Chapter 4 : My bodyguard
“เฮ้..ยัยโย่ง ! ทำไมมาแต่เช้าล่ะ” ดิออนทักทายเมื่อเปิดประตูห้องนอนมาและเห็นว่ามีใครบางคนยืนอยู่
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมยาวสีน้ำผึ้งยืนกอดอกพิงฝาผนังข้างประตูห้องนอนของเธอ สายตาของหล่อนดูเหม่อลอย แต่ยังคงยิ้มให้เหมือนที่เคยเป็นมาเมื่อหันมาเห็นเธอ และเมื่อเธอได้เห็นตัวหล่อนเต็มสองตา ก็ต้องเบิกตาค้างและอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น มันมองไปทางอื่นไม่ได้จริงๆ เพราะชุดของวันนี้ที่แคลลี่ใส่อยู่ เป็นชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนๆพอดีตัวไม่ได้ผูกเนคไท ปล่อยกระดุมสองเม็ดบนเอาไว้คล้ายต้องการจะโชว์ผิวขาวเนียนเหนือทรวงอกสวยๆนั่น กางเกงแสล็คสีน้ำเงินเข้มเข้ากับรูปร่างสูงโปรงขายาวเห็นแล้วใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก
ดิออนไม่แน่ใจเลยว่าเพราะอะไร ทำไมเธอถึงได้มีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนนี้ ทั้งที่หล่อนก็เป็นผู้หญิงเหมือนๆเธอ มิหนำซ้ำยังสวยกว่าตัวเธอมากๆอีกด้วย ..ฉันไม่ได้เป็นพวกเลสเบี้ยนนะ ไม่ได้เป็น.. นะโว้ย..
แคลลี่ขยับออกจากผนังมายืนตรงหน้าเจ้าของบ้าน ใบหน้าสวยหวานก้มลงเล็กน้อยเพราะต้องการจะมองคนตัวเล็กกว่าให้ชัดขึ้นเหมือนไม่ได้รู้สึกเลยว่าหล่อนกำลังคิดอะไร ยื่นมือเรียวสวยข้างหนึ่งทำท่าขยับขึ้นเพื่อจะจับมือเล็กของคนเบื้องหน้า แต่ทว่าร่างนั้นกลับเบือนหนีไปอีกทาง เธอจึงได้แต่แอบถอนหายใจ “ฉันจะมารับคุณหนูไปมหาวิทยาลัย” แต่ยังไงก็ยังยิ้มแม้จะเห็นอีกคนทำตาขวาง
“ใครว่าฉันจะไปด้วยล่ะ” ดิออนย้อนและมองดวงตาสีแดงนั่นอย่างท้าทาย “ฉันจะขับรถไปเองย่ะ” มือเล็กตั้งท่าจะผลักอีกคนให้ถอยไป แต่เธอก็ลืมไปว่า เธอจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้ มารู้ตัวอีกที ตัวเธอก็ลอยขึ้นจากพื้นเสียแล้ว
“ปล่อยนะ.. ปล่อย.. ปล่อยฉัน..ยัยบ้า.!” เสียงโวยวายดังก้องไปทั้งบ้าน แต่มันกลับไม่ไปทรมานหูคนที่กำลังแบกเธออยู่ ไม่เลยสักนิด
“ดิออนจัง.. มีใครบอกรึเปล่าคะว่า.. ทำแบบนี้..มันไม่น่ารัก..”
ร่างเล็กที่กำลังดิ้นอยู่บนบ่าของอีกคนหยุดนิ่งชะงักเมื่อได้ยินเสียงสั่งสอนแบบนี้ ก่อนที่จะทำมันต่อไป “ฉันก็ไม่เคยบอกนี่ ว่าฉันน่ารัก.. ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
ดิออนพยายามดิ้นให้แรงขึ้นรวมถึงทั้งทุบหลังและยังพยายามเตะขาไปมา หวังว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บและปล่อยเธอลง แต่มันก็เหมือนเปล่าประโยชน์จริงๆ บอดี้การ์ดหน้าสวยเต็มไปด้วยความแข็งแรงทางร่างกาย รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นนั้นเหมือนมันมีไว้เพื่อหลอกศัตรูชัดๆ และหนึ่งในนั้นก็คือเธอ
“คุณหนูเป็นเด็กไม่ดี และเด็กไม่ดีก็จะต้องถูกทำโทษ...เข้าใจไหมคะ” เสียงหวานที่เคยน่าฟังเพราะสำเนียงแปลกประหลาด ตอนนี้มันเหมือนมาบาดหูเธอ ดิออนรู้สึกว่าสมองของเธอเบลอไปหมดและเรี่ยวแรงก็ลดถอยลง จากที่ดิ้นรนเพื่อจะหลุดออกจากการถูกจับไว้ กลับกลายมาเป็นปล่อยให้เขาอุ้มพาดบ่าและพาเดินลงมาตามบันได
“เฮ้..ปล่อยนะ..”
