ตอนที่ 11
แปะ!
“เอาล่ะ... ทำของคาวเสร็จแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาทำ... คุกกี้!”
พี่แมวใหญ่ตบอุ้งเท้าหน้าเข้าด้วยกันดังแปะ ประกาศบอกเครื่องครัวทุกชิ้นด้วยน้ำเสียงเริงร่า ตาคม ๆ เป็นประกายเต้นระริกปิ๊งปั๊ง ลูกแมวน้อยจึงหัวเราะในลำคอดังคิกคัก
“จะตื่นเต้นดีใจอะไรขนาดนั้นคะพี่ปริม? ก็แค่ทำคุกกี้”
“ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทำคุกกี้โฮมเมดให้พี่กินเลยนี่คะ ตื่นเต้น ๆ ๆ... เอางี้... เดี๋ยวพี่ลองทำคุกกี้ให้น้องอินกินมั่งดีกว่า... ไหน? ขอดูโพยหน่อยซิว่าใส่อะไรเท่าไหร่”
ผู้ใหญ่พูดเอง ถามเอง แล้วก็หาคำตอบเอาเองจากโทรศัพท์มือถือ อรินทิพย์ชะโงกหน้าไปดูหน้าเว็บบอกสูตรทำคุกกี้ที่พี่ปริมเซฟเอาไว้ ช่วยพี่สาวคนสวยจัดการชั่งตวงแป้ง น้ำตาล เนย เกลือ และส่วนผสมอื่น ๆ ตามที่สูตรการทำคุกกี้ระบุ โดยต้องชั่งวัตถุดิบแต่ละอย่างสองครั้ง เนื่องจากเชฟเพิ่มจำนวนเป็นสองคน แต่ก่อนที่จะได้เริ่มทำคุกกี้ พี่ปริมหันมาพูดกับเธอว่า
“ทำสูตรเดียวกันแบบนี้ก็ได้กินคุกกี้แบบเดียวน่ะสิ น้องอินมีโกโก้ไหม?”
“มีค่ะ พี่จะดัดแปลงสูตรเป็นคุกกี้รสโกโก้เหรอ?”
“ช่าย”
“ไอเดียดีค่ะ”
พอวัตถุดิบครบ เชฟแมวใหญ่แมวน้อยก็เริ่มลงมือทำคุกกี้ จัดการผสมแป้ง ตีเนยตีไข่ ใส่น้ำตาล คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นผนังห้องครัวก็ได้ยินเสียงอะไรหลายอย่างดังต่อเนื่องไม่หยุด ทั้งเสียงชามสแตนเลสกระทบกับที่ตีไข่หรือไม่ก็พายพลาสติกดังก๊องแก๊งก๊อกแก๊ก มีเสียงพูดคุยกะหนุงกะหนิงงุ้งงิ้งระหว่างเชฟสองคนคั่นเป็นระยะ ๆ... อ่อ มีเสียงแมวใหญ่หัวเราะกิ๊กสดใสด้วย เพราะแมวใหญ่ขี้แกล้งเอาแป้งอเนกประสงค์ไปปะปลายจมูกแมวน้อยเล่น แมวน้อยเลยคิ้วขมวด ส่งเสียงฮึดฮัดฟึดฟัด เอาแขนเสื้อเช็ดจมูกเสร็จก็กัดฟันแยกเขี้ยว ส่งอุ้งมือไปตะปบไหล่แมวใหญ่จนพี่ปริมร้องดังแง้ว เอ้ย ร้องดังอู๊ย นาฬิกาแขวนผนังในห้องครัวต้องแอบเอาเข็มยาวปิดปาก ส่งเสียงหัวเราะดังติ๊ก ๆ ขำแมวใหญ่ที่ทำหูเหี่ยวหน้าสลด โดนลูกแมวน้อยชี้นิ้วพูดเทศนา
“เอาของกินมาเล่นสนุกได้ยังไง โต๊ะกับพื้นเลอะแป้งเปรอะไปหมดเลยเนี่ย เห็นไหมคะ?”
“เห็นค่ะ” แมวใหญ่ผงกหัวและยิ้มแหย
“หลังทำเสร็จพี่ปริมทำความสะอาดไปเลยคนเดียว อินไม่ช่วยนะ”
“จ้า... ลูกแมวน้อยดุจัง ไม่ทันไรก็ข่มพี่ซะละ”
แมวใหญ่รับคำเสียงจ๋อยแต่แอบพูดอะไรต่อเสียงอุบอิบ ลูกแมวน้อยจึงหันมา หรี่ตาและถามด้วยเสียงเข้ม ๆ
“บ่นอะไรคะพี่ปริม?”
“เปล่าจ้ะ เปล่าบ่น...”
