web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 148
Total: 148

ผู้เขียน หัวข้อ: Chapter 20 - รัก หรือ แค้น  (อ่าน 4060 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Chapter 20 - รัก หรือ แค้น
« เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 10:02:38 »
Chapter  20  :  รัก หรือ แค้น

ผู้พันแองเจล่ารักษาสัญญากับเธอ  เขาส่งผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่หลังจากที่ออกไปจากห้องได้ไม่นาน  แต่ก็ไม่วายจะสร้างความอายให้กับเธออีกครั้ง  เมื่อรู้ว่าเขาสั่งอะไรมากับผู้ติดตามคนนี้ 

ดิออนรู้สึกอายแทบตายที่ต้องยอมให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้  หล่อนอ้างว่า หากเธอไม่ยอมให้หล่อนช่วยเหลือในเรื่องนี้  เธอจะเป็นคนที่ทำให้หล่อนถูกทำโทษ  และเวลาผู้พันโกรธจริงๆ เขาจะน่ากลัวมาก  ตอนนี้จึงพบว่าตัวเองถูกจับแต่งตัวใหม่ราวกับเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ 

แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ทั้งที่เคยดื้อรั้นมาตลอดเวลาและน้อยครั้งที่จะยอมใคร  กลับยอมให้คนอื่นออกคำสั่งกับตัวเองได้ ทั้งๆที่ เธอก็ไม่น่าจะกลัวอะไรเลยด้วยซ้ำ  ในเมื่อเขาไม่ได้มาอยู่ในห้องนี้และดูเธอเปลี่ยนชุดเสียหน่อย  เขาจะรู้ได้ยังไงว่า เธอยอมให้คนของเขาเปลี่ยนชุดให้หรือไม่  และผู้หญิงตรงหน้าคงไม่ซื่อสัตย์พอขนาดที่จะปากโป้งไปฟ้องเขาหรอกว่าเธอไม่ยอมให้หล่อนทำงาน  ออกจะดูกลัวการถูกทำโทษขนาดนี้นี่ 

แต่การที่มีคนปรนนิบัติบ้าง  มันก็น่าจะดีเหมือนกันนี่นา  ช่างมันแล้วกัน  อยากทำให้ก็ทำสิ 

“ขอบคุณค่ะ”  ดิออนเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพกับคนที่ช่วยแต่งตัวให้เธอ  และก็ได้เจอกับรอยยิ้มบางๆของสาวเงียบตรงหน้ากับคำโต้ตอบที่เธอไม่ชอบนัก

“ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันแค่ทำตามหน้าที่ที่ผู้พันสั่งมา”  หล่อนว่าอย่างนั้น  ทำเฉยๆกับการเม้มปากอย่างไม่พอใจของเธอกับคำตอบนี้  และตอนนี้หล่อนก็เตรียมหันหลังจะจากไปแล้ว  หากแต่เธอรั้งเอาไว้ก่อน  มีเรื่องอยากรู้ให้ต้องถามให้ได้

“เดี๋ยวค่ะ  อย่าเพิ่งไปสิคะ”

หล่อนหันกลับมาอย่างกับสั่งได้และถามกลับ “มีอะไรหรือคะ..คุณหนู”

แต่อยู่ๆคนที่จะถามก็มีอาการอึกอักขึ้นมา  ดิออนเหมือนพยายามจะหลบตาอีกคนเหมือนเด็กทำความผิด  แต่ไม่ใช่หรอก  เธอกำลังซ่อนใบหน้าที่แสดงออกอะไรง่ายๆของตัวเองอยู่  ก็รู้นี่ว่าตอนนี้ที่ผิวแก้มร้อนผ่าวแบบนี้  หน้าของตัวจะต้องแดงเถือกไปหมดแล้ว  เพราะอะไรล่ะ  ก็เพราะดันกลับนึกไปถึง  ว่าเมื่อเช้าตื่นขึ้นมาด้วยสภาพอย่างไรน่ะสิ 

“อ่อ..คุณหนูอยากรู้ว่าใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เมื่อคืนใช่ไหมคะ”  หล่อนถามยิ้มๆเหมือนรู้ทันเธอทุกอย่าง  และเธอก็ทำได้แค่พยักหน้าตอบรับกลับไป  ไม่กล้ามองหน้าหล่อนด้วยซ้ำ ไม่รู้จะอายทำไม  ผู้หญิงเหมือนกันแท้ๆ 

แต่ผู้หญิงเหมือนกันสมัยนี้มันไว้ใจได้ที่ไหนกันล่ะ  ดูอย่างแคลกับผู้พันบ้านี่สิ  ผู้หญิงปกติหรือไง  ฉันจะไว้ใจใครได้บ้างล่ะ

และดิออนก็พบว่า ตัวเองใจชื้นขึ้นมา  และสามารถหายใจได้โล่งท้องกับบอกเล่าของหญิงสาวคนนี้

“ฉันเป็นคนเปลี่ยนเองล่ะค่ะ  ผู้พันเห็นว่าคุณหนูเป็นลมหมดสติไป  เลยให้ฉันจัดการให้คุณใส่ชุดให้สบายๆ ตามหลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับคนเป็นลมน่ะค่ะ”

เรื่องนี้ทำให้เธอทึ่งจึงอึ้งไปพักใหญ่ๆ  แต่ก็ยังสามารถกลับมาแสดงมารยาทอันดีต่อคนตรงหน้าได้  ก็ได้รับการอบรมมาบ้างเหมือนกัน  เป็นคุณหนูนี่

“งั้นหรือคะ..  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ  คุณ.....”

“โรสค่ะ  โรสลาเรน   แต่คุณหนูเรียกฉันว่า ‘โรส’ เฉยๆก็ได้นะคะ  ผู้พันก็เรียกแบบนี้”

ดิออนกระพริบตา  งงเล็กน้อยกับสีหน้าดีใจและความปลาบปลื้มในดวงตาของหญิงสาวเมื่อหล่อนเอ่ยถึงเจ้านาย  เป็นไปได้เหมือนกันว่า  หล่อนอาจจะแอบปลื้มผู้หญิงแปลกๆนั่นอยู่  ดูไม่ยากเหมือนกันนะ  พักนี้เธอรู้สึกว่า  เซ้นท์ทางนี้ของตัวเองดีเหลือเกิน

“ค่ะ  งั้นขอฉันเรียกคุณโรสนะคะ”  ถึงจะค่อนข้างจะรู้สึกหมั่นไส้ในท่าทางของหล่อนแบบนี้  แต่ก็ยังพยายามรักษาอาการ  รู้สึกตัวว่าเริ่มโตขึ้นแล้ว  ก็อยากจะเลิกทำตัวเป็นเด็กนิสัยไม่ดีแบบเมื่อก่อนเสียที  ตอนนี้เลยได้เห็นผู้หญิงตรงหน้ายิ้มระรื่นอีกครั้ง  หล่อนบอกลาอย่างเป็นทางการ  และหันไปเปิดประตู

แต่เธอยังมีเรื่องอยากรู้อีกนี่นา...

“เดี๋ยวค่ะคุณโรส”

คนถูกเรียกชะงักอีกครั้งและหันมาทำตาโตใส่เธอ  เหมือนเธอไปทำให้หล่อนเริ่มเสียเวลามากไปแล้ว  แต่ไม่นานก็กลับมามองหน้าเธอพร้อมรอยยิ้มอย่างปกติได้อีก  ช่างเป็นผู้หญิงหลายหน้าจริงๆ

“มีอะไรจะให้รับใช้อีกหรือเปล่าคะ..คุณหนู”

รู้สึกว่าประโยคนี้จะว่าประชดเธอนะ  แต่ก็ใช่ว่าจะสนใจ  ดิออนเริ่มกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง  เบื่อแล้วกับคำว่ามารยาท

“ฉันอยากพบผู้พัน  บอกให้เขารีบมาหน่อยได้มั้ย” 

หล่อนดูตกใจกับประโยคคำสั่งห้วนๆของเธอ  แต่ก็รีบพยักหน้าให้เร็วๆเหมือนกลัวอะไรสักอย่างเสียแล้ว  แล้วหล่อนก็จากไปอย่างไม่เหลียวหลังกลับมามองหน้าเธออีกเลย
เชอะ..เบื่อจริงนะ  พวกคนเสน่ห์แรง  เมื่อไหร่จะไปให้พ้นๆได้ซะที

--The bodyguard--

ร่างบางก้าวผ่านประตูห้องออกมา  ในที่สุดดิออนก็พบว่าเธอจะต้องเดินออกมาเอง  หากต้องการจะพบใครคนนั้น  เขาสั่งให้ผู้หญิงคนเดิมกลับเข้ามาบอกเธอว่า  เขาต้องการให้เธอออกไปสูดอากาศภายนอกบ้างและอีกอย่าง  เรือก็กำลังจะเข้าฝั่งแล้วอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง  เธอจะได้เตรียมตัวให้พร้อมที่จะลงไป

แรกๆเธอก็รู้สึกขัดใจที่ถูกสั่งกลับมาอีกจนได้  แต่เมื่อได้ออกมาภายนอกห้องสี่เหลี่ยมนั้นจริงๆ ก็ทำให้เข้าใจถึงความหวังดีของคนแปลกหน้าคนนั้น  อากาศภายนอกบริสุทธิ์น่าสัมผัส  เหมือนกับวันนั้นที่เธอเดินทางมาส่งแคลที่นี่ไม่มีผิด  เธอจึงเดินมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้สึกหงุดหงิดเท่าที่คิดไว้อีกต่อไปแล้ว

แต่อยู่ๆหัวใจก็วูบไหวอย่างน่าประหลาด  เมื่อเดินมาพบว่า  มีใครบางคนยืนอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือ  คนตัวสูงนั่นเหมือนไม่สนใจอะไรใคร  เขาเท้าแขนยาวๆอยู่กับรั้วระเบียงดาดฟ้า  สายตามองทอดไปยังทะเล  เส้นผมสีเงินยาวเลยบั้นท้ายพลิ้วไหวไปตามกระแสลม  และแม้จะพบความจริงว่า  เขาไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปมากนักจากร่างกายที่เธอเห็น  แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า  ใบหน้าแบบนี้  ก็คือผู้หญิงสวยๆคนหนึ่งนั่นเอง  แววตาของดวงตาคมกริบนั่นดูอ่อนโยน  แก้มขาวเนียนน่าสัมผัส  เรียวปากสวยสีชมพู  เวลาขยับพูดหรือยิ้มในแต่ละครั้ง  แทบจะกระชากหัวใจใครสักคนให้ตามไปได้ง่ายๆ

และนี่ใช่ไหม  ที่กระชากหัวใจแคลไปตั้งแต่สิบเอ็ดปีที่แล้ว  เขาเป็นเจ้าของหัวใจแคลใช่ไหม  แล้วเธอก็คงจะเป็นส่วนเกินใช่หรือเปล่า...

น้ำตาร่วงพราวลงมาอย่างไม่ได้สั่งการ  แต่ไม่นานก็พบว่า  มีปลายนิ้วมาปาดมันออกให้  เจ้าของมันเข้ามาหาเธอตั้งแต่เมื่อไหร่  ทำไมเขามาได้ไวนัก  และทำไม  ฉันจะต้องร้องไห้ด้วยล่ะ  ไม่เข้าใจ..

“เธอเป็นอะไรไป..เด็กน้อย”

เสียงนุ่มๆละมุนหูแบบนี้ทำให้ถึงยิ่งทำให้น้ำตายิ่งไหลออกมาเพิ่มมากขึ้น  ฉันกำลังรู้สึกอะไรอยู่   ฉันเป็นอะไร..?

“โกรธฉันใช่ไหม..  ขอโทษนะ  อ่ะนี่..  ฉันให้เธอตบหนึ่งที  อย่าร้องไห้ได้หรือเปล่า” 

ใบหน้าขาวๆนั่นโน้มลงมาหาเธอ  เขาตัวสูงมากเกินไป ขนาดก้มลงมาแล้ว  เธอก็เกือบจะเอื้อมไม่ถึง  แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีจังนะ  ที่เห็นเขาทำแบบนี้ 

คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่..ผู้พัน   บางครั้งก็น่าหมั่นไส้จนอยากจะตีให้ตาย  บางครั้งก็น่ากลัวจนใจหายไปหมด  แต่ครั้งนี้..  คุณกลับดู....น่ารักได้อย่างน่าประหลาด  หรือฉันกำลังเริ่มประสาทกลับที่เห็นคนแบบคุณน่ารักได้กันนะ..ผู้พัน

“ฉันไม่ได้ร้องไห้ซะหน่อย  แค่แสบตาเท่านั้นเอง” เธอปฏิเสธข้างๆคูๆ จนเห็นเขายิ้มอย่างรู้ทันออกมา  ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าจากอกเสื้อให้เธอ

“โอเค..  ไม่ได้ร้อง  ก็ไม่ได้ร้อง  แต่เช็ดหน้าหน่อยก็ดีนะ  ฉันไม่อยากให้แคลเข้าใจผิดว่า  ฉันรังแกเธอ” 

เขาพูดยิ้มๆเหมือนไม่ได้คิดอะไร  แต่เมื่อหันไปหาทะเลอีกครั้ง  คนที่กำลังจะร้องไห้คนต่อไปกลับเหมือนว่าจะเป็นเขาซะเอง  ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลนั่น  มันเศร้าซะจนเธอแทบอยากจะร้องไห้แทน   เขามีเรื่องเจ็บปวดอะไรนักหนาหรือ  ทำไมถึงดูเศร้าได้ทุกครั้งเวลาไม่พูด  หรือยิ้ม  เวลาที่มีแสดงสีหน้าเย็นชาแบบนั้น

แต่ความสงสัยนี้  เธอก็ไม่มีโอกาสจะถามไถ่อะไร  เมื่อเขาพูดขึ้นใหม่และหันมายิ้มบางๆ

“ทะเลสวยดีนะ  แบบนี้ที่เกาะก็น่าจะสวยด้วย  ใช่หรือเปล่า”

คำถามนี้ทำให้เธอสนใจจนต้องถามกลับไปด้วยความแคลงใจที่มี  “คุณแต่งงานกับแคล  แต่ไม่เคยมาที่นี่เลยเหรอ..ผู้พัน”

เขาหันมายิ้มเจื่อนๆและสั่นศีรษะน้อยๆถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเหม่อหาทะเลอีกครั้ง  “ฉันมาญี่ปุ่น  ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเท่านั้น  ครั้งแรก..มาขอแคลกับพ่อแม่   และครั้งที่สองก็ครั้งนี้แหละ” 

มาขอแคลกับพ่อแม่..   นี่แสดงว่า..พวกเขารักกันจริงๆใช่ไหม..? 

แล้วฉันจะสงสัยเรื่องนี้ทำไม  คนไม่รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไงกันล่ะ  คลุมถุงชนเหรอ  ไม่หรอก..  ไม่ใช่เธอนี่นา..  ที่อยู่ๆก็มารู้ว่ามีคู่หมั้นทั้งที่ไม่เคยได้เข้าพิธีอะไร  แถมคู่หมั้นก็ดันแต่งงานแล้ว  และสามีของเขาก็ยืนอยู่ตรงนี้อีกด้วย  อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้กันล่ะ

เออ..ช่างมันเถอะ  ฉันเลิกเสียใจเรื่องนี้แล้ว  มันชิน...

“งั้นคุณกับแคลก็แต่งงานกันที่อังกฤษสินะคะ”

“ใช่.. ทำพิธีที่อังกฤษ  จดทะเบียนที่เนเธอร์แลนด์  ตามกฎหมายรักร่วมเพศเป๊ะเลยล่ะ”

เขาพูดเหมือนมันเป็นเรื่องสนุก  แต่ดวงตาคมๆนั่นเหมือนจะมีน้ำตามาคลอๆ หรือความหลังครั้งเก่าๆจะพาความเศร้ากลับมาด้วยกันนะนี่

“คุณอายุเท่าไหร่คะ  ตอนนั้น”  ดิออนแปลกใจตัวเองที่ยังพยายามถามเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน  แต่แน่นอนเขาตอบเธอเหมือนเคย  เหมือนอยากให้รู้เหมือนกัน

“ยี่สิบ..  ฉันอายุยี่สิบ  แคลอายุสิบแปด  ฉันแก่กว่าเค้าสองปีน่ะ”

“งั้นแคลก็แต่งตั้งแต่ยังเรียนไม่จบน่ะสิคะ”

“อื้ม..  ใช่..  เพราะเค้าอยากเป็นทหารอังกฤษ  เค้าเลยต้องเปลี่ยนสัญชาติด้วยการแต่งงาน  ก็เลยแต่งกันเร็วน่ะ” 

คำบอกเล่านี้เหมือนจะยิ่งทำให้ความเศร้าในดวงตาคู่นี้เพิ่มขึ้น  เธอไม่รู้จริงๆว่า  เธอจะถามเขาให้ได้อะไร  ถามให้เจ็บเองที่ต้องมาฟังเรื่องนี้  หรือถามให้เห็นว่า เขาจะมีปฏิกิริยาอะไรกับมัน 
ฉันไม่รู้..  แต่ฉันอยากรู้เรื่องของพวกเค้า..  ฉันอยากรู้จักคนที่จะมาอยู่ด้วยกันกับฉันในอนาคต  ถ้ายังมีโอกาสอยู่  ถ้าเค้ายังไม่เปลี่ยนใจ   ฉันอยากรู้จักแคล   และถึงรู้แล้ว..จะทำให้รู้สึกไม่ดียังไง  ก็ยังอยากจะรู้..

“คุณแต่งงานกันมาแปดปี  แล้วทำไมถึงแยกกันได้คะ”

คำถามนี้เหมือนเป็นหมัดหนักๆที่พุ่งไปท้องแข็งแกร่งของเขา  เล่นเอาหน้าขาวๆสวยๆนั่นซีดลงถนัดตา  เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาก้มหน้ามองพื้นและเหมือนจะยืนไม่ไหวจนต้องพิงรั้วระเบียง  และเสียงพูดก็เบามากเหลือเกินจนเธอแทบจะไม่ได้ยิน

“ฉันไปทำภารกิจที่อื่นสามปี   กลับมาอีกทีก็รู้ว่า  เค้าไม่รอฉันแล้วล่ะ”

หัวใจของดิออนกระตุกวูบเพราะเสียงเบาๆนี้  นี่ตกลงว่า  ที่เลิกกัน  มันเพราะเรื่องเท่านี้เองหรือ  ทำไมมันง่ายจริงๆ  ไม่อยากจะเชื่อ

“แล้วตลอดเวลาสามปีที่คุณไม่อยู่  คุณไม่ได้ติดต่อเค้าเลยหรือไงคะ  เค้าถึงได้---”

“ภารกิจของฉัน  ไม่สามารถให้ใครรู้ได้ว่า  อยู่ที่ไหน  ฉันติดต่อใครไม่ได้  แม้กระทั่งพ่อแม่  แคลเองก็เหมือนกัน”

มันน่าเศร้าจริงๆ  ถูกทิ้งเพราะต้องทำงาน  ไม่น่าแปลกใจเลยว่า  หน้าตาของเขาจะเศร้าแบบนี้เวลาพูดถึงความหลัง

“แต่ฉันก็รู้นะว่า  ทำไมแคลถึงรอฉันไม่ได้  เพราะนอกจากฉันกับพ่อแม่ของฉันแล้ว  เค้าก็ไม่มีใครในอังกฤษเลย  เพื่อนๆแยกย้ายกันไปหมด  เค้าคงจะเหงามาก  บวกกับที่พ่อแม่ของเค้าเสียชีวิตพอดี   เค้าก็เลยกลับมา  ลาออกจากทหารมาทำงานที่บ้านแบบนี้”

“แค่นี้เหรอคะ  เหตุผลที่คุณสองคนเลิกกัน”

ประโยคคำถามของเธอครั้งนี้ดูเหมือนจะแรงไปมาก  จากที่เห็นคนถูกถามตาโตกลับมา  ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนีไป  กอดอกขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ  แต่เมื่อเขาไม่ตอบคำถาม  ความอยากรู้ก็ทำให้เธอต้องพูดอีก

“ตอบมาสิคะ..ผู้พัน  เหตุผลแค่นั้นหรือไง  มันง่ายไปไหมสำหรับคนรักกันน่ะ”

“ฉันไม่รู้..  ถ้าเธออยากรู้  ก็ไปถามคู่หมั้นเธอดูสิ  เค้าอยู่ที่นั่นไง”

อยู่ที่นั่น..  หมายความว่ายังไง..?

และความสงสัยของเธอก็ถูกตอบออกมาเป็นภาพแก่สายตา  เมื่อพบว่าแคลยืนอยู่ที่ชายหาดพอดีกับที่เรือแล่นไปเทียบท่า  แต่ทว่าดวงตาสีแดงนั่นไม่ได้มองมาที่เธอ  และในมือของแคลถืออะไรอยู่

ปืน...

“อย่านะแคล..  อย่าทำเค้า!” 

เสียงของเธอตะโกนร้องออกไป  เมื่อแน่ใจว่า  จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนี้   ดิออนหวังจะห้ามปรามคนที่ย่ามใจถือปืนออกมาต้อนรับนั่น  แต่ไม่ทันการณ์  กระสุนถูกปล่อยให้แหวกว่ายอากาศออกมาหาคนที่ดวงตาสีเพลิงเพ่งมองไปหา

ร่างสูงของเขาไม่ไหวติงอะไร  เหมือนพร้อมจะยอมรับโทษครั้งนี้  ผิดจากเธอ..  เธอจะไม่ยอมให้แคลทำแบบนี้..  ไม่ใช่แบบนี้สิ...

สุดท้ายสิ่งที่เธอรับรู้ก็คือ  ตัวของเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของคนตัวใหญ่กว่ามากๆอีกครั้ง  เสียงนุ่มๆของเขากระซิบบางคำเข้าหูเธอออกมา  ก่อนที่โลกทั้งใบจะมืดดำ

“ฉันไม่ได้มาให้เธอปกป้องนะเด็กน้อย   ฉันมาเพื่อปกป้องเธอ  จำไว้ให้ดี”




เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.