“อย่าดิ้นนะคะ ไม่งั้นตก ไม่รู้ด้วย..” ริมฝีปากสวยเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะพูดประโยคนี้ แคลรู้สึกหนักที่ต้องแบกใครคนหนึ่งไว้บนบ่าแต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็มีความสุขไปด้วยเพราะจริงๆแล้วดิออนตัวเบากว่าที่คาดไว้ มิหนำซ้ำยังตัวเล็กกว่าเธอค่อนข้างมากไม่ใช่แค่เพียงความสูงที่แตกต่างกันประมาณสิบเซนติเมตรแบบนี้
“เธอก็ปล่อยฉันลงสิ..” ดิออนพยายามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงของเธอเบาลงกว่าเมื่อครู่ เธอกำลังมองดูขั้นบันไดที่เธอคล้ายกำลังลอยลงไปตามมัน และยังไม่รู้ด้วยว่า จากการพยายามจะดิ้นออกจากตัวอีกคน เธอก็กำลังกอดรอบคอหล่อนจนแน่น และยังเอาอะไรบางอย่างไปสัมผัสแก้มหล่อนอีกด้วย
โอ้..ฉันจะเป็นลม.. แทบจะทนไม่ไหวแล้วนะ หอมอะไรแบบนี้..ดิออน.. แถมอะไรที่คิดว่ามันไม่มี.. มันก็มีเหมือนกันนะนี่..
แคลลี่พยายามตั้งสติและกระแอมเบาๆให้อารมณ์ของเธอเข้าที่ “ไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นการลงโทษอย่างหนึ่งสำหรับคนดื้ออย่างคุณหนู” ใบหน้าสวยดูพึงพอใจที่ได้ยินเสียงครางอย่างหมดหวังดังตามหลังมา
“และขอเตือนไว้ด้วยนะคะว่า.. บันไดมันชัน ถ้าขืนดิ้นแรงล่ะก็.. ฉันคงจะพลาด และทำคุณหนูหล่นได้..”
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังตามหลังมา แคลจึงฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก เวลานี้สองแขนเรียวที่เกี่ยวรอบคอเธอยิ่งเพิ่มแรงการกอดรัดมากขึ้น มันจึงเป็นอะไรที่สมใจเธอมาก แต่ร่างกายของเธอยังคงเคลื่อนไหวไปตามคำสั่งของสมองอย่างเคร่งครัด มันระมัดระวังในการลงบันไดมาก เพราะความจริงก็ไม่ต้องการจะตกเหมือนกัน มันไม่สนุกสักนิด
“ว้าย...คุณหนู..!!”
แต่เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของใครบางคน ก็ทำให้รอยยิ้มของเธอหุบลงไปบ้าง แต่ก็แค่ชั่วเวลาไม่กี่วินาที แคลขยิบตาให้เจ้าของเสียงนั่น สาวใช้ผู้นั้นก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจและหลบออกไปจากรัศมีที่จะขวางทางเธอ
ดิออนถูกวางลงให้ยืนด้วยสองขาของตัวเองเมื่อมาถึงตัวรถที่จอดไว้เทียบท่าหน้าประตูบ้าน แคลลี่เอื้อมมือมาเปิดประตูให้ทำท่าเชิญให้เข้าไป สาวน้อยทำท่าเหมือนอยากจะผลักตัวหล่อนให้กระเด็นออกไป แต่ก็ต้องชั่งตัวเองก่อน เพราะแข้งขายังรู้สึกอ่อนแรงอยู่ เธอจึงทำได้แค่ตามน้ำไป แต่ไม่วายจะสะบัดหน้าหนีและรีบปิดประตูตามหลังเสียงดัง ไม่แม้จะสนใจรอยยิ้มหวานทรมานใจแบบนั้น
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหนีพ้นการได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆในลำคอของใครบางคนนั้นได้เลย ตอนนี้เธอเดาได้เลยว่า คนหน้าตาทะเล้นคนนั้นกำลังทำหน้าตาอย่างไร ถึงจะไม่เห็นก็ตาม
แคลลี่เดินก้าวเท้ายาวๆขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ แล้วขยับมือขึ้นจับกระจกมองหลังที่กำลังสะท้อนภาพคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะผู้โดยสารด้านหลัง เธอยิ้มให้กับเจ้าของสายตาที่บังเอิญมองขึ้นมาสบตากันตรงนั้น และกระซิบเบาๆเหมือนจะให้หล่อนพยายามอ่านปากของเธอจึงจะเข้าใจ “ขอโทษนะ..ดิออนจัง.. ขอโทษจริงๆ”
เพียงวินาทีเดียวที่ฝ่ายนั้นนิ่งเงียบไป เธอก็ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยออกมา ก่อนจะกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่พลขับที่ดีต่อไป
--The bodyguard--
“เฮ้..ยัยโย่ง.. ทำอะไรอยู่น่ะ” ดิออนตะโกนถามขึ้นกลางคันเมื่อทันมาเห็นเหตุการณ์ว่า บอดี้การ์ดสาวของเธอกำลังเจอกับฝูงคนขนาดย่อมที่เข้ามารุมล้อมรอบตัวของเขาราวกับเป็นดาราดัง
ทั้งสาวทั้งหนุ่มต่างเข้ามามุงอยู่ตรงนี้ มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังออกมาเป็นระยะ จนน่าหมั่นไส้ แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่น่าแปลกอะไรนักกับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบนี้ ในเมื่อแคลลี่สวยมากขนาดนี้ หุ่นดีซะขนาดนั้น ยิ่งมาในชุดเสื้อผ้าสูทเท่ๆตามแบบฉบับของสาวบอดี้การ์ดก็ยิ่งจะมีคนอยากเข้าหา และโชคดีเหลือเกินที่ว่า เขาเป็นคนตัวสูงจึงค่อนข้างจะโดดเด่นและมองเห็นได้ไม่ยากนัก ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีทางมองผ่านผู้คนมากมายไปเห็นตัวของหล่อนได้แน่ๆ ..แน่จริงๆ แม่คนดัง..
