใจ  “ขอโทษนะ..ดิออนจัง..  ขอโทษจริงๆ”
เพียงวินาทีเดียวที่ฝ่ายนั้นนิ่งเงียบไป  เธอก็ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยออกมา  ก่อนจะกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่พลขับที่ดีต่อไป   
--The bodyguard--
“เฮ้..ยัยโย่ง..  ทำอะไรอยู่น่ะ”   ดิออนตะโกนถามขึ้นกลางคันเมื่อทันมาเห็นเหตุการณ์ว่า  บอดี้การ์ดสาวของเธอกำลังเจอกับฝูงคนขนาดย่อมที่เข้ามารุมล้อมรอบตัวของเขาราวกับเป็นดาราดัง 
ทั้งสาวทั้งหนุ่มต่างเข้ามามุงอยู่ตรงนี้  มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังออกมาเป็นระยะ  จนน่าหมั่นไส้  แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่น่าแปลกอะไรนักกับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบนี้  ในเมื่อแคลลี่สวยมากขนาดนี้  หุ่นดีซะขนาดนั้น  ยิ่งมาในชุดเสื้อผ้าสูทเท่ๆตามแบบฉบับของสาวบอดี้การ์ดก็ยิ่งจะมีคนอยากเข้าหา  และโชคดีเหลือเกินที่ว่า  เขาเป็นคนตัวสูงจึงค่อนข้างจะโดดเด่นและมองเห็นได้ไม่ยากนัก  ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีทางมองผ่านผู้คนมากมายไปเห็นตัวของหล่อนได้แน่ๆ ..แน่จริงๆ แม่คนดัง.. 
“แคลลี่.!”
แคลลี่กระพริบตา  เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองถูกเรียกหาและรู้แล้วว่า  นั่นคือเสียงของใครแม้จะไม่ได้หันไปมอง  เธอยิ้มให้กับคนที่มองสบตากัน  และจากนั้นก็หันกลับมาบอกลาบรรดาแฟนคลับที่เพิ่งมีที่นี่ของเธอ  เพราะไม่อยากให้พวกเขาต้องเจอกับสายตาพิฆาตของใครบางคนที่ดูมีความอดทนต่ำ  “ขอตัวก่อนนะคะ..  แล้วพบกันใหม่..ถ้ามีโอกาส..” 
ร่างสูงก้าวเข้ามาหาร่างเล็กกว่าที่กำลังยืนกอดอย่างอารมณ์ไม่ดี  แต่เธอก็ยิ้มเหมือนเคย  “สวัสดีค่ะ..คุณหนู..”
“ทำอะไรอยู่..  ชักช้าชะมัด..”  ดิออนย้อนถามขณะออกเดิน  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงรู้สึกหงุดหงิดได้ง่ายๆเพราะเรื่องเท่านี้  มันเกินนิสัยปกติของเธอ  แต่มันก็เกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้ใครคนนี้ที่เดินตามเธอมาเท่านั้น  ...ทำไมกันล่ะ...
แคลลี่แม้จะไม่รู้ว่า  คนถามต้องการจะถามหาความจริงหรือไม่  แต่เธอก็ตอบตามความเป็นจริง  “คุยอยู่ค่ะ   และก็แจกลายเซ็นเล็กน้อย  แต่ส่วนใหญ่ก็คุย” 
ดิออนหันขวับไปหาเจ้าของคำตอบทันที  เธอกระพริบตาเหมือนจะพยายามเข้าใจว่าเขาพูดอะไร  “แจกลายเซ็น..?” 
คนโดนถามพยักหน้าให้ สายตาไร้เดียงสาและทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติ  ดิออนหลุดหัวเราะพรืด  “ยัยบ้า..เธอไม่ใช่ดาราสักหน่อย..  ใครจะมาขอ..”
แต่ยังไม่ทันที่อีกคนจะได้ตอบอะไรกลับมา  นักศึกษาคนหนึ่งซึ่งเธอคุ้นตาก็วิ่งเข้ามาหาเข้าพร้อมกระดาษในมือ  คนหัวเราะเมื่อกี้ก็กลับต้องยืนตัวแข็งเหมือนก้อนหินเมื่อได้ยินสิ่งที่หล่อนพูด 
“ขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ยคะ..แคลลี่   กรุณาด้วย..”