ปณิตารีบส่ายหน้า คิดในใจว่าพี่ไม่ได้บ่น แค่แอบปลง เห็นอนาคตตัวเองรำไร ๆ ส่อแววว่าพี่แมวใหญ่จะได้เป็นแมวเท้าหลังนะนี่ (-_-”)
พอเริ่มปลงตกกับอนาคตแมวเท้าหลังแล้ว แมวโตเต็มวัยก็กลับมาพูดถึงเรื่องขนมที่กำลังทำ
“เหลือแค่ตักแบ่งเป็นก้อนเล็ก ๆ เอาเข้าตู้อบก็เสร็จแล้ว ง่ายเนอะ”
“ในบรรดาขนมอบทั้งหลาย รู้สึกว่าคุกกี้จะทำง่ายที่สุดนะคะ”
เด็กน้อยพูดพลางใช้ช้อนตักแบ่งส่วนผสมคุกกี้ขนาดเท่าปลายช้อนโต๊ะ จัดการแปะมันลงบนถาดสแตนเลสที่ปูด้วยกระดาษไข ต่อด้วยการตบ ๆ เพื่อตกแต่งจัดทรงทำให้มันมีรูปร่างเป็นก้อนกลมแบน ปณิตาไปหยิบช้อนมาอีกคันแล้วทำแบบเดียวกัน แต่ไป ๆ มา ๆ หญิงสาวกลับวางช้อนลง
“น้องอินมีถุงมือที่ทำด้วยพลาสติกไหมคะ?”
“มีค่ะ พี่จะใส่ถุงมือแล้วปั้นคุกกี้เหรอ? ใช้ช้อนไม่ถนัดเหรอคะ? เดี๋ยวอินทำให้ก็ได้...”
“เปล่า... พี่จะปั้นคุกกี้ให้เป็นรูปร่างอย่างอื่นบ้าง”
อรินทิพย์หัวเราะเบา ๆ แล้วเดินไปหยิบถุงมือพลาสติกมาส่งให้ผู้ใหญ่ เด็กน้อยใช้ช้อนตักส่วนผสมคุกกี้ในชามตัวเองแปะลงบนถาด แต่งมันให้เป็นก้อนกลมแบบคุกกี้ทั่วไป พอเหล่ตาไปมองเชฟอีกคน เห็นพี่ปริมหยิบจับปั้นก้อนส่วนผสมเป็นรูปดาวห้าแฉก รูปเดือนเสี้ยว อรินทิพย์ก็ยิ้มขำ
“พี่ปริมนิ่... ชักจะทำตัวเหมือนเด็กมากขึ้นทุกวันละ”
ผู้ใหญ่ที่โดนเด็กแซวว่าทำตัวเหมือนเด็กอ้าปากส่งเสียงหัวเราะกิ๊กลั่นห้องครัว แถมพูดจาคุยโม้ให้เด็กฟังด้วยนะว่า...
“พี่เคยเป็นถึงแชมป์ปั้นดินน้ำมันระดับอนุบาลสองเชียวน้า~ เดี๋ยวจะปั้นเป็นหน้าแมวให้ดู”
“คิคิ พี่ปริมขี้โม้... ไหน ๆ ลองปั้นให้อินดูหน่อยซิ”
ผู้ใหญ่ที่คุยโวว่าตนเป็นถึงอดีตแชมป์ปั้นดินน้ำมันระดับอนุบาลสองขอใช้ส่วนผสมคุกกี้สีเหลืองอมน้ำตาลของเด็กน้อย เอามาปั้นเป็นแผ่นแบนบางกลมรี หยิบช็อกโกแลตชิพสองเม็ดมาแปะติดเป็นลูกกะตาแมวสองข้าง ส่วนจมูก หู และหนวดแมว ปณิตาใช้ส่วนผสมคุกกี้ของตัวเองที่เป็นสีโกโก้ปั้น ๆ แล้วแปะลงไป เด็กน้อยดูผู้ใหญ่ทำแล้วก็นึกสนุก ไปหยิบถุงมือพลาสติกมาใส่บ้าง ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กตอนนี้ต่างคนต่างลดอายุลงมาเหลือห้าขวบเท่า ๆ กัน สองสาวทำตัวราวกับเด็กอนุบาลสองกำลังแข่งขันปั้นดินน้ำมัน มีการส่งเสียงหัวเราะคิกคัก พูดแซวผลงานของอีกคนสลับกับพูดจาโอ้อวดผลงานของตัวเอง เชฟแมวเล็กแมวใหญ่แข่งกันปั้นคุกกี้เป็นรูปต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน มีทั้งรูปหน้าสัตว์น่ารักอย่างหมา หมู กระต่าย หรือแม้กระทั่งรูปทรงแปลกประหลาดหลุดโลกแบบจานบินยูเอฟโอ แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่ปณิตากับอรินทิพย์ปั้นเป็นรูปร่างเหมือนกัน รูปร่างที่ว่านั้นเป็นรูปสมมาตร มีรอยเว้าตรงกึ่งกลาง เป็นสัญลักษณ์สากลที่ทุกคนเห็นแล้วเข้าใจตรงกัน บอกว่ามันคือรูป... หัวใจ
ประมาณ 20 นาทีต่อมา...
