Chapter 10 : ปีกนางฟ้า
ดิออนรู้สึกตัวขึ้นมาในกลางดึก และเมื่อลืมตาขึ้นมาก็ประหลาดใจว่า ทำไมเธอยังไม่เห็นแสงสว่างลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา มือเล็กจึงควานไปในความมืดมองหานาฬิกาที่วางอยู่ใกล้ๆ นาฬิกาดิจิตอลที่มีแสงไฟในตัว บอกเธอมาว่า มันเป็นเวลาตีหนึ่ง เธอนั่งตะลึงกับมันอยู่นาน ก่อนจะกะพริบและลุกขึ้นจากเตียง คิดได้ว่าคอแห้ง ตู้เย็นขนาดเล็กเป็นเป้าหมายที่เธอต้องเดินไปหา และมันก็ไปถึงได้ไม่ยาก แม้เธอจะไม่ได้เปิดไฟ
“บ้าจริง.. ตื่นขึ้นมาได้ยังไงป่านนี้นะ..” เธอพึมพำก่อนกระดกแก้วน้ำให้ของเหลวใสๆไหลผ่านลำคอ แต่เพราะแสงไฟจากตู้เย็น มันทำให้หางตาของเธอมองเห็นบางอย่างที่ความมืดซ่อนเร้นเอาไว้อยู่บนโซฟายาว ..คนหรือผี..
โดยปกติดิออนไม่ใช่คนกลัวความมืดและไม่ใช่คนกลัวผีสางจนถึงขั้นประสาทหลอน แต่ก็แน่นอนเลยว่า เธอใจไม่ดีที่มีใครอีกคนอยู่ในห้องนอนของเธอด้วย ห้องที่เธอเคยอยู่เพียงลำพัง แต่ระหว่างที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเดินเข้าไปดูให้แน่ใจดีหรือไม่ว่า เงาของใครบางคนที่เธอเห็นอยู่ เป็นคนจริงๆหรือไม่ เธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ ..แคล..
เธอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจที่รู้แล้วว่าเป็นใครที่อยู่ด้วยกันกับเธอที่นี่ แต่ความจริงข้อนี้ทำให้เธอแปลกใจ ไม่เข้าใจว่า ทำไมแคลไปนอนอยู่บนโซฟาแทนที่จะนอนอยู่บนเตียงกับเธอ ในเมื่อก็เห็นอยู่ว่า หล่อนชอบที่จะอยู่และนัวเนียกับเธอมากกว่าที่จะนอนหนาวตามลำพังแบบนั้น
หรือเธอรำคาญฉัน.. ฉันนอนกรนหรือเปล่า ตัวเหม็นหรือไง เสียงในหัวถามออกมาเหมือนคนฟุ้งซ่าน และเธอก็คิดจะหันกลับไปนอนต่อบนเตียงต่อไป มันยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงจนกว่าวันใหม่จะมาถึง แต่เสียงในใจบอกให้เธอเดินเข้าไปแวะดูคนที่นอนหลับอยู่บนโซฟาเสียก่อน .
..ก็ได้.. ก็ได้... เขาเป็นคู่หมั้นฉันนี่...
ดิออนเดินไปเปิดโคมไฟในที่สุด มันให้แสงสว่างมากพอทำให้เธอพอจะมองเห็นใบหน้าของคนที่นอนบนโซฟาได้ชัดขึ้น และเธอก็ไปถึงตัวหล่อนได้เพียงเวลาไม่ถึงสองนาที เธอนั่งลงกับพื้น เพราะอยากจะมองเขาให้ชัดๆ เวลาแคลหลับมันเป็นเวลาที่เขาดูน่ารักที่สุด เธอชอบ บอกได้เลยตามตรง แต่ระหว่างที่มองจ้องใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาเหมือนเด็กนั้นอยู่อย่างเพลิดเพลิน สายตาก็บังเอิญไปเห็นอะไรที่สะดุดตา มือข้างหนึ่งของแคลถูกพันผ้าพันแผลเอาไว้
...เป็นอะไรไปล่ะนี่.. เมื่อเช้ายังไม่เป็นเลย... ดิออนรำพึงในใจ และไวกว่าที่ตัวเองคิดไว้ มือทั้งสองข้างของเธอก็ไปประคองมือข้างนั้นของหล่อนขึ้นมาและลูบไล้มันเบาๆเหมือนจะร่ายมนต์ให้มันหาย เธอลืมคิดไปว่า สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ อาจจะเสี่ยงไปปลุกให้หล่อนตื่น และเธอก็สะดุ้งตกใจที่ได้ยินเสียงร้องเรียกหาใครบางคนดังออกมาจากปากของแคล
“แอน.. แอน... อย่าไปนะ.. อย่าไป...”
ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อทบทวนได้ว่าได้ยินอะไรมา สองมือที่ประคองมือของอีกคนอยู่ก็เหมือนจะหมดเรี่ยวแรงไปกะทันหัน และมันก็ทำให้เธอตกใจเป็นครั้งที่สองที่ได้ยินเสียงร้องเหมือนเจ็บปวดดังตามหลังมา ต่อมาก็เป็นแคลที่ดีดตัวขึ้นนั่งกุมมือข้างนั้นของตัวเองและร้องโอดโอยออกมา
ดิออนกระพริบตาและคืนสติกลับมาทันทีที่เห็นเช่นนั้น พลันเธอรีบรุดไปช่วยประคองมือหล่อนกลับมาดู เธอครางออกมาอย่างตกใจ และมันก็เป็นความตกใจเป็นครั้งที่ล้านแล้วสำหรับครั้งนี้ เพราะมันมีของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกมาจากผ้าพันแผลสีขาว
“ฉันจะไปหาอะไรมาทำแผลให้ใหม่” ดิออนร้องบอกเสียงสั่น แต่เธอไม่ทันสังเกตตัวเอง และก่อนที่เธอจะออกเดินไปได้ ก็กลับถูกดึงกลับมาด้วยเรี่ยวแรงมากมายของอีกคนและตัวของเธอก็มาหล่นอยู่บนตักของหล่อน กลายเป็นถูกหล่อนกอดจากด้านหลัง
“ไม่ต้องไป.. แค่อยู่ใกล้ๆฉันก็พอ” แคลลี่กระซิบลงไปที่ข้างหู อย่างที่ไม่รู้ว่าลมหายใจร้อนๆของเธอทำให้อีกคนตัวสั่น
ดิออนไม่ปฏิเสธเลยว่า เธอรู้สึกกลัวแคลมากเวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้ แต่มันก็มีอะไรไม่ถูกต้องถ้าเธอจะลุกหนีไป ไม่ใช่แค่เพราะว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนี แต่เธอจะรู้อะไรบางอย่างให้ได้เสียก่อน เธอค่อยๆขยับตัวให้หล่อนรู้ว่าควรจะคลายความแน่นของวงแขนออก ทำให้เธอหันไปหาได้ง่ายขึ้น
ดวงตาสีแดงมองเธออย่างสงสัยแต่เขาก็ไม่พูดอะไรและปล่อยให้เธอได้ใช้หลังมือสัมผัสที่หน้าผาก ดิออนแทบจะชักมือของเธอกลับในทันทีที่รู้สึกได้ถึงความร้อนเหมือนไฟที่ตรงจุดนั้น “เธอเป็นไข้.. อยู่ตรงนี้นะ”
แคลลี่ไม่รู้เลยว่า ทำไมเธอถึงได้ปล่อยให้ดิออนออกห่างไปได้ง่ายๆแบบนั้น ทั้งที่ก็หาโอกาสมาตั้งนานกว่าจะได้อยู่ใกล้ๆกันแบบนี้ แต่มันก็มีอะไรบางอย่างที่บอกเธอว่า อีกไม่นานดิออนก็จะกลับมา และหล่อนก็กลับมาจริงๆพร้อมของเต็มมือ