“ได้จ้ะ  ได้จ้ะ..  ฉันจะจัดการให้..”
สุดท้ายคนดังในชั่วข้ามชั่วโมงก็หันกลับมาสนใจคนใกล้ตัวในที่สุด  เมื่อรู้สึกว่าหล่อนเงียบเกินไป  ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ที่นี่อีกแล้ว  ผู้หญิงคนที่เข้ามาหาได้หายไปพร้อมกระดาษที่มีลายเซ็นของเธอแล้ว  “เอ่อ..ดิออนจัง..”
“เธอเป็นใคร..”  คำถามที่ดังขึ้นมาพร้อมการมองหน้าเธอด้วยสายตาไม่ไว้ใจแบบนี้  ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี  แต่แคลลี่ก็ต้องยิ้มออกมา  เมื่อฟังคำต่อมาของเด็กสาว  “เธอเป็นดารารึไง..  ทำไมฉันไม่รู้..”  ดิออนดูจะเชื่อในสิ่งที่เห็นจริงๆเสียด้วย  แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร  แล้วทำไมเธอจะต้องหัวเราะอย่างพอใจออกมาแบบนี้
“แคลลี่..  ยัยบ้า.!”  เสียงห้าวโพล่งออกมาเหมือนว่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี  และเธอก็คิดว่าเธอกำลังหน้าแตก  ดิออนเดินหนีอีกฝ่ายไปทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเอง  เสียงฝีเท้าก้าวตามหลังมาติดๆ
“เดี๋ยวสิคะ..คุณหนู---”
“หยุดนะ.!”

แคลลี่ชะงักนิ่งงัน  เธอตาโตกับคำสั่งที่ตวาดออกมาพร้อมกับที่เจ้าของมันเข้ามาคว้าคอเสื้อของเธอ  และครั้งนี้มันไม่เหมือนที่เคยเป็นมาเมื่อดวงตาสีมรกตดูน่ากลัว  สองมือของเธอจึงยกขึ้นในท่ายอมแพ้  แต่มันก็มีเรื่องให้ประหลาดใจได้ไม่หยุดหย่อนกับนายจ้างตัวน้อยคนนี้ของเธอ
“เลิกเรียกฉันว่า  “คุณหนู”  ทำได้มั้ย..” 
แม้จะประหลาดใจ  แคลก็พบว่าเธอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย  ไม่คิดจะโต้แย้งอะไรกลับไป  มือเรียวเล็กคลายออกจากคอเสื้อของเธอ  ร่างบางหันไปทางอื่นแล้ว  และเธอก็คิดว่าจะเปิดปากถามแต่ก็ไม่ทัน
“ไปเถอะ..” 
สาวตัวสูงเดินตามมาจนทันได้เปิดประตูด้านหลังให้สาวร่างเล็ก  แต่เด็กสาวคนนั้นกลับเดินไปเปิดประตูด้านข้างคนขับและขึ้นไปนั่งอย่างสบายใจ  ไม่สนใจเสียงแย้งจากเธอเลยสักนิดแคลคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร  จึงทำได้แค่ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับเท่านั้น  แต่เธอยังไม่ยอมสตาร์ทเครื่อง  ต้องหันมามองหน้าคนนั่งข้างๆก่อน  “ดิออน.....”
“ไปผับ..”  เสียงห้าวพึมพำเบาๆ แต่เธอได้ยินจึงเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเพื่อถามย้ำเพื่อความแน่ใจ  ดิออนยืนยันคำเดิม
“แน่ใจ..?”
“ใช่..  ไปสิ..”
แคลลี่หยุดคิดประมาณสองนาทีและก็ต้องยอมทำตามความประสงค์ของเจ้านาย  เพราะเธอไม่ใช่ใครที่จะสามารถห้ามหล่อนได้หากต้องการจะทำอะไร  ฉันไม่ใช่คุณแม่เขานี่นา
แต่ขณะที่กำลังจะขยับมือเลื่อนคันเกียร์  เสียงหนึ่งก็เรียกชื่อเธอ “แคล..” ดวงตาสีแดงได้เจอสีมรกตที่มองจ้องมา  ดิออนกวักมือเรียกเธอให้ขยับไปใกล้ๆ เธอทำตามทั้งที่สังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง  และแล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ  เมื่อแก้มขาวใสข้างหนึ่งนั่น  ได้ถูกสัมผัสจากปลายจมูกเล็กที่น่ารักของนายจ้างตัวน้อยของเธอ  ...นี่ฉันจะเบลอจนขับรถไม่ได้..รึเปล่านะ...