อรินทิพย์ใส่ถุงมือกันความร้อน เปิดตู้อบแล้วหยิบยกถาดใส่ขนมออกมา คุกกี้ที่เพิ่งออกจากตู้ส่งกลิ่นตลบอบอวลหอมฟุ้งไปทั่วห้องครัวและทะลุไปยังห้องข้างเคียง
ปณิตาส่งหน้าเข้าไปใกล้ถาดขนมที่วางบนโต๊ะ แมวใหญ่หลับตาพริ้มทำจมูกขยับนิด ๆ
“หอมจัง หน้าตาใช้ได้นะนี่ แล้วรสชาติล่ะ...”
ปุ!
“มันยังร้อนอยู่เลย!”
เสียงอุ้งเท้าแมวน้อยที่หุ้มด้วยถุงมือกันความร้อนตีลงบนอุ้งเท้าหน้าของแมวใหญ่ดังปุ ตามติดมาด้วยคำเตือน แมวใหญ่ใจร้อนรีบหดขาหน้าข้างขวาที่ส่งไปหาคุกกี้ให้กลับมาแนบข้างลำตัวพลางบ่น
“ปากว่ามือถึงจริง ๆ เลย ลูกแมวน้อยซาดิสต์อ่ะ”
“ก็พี่น่ะมือไว ปากว่าอย่างเดียวอินกลัวจะพูดห้ามพี่ไม่ทันนิ่”
“นอกจากมือไวแล้ว ปากพี่ก็ไวพอ ๆ กับมือเลยนะคะ... จุ๊บ... เห็นไหม? ปากพี่ไวกว่ามือน้องอินอีกนะ... ปากยังไม่ทันว่า มือน้องอินยังไม่ทันถึงพี่เลย โดนขโมยจุ๊บแก้มไปแล้ว คิคิ”
“พี่ปริมนิ่! >///////<”
ปุ! ปุ! ปุ! ปุ!
แมวใหญ่โชว์แสนยานุภาพความไวของปากโดยการจู่โจมเข้าประชิดแก้มลูกแมวน้อย ฝ่ายที่โดนจู่โจมรุกรานอธิปไตยก็เลยใช้ถุงมือกันความร้อนเป็นอาวุธต่อสู้อากาศยานยิง... เอ้ย ฟาดไหล่แมวใหญ่ปากไวดังปุ ปุ ลูกแมวน้อยแอบกัดริมฝีปากล่างด้านใน ใบหน้าเนียนขาวใสเปลี่ยนเป็นสีแดงแจ๋ เด็กสาวแอบส่งเสียงบ่น พูดจาคาดโทษผู้ใหญ่ปากไวอยู่ในใจ...
พี่ปริมอ้ะ เผลอเป็นไม่ได้ จ้องจะเอาเปรียบกันตลอดเลยนะ
ฝากไว้ก่อนเถอะพี่แมวใหญ่ ให้เค้ากล้ากว่านี้ก่อน
เดี๋ยวเค้าจะถอนทุนจุ๊บแก้มพี่ปริมคืนพร้อมดอกเบี้ยร้อยละสี่สิบห้าต่อเดือนเลย คอยดู๊! >//////<
หลังจากเลิกข่วน เอ้ย เลิกแกล้งเลิกตีกันได้ แมวน้อยแมวใหญ่ก็ผลัดกันก้มหน้าลงไปใกล้ถาดขนม สูดดมกลิ่นหอมเนยเข้าปอดคนละฟอดก่อนจะขอตัวไปเตรียมตั้งโต๊ะ จัดสำรับกับข้าว รับประทานอาหารเย็น พอกินอิ่มล้างจานชามเสร็จ ต่อไปนี้ก็เป็นเวลาของขนมคุกกี้บ้างล่ะ
ปณิตาเลือกที่จะหยิบคุกกี้รสโกโก้รูปร่างคล้ายหัวใจขึ้นมาเป็นชิ้นแรก หญิงสาวทำหน้าระรื่น ยื่นขนมไปตรงหน้าเด็กน้อย
“อ่ะ หัวใจของพี่ปริม พี่ยกให้น้องอินหมดทั้งใจเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
อรินทิพย์พูดเสียงอุบอิบอย่างเขิน ๆ พลางยกมือขวาขึ้นมา ตั้งท่าว่าจะรับหมดทั้งใจของผู้ใหญ่มาถือ แต่ผู้ใหญ่กลับพับข้อศอกให้งอ พาคุกกี้หนีมือเธอไป เด็กน้อยจึงเปลี่ยนจุดโฟกัสจากขนมเป็นใบหน้าสวยคมอมหวานของพี่ปริม คนอายุมากกว่าอมยิ้ม ทำตาเชื่อมหวานกรุ้มกริ่ม บอกว่าอยากจะป้อนขนมให้ถึงปาก อรินทิพย์จึงยิ้มเขินแก้มแดง ก้มหน้าก้มตากัดริมฝีปากล่างข่มความอายอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา เผยอริมฝีปากรอรับขนม เด็กน้อยขบฟันกัดคุกกี้รูปหัวใจไปเพียงหนึ่งคำเล็ก ๆ แต่มันกลับทำให้แก้มเธอบวมราวกับว่าเมื่อครู่เธอกินมันไปทั้งอัน อรินทิพย์เคี้ยวคุกกี้รสโกโก้ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์สอดไส้ความเขินอย่างช้า ๆ ขนมในปากดูเหมือนจะชิ้นใหญ่กว่าปกติเพราะไส้ความเขินที่เธอใส่ลงไปทีหลังนี่ล่ะ เด็กน้อยอมยิ้มจนแก้มตุ่ยพร้อมกับมองสบตาผู้ใหญ่เจ้าของคุกกี้ พี่ปริมกำลังจับจ้องมองเธอแบบตาไม่กะพริบ ทำหน้าตาตื่นเต้นกึ่งกังวล พี่สาวคนสวยเลิกคิ้วโก่งเรียวขึ้นหนึ่งข้าง ถามด้วยน้ำเสียงลุ้น ๆ
“เป็นยังไง? อร่อยไหมคะ?”