“อะไรกันเยอะแยะ..” แคลลี่เอ่ยถาม และก็โดนสั่งทางสายตาว่าให้เงียบเสียงไป ต่อมาก็ยอมปล่อยให้คนตัวเล็กที่นำของไปวางไว้ที่โต๊ะใกล้เตียงแล้ว ลากตัวเธอมานั่งอยู่ที่เตียง จัดท่าทางให้ราวกับเป็นตุ๊กตา และตอนนี้เธอก็พบว่า เธอกำลังนั่งอมปรอทพิงหัวเตียงอยู่และมองดูดิออนจัดการกับมือที่เป็นแผลของตน
“เพิ่งรู้นะว่า ประธานบริษัทบอดี้การ์ดก็ยังซุ่มซ่ามถึงขนาดลื่นล้มในห้องน้ำได้แบบนี้” ดิออนพูดติดตลกออกมา และกลั้นหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงอู้อี้ที่บอกว่าอยากจะเถียงเธอตอบ
“เอาปรอทออกก่อนสิ..ถ้าอยากจะพูด” เธอเสร็จกับการทำแผลใหม่ให้อีกคนพอดีกับเวลาที่จะต้องนำปรอทวัดไข้ออกมา ดิออนทำไม่สนใจกับสายตาของดวงตาสีแดงที่กำลังมองเธออย่างเคืองๆ “ไหนดูซิ..” เธอยกปรอทที่เพิ่งดึงออกมาจากปากแคลมาส่องกับแสงไฟเพื่อตรวจดู แล้วก็ต้องส่ายหน้า สีหน้าไม่เหลือความตลก “นอนเฉยๆนะ.. เธอต้องกินยาลดไข้..”
แคลลี่นอนนิ่งอย่างว่าง่ายตามคำสั่งของคุณหมอจำเป็นของเธอที่ตอนนี้หายจากห้องอีกครั้ง เสียงฮัมอย่างมีความสุขดังออกมาจากปาก เลิกสนใจกับอาการปวดหัวตุ้บๆเพราะพิษไข้และปวดแผลที่มือ ตอนนี้เธอมีความสุขจริงๆที่มีคนดูแลเอาใจใส่แบบนี้ เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ดิออนช่างใจดีเหลือเกิน ทั้งที่เธอทำอะไรตั้งหลายอย่างที่ไม่น่าให้อภัย
..ทำไมเธอถึงดีกับฉันแบบนี้..ดิออน.. ฉันไม่คู่ควร.. แคลลี่หลับตาและกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหล เธอไม่ต้องการจะอ่อนแอให้ใครเห็น และความมืดก็เริ่มเข้ามาครอบคลุมร่างกายเธออีกครั้ง มันจะพาเธอไปสู่นิทรา แต่หากว่าเธอไม่ได้ยินเสียงใครบางคนเสียก่อน
“อย่าเพิ่งหลับสิ.. ลุกขึ้นมากินยาก่อน..” ดิออนพยายามพยุงตัวคนตัวใหญ่กว่าเธอขึ้นมาให้อยู่ในท่านั่ง จากนั้นก็นำยาเม็ดลดไข้กับแก้วบรรจุน้ำมาส่งให้ แคลดูไม่เต็มใจที่จะรับมันไปจัดการ และถึงจะรับไปแล้วก็ยังถืออยู่เฉยๆ จนเธอถอนหายใจอย่างระอา “อย่าบอกนะว่า.. เธอกินยายาก..”