--The bodyguard--
รถคันงามถูกจอดเทียบท่าตรงหน้าทางเข้าประตูของสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีแสงไฟหลากสีช่วยบอกยี่ห้อของมันได้อย่างดีว่าเป็นสถานที่อะไร  แคลลี่ถอนหายใจเบาๆออกมาขณะดับเครื่องยนต์  เธอหันไปมองคนข้างๆ
“แน่ใจนะว่าจะเข้าไป”   เธอถาม  อีกคนพยักหน้าให้  รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากบางสวยนั้น  มันทำให้เธอต้องกระพริบตาหาทางควบคุมสติใหม่  แต่ยังไม่ทันไร  นายจ้างสาวก็เปิดประตูรถและเดินออกไปโดยไม่คิดรอเธอ  แคลเปิดประตูของเธอและก้าวออกไป  เธอจำใจส่งกุญแจรถให้กับคนรับรถเพื่อนำมันไปจอดไว้ในที่ที่ปลอดภัยกับมัน
แคลลี่ไปไม่ทันที่จะตามหลังร่างบางนั้นไปใกล้ๆได้  เพราะมัววุ่นวายกับการจัดการคนที่เข้ามาเสนอส่งเหล้าให้ดื่ม  เธอต้องพยายามเก็บอารมณ์ความรำคาญใจและปฏิเสธกลับไปอย่างสุภาพ  แม้อยากจะผลักคนพวกนั้นออกไปให้ห่างจะแย่  แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีของผู้ที่มีสมอง  และเมื่อรอดพ้นมาได้  ก็ถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งใจ  แต่มันก็ไม่นานเมื่อดวงตาสีแดงฉานมองไปเห็นใครคนหนึ่งซึ่งคุ้นตานั่งอยู่หน้าเคาท์เตอร์บาร์  เธอยิ้มอย่างเอ็นดู  เพราะเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเด็กสาว  มันไม่ใช่เหล้าอย่างที่เธอเข้าใจ..น้ำส้ม..
แต่เมื่อคิดจะเข้าไปหาเด็กสาวที่เห็นอยู่  ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็เข้าไปถึงตัวหล่อนก่อน  ร่างสูงจึงหยุดยืนมองอยู่เพียงระยะใกล้ๆพอให้ได้เห็นและได้ยินสิ่งที่พวกเขาจะสนทนากัน
“ไฮ...สาวน้อย   มาคนเดียวเหรอจ๊ะ”   ชายผู้นั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยียวนอย่างที่ตัวเองคิดว่าเท่เสียเต็มประดา
หากแต่ดิออนนิ่งเฉยอยู่เหมือนเดิม  ไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าชายคนนั้นด้วยซ้ำ   เธอตั้งหน้าตั้งตาดื่มเครื่องดื่มของตัวเองต่อไปเงียบๆ
“เฮ้..ยัยนี่ !  พูดดีๆด้วยก็ไม่พูด  อยากลองดีหรือไงห๊ะ.!” ชายคนเดิมตะคอกเสียงใส่เด็กสาวและคว้าข้อมือเธอ
“ไปลงนรกซะไป.!”  ดิออนกระชากแขนของตัวเองกลับพร้อมกับที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้  เพียงไม่ถึงนาทีหมัดหนักๆของเธอก็พุ่งไปตรงเป้าหมายที่ใบหน้าของชายคนนั้น  เขาเกือบจะหงายหลังหล่นลงไปนอนกับพื้นอย่างหมดท่า  หากไม่มีเพื่อนๆที่ยืนอยู่ด้านหลังคอยรับไว้ได้ทัน   