แทนที่จะตอบคำถามในทันที อรินทิพย์ขอคุกกี้รูปหัวใจแหว่งจากมือของผู้ใหญ่ เธอถือมันไว้ พลิกมันไปมาอย่างพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วยื่นกลับไปให้คนถือคนเดิม คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วทำหน้างง เธอจึงพูดยิ้ม ๆ บอกพี่ปริมไปว่า...
“พี่ปริมใจดำ แถมใจขมอีกต่างหาก หัวใจดวงนี้อินไม่รับได้ไหม?”
“ง่ะ!”
แมวใหญ่ส่งเสียงอุทานแล้วทำหน้าเหี่ยว ผู้สร้างเอฟเฟคต์ประกอบฉากแบบใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิครีบยกฉากสีน้ำเงินมาซ้อนด้านหลังพี่ปริม กดคลิกเลื่อนเม้าส์ไปมา จัดการยกรูปก้อนเมฆสีดำที่กำลังส่งสายฝนโปรยพรำ ๆ มาวางไว้เหนือหัวแมวใหญ่เศร้า
“กระซิก ๆ ฮึก ๆ... หัวใจสีเข้มรสโกโก้ของพี่แมวใหญ่โดนลูกแมวน้อยปฏิเสธ มันขมจริงเหรอ? ขอชิมมั่งซิ”
อรินทิพย์หัวเราะขำดังคิกคัก พี่แมวใหญ่โดนหลอกว่าคุกกี้ไม่อร่อยแค่นี้ก็ต้องทำหน้าเศร้าด้วย ก่อนที่พี่ปริมจะชิมหัวใจของตัวเอง อรินทิพย์รีบส่งมือไปแย่งมันกลับมา
“อินล้อเล่นนน~ หัวใจของพี่ปริมทั้งมันทั้งหวาน หอมกลิ่นโกโก้ด้วย อร่อยมากเลยค่ะ”
“อร่อยจริงเหรอ?”
“จริงค่ะ”
เด็กน้อยพูดและพยักหน้าขึ้นลงซ้ำ ๆ ย้ำให้ผู้ใหญ่เชื่อ แถมกัดคุกกี้กินหัวใจของพี่ปริมไปทีเดียวครึ่งดวง ผู้สร้างเอฟเฟคต์ประกอบฉากแบบใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคจึงรีบย้ายเม้าส์กดคลิกเลือกฉากใหม่ให้ ลบก้อนเมฆสีดำกับสายฝนโปรยออกไป ใส่ดวงอาทิตย์สดใสกับท้องฟ้ามีรุ้งเส้นงามพาดผ่านไว้บนหัวของแมวใหญ่แทน
อรินทิพย์หัวเราะขำอีกรอบเมื่อเห็นว่าตอนนี้พี่แมวใหญ่ทำหน้าชื่นตาบาน สีหน้าแตกต่างคนละอารมณ์กับหน้าเศร้าราวกับแมวอดกินอาหารเม็ดเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง
“งั้นเอามาให้พี่ชิมมั่ง”
พี่ปริมพูดพร้อมกับส่งมือมาหา เธอจึงรีบโยกมือหลบ “หยิบอันอื่นมาชิมสิคะ หัวใจอันนี้พี่ยกให้อินหมดทั้งดวงแล้วนี่นา”
“นั่นสิน้า~... ถ้าอย่างนั้นก็... เอาหัวใจของน้องอินมาให้พี่ชิมมั่งดีกว่าค่ะ”
เด็กน้อยอมยิ้มอมคุกกี้ เอี้ยวตัวเอื้อมมือไปหยิบขนมรูปหัวใจที่ตนเองเป็นคนทำ อรินทิพย์ส่งคุกกี้ให้พี่สาวคนสวย นอกจากแก้มจะป่องเพราะอมยิ้มและเศษขนมบางส่วน เด็กน้อยยังอมความเขินเพิ่มเติมเข้าไปอีกอย่างจนแก้มปริ
“ป้อนขนมพี่อย่างที่พี่ป้อนน้องอินด้วยซี่”
เสียงพี่แมวใหญ่พูดอ้อน ร้องหง่าว ๆ แล้วอ้าปากรอ ลูกแมวน้อยมองสบตาเป็นประกายเชื่อมหวานไหวระริกของพี่แมวตัวโตได้สองวินาทีก็ต้องลดระดับสายตามามองคุกกี้ แค่ให้ขนมรูปหัวใจกับพี่ปริมแค่นี้ก็ต้องเขินด้วยนะเรา ไม่ว่าจะได้รับบทบาทไหน เป็นฝ่ายโดนป้อนหรือเป็นคนป้อน เป็นประธานหรือเป็นกรรมของประโยค เธอก็เขินหมดแหละ เขินเท่ากันเลยด้วย อรินทิพย์คิดแล้วก็ยิ้มขำ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริง ๆ ว่าจะเขินไปไหน แต่ตอนป้อนขนมให้เพื่อนกิน ไม่เห็นจะเขินเหมือนตอนป้อนพี่ปริมเลยนี่นา >_<
เพราะลูกแมวน้อยได้แต่ยืนยิ้มเขิน ก็เลยยื่นขนมไปได้แค่ครึ่งทาง อีกครึ่งทางที่เหลือจึงเป็นหน้าที่ของแมวใหญ่ใจร้อน
หมับ!