“แคลลี่.!”
แคลลี่กระพริบตา เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองถูกเรียกหาและรู้แล้วว่า นั่นคือเสียงของใครแม้จะไม่ได้หันไปมอง เธอยิ้มให้กับคนที่มองสบตากัน และจากนั้นก็หันกลับมาบอกลาบรรดาแฟนคลับที่เพิ่งมีที่นี่ของเธอ เพราะไม่อยากให้พวกเขาต้องเจอกับสายตาพิฆาตของใครบางคนที่ดูมีความอดทนต่ำ “ขอตัวก่อนนะคะ.. แล้วพบกันใหม่..ถ้ามีโอกาส..”
ร่างสูงก้าวเข้ามาหาร่างเล็กกว่าที่กำลังยืนกอดอย่างอารมณ์ไม่ดี แต่เธอก็ยิ้มเหมือนเคย “สวัสดีค่ะ..คุณหนู..”
“ทำอะไรอยู่.. ชักช้าชะมัด..” ดิออนย้อนถามขณะออกเดิน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงรู้สึกหงุดหงิดได้ง่ายๆเพราะเรื่องเท่านี้ มันเกินนิสัยปกติของเธอ แต่มันก็เกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้ใครคนนี้ที่เดินตามเธอมาเท่านั้น ...ทำไมกันล่ะ...
แคลลี่แม้จะไม่รู้ว่า คนถามต้องการจะถามหาความจริงหรือไม่ แต่เธอก็ตอบตามความเป็นจริง “คุยอยู่ค่ะ และก็แจกลายเซ็นเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ก็คุย”
ดิออนหันขวับไปหาเจ้าของคำตอบทันที เธอกระพริบตาเหมือนจะพยายามเข้าใจว่าเขาพูดอะไร “แจกลายเซ็น..?”
คนโดนถามพยักหน้าให้ สายตาไร้เดียงสาและทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติ ดิออนหลุดหัวเราะพรืด “ยัยบ้า..เธอไม่ใช่ดาราสักหน่อย.. ใครจะมาขอ..”
แต่ยังไม่ทันที่อีกคนจะได้ตอบอะไรกลับมา นักศึกษาคนหนึ่งซึ่งเธอคุ้นตาก็วิ่งเข้ามาหาเข้าพร้อมกระดาษในมือ คนหัวเราะเมื่อกี้ก็กลับต้องยืนตัวแข็งเหมือนก้อนหินเมื่อได้ยินสิ่งที่หล่อนพูด
“ขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ยคะ..แคลลี่ กรุณาด้วย..”
“ได้จ้ะ ได้จ้ะ.. ฉันจะจัดการให้..”
สุดท้ายคนดังในชั่วข้ามชั่วโมงก็หันกลับมาสนใจคนใกล้ตัวในที่สุด เมื่อรู้สึกว่าหล่อนเงียบเกินไป ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ที่นี่อีกแล้ว ผู้หญิงคนที่เข้ามาหาได้หายไปพร้อมกระดาษที่มีลายเซ็นของเธอแล้ว “เอ่อ..ดิออนจัง..”
“เธอเป็นใคร..” คำถามที่ดังขึ้นมาพร้อมการมองหน้าเธอด้วยสายตาไม่ไว้ใจแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี แต่แคลลี่ก็ต้องยิ้มออกมา เมื่อฟังคำต่อมาของเด็กสาว “เธอเป็นดารารึไง.. ทำไมฉันไม่รู้..” ดิออนดูจะเชื่อในสิ่งที่เห็นจริงๆเสียด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แล้วทำไมเธอจะต้องหัวเราะอย่างพอใจออกมาแบบนี้
“แคลลี่.. ยัยบ้า.!” เสียงห้าวโพล่งออกมาเหมือนว่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี และเธอก็คิดว่าเธอกำลังหน้าแตก ดิออนเดินหนีอีกฝ่ายไปทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเอง เสียงฝีเท้าก้าวตามหลังมาติดๆ
“เดี๋ยวสิคะ..คุณหนู---”
“หยุดนะ.!”
แคลลี่ชะงักนิ่งงัน เธอตาโตกับคำสั่งที่ตวาดออกมาพร้อมกับที่เจ้าของมันเข้ามาคว้าคอเสื้อของเธอ และครั้งนี้มันไม่เหมือนที่เคยเป็นมาเมื่อดวงตาสีมรกตดูน่ากลัว สองมือของเธอจึงยกขึ้นในท่ายอมแพ้ แต่มันก็มีเรื่องให้ประหลาดใจได้ไม่หยุดหย่อนกับนายจ้างตัวน้อยคนนี้ของเธอ
“เลิกเรียกฉันว่า “คุณหนู” ทำได้มั้ย..”