“เฮ้..!  อย่างนี้ก็สวยสิ...”   เพื่อนของชายหนุ่มนั่น ไม่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด  เขาพุ่งเข้ามาหาเล็งหมัดมาที่ใบหน้าสวยคมของดิออน  แต่ก่อนที่จะทำอะไรได้สำเร็จอย่างใจ  ก็รู้สึกว่ามีเงาร่างสูงเข้ามายืนขวาง  คว้าท่อนแขนของเขาเอาไว้ได้ทัน  นาทีนั้นเองที่เขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่สุดในชีวิต  เมื่อสบตากับดวงตาสีแดงเพลิง  ถึงเจ้าของมันจะกำลังยิ้มให้อย่างอ่อนหวานก็ตามที
“มีใครเคยบอกมั้ยจ๊ะว่า..รังแกผู้หญิงน่ะ  ไม่ดีนะหนุ่มน้อย..”  เสียงหวานสะท้านหัวใจ  จนคนฟังเกือบจะหลงใหลไปกับมัน  หากว่าไม่เห็นแววตาที่เปลี่ยนไปในดวงตาสีเลือดคู่นี้  แคลบิดแขนชายหนุ่มตรงหน้าไปด้านหลังตัวของเขา  เธอออกแรงกดไปเสียเต็มแรง  แต่ยังไม่แรงพอที่จะทำให้มันหัก
“อ๊าก.......  ปละ...ปล่อย   ปล่อยฉัน   เจ็บ   โอ้ย   ยัยปีศาจ..!” เสียงร้องโหยหวนหลุดออกจากปากของชายหนุ่มที่เขาคงลืมที่จะควบคุมคำพูดจาของตัวเอง  และคงไม่ทันเห็นว่า  ดวงตาสีแดงกำลังแวววาวอย่างน่ากลัวมากเพียงไหนเมื่อคำว่า “ปีศาจ” ถูกประกาศออกมา
“โอ้..โอ้..  พ่อหนุ่มน้อยตัวโต..  นายว่าใครเป็นปีศาจนะ..  ไหนลองพูดอีกทีสิจ๊ะ..”  น้ำเสียงยังคงความหวานขัดกับแววตาเหมือนฆาตกร 
แคลลี่เพิ่มแรงในการกดแขนผู้ที่ทำตัวเป็นศัตรูเธอ  ทำให้เกิดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั้งผับ  เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของใครๆผู้เข้ามาเห็นเหตุการณ์  เหมือนยิ่งทำให้เธออยากจะแสดงฝีมือให้มากกว่านี้  ตอนนี้จิตใจเธอหวนระลึกไปถึง  ครั้งหนึ่งที่เธออยู่ในสนามซ้อมของนักเรียนเตรียมทหาร
“แคล..  แคลลี่..  พอแล้ว---”   ดิออนร้องเสียงหลง  เธอยังคงตกใจกับสิ่งที่เห็นนี้  แม้จะรู้ดีว่า  บอดี้การ์ดของเธอมีฝีมือมากขนาดไหน  แต่การเห็นหล่อนในเวลาที่กำลังจะฆ่าใครสักคน  มันเป็นอะไรที่ยังใหม่อยู่มาก  และเธอยังไม่อยากเห็นมัน  ร่างบางตั้งใจจะเข้าไปห้ามปราม  หากแต่ไม่ทันการณ์  มีใครบางคนมาตัดหน้าเธอไปก่อน
“โอ้..เกิดเรื่องอะไรขึ้น”  เสียงของชายผู้หนึ่งดังแทรกเสียงเซ็งแซ่เข้ามา  เขาเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาอย่างสง่างาม  แต่ดวงตาสีน้ำตาลทองกลับต้องเบิกกว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น  “แคลลี่..?”
ดวงตาสีแดงกะพริบเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ  เสียงคุ้นหูนั่นทำให้เธอหันไปมองและก็ต้องตกใจ  “โอ้..ลอเรน..  นายเองเหรอ”  แคลเอ่ยทักทายชายผู้มาใหม่  และยิ้มให้เหมือนเธอไม่ได้กำลังทำอะไรอยู่เลย  เธอไม่สนใจเลยว่า  เธอกำลังจะฆ่าใครอยู่ตรงนี้ 
แต่เมื่อดวงตาสีน้ำตาลทองของหนุ่มผู้มาใหม่บอกอะไรบางอย่างมา  ก็ต้องหันกลับมาหาคู่กรณีอีกครั้ง  บอดี้การ์ดสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย  เพื่อปล่อยเสียงกระซิบไปที่ข้างหูของชายหนุ่ม  “อย่าให้ฉันเห็นหน้านายอีก..  เข้าใจมั้ย..พ่อหนุ่ม”  มือเรียวแต่แข็งแกร่งปล่อยแขนของหนุ่มน้อยตัวโต  ที่ไม่กล้าแม้จะทำท่าฟึดฟัดใส่เธอกลับมา  แคลตบแผ่นหลังของชายที่ตัวสูงกว่าเธอไม่กี่เซน.นั่นได้ทันก่อนที่เขาจะหายไปท่ามกลางฝูงชนกับเพื่อนเห่ยๆของเขาเอง
แคลลี่หันกลับมาหาสองคนที่ยังทำหน้าตาตกตะลึงอยู่  และคนหนึ่งก็รู้ทันทีว่าเขาควรจะทำอะไร
“เอาล่ะครับทุกคน..  ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่อีกแล้วล่ะครับ   มันเป็นแค่การแสดงโชว์นิดหน่อยของเพื่อนผมเอง  เชิญกลับไปสนุกกันต่อไปได้แล้วครับ และเหล้ากล่องนี้ผมยกให้พวกคุณฟรีๆ   ถือเป็นการขอโทษที่ทำให้ตกใจ..  ขอบคุณครับ..”  ลอเรนจบสุนทรพจน์เล็กๆของเขาด้วยรอยยิ้มละไมบนใบหน้า  พาความหล่อเหลาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าไปกับแสงไฟที่นี่  ภาพแบบนี้ดูคุ้นตาของใครบางคนเหลือเกิน 
ดิออนแอบคิดว่า  ลอเรนอาจจะเป็นใครสักคนที่มากกว่าคนรู้จักของแคล  ดูจากบุคลิกท่าทางของเขา  แต่การที่เขาเข้ามากางแขนยาวทั้งสองข้างออกและโผเข้ามารวบตัวหล่อนเข้าไปกอดไว้  และยังยกตัวหญิงสาวขึ้นลอยเหนือพื้นได้อย่างสบายนั่น  มันออกจะเป็นการกระทำที่เกินไปหรือเปล่า  หรือว่าเขาทั้งสองคนไม่ใช่แค่สนิทกันธรรมดา 
“ฉันไม่ชอบผู้ชาย” ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในหัวของดิออนระหว่างที่เธอมองสองคนตรงหน้าโอบกอดกัน  และฟังพวกเขาสนทนา
“ลอเรน..  นายรู้มั้ยว่า..  ฉันเวียนหัว..  ปล่อยฉันลงก่อน..”  แคลลี่หัวเราะรื่นขณะถูกหย่อนลงยืนกับพื้นอย่างทะนุถนอม  และยังถูกกอดเอาไว้ไม่เลิกจากชายหนุ่ม     
“โอ้...แคลจ๋า..   ฉันคิดถึงเธอที่สุด..  กี่ปีแล้วเนี่ยที่ไม่ได้เจอหน้าเธอ” ชายหนุ่มไม่ได้แค่พูดเปล่า  เขาหอมแก้มหญิงสาวไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆ  ดิออนรู้สึกว่า  หน้าของเธอเหมือนถูกใครเอาไฟมาจี้   ยิ่งนาทีที่แคลเข้าไปหอมแก้มหนุ่มร่างสูงผู้นั้นด้วย  หัวใจเธอเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก  ...ไหนว่าเธอ  ไม่ชอบผู้ชาย...  หมายความว่ายังไง...
...ไบเซ็กส์ซวล... 
ทุเรศ..
“แคลลี่..!”   ดิออนไม่สามารถอดทนได้ไหวอีกต่อไป  เธอจ้องอย่างถมึงทึงใส่คนคู่นั้น  โดยเฉพาะเจ้าของชื่อที่หันมาหาเธอ  แต่แคลลี่ก็ยิ่งเหมือนจะทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดหัวใจมากขึ้น  เมื่อหล่อนดึงมือชายหนุ่มคนนั้นให้เดินมาหาเธอด้วย 
“ดิออน..  นี่คือ----”
    “กลับบ้านเดี๋ยวนี้..!”   ดิออนไม่สนใจจะฟัง  เธอเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างคนสองคนนั่นและคว้าดึงมือแคลให้เดินตามมา  ไม่แคร์กับสายตาไม่เข้าใจของชายหญิงสองคน  เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำแบบนี้ไปทำไม   เธอแค่ไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว  มันเป็นวันที่แย่จริงๆ  เธอต้องการกลับบ้าน   พักผ่อน  นอนหลับ...  ถ้าทำได้... 
แคลลี่พูดอะไรไม่ออก  ได้แต่ถอนหายใจเบาๆระหว่างเดินตามแรงดึงของมือเล็กกว่าและเหลียวหน้าไปหาชายหนุ่มที่ส่งยิ้มอย่างเข้าใจกลับมาให้  เธอขอโทษเขาไปทางสายตาและรอยยิ้มเจื่อนๆบนใบหน้าที่บอกไปว่า  “แล้วจะมาเจอกันใหม่อีกครั้งแน่ๆ สัญญา”  และความสนใจของเธอก็กลับคืนมาหาเจ้าของมือ  ...เธอเป็นอะไรนะ  ฉันไม่เข้าใจ...  ไม่เคย...
บรรยากาศในรถคันงามเงียบจนน่าอึดอัด  คนขับเฝ้าแต่ถอนหายใจทิ้งขว้าง  และหลายต่อหลายครั้งที่ต้องละมือจากพวงมาลัยมาบีบขมับตัวเอง  ไมเกรนเต้นระบำในหัวฉัน  มันส์น่าดูทีเดียว...

“แฟนเธอเหรอ..  ผู้ชายคนนั้น” 
เสียงพึมพำมันเบามาก  แต่กับความเงียบของรถก็ทำให้ปราศจากอุปสรรคในการได้ยิน  แคลกระพริบตาและหันมาหาเจ้าของเสียง
“แฟน..?”  ใบหน้าหวานดูประหลาดใจ  แต่แคลก็ประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่ออีกคนพยักหน้าให้  สีหน้าของเขาดูไม่สบายใจเลยสักนิด
“นายคนที่ชื่อ..ลอเรน..”  ดิออนเน้นที่ชื่อของชายหนุ่ม  และก็ต้องรู้สึกเหมือนตัวเองงี่เง่าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังๆหลุดออกมาจากปากของบอดี้การ์ดสาว  หล่อนไม่มีท่าทีจะหยุดหัวเราะง่ายๆ ซ้ำยังทำเหมือนหลุดท่าทางของสุภาพสตรีที่มีมาเสมอด้วย  มือเล็กเรียวสวยจึงถูกยกขึ้นฟาดลงไปที่ต้นแขนที่อยู่ใกล้มือ  เสียงเนื้อถูกกระทบอย่างแรงดังสนั่นแต่ไม่เท่าเสียงจากเธอ  “เงียบนะ..  หัวเราะบ้าอะไร”
แคลลี่พยายามควบคุมตัวเองใหม่  ทั้งต้องพยายามสนใจกับถนนที่มุ่งไปข้างหน้าด้วย  มันถือได้ว่าเป็นงานหนักทีเดียวที่ต้องทำสองอย่างนี้พร้อมกัน  แต่มันยังไม่เท่ากับที่เธอต้องหันมาสนใจคนที่นั่งอยู่ด้วยตรงนี้  ที่กำลังทำหน้างอ
“ขอโทษ..  ขอโทษจริงๆจ้ะ..   ฉันไม่ได้ตั้งใจ..”
“งั้นก็เงียบไปสิ..”
รอยยิ้มผุดขึ้นมาแทนที่เสียงหัวเราะ  แคลลี่ส่ายหน้าไปมาพลางนำมือข้างหนึ่งออกมาจากพวงมาลัยมาลูบไล้ไปกับแขนอีกข้างที่ถูกตี  “ดิออนใจร้อนเสมอเลยนะ..  ไม่ดีรู้รึเปล่า..”
ใบหน้าขาวคมหันขวับกลับมาหาคนขับทันที  ดิออนขมวดคิ้วเรียวสีเข้มของเธออย่างรำคาญใจ  “ทำไม..  ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ  ชินซะทีสิ..” 
เสียงหัวเราะคิกดังขึ้นมาอีกครั้ง  มือเรียวเล็กง้างขึ้นและเตรียมจะฟาดอย่างเต็มที่ไปที่เดิม  แต่อีกคนก็ขยับหลบได้ทันเวลาเหมือนรู้ทันเธอ ทำให้เธอเกือบจะฟาดไปกับอากาศหากไม่ยั้งมือตัวเองไว้ได้ก่อน 
ดวงตาสีมรกตมองตาขวางใส่อีกฝ่ายและส่งเสียงคำรามในลำคอ  ดิออนสะบัดหน้าหนีและหันไปนั่งนิ่งกอดอก  โมโหตัวเอง  แต่ไม่นานก็หางตาเธอก็ได้เห็นอะไรบางอย่างให้ต้องกระพริบตามอง  เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นนิ้วก้อยเรียวยาวลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้า  มีเสียงหวานๆตามหลังมา
“ขอโทษ..  ดีกันนะ..”  รอยยิ้มไร้เดียงสาจากใบหน้าหวานนั่น  เกือบจะทำให้เธอต้องยิ้มกลับไป  หากเธอไม่มีทิฐิในตัวเอง  ดิออนสะบัดหน้าหนีอีกครั้ง 
“ไม่..  อย่ามายุ่งนะ  ขับรถไปนั่น”
เงี่ยหูฟังว่าจะมีอะไรตอบกลับมา  รอดูว่าอีกคนจะโต้เถียงอะไรเธออีก  แต่เธอก็ได้ยินแต่เสียงฮัมเพลงเบาๆ  จนอยากจะหันไปตวาดเขาให้หยุดทำเสียงน่ารำคาญ  หากว่ามันไม่ได้เป็นเสียงที่ไพเราะแบบนี้   ไม่ใช่แค่เพียงเมโลดี้ที่น่าฟัง  แต่ประโยคต่อมากลับน่าฟังกว่า  เมื่อเขาส่งเสียงพูดขึ้นแทนเสียงดนตรี
“ถ้าดิออนไม่ใจร้อนตอนนั้น..  เธอจะได้รู้นะว่า..ลอเรนเป็นน้องชายของฉันเอง..  ไม่ใช่แฟน..”
--The bodyguard--
แคลลี่รู้สึกสบายใจเมื่อได้กลับมาถึงบ้านของเธอเสียที  วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากเป็นพิเศษของเธอตั้งแต่ทำงานด้านนี้มา  ไม่ใช่แค่ว่า  มันเพราะเธอจะต้องลงไปทำหน้าที่เหมือนพนักงานทั่วไป  ไปเป็นบอดี้การ์ดให้นายจ้างเสียเองหรอก  แต่เพราะมันมีเรื่องอื่นที่มากกว่านั้น  เรื่องอื่นที่มันเกี่ยวกับนายจ้างคนใหม่และหัวใจของเธอ  มันทำให้เธอเหนื่อยทั้งกายและหัวใจ 
...ฉันจะต้องควบคุมตัวเองใหม่ให้ได้   ฉันจะไม่ไปยุ่งกับลูกค้า.. ไม่ใช่ตอนนี้..  แคลส่ายหน้าให้กับความคิดของเธอและเดินตรงเข้าห้องนอน  แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อไป  สายตาก็ได้เห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้มันเบิกกว้างอย่างตกใจ
“เซเลน...?”  ชื่อของหญิงสาวในชุดนอนบางเบาถูกกล่าวออกมาเบาๆราวกับเสียงกระซิบของวิญญาณ 
แคลลี่รู้สึกว่าร่างกายของเธอแข็งกลายเป็นหิน  เมื่อถูกดวงตาที่เย้ายวนนั่นมองร่างกายเธอ  ความรู้สึกคล้ายเธอกำลังถูกสายตานั้นปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้น
“มานี่สิ..ที่รัก..”  เสียงเรียกนั่นดั่งมนต์สะกด  ร่างของเธอก้าวเดินอย่างอัตโนมัติและยินยอมจะถูกจูงมือไปนั่งลงตรงขอบเตียง..ของตัวเอง
“นั่งลงก่อนนะ..ผ่อนคลาย..  หายใจ..”  เซเลนกระซิบที่ข้างหูผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้า  เธอลูบแก้มเนียนของเขาเบาๆ “ฉันจะช่วยคุณ..  ไว้ใจฉันนะ..”  แคลลี่พบว่าเธอพยักหน้าอย่างว่าง่าย  ทำให้ได้รางวัลเป็นจุมพิตเบาๆที่หน้าผาก 