แมวใหญ่จับกุมมือ ยกระดับความสูงของขนมที่ลูกแมวน้อยถือเอาไว้และค่อย ๆ ก้มหน้าตัวเองลงไปหา
หงับ!
แมวใหญ่กัดคุกกี้ไปครึ่งหนึ่ง เคี้ยวขนมดังกรุบ ๆ ไป มองสบตาลูกแมวไป ตอนนี้แมวใหญ่ทำตาเชื่อมยิ้มหวาน ส่วนแมวน้อยทำแก้มแดงและยิ้มเขิน แล้วลูกแมววัยแรกแย้มก็ต้องยกระดับความเขินขึ้นอีกสิบสี่จุดห้าเท่าตัว เพราะพี่แมวตัวโตก้มหน้าอ้าปาก รับคุกกี้ส่วนที่เหลือพร้อมกับเม้มริมฝีปากงับนิ้วหยอกแมวเด็กไปแบบเนียน ๆ ตามน้ำ... ไม่ใช่สิ แบบเนียน ๆ ตามคุกกี้
ปุ้ง!
ฉ่า~
ลูกแมวน้อยเกิดอาการใบหน้าร้อนผ่าวทันทีที่ประสาทสัมผัสรับรู้ได้ถึงอะไรนุ่มนิ่มตรงปลายนิ้ว กระแสความเขินพุ่งตรงจากนิ้วมือสั่น ๆ แล่นไปตามแขนเข้าสู่อวัยวะในช่องอกด้านซ้าย...
อ๊ายยย~ พี่ปริมอ่า... มางับนิ้วเค้าทำไม อย่ามาจุ๊บปลายนิ้วเค้านะ พี่แมวใหญ่เล่นอะไรก็ไม่รู้ ลูกแมวน้อยเขินนน~... >///////<
ลูกแมววัยแรกแย้มอมยิ้มเอียงอาย ใจสั่นใจเต้นแรงจนเจ้าตัวนึกกลัวว่าหัวใจตัวเองกำลังจะระเบิดรึเปล่า อรินทิพย์ก้มหน้าแดง ๆ หลบตาผู้ใหญ่ ส่งเสียงถามอยู่ในใจว่าเมื่อไหร่พี่แมวใหญ่จะปล่อยมือเธอเสียที คุกกี้ก็กินหมดไม่เหลือจนต้องงับนิ้วเธอกินเป็นของแถมแล้วนะนี่ รึอันที่จริงพี่แมวใหญ่มีแผน หมายตาอยากจะกินของแถมมากกว่าคุกกี้ตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นไปได้ >//////< [สมมติฐานอันหลังนี้ถูกต้องค่ะน้องอิน แต่กว่าจะรู้ตัว ช้าไปหลายปีแสงนะคะ วิทยายุทธ์เจ้ายังอ่อนหัดนัก ต้องไปฝึกอีกกี่ปีถึงจะทันเล่ห์เหลี่ยมพี่ปริมเค้าล่ะนี่]
.
.