แม้จะประหลาดใจ แคลก็พบว่าเธอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ไม่คิดจะโต้แย้งอะไรกลับไป มือเรียวเล็กคลายออกจากคอเสื้อของเธอ ร่างบางหันไปทางอื่นแล้ว และเธอก็คิดว่าจะเปิดปากถามแต่ก็ไม่ทัน
“ไปเถอะ..”
สาวตัวสูงเดินตามมาจนทันได้เปิดประตูด้านหลังให้สาวร่างเล็ก แต่เด็กสาวคนนั้นกลับเดินไปเปิดประตูด้านข้างคนขับและขึ้นไปนั่งอย่างสบายใจ ไม่สนใจเสียงแย้งจากเธอเลยสักนิดแคลคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร จึงทำได้แค่ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับเท่านั้น แต่เธอยังไม่ยอมสตาร์ทเครื่อง ต้องหันมามองหน้าคนนั่งข้างๆก่อน “ดิออน.....”
“ไปผับ..” เสียงห้าวพึมพำเบาๆ แต่เธอได้ยินจึงเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเพื่อถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ดิออนยืนยันคำเดิม
“แน่ใจ..?”
“ใช่.. ไปสิ..”
แคลลี่หยุดคิดประมาณสองนาทีและก็ต้องยอมทำตามความประสงค์ของเจ้านาย เพราะเธอไม่ใช่ใครที่จะสามารถห้ามหล่อนได้หากต้องการจะทำอะไร ฉันไม่ใช่คุณแม่เขานี่นา
แต่ขณะที่กำลังจะขยับมือเลื่อนคันเกียร์ เสียงหนึ่งก็เรียกชื่อเธอ “แคล..” ดวงตาสีแดงได้เจอสีมรกตที่มองจ้องมา ดิออนกวักมือเรียกเธอให้ขยับไปใกล้ๆ เธอทำตามทั้งที่สังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง และแล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อแก้มขาวใสข้างหนึ่งนั่น ได้ถูกสัมผัสจากปลายจมูกเล็กที่น่ารักของนายจ้างตัวน้อยของเธอ ...นี่ฉันจะเบลอจนขับรถไม่ได้..รึเปล่านะ...
--The bodyguard--
รถคันงามถูกจอดเทียบท่าตรงหน้าทางเข้าประตูของสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีแสงไฟหลากสีช่วยบอกยี่ห้อของมันได้อย่างดีว่าเป็นสถานที่อะไร แคลลี่ถอนหายใจเบาๆออกมาขณะดับเครื่องยนต์ เธอหันไปมองคนข้างๆ
“แน่ใจนะว่าจะเข้าไป” เธอถาม อีกคนพยักหน้าให้ รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากบางสวยนั้น มันทำให้เธอต้องกระพริบตาหาทางควบคุมสติใหม่ แต่ยังไม่ทันไร นายจ้างสาวก็เปิดประตูรถและเดินออกไปโดยไม่คิดรอเธอ แคลเปิดประตูของเธอและก้าวออกไป เธอจำใจส่งกุญแจรถให้กับคนรับรถเพื่อนำมันไปจอดไว้ในที่ที่ปลอดภัยกับมัน
แคลลี่ไปไม่ทันที่จะตามหลังร่างบางนั้นไปใกล้ๆได้ เพราะมัววุ่นวายกับการจัดการคนที่เข้ามาเสนอส่งเหล้าให้ดื่ม เธอต้องพยายามเก็บอารมณ์ความรำคาญใจและปฏิเสธกลับไปอย่างสุภาพ แม้อยากจะผลักคนพวกนั้นออกไปให้ห่างจะแย่ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีของผู้ที่มีสมอง และเมื่อรอดพ้นมาได้ ก็ถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งใจ แต่มันก็ไม่นานเมื่อดวงตาสีแดงฉานมองไปเห็นใครคนหนึ่งซึ่งคุ้นตานั่งอยู่หน้าเคาท์เตอร์บาร์ เธอยิ้มอย่างเอ็นดู เพราะเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเด็กสาว มันไม่ใช่เหล้าอย่างที่เธอเข้าใจ..น้ำส้ม..