ดวงตาสีแดงปิดตาลงในที่สุด  ร่างบางในชุดนอนขยับไปอยู่ด้านหลัง  สองมือเล็กแต่แข็งแรงนั่นบีบนวดขมับให้ทั้งสองข้างนานหลายนาที  ก่อนที่มันจะค่อยไล่ลงมาที่ต้นคอ  ปลายนิ้วนวดเค้นไปตามเส้นเอ็นตรงจุดนั้น  ถัดมาก็ที่บ่าทั้งสองข้าง  เธอรู้สึกผ่อนคลาย
“สบายตัวขึ้นมั้ย..”  เสียงคุ้นหูกระซิบถาม  แคลลี่พยายามที่จะไม่พูดอะไร  เธอพยักหน้ารับเท่านั้น  เพราะรู้ดีว่าเส้นเสียงของเธอคงจะสั่น  เพราะมันมีอารมณ์อื่นเข้ามาแทนที่อารมณ์ที่ตึงเครียด  โดยเฉพาะเมื่อทรวงอกของอีกฝ่ายเข้ามาเบียดแนบที่ต้นแขนของเธอ  และมันก็คงไม่ต้องมีคำพูดอะไรระหว่างพวกเธอสองคน  เมื่อความรู้สึกตรงกัน  จากสัมผัสที่จรดลงที่ริมฝีปาก  ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้สิ่งนี้เกิดมีขึ้นทันที  เธอยินยอมแต่โดยดีให้มันเกิดขึ้น 
“ตอนนี้ฉันสกปรกนะ..”  เสียงหวานขี้เล่นกระซิบแผ่วเบาระหว่างการแลกจุมพิตเร่าร้อน
 แคลลี่ปฏิเสธที่จะเปิดดวงตาขึ้นมองผู้ที่กำลังร่วมทำกิจกรรมนี้ด้วยกันด้วยเหตุผลบางอย่างที่ตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจ  และก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรกับเรื่องนี้  เมื่อสองมือที่บีบนวดร่างกายเพื่อผ่อนคลายให้เมื่อครู่  ได้ถูกเปลี่ยนมาปลดกระดุมเสื้อของเธอออกทีละเม็ดและยังไม่ทันที่อากาศเย็นๆของแอร์คอนดิชั่นเนอร์จะได้มีโอกาสสัมผัสกับเนื้อที่ตรงส่วนนั้นของเธอ  สัมผัสอันเร่าร้อนและทะนุถนอมก็มาถึงก่อน 
แว่วหูได้ยินเสียงร้องครางของตัวเองหลุดออกมาจากปาก  เพราะไม่ทันที่จะเตรียมใจในความรวดเร็วแบบนี้  แต่เธอก็ยิ้มออกมาอย่างพึงใจ  จากเสียงกระซิบที่ได้ยิน
“และฉันก็จะทำหน้าที่ทำความสะอาดให้คุณเอง..  ไม่ต้องห่วงนะคะ..”
--The bodyguard--
เวลาเดียวกันที่คฤหาสน์สวอนส์

ดิออนเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง    ถอนใจอยู่หลายต่อหลายครั้ง   เธอกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงและถอนใจอีกครั้ง    ก่อนที่จะเขยื้อนร่างเล็กของตนไปที่ริมหน้าต่าง   ดวงตาสีมรกตเหม่อมองไปยังภายนอก  มองไปบนท้องฟ้าที่มีตอนนี้มีเพียงแต่ดวงจันทร์ทอแสงนวลตาอยู่   มือเล็กข้างหนึ่งยกขึ้นและใช้ปลายนิ้วชี้ของเธอค่อยๆลูบไล้ไปตามผิวเนียนเรียบเย็นๆของกระจกหน้าต่าง  อย่างไม่รู้เลยว่า  เธอได้ขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไปกับไอน้ำที่มาเกาะที่กระจกนั่น  จนกระทั่งเธอกะพริบตาได้  ดิออนทั้งตกใจและประหลาดใจในตัวเอง  เมื่อสิ่งที่ริมฝีปากของเธอขยับอ่านมันออกมาได้จากอักษรไอน้ำ  มันคือคำๆนี้

K-A-L-L-Y
         
“แคล..?”
ฉันจะต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 09:39:48 anhann »



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.