วันจันทร์... แมวใหญ่มองโหลใสที่มีคุกกี้ใส่อยู่จนเกือบเต็มแล้วยิ้มหวาน
วันอังคาร... แมวใหญ่มองโหลใสใส่คุกกี้ที่พร่องไปนิดแล้วยิ้มปลื้ม
วันพุธ... แมวใหญ่ต้องล้วงมือไปในโหลตั้งครึ่งเพื่อหยิบคุกกี้แต่ก็ยังยิ้มออก
วันพฤหัสบดี... วันนี้เหลือขนมติดก้นโหลสี่ชิ้น แมวใหญ่เลยหยิบมากินแค่หนึ่งชิ้นแล้วรีบปิดฝา
วันศุกร์... แมวใหญ่จ้องมองโหลใส่คุกกี้อยู่นาน กว่าจะตัดใจหยิบมันขึ้นมากินหนึ่งชิ้น
วันเสาร์... แมวใหญ่ทำตาปรอยมองคุกกี้สองชิ้น สองจิตสองใจ จะกินดีไม่กินดี สุดท้ายคุกกี้ก็เหลือติดก้นโหลเพียงชิ้นเดียว
วันอาทิตย์... แมวใหญ่วางคางลงบนโต๊ะ มองคุกกี้ชิ้นเดียวที่เหลือในขวดโหลแก้วใส เอาแต่นั่งมอง มอง แล้วก็มอง ใช้สายตาแทะเล็มคุกกี้จนหายอยากแล้วลุกเดินจากไป
และแล้วเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์
สี่ทุ่มสี่สิบห้าของคืนวันอาทิตย์...
“เฮ้อ...”
ปณิตานั่งตรงตำแหน่งหัวโต๊ะรับประทานอาหารตัวใหญ่ คว่ำมือวางแขนท่อนล่างแนบไปกับโต๊ะ ใช้หลังมือเป็นฐานวางคางเรียว หญิงสาวทำหน้าเหี่ยวตาละห้อย มองขวดโหลใสใส่คุกกี้แล้วถอนหายใจดังเฮือก ขนมโฮมเมดที่ลูกแมวน้อยกับเธอช่วยกันทำ มันเคยมีอยู่เต็มโหล แต่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียว คุกกี้เหลือชิ้นเดียวมาหนึ่งอาทิตย์แล้วล่ะ แต่แมวใหญ่ไม่กล้ากิน อยากเก็บไว้ดูต่างหน้า เหลือเอาไว้เป็นอนุสรณ์ เหลือเอาไว้พอให้มองและใช้มันเป็นสิ่งชี้นำ พาให้สมองคิดไปถึงหน้าตาน่ารักสวยใสของเด็กน้อยคนทำคุกกี้
แง้ว~ แมวใหญ่หงอยเหงาเศร้าใจเป็นนักหนา เวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงสองสัปดาห์
แต่ยังไม่มีเวลาไปพบปะเจอหน้าลูกแมวน้อยเลยสักครั้ง (T__T)
ช่วงใกล้จะสิ้นเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมเป็นช่วงที่ยุ่งวุ่นวายที่สุดช่วงหนึ่งของปี เพราะใกล้จะสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ขึ้นไตรมาสที่ 4 ผู้บริหารมีประชุมแทบทุกวัน ต้องมานั่งคิดว่าไตรมาสหน้าจะพาบริษัทเดินไปทางไหน จะปรับปรุงจะใช้แผนอะไรไปสู้รบกับบริษัทอื่น ไหนจะต้องมานั่งอ่านรายงานผลประกอบการอีก แล้วนี่ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่สองค่ายก็กำลังจะเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ ท่านประธานสาวจึงต้องไปร่วมงานอีเว้นท์เปิดตัว สรุปง่าย ๆ ว่าช่วงนี้ประธานสาวสวยของบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีเขาไม่มีเวลาว่างไปเจ๊าะแจ๊ะจ๊ะจ๋ากับเด็กน้อยเลย หรือถ้าพอจะมีเวลาว่าง ตั้งใจว่าจะไปหาสักหน่อย เด็กน้อยก็ดันอยู่ในช่วงสอบปลายภาค ผู้บริหารใหญ่ยังต้องเกรงใจ ไม่กล้าไปแย่งเวลาทบทวนบทเรียนทำแบบฝึกหัดเตรียมสอบ...
“เอ๊ะ! แต่พอสอบเสร็จก็ปิดเทอมนี่นา”
แมวใหญ่ทำตัวยืด นั่งหลังตรง พูดกับโหลแก้วใสและคุกกี้หนึ่งชิ้น ขวดโหลกับคุกกี้ได้ยินอย่างนั้นก็พลอยรู้สึกยินดีปรีดา ทำตาเป็นประกายวิ้ง ๆ เลียนแบบแมวใหญ่ ปณิตารีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสอง เปิดประตูโผล่พรวดเข้าไปในห้องนอน หยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งมากดโทรออก
ในขณะเดียวกัน...
และคำตอบนั้น คือเธอใช่ไหม
ที่ทำให้ทุก ๆ อย่างเปลี่ยนไป จนวันนี้เหมือนใหม่
เธอทำให้ฉันคิดว่าโลกนี้นั้นสดใสขึ้นมากมาย
เมื่อใจของฉันมีเธออย่างนี้ โลกที่มีเธอมันดีแบบนี้...
เสียงเครื่องมือสื่อสารร้องเพลงโลกที่มีเธอ ของพี่โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร อรินทิพย์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จจึงรีบร้อนวิ่งไปหาโทรศัพท์จนลืมเช็ดเท้าให้แห้ง เพราะเพลงนี้เธอตั้งไว้พิเศษเฉพาะกิจ จำเพาะเจาะจงสำหรับคนที่ทำให้ทุก ๆ อย่างเปลี่ยนไป ทำให้วันนี้ของเธอเหมือนใหม่ คนที่ทำให้เธอคิดว่าโลกนี้นั้นสดใสขึ้นมากมาย คนคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก เจ้าของเสียงโอดครวญต่อไปนี้...
(คิดถึงลูกแมวน้อยจังเลยยย~ คิดถึงที่สุดของที่สุด คิดถึงมากกก~ คิดถึงจะตายอยู่แล้ววว~)
อรินทิพย์หัวเราะขำเบา ๆ พร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งตรงริมเตียง พักหลังมานี่ ประโยคแรกที่พี่สาวคนสวยพูดตอนโทรมาหาเธอก็จะเป็นประโยคประมาณนี้ล่ะ ไม่มีหรอก ฮัลหลงฮัลโหล มีแต่คำว่าคิดถึงกับคำคุณศัพท์ขยาย บอกให้รู้ว่าคิดถึงเธอมากมายมหาศาลขนาดไหน ลูกแมวน้อยอมยิ้ม พูดบอกพี่แมวใหญ่ไปว่า...
“อย่าเพิ่งตายนะคะ ถ้าพี่แมวใหญ่ตายไป แล้วลูกแมวน้อยจะคิดถึงใครล่ะ”
(พี่ไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอกค่ะ ขอให้ได้เจอหน้าน้องอินก่อน อ่านหนังสือเตรียมสอบไปถึงไหนแล้ว?)
“อ่านทันอ่านจบทุกวิชาค่ะ สบายมาก”
(อืม... เสียงมั่นอกมั่นใจเชียวนะคะ แสดงว่าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เริ่มสอบวันพรุ่งนี้ใช่ไหมคะ?)
“ค่ะ”
(แล้วสอบเสร็จวันไหน?)
“วันศุกร์ค่ะ”
(งั้นวันเสาร์พี่จะพาไปเที่ยวฉลองสอบเสร็จนะคะ)
“ไปเที่ยว? เที่ยวที่ไหนคะ?”
(น้องอินอยากไปเที่ยวที่ไหนล่ะ? เดี๋ยวพี่พาไป)
“ที่ที่อินอยากไปมันมีแต่ที่ไกล ๆ น่ะสิคะ พวกป่าเขารึทะเล อะไรประมาณนี้ แต่เราไปเที่ยวกันไกล ๆ ไม่ได้หรอกค่ะพี่ปริม อินไม่อยากทิ้งคุณแม่ให้อยู่คนเดียว”
(ก็... พาคุณแม่ไปเที่ยวด้วยกันสิคะ ไม่เห็นจะยากเลย)
“มันจะดีเหรอคะ...”
(ดีสิ... น้องอินอยากไปเที่ยวที่ไหน บอกพี่มาเลย)
“อิน... อินว่าอินตามใจพี่ปริมดีกว่าค่ะ พี่อยากจะไปเที่ยวที่ไหนก็พาอินไปละกัน”
(ถ้าพี่บอกว่าจะพาไปสวนสนุกแถวบ้านน้องอินล่ะ?)
“ถ้าพี่หมายถึงที่นั่น อินไปหลายรอบจนเบื่อแล้ว”
(ไหนว่าจะตามใจพี่ไง?)
รู้หรอกว่าโดนผู้ใหญ่พูดกวนแกล้งเอา เด็กน้อยจึงตอบโต้โดยการยกเรื่องต้องห้ามมาพูด อรินทิพย์อมยิ้ม พูดเสียงเนือย ๆ เชื่องช้า
“พี่ปริมก็อายุปูนนี้แล้วน้า... ยังอยากจะไปเที่ยวสวนสนุกเหมือนพวกเด็กวัยรุ่นอยู่อีก...”
(หยุดเดี๋ยวนี้! อายุปูนนี้อะไรกันคะ! หยาบคายมาก พี่เพิ่งจะอายุ 25 เองนะ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่)
อรินทิพย์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถาม “พี่อายุย่าง 26 แล้วใช่ไหมคะ?”
(ใช่... แล้วไงล่ะ?)
“อืม... ช่วงอายุวัยรุ่นคือ 15-25 ปี พี่ปริมคงอยากใช้ชีวิตวัยรุ่นปีสุดท้ายให้คุ้มค่า อินเข้าใจค่ะ อิอิ”
(ลูกกก... แมววว... น้อยยย...) พี่แมวใหญ่ส่งเสียงโหด ทุ้มต่ำ สั่นไหวไหว
“ขา~ พี่แมวหย่ายยย... เมี้ยว ๆ~ เรียกเค้าทามมายเหยอ~...” ลูกแมวน้อยเสียงหวานใส เจื้อยแจ้ว บ้องแบ๊วมาก
(ฮึ่ม...)