แต่เมื่อคิดจะเข้าไปหาเด็กสาวที่เห็นอยู่ ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็เข้าไปถึงตัวหล่อนก่อน ร่างสูงจึงหยุดยืนมองอยู่เพียงระยะใกล้ๆพอให้ได้เห็นและได้ยินสิ่งที่พวกเขาจะสนทนากัน
“ไฮ...สาวน้อย มาคนเดียวเหรอจ๊ะ” ชายผู้นั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยียวนอย่างที่ตัวเองคิดว่าเท่เสียเต็มประดา
หากแต่ดิออนนิ่งเฉยอยู่เหมือนเดิม ไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าชายคนนั้นด้วยซ้ำ เธอตั้งหน้าตั้งตาดื่มเครื่องดื่มของตัวเองต่อไปเงียบๆ
“เฮ้..ยัยนี่ ! พูดดีๆด้วยก็ไม่พูด อยากลองดีหรือไงห๊ะ.!” ชายคนเดิมตะคอกเสียงใส่เด็กสาวและคว้าข้อมือเธอ
“ไปลงนรกซะไป.!” ดิออนกระชากแขนของตัวเองกลับพร้อมกับที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพียงไม่ถึงนาทีหมัดหนักๆของเธอก็พุ่งไปตรงเป้าหมายที่ใบหน้าของชายคนนั้น เขาเกือบจะหงายหลังหล่นลงไปนอนกับพื้นอย่างหมดท่า หากไม่มีเพื่อนๆที่ยืนอยู่ด้านหลังคอยรับไว้ได้ทัน
“เฮ้..! อย่างนี้ก็สวยสิ...” เพื่อนของชายหนุ่มนั่น ไม่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด เขาพุ่งเข้ามาหาเล็งหมัดมาที่ใบหน้าสวยคมของดิออน แต่ก่อนที่จะทำอะไรได้สำเร็จอย่างใจ ก็รู้สึกว่ามีเงาร่างสูงเข้ามายืนขวาง คว้าท่อนแขนของเขาเอาไว้ได้ทัน นาทีนั้นเองที่เขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่สุดในชีวิต เมื่อสบตากับดวงตาสีแดงเพลิง ถึงเจ้าของมันจะกำลังยิ้มให้อย่างอ่อนหวานก็ตามที
“มีใครเคยบอกมั้ยจ๊ะว่า..รังแกผู้หญิงน่ะ ไม่ดีนะหนุ่มน้อย..” เสียงหวานสะท้านหัวใจ จนคนฟังเกือบจะหลงใหลไปกับมัน หากว่าไม่เห็นแววตาที่เปลี่ยนไปในดวงตาสีเลือดคู่นี้ แคลบิดแขนชายหนุ่มตรงหน้าไปด้านหลังตัวของเขา เธอออกแรงกดไปเสียเต็มแรง แต่ยังไม่แรงพอที่จะทำให้มันหัก
“อ๊าก....... ปละ...ปล่อย ปล่อยฉัน เจ็บ โอ้ย ยัยปีศาจ..!” เสียงร้องโหยหวนหลุดออกจากปากของชายหนุ่มที่เขาคงลืมที่จะควบคุมคำพูดจาของตัวเอง และคงไม่ทันเห็นว่า ดวงตาสีแดงกำลังแวววาวอย่างน่ากลัวมากเพียงไหนเมื่อคำว่า “ปีศาจ” ถูกประกาศออกมา
“โอ้..โอ้.. พ่อหนุ่มน้อยตัวโต.. นายว่าใครเป็นปีศาจนะ.. ไหนลองพูดอีกทีสิจ๊ะ..” น้ำเสียงยังคงความหวานขัดกับแววตาเหมือนฆาตกร
แคลลี่เพิ่มแรงในการกดแขนผู้ที่ทำตัวเป็นศัตรูเธอ ทำให้เกิดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั้งผับ เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของใครๆผู้เข้ามาเห็นเหตุการณ์ เหมือนยิ่งทำให้เธออยากจะแสดงฝีมือให้มากกว่านี้ ตอนนี้จิตใจเธอหวนระลึกไปถึง ครั้งหนึ่งที่เธออยู่ในสนามซ้อมของนักเรียนเตรียมทหาร
“แคล.. แคลลี่.. พอแล้ว---” ดิออนร้องเสียงหลง เธอยังคงตกใจกับสิ่งที่เห็นนี้ แม้จะรู้ดีว่า บอดี้การ์ดของเธอมีฝีมือมากขนาดไหน แต่การเห็นหล่อนในเวลาที่กำลังจะฆ่าใครสักคน มันเป็นอะไรที่ยังใหม่อยู่มาก และเธอยังไม่อยากเห็นมัน ร่างบางตั้งใจจะเข้าไปห้ามปราม หากแต่ไม่ทันการณ์ มีใครบางคนมาตัดหน้าเธอไปก่อน
“โอ้..เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เสียงของชายผู้หนึ่งดังแทรกเสียงเซ็งแซ่เข้ามา เขาเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาอย่างสง่างาม แต่ดวงตาสีน้ำตาลทองกลับต้องเบิกกว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น “แคลลี่..?”
ดวงตาสีแดงกะพริบเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ เสียงคุ้นหูนั่นทำให้เธอหันไปมองและก็ต้องตกใจ “โอ้..ลอเรน.. นายเองเหรอ” แคลเอ่ยทักทายชายผู้มาใหม่ และยิ้มให้เหมือนเธอไม่ได้กำลังทำอะไรอยู่เลย เธอไม่สนใจเลยว่า เธอกำลังจะฆ่าใครอยู่ตรงนี้
แต่เมื่อดวงตาสีน้ำตาลทองของหนุ่มผู้มาใหม่บอกอะไรบางอย่างมา ก็ต้องหันกลับมาหาคู่กรณีอีกครั้ง บอดี้การ์ดสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย เพื่อปล่อยเสียงกระซิบไปที่ข้างหูของชายหนุ่ม “อย่าให้ฉันเห็นหน้านายอีก.. เข้าใจมั้ย..พ่อหนุ่ม” มือเรียวแต่แข็งแกร่งปล่อยแขนของหนุ่มน้อยตัวโต ที่ไม่กล้าแม้จะทำท่าฟึดฟัดใส่เธอกลับมา แคลตบแผ่นหลังของชายที่ตัวสูงกว่าเธอไม่กี่เซน.นั่นได้ทันก่อนที่เขาจะหายไปท่ามกลางฝูงชนกับเพื่อนเห่ยๆของเขาเอง
แคลลี่หันกลับมาหาสองคนที่ยังทำหน้าตาตกตะลึงอยู่ และคนหนึ่งก็รู้ทันทีว่าเขาควรจะทำอะไร
“เอาล่ะครับทุกคน.. ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่อีกแล้วล่ะครับ มันเป็นแค่การแสดงโชว์นิดหน่อยของเพื่อนผมเอง เชิญกลับไปสนุกกันต่อไปได้แล้วครับ และเหล้ากล่องนี้ผมยกให้พวกคุณฟรีๆ ถือเป็นการขอโทษที่ทำให้ตกใจ.. ขอบคุณครับ..” ลอเรนจบสุนทรพจน์เล็กๆของเขาด้วยรอยยิ้มละไมบนใบหน้า พาความหล่อเหลาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าไปกับแสงไฟที่นี่ ภาพแบบนี้ดูคุ้นตาของใครบางคนเหลือเกิน
ดิออนแอบคิดว่า ลอเรนอาจจะเป็นใครสักคนที่มากกว่าคนรู้จักของแคล ดูจากบุคลิกท่าทางของเขา แต่การที่เขาเข้ามากางแขนยาวทั้งสองข้างออกและโผเข้ามารวบตัวหล่อนเข้าไปกอดไว้ และยังยกตัวหญิงสาวขึ้นลอยเหนือพื้นได้อย่างสบายนั่น มันออกจะเป็นการกระทำที่เกินไปหรือเปล่า หรือว่าเขาทั้งสองคนไม่ใช่แค่สนิทกันธรรมดา
“ฉันไม่ชอบผู้ชาย” ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในหัวของดิออนระหว่างที่เธอมองสองคนตรงหน้าโอบกอดกัน และฟังพวกเขาสนทนา
“ลอเรน.. นายรู้มั้ยว่า.. ฉันเวียนหัว.. ปล่อยฉันลงก่อน..” แคลลี่หัวเราะรื่นขณะถูกหย่อนลงยืนกับพื้นอย่างทะนุถนอม และยังถูกกอดเอาไว้ไม่เลิกจากชายหนุ่ม
“โอ้...แคลจ๋า.. ฉันคิดถึงเธอที่สุด.. กี่ปีแล้วเนี่ยที่ไม่ได้เจอหน้าเธอ” ชายหนุ่มไม่ได้แค่พูดเปล่า เขาหอมแก้มหญิงสาวไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆ ดิออนรู้สึกว่า หน้าของเธอเหมือนถูกใครเอาไฟมาจี้ ยิ่งนาทีที่แคลเข้าไปหอมแก้มหนุ่มร่างสูงผู้นั้นด้วย หัวใจเธอเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ...ไหนว่าเธอ ไม่ชอบผู้ชาย... หมายความว่ายังไง...
...ไบเซ็กส์ซวล...
ทุเรศ..
“แคลลี่..!” ดิออนไม่สามารถอดทนได้ไหวอีกต่อไป เธอจ้องอย่างถมึงทึงใส่คนคู่นั้น โดยเฉพาะเจ้าของชื่อที่หันมาหาเธอ แต่แคลลี่ก็ยิ่งเหมือนจะทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดหัวใจมากขึ้น เมื่อหล่อนดึงมือชายหนุ่มคนนั้นให้เดินมาหาเธอด้วย
“ดิออน.. นี่คือ----”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้..!” ดิออนไม่สนใจจะฟัง เธอเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างคนสองคนนั่นและคว้าดึงมือแคลให้เดินตามมา ไม่แคร์กับสายตาไม่เข้าใจของชายหญิงสองคน เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำแบบนี้ไปทำไม เธอแค่ไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว มันเป็นวันที่แย่จริงๆ เธอต้องการกลับบ้าน พักผ่อน นอนหลับ... ถ้าทำได้...
แคลลี่พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจเบาๆระหว่างเดินตามแรงดึงของมือเล็กกว่าและเหลียวหน้าไปหาชายหนุ่มที่ส่งยิ้มอย่างเข้าใจกลับมาให้ เธอขอโทษเขาไปทางสายตาและรอยยิ้มเจื่อนๆบนใบหน้าที่บอกไปว่า “แล้วจะมาเจอกันใหม่อีกครั้งแน่ๆ สัญญา” และความสนใจของเธอก็กลับคืนมาหาเจ้าของมือ ...เธอเป็นอะไรนะ ฉันไม่เข้าใจ... ไม่เคย...
บรรยากาศในรถคันงามเงียบจนน่าอึดอัด คนขับเฝ้าแต่ถอนหายใจทิ้งขว้าง และหลายต่อหลายครั้งที่ต้องละมือจากพวงมาลัยมาบีบขมับตัวเอง ไมเกรนเต้นระบำในหัวฉัน มันส์น่าดูทีเดียว...
