web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 84
Total: 84

ผู้เขียน หัวข้อ: Break of day [Fan Fiction - Attack on Titan]  (อ่าน 3217 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Pamut

  • Moderator
  • หน้าใหม่
  • *****
  • กระทู้: 3
Break of day [Fan Fiction - Attack on Titan]
« เมื่อ: 28 ธันวาคม 2013 เวลา 17:16:09 »
Break of day

“ฉันทำเรื่องโง่ ๆ ไปจนได้”

ร่างในชุดกันหนาวขนสัตว์ยาวครึ่งแข้งพึมพำกับตนเอง เธอมองร่องรอยอันเป็นหลักฐานในสิ่งที่เธอกระทำ

กลางดึกที่เงียบสงัดในป่าสนโบราณพายุหิมะยังคงตกหนัก ละอองบางเบาที่เย็นเยือกปกคลุมพื้นดินและยอดไม้สูงจนทั่วบริเวณเป็นสีขาวโพลน บนหิมะที่หนานับฟุตปรากฏรอยเท้าคล้ายรอยเท้ามนุษย์ขนาดใหญ่ซึ่งกำลังมุ่งตรงไปยังค่ายพักที่อยู่ตีนเขา

 “ฉันทำลงไปได้ยังไง”

ร่างสูงกล่าวพลางภาวนาอยู่ในใจให้พายุหิมะรุนแรงกว่านี้ด้วยหวังให้มันลบล้างความผิดพลาดทุกอย่างในคืนนี้

“ยีมีร์...!”

เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัว เธอหันไปทางต้นเสียงซึ่งเป็นเด็กสาวตัวเล็กซึ่งสูงเพียงแค่อกของเธอ

“คริสธ่า...”

“ยีมีร์...!” เจ้าของใบหน้ากลมมนยิ้มร่าด้วยความดีใจ “จู่ ๆ เธอก็หายตัวไป ฉันเห็นเธอมองขึ้นภูเขาหลายครั้งเลยคิดว่าเธอต้องย้อนกลับขึ้นมาอีกแน่ ๆ เลยลองขึ้นมาดู”

คริสธ่าเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย เธอยกตะเกียงขึ้นเพื่อมองหน้าเพื่อนร่วมรุ่นชัด ๆ

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้ฉันได้ยินเธอพูดอยู่คนเดียว เธอขึ้นมาบนนี้อีกทำไม” เด็กสาวผมสีบลอนด์ยกมือตนเองจับแก้มของคนตัวสูงกว่าก่อนจะรีบหันไปหยิบกระบอกเก็บความร้อนยื่นส่งให้ “เธอตัวเย็นมาก ฉันเอาช็อกโกแลตร้อนติดมาด้วย ดื่มก่อนสิ”

“ยัยบ้า...” ฝ่ายตรงข้ามพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ

“เอ๋...”

“ยัยบ้าเอ๊ย...!” ร่างสูงโปร่งตวาดสุดเสียง “ฉันบอกแล้วว่าอย่าทำตัวแบบนี้อีก ถ้าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเธอหลงป่าตายกลางพายุนี่จะทำไง”

“ยีมีร์... อ๊ะ...!”

เด็กสาววัยแรกรุ่นอุทานเมื่อตนเองถูกดันกระแทกกับลำต้นสน เธอเงยหน้ามองเพื่อนของเธออย่างไม่เข้าใจ

สีหน้าของยีมีร์โกรธเกรี้ยวมากกว่าตอนที่เธอดึงดันจะช่วยชีวิตแดชเพื่อนร่วมรุ่นฝึกทหารอีกคนเสียอีก ดวงตาสีน้ำตาลของอีกฝ่ายจ้องเขม็งมาที่เธอราวกับอสูรร้าย

“ยี...”

“อย่าทำตัวเป็นคนดีแบบนี้ได้มั้ย” ผู้กำลังมีโทสะเค้นเสียงพูดที่ละพยางค์ เธอจับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าออกแรงบีบ “ฉันกับเธอมันแตกต่างกัน อย่ามาทำให้ฉันสูญเสียโอกาสในชีวิต กลับไปซะ...! ออกไปให้พ้นจากชีวิตฉัน เลิกทำตัวน่ารำคาญมาคอยเดินตามฉันได้แล้ว ฉันจะไม่ช่วยหรือทำงานอะไรให้เธออีกแล้ว...!”

คริสธ่าเบิกตาโพล่ง

“มะ... ไม่... ไม่ใช่แบบนั้น” เธอตอบเสียงสั่น

“ถ้าไม่ใช่แล้วเพราะอะไร...!” ยีมีร์แผดเสียงด้วยความโกรธ “รู้ไว้ฉันไม่เคยคิดจะเป็นเพื่อนกับเธอ...!”

นัยน์ตาสีฟ้าใสเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อขึ้นทีละน้อย เจ้าของดวงตาคู่นั้นย่นคิ้วเข้าหากัน

“ฉัน... ฉัน...”

คำพูดที่อยากพูดทุกอย่างจุกอยู่ในอก

“ฉัน... ฉันแค่เป็นห่วงเธอ”

“ยังจะพูดแบบนี้อีก” เจ้าของเรือนผมสีดำกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าฉันเป็นคนเลวเธอจะห่วงฉันอีกมั้ย”

“ใช่”

เด็กสาวตัวเล็กกว่าพยักหน้าทันทีแต่นั้นกลับยังความโกรธให้กลับอีกฝ่าย

ยีมีร์คาดหวังความลังเลจากใบหน้าหมดจดนั้นแม้จะเพียงสักเล็กน้อยก็ตาม เธอคิดว่าผู้หญิงที่เธอตามหาจะมีนิสัยเหมือนเธอ มีความทะเยอทะยาน ความแค้น ความเกลียดชัง เธอมุ่งหวังจะใช้ประโยชน์จากผู้หญิงคนนั้นเพื่อผลประโยชน์และชีวิตที่ดีขึ้น

แต่เมื่อรู้จักกับเป้าหมายความคิดเหล่านั้นก็สูญสลายไป

คริสธ่ามองโลกในแง่ดีและมักจะเสียสละตนเองเพื่อคนอื่นเสมอ เธอจะยิ้มแม้ว่าถูกแกล้ง เธอไม่บ่นอุทธรณ์แม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะการเอารัดเอาเปรียบของคนอื่น เธอทำดีกับทุกคนไม่เว้นแม้คนที่บาปหนาที่สุด

“ฉัน...” เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลก้มหน้าลง “ฉันไม่อยากให้เธอทำดีกับใครอีกแล้ว”

“ยี...”

ริมฝีปากสีกุหลาบถูกบดเบียดโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างตัวเล็กกว่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

ยีมีร์กำลังจูบเธอ...

เด็กสาวเริ่มขัดขืนเมื่อได้สติแต่ไม่มีทางเลยที่เธอจะสู้แรงอีกฝ่ายได้ ข้อมือของเธอถูกตรึงด้วยฝ่ามือที่แข็งแกร่งราวคีมเหล็ก ลิ้นร้อนลื่นลากสำรวจชิมปลายลิ้นของเธออยู่ ลมหายใจผ่าวร้อนกำลังเป่ารดบนพ่วงแก้มที่เรื่อแดงจัด

คริสธ่าสะบัดหน้าหนี

“ยะ... อย่า...”

“เกลียดฉันแล้วใช่มั้ย...!”

เจ้าของใบหน้าหมดจดส่ายหัวช้า ๆ น้ำตากำลังไหลออกจากดวงตาสีฟ้าคู่นั้น

ผู้ข่มขู่ชะงัก เธอยันตัวออกแล้วพลิกหันหลังก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดิม

“กลับไป”

หญิงสาวสะดุ้งเมื่อร่างตัวเล็กกว่ากลับโอบเธอจากด้านหลังไว้แน่น

“ฉันไม่เคยคิดจะเกลียดเธอเลย” เด็กสาวเอ่ย

ยีมีร์รู้สึกถึงอาการสะท้านน้อย ๆ ของอีกฝ่าย คริสธ่ากำลังกลั้นน้ำเสียงตนเองและพยายามฝืนไม่กรีดร้องออกมา ผู้กระทำการหยาบช้าสำนึกในความผิดของตนเอง เธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นกุมฝ่ามือเล็ก ๆ แต่ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรอีกเหตุร้ายก็พุ่งตรงมาที่เธอ

ดวงตาสีเขียววาวนับสิบ ๆ คู่ปรากฏขึ้นล้อมรอบคนทั้งคู่ กลิ่นสาบสัตว์เหม็นโชยคละคลุ้ง

หญิงสาวรู้สึกเจ็บใจที่ไม่ระวังตัวจนให้สัตว์ป่าหิวโหยพวกนี้เข้าระยะ เธอเหลือบมองเด็กสาวที่อยู่ด้านหลัง ลำพังตัวเธอสามารถหนีจากฝูงสัตว์ป่าพวกนี้ได้อย่างสบายแต่คนที่เกาะหลังเธออยู่ไม่ใช่...