หลังเสียง ฮึ่ม ลูกแมวน้อยได้ยินเสียงแมวใหญ่หายใจดังฟู่ ๆ ฟื้ดฟ้าดฟึดฟัด แต่ก็มีแค่เสียงหายใจดังเท่านั้นแหละ ไม่มีเสียงพูดอะไรเป็นถ้อยเป็นคำ แมวเด็กจึงหัวเราะขำเสียงใส
“คิคิ... โอ๋ ๆ... อินไม่พูดถึงเรื่องอายุแล้วก็ได้ค่ะ ไม่งอนนะค้า... พี่แมวใหญ่จ๋า ลูกแมวน้อยเอาหัวถูคางพี่แมวใหญ่สองที เมี้ยว ๆ... หายงอนรึยังเอ่ย?... ถ้ายังไม่หายเดี๋ยวลูกแมวน้อยช่วยเลียตกแต่งขนตรงสีข้างด้านซ้ายให้ด้วยก็ได้ เค้าง้อแล้วน้า~ ไม่โกรธเค้าน้า”
ทางด้านแมวใหญ่...
ปณิตาอมยิ้มจนแก้มพอง ฟังแมวน้อยอ้อนง้อส่งเสียงหวานมาตามสายแล้วใจของแมวใหญ่ก็อ่อนยวบ หายเคืองตั้งแต่โดนหัวถูคางครั้งแรกละ ผู้ใหญ่แอบขำคำพูดง้อตลก ๆ ของเด็กน้อยพร้อมกับคิดวางแผนนึกโปรแกรมไปเที่ยวอยู่ในใจ เพราะอรินทิพย์บอกว่าอยากไปเที่ยวนอกเมืองหลวง และต้องเป็นสถานที่ที่สามารถพาคุณแม่ไปเที่ยวด้วยกันได้
“พี่นึกออกแล้วว่าจะพาน้องอินกับแม่ไปเที่ยวที่ไหนดี”
(ที่ไหนคะ?)
“อุบไว้ก่อนได้ไหม ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”
(บอกกว้าง ๆ ได้ไหมคะว่าเป็นสถานที่แบบไหน ป่าเขารึทะเล?)
“มีป่า มีหมอก อากาศดีบริสุทธิ์ติดอันดับโลก”
(ว้าว~ อินพอจะเดาได้ค่ะว่าที่ไหน)
“วันศุกร์น้องอินสอบเสร็จกี่โมงคะ? ถ้าเลิกเร็วก็ออกเดินทางกันเย็นวันศุกร์เลย”
(อินสอบเสร็จบ่ายสองโมงค่ะ)
“โอเค งั้นเราก็จะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด นอนค้างสักสองคืน พรุ่งนี้เช้าพี่จะโทรไปคุยกับคุณแม่ของน้องอินอีกที คุณแม่จะได้ไม่เข้าใจผิด หาว่าน้องอินอ้อนขอให้พี่พาไปเที่ยว”
(นั่นน่ะสิคะ พี่ปริมต่างหากที่อ้อนขอให้อินไปเที่ยวด้วย)
เสียงใสมาเชียว ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวละสิท่า เจ้าลูกแมวน้อย ปณิตาคิดพลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดแซว
“แหม... ดูน้องอินเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจ ไม่อยากไปเที่ยวกับพี่เลยเนอะ”
(เห็นพี่ปริมรบเร้าอยากพาอินไปเที่ยว ก็เลยยอมตกลง อันที่จริงไม่อยากไปเที่ยวเท่าไหร่หรอกค่ะ)
“เหรอ~”
(คิคิ)
ปณิตาฟังเสียงเด็กน้อยหัวเราะกิ๊กแล้วก็พลอยส่งเสียงขำตามไปด้วย ก่อนจะวางสาย หญิงสาวพูดอวยพรขอให้เด็กน้อยทำข้อสอบได้ ตบท้ายด้วยประโยคที่เธอพูดอยู่ทุกวันตลอดสองสัปดาห์
“ก่อนนอนอย่าลืมจุ๊บหลังช้อนไอติมแล้วคิดถึงพี่ปริมด้วยน้า”
(คืนนี้อินไม่จุ๊บช้อนไอติมแล้ว)
“ทำไมล่า?”
(อินจุ๊บมาสองอาทิตย์จนรอยจูบที่พี่ทิ้งไว้จางหมดแล้ว)
เด็กน้อยพูดเสียงอู้อี้งุบงิบเร็วปรื๋อ แต่ผู้ใหญ่ก็ยังอุตส่าห์ฟังทันฟังรู้เรื่อง ปณิตาอมยิ้มจนแก้มเกร็ง
“อีกหนึ่งอาทิตย์พี่จะเอาช้อนไอติมเคลือบจูบอันใหม่ไปเปลี่ยนให้นะคะ จะแถมจูบจริงให้ด้วย เอาไหม?”
(...........)
“อิอิ เขินอยู่ล่ะซิ ลูกแมวน้อย จูบหลังช้อนไอติมจางไปแล้ว งั้นเอาจูบตามสายไปก่อนละกัน... จุ๊บ จุ๊บ คืนนี้หลับฝันดีนะคะ”
.............