“แฟนเธอเหรอ.. ผู้ชายคนนั้น”
เสียงพึมพำมันเบามาก แต่กับความเงียบของรถก็ทำให้ปราศจากอุปสรรคในการได้ยิน แคลกระพริบตาและหันมาหาเจ้าของเสียง
“แฟน..?” ใบหน้าหวานดูประหลาดใจ แต่แคลก็ประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่ออีกคนพยักหน้าให้ สีหน้าของเขาดูไม่สบายใจเลยสักนิด
“นายคนที่ชื่อ..ลอเรน..” ดิออนเน้นที่ชื่อของชายหนุ่ม และก็ต้องรู้สึกเหมือนตัวเองงี่เง่าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังๆหลุดออกมาจากปากของบอดี้การ์ดสาว หล่อนไม่มีท่าทีจะหยุดหัวเราะง่ายๆ ซ้ำยังทำเหมือนหลุดท่าทางของสุภาพสตรีที่มีมาเสมอด้วย มือเล็กเรียวสวยจึงถูกยกขึ้นฟาดลงไปที่ต้นแขนที่อยู่ใกล้มือ เสียงเนื้อถูกกระทบอย่างแรงดังสนั่นแต่ไม่เท่าเสียงจากเธอ “เงียบนะ.. หัวเราะบ้าอะไร”
แคลลี่พยายามควบคุมตัวเองใหม่ ทั้งต้องพยายามสนใจกับถนนที่มุ่งไปข้างหน้าด้วย มันถือได้ว่าเป็นงานหนักทีเดียวที่ต้องทำสองอย่างนี้พร้อมกัน แต่มันยังไม่เท่ากับที่เธอต้องหันมาสนใจคนที่นั่งอยู่ด้วยตรงนี้ ที่กำลังทำหน้างอ
“ขอโทษ.. ขอโทษจริงๆจ้ะ.. ฉันไม่ได้ตั้งใจ..”
“งั้นก็เงียบไปสิ..”
รอยยิ้มผุดขึ้นมาแทนที่เสียงหัวเราะ แคลลี่ส่ายหน้าไปมาพลางนำมือข้างหนึ่งออกมาจากพวงมาลัยมาลูบไล้ไปกับแขนอีกข้างที่ถูกตี “ดิออนใจร้อนเสมอเลยนะ.. ไม่ดีรู้รึเปล่า..”
ใบหน้าขาวคมหันขวับกลับมาหาคนขับทันที ดิออนขมวดคิ้วเรียวสีเข้มของเธออย่างรำคาญใจ “ทำไม.. ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ ชินซะทีสิ..”
เสียงหัวเราะคิกดังขึ้นมาอีกครั้ง มือเรียวเล็กง้างขึ้นและเตรียมจะฟาดอย่างเต็มที่ไปที่เดิม แต่อีกคนก็ขยับหลบได้ทันเวลาเหมือนรู้ทันเธอ ทำให้เธอเกือบจะฟาดไปกับอากาศหากไม่ยั้งมือตัวเองไว้ได้ก่อน
ดวงตาสีมรกตมองตาขวางใส่อีกฝ่ายและส่งเสียงคำรามในลำคอ ดิออนสะบัดหน้าหนีและหันไปนั่งนิ่งกอดอก โมโหตัวเอง แต่ไม่นานก็หางตาเธอก็ได้เห็นอะไรบางอย่างให้ต้องกระพริบตามอง เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นนิ้วก้อยเรียวยาวลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้า มีเสียงหวานๆตามหลังมา
“ขอโทษ.. ดีกันนะ..” รอยยิ้มไร้เดียงสาจากใบหน้าหวานนั่น เกือบจะทำให้เธอต้องยิ้มกลับไป หากเธอไม่มีทิฐิในตัวเอง ดิออนสะบัดหน้าหนีอีกครั้ง
“ไม่.. อย่ามายุ่งนะ ขับรถไปนั่น”
เงี่ยหูฟังว่าจะมีอะไรตอบกลับมา รอดูว่าอีกคนจะโต้เถียงอะไรเธออีก แต่เธอก็ได้ยินแต่เสียงฮัมเพลงเบาๆ จนอยากจะหันไปตวาดเขาให้หยุดทำเสียงน่ารำคาญ หากว่ามันไม่ได้เป็นเสียงที่ไพเราะแบบนี้ ไม่ใช่แค่เพียงเมโลดี้ที่น่าฟัง แต่ประโยคต่อมากลับน่าฟังกว่า เมื่อเขาส่งเสียงพูดขึ้นแทนเสียงดนตรี
“ถ้าดิออนไม่ใจร้อนตอนนั้น.. เธอจะได้รู้นะว่า..ลอเรนเป็นน้องชายของฉันเอง.. ไม่ใช่แฟน..”