ดิออนอ้าปากค้าง ตาโตอย่างตกใจที่เห็นอีกคนพยักหน้ารับกลับมา และแล้วเธอก็ถอดใจที่คิดจะตวาดใส่หน้าคนที่มีหน้าตาไร้เดียงสาแบบนี้ เธอคว้าเม็ดยาจากมือของแคลกลับมาโดยไม่รอให้เขาส่งเสียงทัดทาน “มานี่..ฉันจะสอนให้”
“แต่ฉันรู้นะว่าจะกินมันยังไง...” แคลลี่บอกเสียงอ่อยและพอคิดว่าจะพูดอะไรอีก เธอก็ชะงักเพราะดวงตาคู่สวยที่มองตาขวางกลับมาเหมือนจะขู่ เธอจึงตัดสินใจที่จะอยู่เงียบๆ
“กินน้ำ.. และอมมันไว้” ดิออนออกคำสั่ง อีกคนทำตาโตกลับมาแต่เมื่อเธอหรี่ตามองก็ต้องรีบทำตามทันที จนเธอแอบยิ้มกับท่าทางเหมือนเด็กเล็กๆนั่น “แล้วทีนี้ก็เงยหน้าขึ้น อ้าปาก.. แต่ระวังอย่าเพิ่งให้น้ำไหลลงคอนะ” แคลทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย และเธอก็รีบนำเม็ดยาที่ถือไว้เอาไปใส่ในปากของเขา “กลืน”
เด็กสาวอมยิ้มเมื่อเห็นแคลกลืนเม็ดยาลงคออย่างยากเย็น และเมื่อดวงตาสีแดงมองเห็นเธอกลั้นหัวเราะเอาไว้ หล่อนก็ทำตาถมึงทึงกลับมา แต่เธอก็ส่ายหน้าและไม่สนใจกลับลุกขึ้นเดินอีกครั้ง
“ดิออน..” เสียงร้องเรียกเหมือนเด็กติดแม่ ทำให้เธอต้องหันกลับมาและจากที่จะต่อว่า เธอก็กลับยิ้มอ่อนโยน “เธอต้องเช็ดตัวด้วย.. เดี๋ยวฉันมา.. หลับไปเลยก็ได้นะ”
แคลลี่ทรุดตัวลงนอนและหลับตา หลังพยักหน้าให้คนที่หายไปเป็นรอบที่สามแล้วในครั้งนี้ แต่ก็เหมือนทุกครั้ง อีกไม่นานดิออนก็จะกลับมาหาเธอ และใช่จริงๆที่เธอได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่เธอจำมันได้แล้ว และแล้วผ้าเย็นๆก็เข้ามาสัมผัสไปตามใบหน้าและลำคอ ต่อด้วยลำแขนเรียวยาว
“เธอรู้มั้ยว่า.. เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวใหญ่มาก..” ดิออนออกความเห็นด้วยน้ำเสียงธรรมดาปราศจากการประชดประชัน
คนโดนวิจารณ์ยิ้มอย่างมีความสุขทั้งที่กำลังหลับตา “ฉันเป็นลูกครึ่ง.. และฉันก็ชอบตัวฉันที่เป็นแบบนี้..” เธอยิ้มให้กับคำพูดของตัวเอง แต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปง่ายๆเพราะคำที่จะพูดต่อ “เธอคงไม่เคยเห็นสินะว่า.. ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ตัวใหญ่กว่าฉัน.. มีคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก เขาสูงกว่าฉันสิบเจ็ดเซน. เขาเป็นคนอังกฤษ...” เธอจบประโยคนี้ด้วยเสียงที่เบามากเหมือนไม่ได้อยากจะพูดมัน แต่เมื่อมันพูดไปแล้ว และมีคนถามต่อเธอก็คงจะต้องตอบ
“โอ้โห.. งั้นก็ตัวเป็นเสาไฟฟ้าเลยล่ะสิ เขากินอะไรนะ ทำไมถึงได้สูงได้ขนาดนั้น”
“เหล้า”
ดิออนหยุดคำถามที่แสดงออกถึงความตื่นเต้นของเธอ เมื่อคำตอบที่ได้รับเหมือนหินที่หล่นลงมาขวางราง มิหนำซ้ำมันยังเป็นคำตอบสั้นๆและน้ำเสียงห้วนมากอย่างที่ไม่ใช่คนอย่างแคลที่จะใช้มัน ยิ่งได้เห็นหล่อนลืมตาขึ้นมาและสายตาล่องลอยมองไปทางอื่น เธอยิ่งรู้สึกไม่ดี และมันทำให้คำบางคำที่เธอได้ยินเวลาหล่อนหลับกลับคืนมาให้เธอคิดทบทวน
“แฟนเธอเหรอ..” แคลหันขวับกลับมาหาเธอทันทีและทำสีหน้าตกใจ
“ไม่ใช่” หล่อนตอบเสียงห้วน และหันหลังให้เธอ ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวจนแทบจะคลุมศีรษะจนหมด
“ขอบคุณนะ” หล่อนพึมพำเบาๆอีกครั้งผ่านผ้าห่มออกมา และเธอก็ตัดสินใจว่า จะหยุดพูดเรื่องนี้ก่อน เอาไว้คุยกันอีกครั้งตอนที่ดูอารมณ์ดีกว่านี้
“ฉันจะไปนอนห้องอลิสซ่านะ เธอมีอะไรก็กดออดเรียกได้ มันอยู่ใกล้ๆโคมไฟ” เธอบอกและเตรียมหยิบหมอนอีกใบเพื่อจะออกไปตามที่คิดไว้ แต่คนตัวใหญ่นั่นก็ทำให้เธอลำบากใจเมื่อหล่อนลุกขึ้นมาดึงเธอลงไปหา แรงที่มากมายเหมือนคนไม่ได้เป็นอะไรนั่นทำให้เธอหล่นไปทับบนตัวหล่อน และบังเอิญมองลงไปในดวงตาสีแดง
“อย่าไป..” แคลพูดเสียงเบา “ขอร้อง.. อยู่กับฉัน” เธอพยายามทำสีหน้าให้คนตรงหน้ารู้สึกว่าเธอพูดจริง และไม่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้นมา
“ก็ได้.. ปล่อยก่อนสิ..ฉันอึดอัด” ดิออนพูดออกมาอย่างเสียไม่ได้และทำตาขวางใส่คนเบื้องล่าง ขู่ให้เขาทำตามเธอ ในที่สุดก็สามารถเป็นอิสระและหายใจได้โล่งท้องเสียที เธอขยับออกจากตำแหน่งอันตรายบนตัวของหล่อน ที่ต้องนึกเสียดายที่ไม่ได้สัมผัสกับสัดส่วนที่น่าสัมผัสนั่น แต่ก็ดีแล้วที่ออกมาได้ ไม่เช่นนั้นเธออาจจะไม่มีโอกาสอีกครั้ง
ดิออนนอนหันหลังให้อีกคนและดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ทำตัวเหมือนหลับไปแล้ว ทั้งที่ไม่มีทางจะหลับลงได้ง่ายๆ ยิ่งมีคนคอยกวนใจอยู่ข้างๆแบบนี้
“หยุดยุกยิกซะทีสิ..ยัยบ้า !” เธอตวาดทั้งที่ไม่ได้หันหน้าไปหาหล่อน เสียงถอนหายใจเบาๆอย่างผิดหวังดังขึ้นด้านหลังเธอตามมาด้วย
“หันหน้ามาหน่อยสิ ฉันไม่ชอบวิวแบบนี้”
ดวงตาสีมรกตเปิดขึ้นทันทีพร้อมกับที่ขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ “ไม่..ฉันสบายดีที่อยู่แบบนี้” เธอตอบเสียงเย็นชา
“แต่ว่า...”
“หลับไปเลยนะ.. ไม่งั้นฉันจะไล่เธอออกไป” ไม้ตายนี้เหมือนจะใช้ได้ เมื่อได้ยินเพียงเสียงครางเบาๆอย่างผิดหวังดังตามหลังมา และทุกอย่างก็เงียบไป ดูคล้ายว่าคืนนี้เธอคงจะสามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุขเสียที เธอเหนื่อยเต็มทีแล้ว เธอทำหลายอย่างมากไปแล้วในหนึ่งวัน ซึ่งในที่สุดดินแดนแห่งนิทราก็พาเธอจากโลกนี้ไป ไปพักผ่อนที่นั่นชั่วคราว
แต่เด็กสาวไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า ครั้งที่เธอหลับตาลงในคืนนี้ มีปีกของนางฟ้าเข้ามาห่มหุ้มตัวเธอเอาไว้ ให้นอนได้อย่างปลอดภัย อบอุ่นและหลับฝันดี..