เจ้าของเรือนผมสีดำนิ่งงั้นไปชั่วครู่

หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงปล่อยมนุษย์คนหนึ่งตายไปต่อหน้าได้โดยไม่ยี่หระ และคิดมาตลอดว่าจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองเท่านั้น แต่เพราะอะไรเธอจะต้องใส่ใจเด็กคนนี้ขนาดนี้ รวมถึงเรื่องเมื่อครู่เหตุผลอะไรที่เธอจะต้องกลั่นแกล้งอีกฝ่ายด้วยวิธีการเช่นนั้น

“คริสธ่า...” ร่างเพรียวสูงเรียกชื่อให้อีกคนได้สติ เธอดึงให้ร่างบอบบางเข้ามากอด “ฉันเชื่อเธอได้ใช่มั้ย”

“ยีมีร์...”

“ตอบ...!”

เจ้าของดวงตาสีฟ้าใสพยักหน้าอย่างงุนงง

“ไอ้หมาพวกนี้ฉันจัดการเองได้ เธอเป็นตัวเกะกะนั่งหลบอยู่ตรงนี้” ยีมีร์คว้าต้นแขนเด็กสาวให้เดินตามแล้วดันให้เธอเข้าไปซ่อนที่โพรงตรงโคนลำต้นสนโบราณ คนตัวสูงกว่าถอดเสื้อกันหนาวของตนเองคลุมอีกฝ่ายทั้งตัวก่อนจะกอดเอาไว้แน่น “ถ้าฉันไม่เรียกสัญญาสิว่าเธอจะไม่ดึงเสื้อตัวนี้ออกเด็ดขาด”

“ฉันจะสู้ด้วย”

คริสธ่าพยายามดึงเสื้อขนสัตว์ที่คลุมตัวเธอออกแต่เธอกลับรู้สึกถึงแรงอันมหาศาลที่บีบตัวเธอไว้

“ฉันบอกว่าให้เธอสัญญา”

“ยีมีร์”

“ตอบ...!”

“ดะ... ได้...” เด็กสาวสะดุ้ง “ฉันสัญญา”

ร่างตัวเล็กที่ถูกคลุมตัวด้วยเสื้อกันหนาวได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายโอบเธอไว้อยู่และพูดด้วยภาษาที่เธอเข้าใจ หลังจากนั้นยีมีร์ก็หายไป

เด็กสาวได้ยินเสียงสัตว์ป่ามากมายคำรามล้อมรอบโพรงไม้นั้น เธอบีบมือตนเองแน่น

แท้จริงแล้วเธอไม่ใช่คนดีอย่างที่คนอื่นชม เธอเป็นแค่คนธรรมดาที่มีความชอบ ความเกลียด และความกลัว ตอนนี้เธอหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้จะลุกขึ้นออกไปช่วยเพื่อนของเธอ

“เพื่อน...” คริสธ่าพึมพำกับตนเอง

‘ฉันไม่เคยคิดจะเป็นเพื่อนกับเธอ’

ความรู้สึกจุกแน่นกลางอกกลับมาอีกครั้ง เพราะอะไรเธอจึงเจ็บปวดกับคำพูดนั้น

ร่างบอบบางรีบยกหลังมือเช็ดน้ำตาตนเอง

“นี่ไม่ใช่เวลามาร้องไห้” เธอเรียกสติตนเองกลับมา

เจ้าของดวงตาสีฟ้าเบิกตากว้างอย่างแปลกใจเมื่อมีแสงจ้าเล็ดรอดผ่านเสื้อขนสัตว์ที่คลุมตัวเธออยู่

“สว่างแล้วงั้นเหรอ... ไม่ใช่ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าเช้า แล้วนั่นแสงอะไร”

คริสธ่าจับเสื้อกันหนาวจะดึงออกแต่แล้วเธอกลับนึกถึงคำพูดของยีมีร์ขึ้นมาก่อน

‘สัญญาสิว่าเธอจะไม่ดึงเสื้อตัวนี้ออกเด็ดขาด’

“แต่...” เด็กสาวลังเล

‘ฉันเชื่อเธอได้ใช่มั้ย’

เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ก้มหน้าซบลงกับเข่าตนเอง เธอบีบมือของตนเองแน่น

เสียงสัตว์ป่าขู่กรรโชกเห่าหอนยังคงดังต่อเนื่อง กลิ่นสาบสัตว์เหม็นตลบอบอวลซ้ำยังเพิ่มด้วยกลิ่นคาวของเลือดสดคละคลุ้งชวนสะอิดสะเอียน

“ยีมีร์...” เด็กสาวพึมพำพลางท่องคำภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เธอต้องไม่เป็นอะไร”

คริสธ่าเงยหน้าขึ้นเมื่อสังเกตว่าเสียงรอบตัวเงียบลงผิดปกติ มันกลับกลายเป็นป่าสงบสงัดไร้ทุกเสียง

“ยีมีร์...!” เธอเริ่มเปล่งเสียงตะโกนเรียกชื่ออีกคน มือจิกโคนต้นสนไว้พยายามห้ามใจตนเองไม่ให้เลิกเสื้อตัวนั้นออก “ยีมีร์...! ยัยโง่...! ตอบฉันสิ...! ถ้ายังเงียบอยู่ กลับลงไปได้ฉันจะฟ้องครูฝึกว่าเธอชอบอู้โดนซ้อม แถมยังชอบยัดเยียดงานตัวเองให้คนอื่นทำแทน...!”

“เออ... ฟ้องไปเลย”

เจ้าของใบหน้าโค้งมนเงยหน้าขึ้นทันที

ร่างสูงผมสีดำสนิทดึงเสื้อขนสัตว์ที่คลุมตัวเด็กสาวออก เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะขยี้ผมอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิง

คนตัวเล็กกว่านิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนจะผวากอดหญิงสาวทันที

ผู้ถูกกอดตกใจกับท่าทางดังกล่าวแต่ไม่ช้าเธอก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วกอดรับ เธออยากปกป้องร่างเล็ก ๆ ที่แสนบอบบางร่างนี้

คริสธ่าผู้แสนใจดี...

ถ้าชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดของเธอคือความมืดมิดของค่ำคืน มีเพียงคนเดียวที่นำรุ่งอรุณกลับมาให้เธอ

“กลับกันเถอะ” คนตัวสูงกว่ากล่าวพร้อมกับอุ้มอีกคนขึ้นอย่างง่ายดาย

“เอ๋...”

ผู้ถูกช้อนตัวร้องเสียงหลงแต่แล้วเธอต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า

แม้ที่นั่นจะปกคลุมด้วยความมิดมืดของรัตติกาลแต่ก็ยังพอให้เห็นเค้ารางของซากศพสัตว์ป่ามากมายนอนตายในสภาพร่างถูกฉีกขาด สภาพอเนจอนาถนั้นไม่มีทางที่มนุษย์จะกระทำได้

คริสธ่าเหลือบมองสีหน้าของผู้ที่อุ้มเธออยู่

ในฐานะของมนุษย์ไม่แปลกเลยที่เธอจะหวาดกลัวคนผู้นี้ขึ้นมาจับใจ แต่ในฐานะของเพื่อนร่วมรบเธอจะต้องวางใจสหายร่วมศึกโดยไม่มีข้อสงสัย และในฐานะ...

เด็กสาวยกมือปิดหน้าตัวเอง เธอถูหน้าตัวเองแรง ๆ ไม่ให้ฟุ้งซ่าน

“ยีมีร์... ขอบคุณนะ” เจ้าของดวงตาสีฟ้าใสเอ่ยเสียงแผ่ว เธอคล้องแขนโอบคอแล้วจุมพิตแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยดื้อ ๆ “ถ้าฉันเดินลงเขาเองสงสัยกว่าจะถึงก็เช้าแน่ ยีมีร์เดินเร็วกว่าฉันตั้งเยอะ”

“อือ...”

ผู้ถูกชมส่งเสียงรับสั้น ๆ

ร่างตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วเมื่อคนที่ชวนคุยทำหน้าจริงจังอีกแล้วโดยไม่ได้สังเกตสักนิดว่าตอนนี้ใบหน้าที่มีกระจาง ๆ บนสันจมูกแดงเข้มจัดไม่ใช่เพราะความเหนื่อยจากการต่อสู้แต่เป็นเพราะความเขินอาย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มกราคม 2014 เวลา 22:02:01 Pamut »




ออฟไลน์ ป่านิทรา

  • นักเขียน
  • หน้าใหม่
  • ****
  • กระทู้: 24
Re: Break of day [Fan Fiction - Attack on Titan]
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 18:27:23 »
ยีมีร์เย็นชาได้น่ารักมาก  :71:

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.