--The bodyguard--
แคลลี่รู้สึกสบายใจเมื่อได้กลับมาถึงบ้านของเธอเสียที วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากเป็นพิเศษของเธอตั้งแต่ทำงานด้านนี้มา ไม่ใช่แค่ว่า มันเพราะเธอจะต้องลงไปทำหน้าที่เหมือนพนักงานทั่วไป ไปเป็นบอดี้การ์ดให้นายจ้างเสียเองหรอก แต่เพราะมันมีเรื่องอื่นที่มากกว่านั้น เรื่องอื่นที่มันเกี่ยวกับนายจ้างคนใหม่และหัวใจของเธอ มันทำให้เธอเหนื่อยทั้งกายและหัวใจ
...ฉันจะต้องควบคุมตัวเองใหม่ให้ได้ ฉันจะไม่ไปยุ่งกับลูกค้า.. ไม่ใช่ตอนนี้.. แคลส่ายหน้าให้กับความคิดของเธอและเดินตรงเข้าห้องนอน แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อไป สายตาก็ได้เห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้มันเบิกกว้างอย่างตกใจ
“เซเลน...?” ชื่อของหญิงสาวในชุดนอนบางเบาถูกกล่าวออกมาเบาๆราวกับเสียงกระซิบของวิญญาณ
แคลลี่รู้สึกว่าร่างกายของเธอแข็งกลายเป็นหิน เมื่อถูกดวงตาที่เย้ายวนนั่นมองร่างกายเธอ ความรู้สึกคล้ายเธอกำลังถูกสายตานั้นปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้น
“มานี่สิ..ที่รัก..” เสียงเรียกนั่นดั่งมนต์สะกด ร่างของเธอก้าวเดินอย่างอัตโนมัติและยินยอมจะถูกจูงมือไปนั่งลงตรงขอบเตียง..ของตัวเอง
“นั่งลงก่อนนะ..ผ่อนคลาย.. หายใจ..” เซเลนกระซิบที่ข้างหูผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้า เธอลูบแก้มเนียนของเขาเบาๆ “ฉันจะช่วยคุณ.. ไว้ใจฉันนะ..” แคลลี่พบว่าเธอพยักหน้าอย่างว่าง่าย ทำให้ได้รางวัลเป็นจุมพิตเบาๆที่หน้าผาก
ดวงตาสีแดงปิดตาลงในที่สุด ร่างบางในชุดนอนขยับไปอยู่ด้านหลัง สองมือเล็กแต่แข็งแรงนั่นบีบนวดขมับให้ทั้งสองข้างนานหลายนาที ก่อนที่มันจะค่อยไล่ลงมาที่ต้นคอ ปลายนิ้วนวดเค้นไปตามเส้นเอ็นตรงจุดนั้น ถัดมาก็ที่บ่าทั้งสองข้าง เธอรู้สึกผ่อนคลาย
“สบายตัวขึ้นมั้ย..” เสียงคุ้นหูกระซิบถาม แคลลี่พยายามที่จะไม่พูดอะไร เธอพยักหน้ารับเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าเส้นเสียงของเธอคงจะสั่น เพราะมันมีอารมณ์อื่นเข้ามาแทนที่อารมณ์ที่ตึงเครียด โดยเฉพาะเมื่อทรวงอกของอีกฝ่ายเข้ามาเบียดแนบที่ต้นแขนของเธอ และมันก็คงไม่ต้องมีคำพูดอะไรระหว่างพวกเธอสองคน เมื่อความรู้สึกตรงกัน จากสัมผัสที่จรดลงที่ริมฝีปาก ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้สิ่งนี้เกิดมีขึ้นทันที เธอยินยอมแต่โดยดีให้มันเกิดขึ้น
“ตอนนี้ฉันสกปรกนะ..” เสียงหวานขี้เล่นกระซิบแผ่วเบาระหว่างการแลกจุมพิตเร่าร้อน
แคลลี่ปฏิเสธที่จะเปิดดวงตาขึ้นมองผู้ที่กำลังร่วมทำกิจกรรมนี้ด้วยกันด้วยเหตุผลบางอย่างที่ตัวเธอเองก็ยังไม่เข้าใจ และก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรกับเรื่องนี้ เมื่อสองมือที่บีบนวดร่างกายเพื่อผ่อนคลายให้เมื่อครู่ ได้ถูกเปลี่ยนมาปลดกระดุมเสื้อของเธอออกทีละเม็ดและยังไม่ทันที่อากาศเย็นๆของแอร์คอนดิชั่นเนอร์จะได้มีโอกาสสัมผัสกับเนื้อที่ตรงส่วนนั้นของเธอ สัมผัสอันเร่าร้อนและทะนุถนอมก็มาถึงก่อน
แว่วหูได้ยินเสียงร้องครางของตัวเองหลุดออกมาจากปาก เพราะไม่ทันที่จะเตรียมใจในความรวดเร็วแบบนี้ แต่เธอก็ยิ้มออกมาอย่างพึงใจ จากเสียงกระซิบที่ได้ยิน
“และฉันก็จะทำหน้าที่ทำความสะอาดให้คุณเอง.. ไม่ต้องห่วงนะคะ..”
--The bodyguard--
เวลาเดียวกันที่คฤหาสน์สวอนส์
ดิออนเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง ถอนใจอยู่หลายต่อหลายครั้ง เธอกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงและถอนใจอีกครั้ง ก่อนที่จะเขยื้อนร่างเล็กของตนไปที่ริมหน้าต่าง ดวงตาสีมรกตเหม่อมองไปยังภายนอก มองไปบนท้องฟ้าที่มีตอนนี้มีเพียงแต่ดวงจันทร์ทอแสงนวลตาอยู่ มือเล็กข้างหนึ่งยกขึ้นและใช้ปลายนิ้วชี้ของเธอค่อยๆลูบไล้ไปตามผิวเนียนเรียบเย็นๆของกระจกหน้าต่าง อย่างไม่รู้เลยว่า เธอได้ขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไปกับไอน้ำที่มาเกาะที่กระจกนั่น จนกระทั่งเธอกะพริบตาได้ ดิออนทั้งตกใจและประหลาดใจในตัวเอง เมื่อสิ่งที่ริมฝีปากของเธอขยับอ่านมันออกมาได้จากอักษรไอน้ำ มันคือคำๆนี้
K-A-L-L-Y
“แคล..?”
ฉันจะต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ....