web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 136
Total: 136

ผู้เขียน หัวข้อ: Chapter 11 - ภาพลวงตา..?  (อ่าน 2990 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Chapter 11 - ภาพลวงตา..?
« เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 09:47:31 »
Chapter  11 :  ภาพลวงตา..?

เช้าวันใหม่เริ่มต้นอย่างสดใสกว่าทุกวัน  แม้เมื่อคืนเธอจะนอนดึก  หรือเพราะได้หลับลึกจนกลายมาเป็นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่  นั่นคงเป็นคำตอบที่พอฟังได้  แต่เธอก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่า  คนที่นอนข้างเธอเมื่อคืนนี้  ตอนนี้หายตัวไปอยู่ที่ไหนแล้ว  หล่อนไม่ได้อยู่ในห้องนอน  และไม่ได้อยู่ในทุกส่วนของบ้าน  เท่าที่เธอถามหาและตามหาเอง 

ดิออนถอนหายใจและเลิกล้มความคิดที่จะตามหาผู้หญิงลูกครึ่งตัวสูงนั่น  เธอกลับมานั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น  หยิบหนังสือแมกกาซีนบนโต๊ะขึ้นมาอ่านเล่นฆ่าเวลา  และรอเวลาไปทำงาน  เธอมีงานต้องทำในวันนี้ตามคำสั่งแกมขอร้องของผู้เป็นบิดา  ที่มักจะชอบทำแบบนั้นเสมอ  แต่มันผิดกันตรงที่ว่างานที่ว่าในวันนี้  มันเป็นงานออกทัวร์บริษัท และบริษัทนั้นก็ไม่ใช่ของเธอ   แต่เป็นของแคล   ถูกต้อง..บริษัทบอดี้การ์ด

จะว่ากันตามตรง  คือเธอจะต้องไปดูงานที่นั่น  ตามหน้าที่ของคู่หมั้นที่อนาคตข้างหน้าในอีกไม่ช้าก็จะกลายมาเป็นเจ้าของบริษัทตามนิตินัย  เมื่อเธอได้แต่งงานกับเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (ที่เนเธอร์แลนด์) แม้จะไม่ได้อยากไปเลยก็ตามที  แต่ตามหน้าที่ของลูกสาวที่ดีก็ต้องทำตามความต้องการของบุพการี  เป็นบางเรื่อง...

“รอนานมั้ยคะ..คุณหนู..”  ไมปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ารวดเร็วราวกับนินจา  ดิออนกระพริบตาเหมือนไม่เชื่อว่า  นี่คือเพื่อนรักของเธอจริงๆ แต่เธอก็ยิ้มออกมาได้  เมื่อไมยิ้มเจ้าเล่ห์

“โอเค..  โอเค..  ฉันรู้แล้วว่า  ที่บริษัทเธอ  เขาอบรมมาดี  มาไวไปไว ได้เหมือนนินจา”   ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้  ทิ้งหนังสือแมกกาซีนเอาไว้ที่นั่น  และเดินเคียงกันไปกับเพื่อนเพื่อจะไปขึ้นรถคันงามที่จอดรออยู่  แต่ระหว่างนั้นดิออนกลับสังเกตได้ว่า  ไมเงียบไปเป็นระยะและดูเหม่อลอย  เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ  และเมื่อได้มานั่งคู่กันในรถ  โดยมีเขาเป็นคนขับให้ตามหน้าที่  เธอก็ได้โอกาสที่จะถาม  “เธอมีอะไรจะบอกฉันมั้ย”

ไมตกใจกับคำถามและสีหน้าข้องใจของคนถาม  แต่ก็พยายามจะกลบเกลื่อน “เปล่า  ไม่มี”  เธอปฏิเสธ  ดิออนนิ่งไปหลายนาทีเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง  แล้วก็พยักหน้าให้เป็นสัญญาณให้เธอออกรถ 

บรรยากาศในรถมันน่าอึดอัด  ไม่เหมือนเวลาอื่นๆ เวลาพูดคุยกันก็ดูฝืนๆ มันอึมครึมไปหมด  จนเธอเริ่มทนไม่ไหว  ไมรู้สึกคันปาก  อยากพูดเต็มที  เธอชะลอความเร็วของรถลงและชำเลืองสายตามองคนที่นั่งมองตรงไปแต่ทางข้างหน้า  แปลกใจว่าทำไมดิออนไม่คิดจะถามอะไรเธออีก  แต่พอเธอจะเปิดปากพูด  เขาก็พูดก่อนเธอ

“อยากพูดแล้วใช่มั้ยล่ะ  เอาสิ..ฉันจะฟัง”  ดิออนยิ้มอย่างรู้ทันเมื่อหันไปมองหน้าอีกคน  ไมสั่นศีรษะน้อยๆและยิ้มอย่างเก้อเขินเหมือนเด็กถูกจับได้ว่า  ขโมยเงินแม่

“คือแบบนี้นะ...”  ไมหยุดชะงักอีกครั้ง  ทั้งที่คิดว่าจะพูดเสียทีและเธอก็ส่ายหน้าอีก  “ไม่เอาดีกว่า..  ฉันไม่อยากเม้าท์เรื่องเจ้านาย” 

แต่มันก็สายเกินไปที่เธอจะพูดแบบนี้  เมื่อดิออนดูสนใจขึ้นมาจริงๆแล้ว  และคงไม่ยอมปล่อยผ่านไปแน่ๆ และไม่นาน  ไมก็รู้สึกว่ามีมือใครบางคนมาบีบแขนของเธอ  และเธอรู้ดีว่าเป็นใคร  แม้จะไม่หันไปมอง  เธอละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยและยกมันขึ้นโบกไปมา  “ไม่เอาน่ายัยดิว ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไม่พูด”

“แต่เธอต้องพูด..ไม” ดิออนขู่และเริ่มดึงแขนข้างที่ตัวเองจับไว้  ทำให้พวงมาลัยหมุนมาตามแรงของเธอ  และรถคันงามก็เริ่มส่ายตัว

“เฮ้..อย่านะ..  อยากตายหรือไง”  ไมร้องเตือนออกมา  แต่เหมือนว่าจะไม่เป็นผล

“ไม่อยากหรอก..  แต่ถ้าเธอไม่บอก  ฉันก็ไม่หยุด”

ดิออนจะไม่หยุดแย่งพวงมาลัยกับเธอจริงๆ ถ้าเธอไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ  ไมรู้ดีถึงเรื่องนี้ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก  เธอจึงตัดสินใจ  เพราะคิดว่าไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน  หล่อนก็จะต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี  แม้จะไม่ใช่เพราะเธอบอก

“โอเค..  โอเค...  ฉันจะบอกแล้ว..  หยุดสิ”

รถคันงามหยุดส่ายไปมาบนถนน  ช่วยทำให้ทั้งคนในรถคันนี้และคนที่อยู่ในรถคันอื่นใกล้ๆ หยุดอาการใจหายใจคว่ำได้ในทันที  แต่ไมที่ยังไม่หายจากอาการตื่นเต้นหวาดเสียว  เปิดไฟเลี้ยวและรีบจอดชิดที่ไหล่ทางอย่างกระหืดกระหอบ

“ว่าไงล่ะ..  พูดสิ”  ดิออนกระทุ้งคำถาม

“ก็เดี๋ยวสิ..  ขอฉันพักหายใจแป๊บ” ไมคราง  พลางเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปาดเหงื่อตามใบหน้าตัวเอง  “โอเค..  เธอพร้อมมั้ย”  เธอเริ่ม

ดิออนขมวดคิ้วอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่า  เพราะอะไรทำไมเพื่อนของเธอจึงดูเครียดนักกับคำตอบเพียงเท่านี้  “อื้ม..ว่ามาสิ”

แต่ประโยคที่ไมเข้ามากระซิบที่ข้างหูของเธอ  ก็เป็นคำตอบที่ทำให้เธอต้องตกใจกับมันและกัดฟันข่มความโมโหที่เดือดขึ้นมาในเส้นเลือดของเธอ

--The bodyguard--

“ฉันต้องการให้เธอเลิกยุ่งกับเขา”   สาวตาสีมรกตออกคำสั่ง  และพยายามทำให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือด้วยการยืนกอดอกอย่างเคร่งขรึมอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่มีขนาดตัวไล่เลี่ยกัน  ที่ตอนนี้เป็นคู่สนทนาของเธอ 

วันนี้เธอยอมรับว่า  มาเริ่มต้นทำงานด้วยวิธีการที่ไม่ดีนัก  เพราะมาถึงก็เรียกเลขาของเจ้าของบริษัทเข้ามาต่อว่าเสียแล้ว  และไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับงานเสียด้วย  ไม่อยากจะคิดเลยว่า  หากเขารู้เข้า  เขาจะว่าอย่างไร  ใช่ว่าฉันจะแคร์ 

ดิออนขมวดคิ้วเรียวสีเข้มของเธออย่างหงุดหงิดใจที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าไม่ไยดีกับคำที่เธอพูด  ไม่เท่านั้น  เซเลนยังทำท่าทางเหมือนกำลังถือไพ่เหนือกว่าเธอเสียอีก

“โอ้...นี่อะไรกันนี่  คุณหนูสวอนส์คะ ไม่ทราบว่าที่มาเที่ยวออกคำสั่งแบบนี้เนี่ย  คิดดีแล้วหรือคะ” รอยยิ้มกวนอารมณ์เกิดขึ้นขณะที่เซเลนเอ่ยตอบ  เหมือนจะทำให้อีกคนรู้ว่าเธอไม่ชอบที่ถูกสั่งแบบนี้  “ท่านประธานเห็นดีเห็นงามด้วยหรือเปล่าคะ  ฉันขอถาม”

ดิออนชะงักนิ่งยืนตาโต  ความมั่นใจของเธอตกหล่นเพราะคำยอกย้อน  สมองเธอหันไปทบทวนสิ่งที่หล่อนพูด  จริงสิ..แคลจะว่ายังไง  ถ้าเขารู้ว่าฉันไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา  เธอเกือบจะถอดใจและหันกลับไปทำงานอื่น  แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้ดวงตาของเธอเปล่งประกายขึ้นอีกครั้งอย่างมั่นใจ  “แน่นอนสิ  เขาต้องเห็นดีด้วยอยู่แล้ว  ในเมื่อแคลเป็นคู่หมั้นของฉัน  เขายอมฉันทุกอย่าง”   

หากแต่ดูเหมือนเธอจะไม่สามารถทำให้คนฟังเชื่อได้อย่างสนิทใจ  หล่อนยังคงมองอย่างเย้ยหยันกลับมา

เซเลนยืนขึ้นและขยับเข้ามาใกล้คนขนาดตัวเท่ากันและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ “เหรอคะ  คุณเชื่ออย่างนั้นหรือ  แต่ฉันกลับไม่เชื่อเลยล่ะค่ะ” เธอกระซิบ 

“ฉันไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะหยุดความเป็นตัวตนของเขาได้หรอกนะคะ  เขาเป็นใคร..คุณรู้มั้ยคะ..คุณหนู..”

ดิออนได้แต่ยืนทำตาโต  พูดไม่ออกเหมือนถูกน้ำท่วมปาก  ปล่อยให้อีกฝ่ายใช้คารมของเขาต่อไป  หรือไม่บางทีเธอก็คิดว่า  เธอน่าจะฟังหล่อนบ้าง

“ Play  girl...  เขาเป็นแบบนั้น..  ถ้าคุณอยากจะรู้..  และก่อนจะมาเจอฉัน  เขาก็ผ่านใครต่อใครมาตั้งมากแล้ว  แล้วแบบนี้คุณคิดว่า....”  เซเลนพักการพูดจาและใช้สายตายั่วยวนของเธอมองเด็กสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าราวกับกำลังจะประเมินราคาของ  และอยู่ๆก็ยิ้มอย่างพอใจ   “และคุณคิดหรือคะว่า   อย่างคุณจะสามารถทำให้เขาหยุดได้..”

“หุบปากนะ!” ดิออนตะคอกออกมา  สิ่งที่เจอมันเกินกว่าที่เธอจะรับมันได้  เธอไม่ใช่คนที่จะปะทะคารมกับเซเลนได้จริงๆ  หล่อนเหนือชั้นกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย  แล้วฉันจะเอาอะไรไปสู้...

เสียงหัวเราะเหมือนนางปีศาจที่เธอเคยได้ยินมาในหนังที่เกี่ยวกับเทพนิยายดังขึ้นมาทันที  ดิออนตัวสั่นเทาด้วยความโกรธที่เกินพิกัด  แต่เธอจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร 

“ฉันบอกให้หุบปาก..  อยากตายหรือไงห๊ะ !”  เธอขู่ขณะที่มือทั้งสองข้างอยู่ที่คอเสื้อของอีกคน  ร่างกายเธอเคลื่อนไหวอย่างอัตโนมัติเมื่อคิดว่า  จะจัดการศัตรูยังไง  แต่มันไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนักเลย  เมื่อเสียงนางปีศาจตรงหน้าช่วยยืนยันมา

“ผู้หญิงหยาบคายแบบนี้   เขาไม่ชอบหรอกนะคะ  ฉันขอเตือน”

ดิออนเงื้อมือข้างหนึ่งขึ้น  หวังจะฟาดมันลงกับใบหน้าของผู้หญิงที่เธอคิดว่ากำลังทำตัวกวนประสาทเธอ  แต่เธอก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้อย่างใจ  เมื่อมีมือของใครบางคนมาหยุดมันไว้ได้ก่อน 

“แคล..?”

แคลลี่สั่นศีรษะไปมาและส่งสายตาปรามให้คนที่ตนพยายามจะห้ามเอาไว้  เธอไม่ต้องการให้ใครๆต้องมีเรื่องกันในที่ทำงาน  ไม่ว่าจะเป็นใคร 

“ปล่อยเธอ..ดิออน”  แคลออกคำสั่งอย่างนุ่มนวลและค่อยๆแกะมือเล็กของดิออนออกจากคอเสื้อของเซเลน  จากนั้นก็ช่วยจัดมันให้เข้าที่ให้หล่อน 

แน่นอน  เธอรู้ว่า  จะต้องมีบางคนที่ไม่พอใจในสิ่งที่เธอทำ  แต่มันก็จำเป็นต้องยอม  เธอไม่สามารถปล่อยให้ดิออนทำตัวไม่มีเหตุผลและมาใส่อารมณ์ใส่พนักงานของเธอแบบนี้  และยิ่งเป็นกับเซเลนด้วยแล้ว  เธอยิ่งไม่ต้องการ  เพราะไม่ว่าอย่างไร ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า  เซเลนมาก่อน  หล่อนมีความผูกพันกับเธอมากกว่า  แม้ว่าจะไม่ได้รัก

“กลับไปทำงาน..  แล้วเราค่อยคุยกันทีหลัง”  แคลพยายามทำเสียงให้นิ่ง  ต่างจากสายตาที่มองเซเลนอย่างออดอ้อน  เป็นการสื่อสารกันอย่างลับๆเพื่อไม่ให้ใครจับพิรุธได้  ไม่ว่าจะเป็นดิออนหรือไมที่เป็นคนไปตามเธอมาที่นี่  มาทำหน้าที่สงบศึกให้สองสาว 

แน่นอนว่า  เธอมีจุดประสงค์ในการทำแบบนี้  แม้เธอจะไม่อยากสานต่อสัมพันธ์อะไรกับเซเลนมากกว่าเจ้านายกับเลขาอีกต่อไปแล้วอย่างที่เคยสัญญาไว้กับตัวเอง  แต่เพื่อที่มันจะทำให้สถานการณ์ตรงนี้ดีขึ้น  เธอก็ต้องทำ  หากเธอสามารถแยกผู้หญิงสองคนนี้ออกจากกันได้  เรื่องมันก็จะง่ายขึ้น  แต่ดูเหมือนว่า  เซเลนจะไม่ยอมจากไปหากไม่ได้ทิ้งเชื้อไฟเอาไว้เสียก่อน  เมื่อหล่อนเข้ามาดึงเธอลงไปประทับริมฝีปาก

แคลลี่อยากจะตอบสนองจูบกับเซเลนใจจะขาดเพราะเธอยังชอบมันอยู่  แต่ก็รู้ดีว่า  เธอทำอะไรตรงนี้ไม่ได้  ในเมื่ออยู่ต่อหน้าคู่หมั้นตัวเองแบบนี้  เธอได้แต่ยืนนิ่งเป็นก้อนหินและฟังสิ่งที่หล่อนกระซิบออกมาดังๆ เหมือนตั้งใจให้ใครๆได้ยินมันด้วย

“แล้วเจอกันนะคะ..ที่รัก”

ดวงตาสีแดงหรี่ตามองอย่างเสียดายตามหลังร่างบางในชุดกระโปรงมินิสเกิร์ตนั่นเจ้าของมันเหมือนตั้งใจจะยั่วเธอด้วยการเดินยักย้ายสะโพกไปมา 

แคลลี่แอบกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อข่มจิตใจไม่ให้วิ่งตามไปลากหล่อนมากดกับโซฟาและทำอะไรอย่างที่อยากทำ  เพราะนึกได้ว่า  มีใครอีกหลายคนกำลังรอเธออยู่  รอให้เธอหันมาสนใจ  แต่สติของเธอก็กลับคืนมาช้าเกินไป  จนได้ยินเสียงกระแอมดังๆ

สาวตัวสูงหันไปยิ้มหวานอย่างไม่รู้ไม่ชี้ให้เจ้าของเสียง  ซึ่งก็ต้องผิดหวังตามที่คาดไว้  ดิออนสะบัดหน้าให้เธอ  หล่อนกอดอกอย่างไม่พอใจ  โอ้..ว่าแล้วเชียว...

“ไมจัง..” 

คนถูกเรียกชื่อแทบจะสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ  ไมกะพริบตา  ตั้งสติใหม่และหันไปมองอย่างตั้งคำถามกับคนเรียก  และเพียงแค่มองดวงตาสีแดงนั่นกับท่าทางของเขา  เธอก็เข้าใจ  เธอจึงโค้งศีรษะน้อยๆให้เขาและบอกลา  แต่ไม่ลืมที่จะตบบ่าเพื่อนรักเบาๆเพื่อให้กำลังใจเขาด้วยระหว่างที่เดินออกไปจากห้อง

“ไม..”

คนถูกเรียกชื่อชะงักกลางคันและหันมาหาคนเรียกชื่อ  ดิออนมีสีหน้าไม่ดีและเหมือนจะอยากออกไปกับเธอด้วยคน  แต่คงไม่ได้  พวกเขามีเรื่องต้องคุยกัน  ไมคิด “อยู่ที่นี่  อยู่กับเขา  แล้วเจอกันนะเพื่อน”  เธอบอกพร้อมรอยยิ้มและเดินหายไปจากห้อง

บรรยากาศน่าอึดอัดใจไม่ใช่สิ่งที่เธอชื่นชอบมัน  แต่เธอจะทำอย่างไรได้ให้มันดีขึ้น...

“ดิออน..”

“ฉันจะกลับบ้าน” 

ดวงตาสีแดงเบิกกว้างเมื่อเธอถูกปฏิเสธ และแคลลี่ไม่ชอบคนที่ปฏิเสธเธอ  เธอเป็นเจ้านาย  เร็วกว่าความคิดตัวเอง   ร่างสูงของเธอก็มายืนขวางอยู่ตรงหน้าประตู  มองจ้องหน้าคนที่พยายามจะออกไป

“ถอยไปนะ”  ดิออนขู่ฟ่อ  และดึงคอเสื้อแคลหวังให้คนตัวสูงขยับให้ห่างจากทางออกทางเดียวของห้องนี้  แต่ก็ไม่มีหวัง  เพราะนอกจากจะไม่มีแรงพอที่จะขยับหล่อนออกไปได้แล้ว  เธอก็ยังรู้สึกเหมือนติดกับด้วย  เมื่อสองแขนยาวนั่นรวบตัวเธอเข้าไปหา  ปลายจมูกโด่งๆซุกไซ้ไปตามลำคอ

ดิออนเกลียดที่แคลชอบทำแบบนี้กับเธอ  พอๆกับที่เกลียดตัวเองที่เหมือนจะรู้สึกชอบที่ถูกหล่อนทำ  ทั้งๆที่ก็รู้ดีว่า  ไม่ใช่เธอคนเดียวเท่านั้นที่หล่อนทำเรื่องแบบนี้ด้วย  ผู้หญิงคนนั้นบอกเธอมาทั้งหมด  แคลเป็นปีศาจ..  เป็นนักล่าผู้หญิง..

“ปล่อยนะ !” ร่างเล็กกว่าใช้แรงทั้งหมดที่เธอมีผลักตัวคนตัวใหญ่กว่าไปกระแทกกับประตู  เสียงดังสนั่น  ดิออนยืนตัวสั่นกำหมัดแน่นทั้งสองข้างอยู่ข้างตัว  เธอหอบเหนื่อยและมองอย่างข่มขู่ไปที่คนที่ยังยืนยิ้มอยู่ได้ตรงนั้น  แคลเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรกับสิ่งที่เธอทำเลย  เมื่อหล่อนตรงเข้ามาเธอและจูบ  เด็กสาวพยายามขัดขืนแต่เรี่ยวแรงของเธอก็อันตรธานหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ

“เธอต้องการฉัน  อย่าฝืนดีกว่าน่า..  ฉันเห็นสายตาเธอ..”  เสียงกระซิบนี้เข้าหูเธอมาขณะที่หล่อนพยายามพรมจูบไปตามลำคอ “เธออยากได้ฉันใจจะขาด..ดิออน  พูดสิ”ประโยคนี้ทำให้สองตาของเธอเบิกโต  ความโกรธกลับคืนมาอีกครั้ง   

ดิออนยันร่างอีกคนออกไปได้สำเร็จเพราะแรงฮึดเฮือกสุดท้าย  แต่ก็ยังไม่ยอมออกไปไหน  เธอยังยืนจ้องหน้าคนที่ทำตัวเหมือนคนบ้านั่น  แม้จะตัวสั่นไปหมดแบบนี้

“บอกสิว่าไม่จริง..  เธอไม่อยากนอนกับฉันเหรอ..  เธออยาก..ฉันรู้---”

“หุบปากนะ!”  มือเล็กฟาดเข้าไปเต็มที่ที่ใบหน้าของคนพูด  มันทำให้สามารถหยุดคำพูดของหล่อนได้ชะงัก  แต่สิ่งที่ตามมามันเกินกว่าที่เธอคาดไว้  เมื่อรู้ตัวอีกทีเธอก็ถูกแคลลากไปจับกดไว้กับโซฟา  และหล่อนก็ทำในสิ่งที่ชอบทำมาเสมอ  พยายามจะข่มขืนเธอ

ดิออนไม่เข้าใจเลยว่า  ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอได้  ทั้งที่เธอไว้ใจเสมอ  หรืออย่างน้อยก็เคยไว้ใจ  หรือเธอจะถูกหล่อนหลอกให้เชื่อหลอกให้หลงกล  คุณพ่อของเธอถูกหลอก  ไมถูกหลอก  ทุกคนถูกแคลหลอกไปหมด  แคลใช้หน้าตาและกิริยามารยาทที่ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว  หลอกทุกคนว่าหล่อนเป็นคนดีพร้อม  เป็นเหมือนนางฟ้า  แต่แท้จริงแล้ว  หล่อนเป็นซาตาน  เป็นร่างทรงของซาตานในยุคนี้  และเธอก็หลงไปกับภาพลวงตาเหล่านั้น  เผลอปล่อยใจให้หล่อนไป  ทำใจดีกับปีศาจ  และก็เจ็บเอง

“ดารอฟสกี้  ไม่ได้ดีอย่างที่เห็นหรอกนะ” ประโยคนี้ดังขึ้นมาในหัวของเธอ  มาคิดถึงมันวันนี้  ก็คงจะสายเกินไปเสียแล้ว.. 
   
แคลเริ่มสอดมือเข้าไปใต้ร่มผ้า  สัมผัสกับร่างกายของเธอโดยตรง  และถึงแม้ร่างกายจะตอบสนองกับสิ่งที่หล่อนทำ  แต่สมองกลับมึนชาไม่รับรู้อะไร

“เอาเลย..  อยากได้ฉันนักก็ทำ..  ถ้าคิดว่าฉันจะรักเธอได้”  เสียงของเธอพึมพำออกมาอย่างเย็นชา  จนคนบนตัวเธอชะงัก  ดวงตาสีแดงจ้องตาเธอเหมือนจะมองหาความจริง

“ทำไม..”  แคลลี่กระซิบถามเสียงเศร้า  แววตาชั่วร้ายหายไปจากสายตาเธอ  มันทำให้เธอต้องหยุดคิด  ไม่สนใจกับมือที่วางอยู่บนเนื้ออกเปล่าๆของตัวเอง  ไม่ว่ามันจะแค่วางอยู่เฉยๆหรือขยับเคลื่อนไหว 

“ทำไม..”  แคลถามย้ำด้วยท่าทางกล้ำกลืนมากขึ้น  จนเธอมองอย่างตกตะลึง  และมองตามหล่อนไปเมื่อร่างสูงนั่นลุกออกจากตัวเธอไปนั่งกุมขมับอยู่กับพื้น  ปล่อยเธอทิ้งไว้บนโซฟา
“เธอทำเหมือนเธอต้องการฉัน..  ทำเหมือนห่วงใย..  เธอดูแลฉัน..  ทำเหมือนเธอแคร์  เหมือนเธอรักฉัน..  แต่จริงๆแล้วมันกลับไม่ใช่..”  ดวงตาสีแดงหันกลับมาจ้องเธออีกครั้ง  มันบอกความรู้สึกที่มากกว่าคำพูด  มันบอกว่า  หล่อนกำลังเจ็บปวดรวดร้าวในใจเหมือนคนกำลังจะตาย 

และเธอก็โกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้  ได้แต่เพียงลุกขึ้นมานั่งมอง  ขณะที่หล่อนลุกขึ้นยืนแคลหันหลังให้เธอ  ดิออนมองดูสาวตัวสูงอยู่อย่างเงียบๆมันพูดไม่ออก   แม้อยากจะพูดอะไรบ้าง  เสียงในห้องนี้เงียบไปมีแค่เพียงเสียงการขยับเสื้อผ้าชุดทำงานให้เข้าที่เข้าทางของอีกคนและเสียงหายใจหอบเหนื่อยที่พยายามจะเก็บมันไว้  ทั้งของเขาและเธอ  จนกระทั่งหล่อนหันมามองหน้าเธออีกครั้งจากประตูที่กำลังจะเปิดออก

“แต่งตัวให้ดี..  ฉันให้เวลาเธอสิบนาที  ไปเจอฉันที่ห้องประชุม”

และแคลลี่ก็จากไป  ทิ้งเธอไว้ให้อยู่กับความไม่เข้าใจตามลำพัง...   





เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.