Chapter 3 : เด็กเลี้ยงแกะ
ดิออนยืนกระพริบตาปริบๆ เมื่อกลับมาจากไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตกแล้วเห็นว่ามีบางคนนั่งฟุบอยู่กับโต๊ะทำงาน ใบหน้าคมส่ายน้อยๆระหว่างถอนใจ แคลลี่ทรมานตัวเองอีกแล้วหรือนี่ ไม่ดีเลยนะ ทำไมถึงชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย คนอะไรไม่รู้สิ..
ร่างบางเดินเข้ามาหาคนนั่งฟุบ ขยับลูบศีรษะหล่อนเบาๆไม่ต้องการจะทำให้หล่อนตื่นขึ้นมา ริมฝีปากบางเผยยิ้มเจื่อนๆน้ำตาคลอน้อยๆ รู้สึกเหมือนเธอนี่แหละที่เป็นคนทรมานหล่อนแบบนี้
แคล..ฉันขอโทษ..
“ผู้พันคะ เอาเค้าไปนอนหน่อยสิ” สาวน้อยพูดเสียงเบากับคนที่เธอเห็นเขาเดินเข้ามา แองเจล่ากระพริบตาเหมือนงงๆเล็กน้อย แต่สักพักก็พยักหน้าให้
ร่างสูงใหญ่เข้ามาช้อนตัวคนหลับไม่รู้เรื่องขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แคลลี่เหมือนกลายเป็นเด็กน้อยในอ้อมอกของเขาไปทันที ไม่น่าเชื่อเลย..
“แคลตัวเล็กไปเลยนะคะเวลาที่โดนคุณอุ้ม” ดิออนวิจารณ์ยิ้มๆระหว่างเดินไปพร้อมคนตัวใหญ่ที่อุ้มอีกสาวอยู่ เขาหันมามองหน้าเธอและยิ้มบางๆพูดออกมาขำๆ
“เมื่อก่อนตอนตัวเล็กกว่านี้ เคยอ้อนขี่หลังฉันด้วยนะ เค้าแก่นแก้วมาตั้งแต่เด็กแล้ว เห็นหน้าหวานๆดูเรียบร้อยแบบนี้”
สาวน้อยทำตาโตกับเรื่องที่เพิ่งรู้ เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง แคลลี่เนี่ยนะจะเป็นเคยเป็นเด็กซนๆแบบนั้นเมื่อก่อน ท่าทางหล่อนเหมือนนางพญาแบบนี้น่ะเหรอ..
แต่มันคงจะจริงนั่นแหละ เขากับแคลอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กนี่นา สิบกว่าปีแล้วที่พวกเขาผูกพันกัน ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมพวกเขาถึงตัดกันไม่ขาด ความทรงจำระหว่างกันมันมีมากมาย
“อยากเห็นพวกคุณสองคนตอนเด็กๆจังนะคะ คงน่ารักดี” ดิออนพูดตามจริง แล้วเธอก็เห็นคนตัวสูงยิ้มอย่างมีความสุขออกมา แววตาของดวงตาสีเขียวน้ำทะเลไม่เย็นชาเหมือนที่เธอเห็นมันบ่อยๆอีกต่อไป และเธอก็รู้แล้วว่าเพราะอะไรเมื่อเขาเอ่ยเล่าความหลังให้ฟัง
“เค้าเป็นน้องรหัสของฉันที่โรงเรียนเตรียม ฉันต้องดูแลเค้ามาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วฉันก็เลยเห็นเค้ามาหมดทุกแบบแล้วล่ะ ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าซนๆ มาจนถึงเป็นสาวเต็มตัวที่มีแต่คนหลงรักแบบนี้”
“โอ้..ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ ขนาดนั้นแหละ”
สาวน้อยพยักหน้ารับรู้เรื่องเล่า หากแต่คราวนี้เธอเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของคนที่เดินข้างๆ แองเจล่าดูซึมๆ เปิดปากว่าอยากจะถามว่าเขาเป็นอะไรไป แต่ก็ไม่ทัน เขาพูดออกมาก่อน
“เค้าน่ะเปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกวัน เค้าคงไม่รู้ตัวหรอกว่า บางทีฉันก็ตามเค้าไม่ทันเหมือนกัน”
และเพราะรู้ถึงความหมายของคำพูดนี้ ดิออนจึงอยากจะปลอบใจคนพูดสักหน่อย แต่เธอก็ช้าเหมือนทุกครั้ง เมื่อคนขี้เซาขยับตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนอุ้ม คนตัวสูงก็เลยต้องพยายามกระชับแขนของเขาเอาไว้ให้มั่น กลัวว่าคนหลับจะตกลงพื้นก่อนจะไปถึงห้องนอน
เพราะแทนที่จะตื่นขึ้นมาและเดินไปนอนเองในเมื่อรู้สึกตัวแล้ว แคลลี่ก็กลับขยับแขนขึ้นมาโอบบ่าคนอุ้มและซบหน้ากับบ่าของเขา ท่าทางแบบนี้เหมือนเจ้าสาวที่กำลังถูกเจ้าบ่าวอุ้มเข้าหอไม่มีผิด แถมแว่วหูเธอยังได้ยินเสียงหวานกระซิบออกมาเบาๆว่า.. “แอน.. ง่วงแล้ว พาไปนอนหน่อย”
ดิออนมองหน้าคนหลับแล้วกระพริบตาปริบๆกับอาการแบบนี้ที่เธอไม่เคยเห็น แคลลี่อ้อนคนอื่นมันเป็นแบบนี้หรือไงนี่ เหมือนเด็กเอาแต่ใจที่กำลังอ้อนผู้ใหญ่เลย และอะไรก็ไม่ทำให้เธอประหลาดใจมากกว่าการที่แองเจล่าหัวเราะออกมาเสียงใสกับคำอ้อนๆนี้ ก่อนที่เขาจะกระซิบกลับไปน่ารัก
“ได้เพคะ..เจ้าหญิง แต่เจ้าหญิงต้องอยู่นิ่งๆนะเพคะ ไม่งั้นตกด้วย”
ดวงตาคมสีเขียวน้ำทะเลเป็นประกายเมื่อจบคำ แล้วเขาก็หันมาหาเธอเหมือนรู้ว่าเธอกำลังมองอยู่แปลกๆแบบนี้
“แต่นี่เป็นเรื่องเดียวที่เค้าไม่เปลี่ยนเท่าไหร่น่ะ มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเค้ายังเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิม ฉันรักเค้าที่ตรงนี้”
“เค้าเหมือนน้องสาวเล็กๆของคุณ..?” ร่างบางเอ่ยถาม พาให้อีกคนยิ้มรับและพยักหน้าขอให้เธอเปิดประตูห้องนอนให้ เพื่อจะพาคนหลับไปนอนบนเตียง
ดิออนช่วยจัดแจงที่นอนให้เพื่ออีกคนจะได้ไม่ลำบากกับการวางร่างที่หลับเหมือนเด็กขี้เซาลงนอน ดวงตาสีมรกตมองคนตัวใหญ่ที่ค่อยๆวางร่างอีกสาวลงอย่างเบามือ แองเจล่าจูบหน้าผากหล่อนเบาๆแล้วถอนตัวออกมามองหน้าเธอ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“แคลเป็นไข้นิดหน่อยน่ะ ปล่อยให้นอนสักพัก เดี๋ยวค่อยปลุกให้ไปทานอะไรแล้วทานยา”
“มิน่าล่ะ เค้าถึงหลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ แล้วนี่จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า ฉันว่าแล้วว่าแดดแรงแบบนี้ เค้าไม่ควรไปเดินแบบนั้น พักนี้ยิ่งอ่อนแออยู่ด้วย”
พูดบ่นๆออกมาอย่างไม่ได้มองหน้าคนฟัง และพอหันมาดูหน้าเขาที่เงียบไปก็ทำให้ใจหายแปลกๆ แองเจล่าหน้าซีดเหมือนคนไม่มีเลือดอยู่ในตัว จนเธอทนดูไม่ได้ต้องเข้าไปดึงตัวเขามานั่งลงที่โซฟาในห้องนี้ด้วยกัน ปล่อยให้คนหลับหลับต่อไปก่อน เดี๋ยวค่อยช่วยเช็ดตัวก็ได้ ไข้ไม่ได้สูง
“คุณเป็นอะไรไปอีก..ผู้พัน” ถามขึ้นมากับคนที่นั่งก้มหน้ามองพื้นห้องเหมือนมันน่าสนใจกว่าหน้าเธอ
ไม่ชอบใจเลยที่เขาชอบเป็นคนแบบนี้ จะพูดบ้างได้ไหม เป็นอะไรไปล่ะ ทองจะร่วงลงมาจากปากหรือไง เมื่อกี้ยังพูดได้ฉอดๆอยู่นี่
“ก่อนที่ฉันจะกลับมา แคลคงจะลำบากมากนะ เค้าไม่เคยอยู่คนเดียว”
ดิออนนั่งตาค้างกับเสียงเบาๆนี้ ที่แท้เขาก็กลับมาคิดเรื่องเก่าๆอีกแล้ว เดาได้เลยว่าคงจะโทษตัวเองอยู่ที่ปล่อยให้ภรรยาอยู่ตามลำพังตั้งสามปี แคลลี่ไม่เคยอยู่คนเดียวมาตั้งแต่อายุสิบห้าจนกระทั่งเขาจากไป ไม่แปลกเลยที่เขาจะคิดห่วงหล่อนขึ้นมา แต่มานั่งคิดตอนนี้จะได้อะไร..
มือบางขยับขึ้นจับบ่าคนตัวใหญ่กว่าให้เขาหันหน้ามามองกัน เธอยิ้มจริงใจให้เขาไป “จะคิดมากอีกทำไมคะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้แคลก็สบายดีนี่นา เค้าแค่เป็นไข้นิดหน่อยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่.. แต่เค้าโกรธฉันมากนะ เธอไม่รู้เหรอ..”
ดิออนเม้มปากน้อยๆหมั่นไส้เล็กๆกับคนความรู้สึกช้า แองเจล่าทำเป็นไม่รู้เรื่องไปได้ว่าคนที่เขากำลังพูดถึงอยู่คิดอะไรกับเขา แคลลี่รักเขาที่สุดแท้ๆ
“คุณรู้ไหมว่า ฉันอิจฉาคุณแค่ไหน..ผู้พัน” เด็กสาวพูดเสียงแผ่ว และเพราะแบบนี้จึงทำให้คนที่เอาแต่คิดมากอะไรไม่รู้หันมามองหน้าเธอ จากนั้นเขาก็พูดเหมือนรู้ตัวแล้วว่าผิด
“เธอเองก็คงโกรธที่ฉันกลับมาใช่ไหม.. ฉันขอโทษนะ แต่ฉัน—“
“แต่คุณก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคุณรักเค้ามากใช่ไหมคะ” พูดอย่างรู้ทัน อีกคนเลยพยักหน้ารับกลับมา ดวงตาคมยังฉายแววความรู้สึกผิด มันทำให้เธอไม่สบายใจ เด็กสาวส่ายหน้าระหว่างพูดขึ้นอีก
“แต่ฉันว่า คุณกลับมาแบบนี้ก็ดีแล้วนะคะ แคลจะได้รู้ว่าเค้าต้องการอะไรกันแน่” คนฟังกระพริบตาปริบๆเหมือนไม่เข้าใจที่เธอพูด เลยต้องขยายความ
“คุณรู้ไหมว่า แคลน่ะป่วยทางจิตใจ แต่เค้าซ่อนมันไว้จนไม่มีใครเห็น และเค้าก็คิดว่าไม่มีใครเห็นมันจริงๆ”
“แต่เธอเห็น...”
ดิออนพยักหน้ารับและจับมือที่ใหญ่กว่ามากมากุมไว้เหมือนจะบอกให้เขาตั้งใจฟังเธอให้ดี “ฉันอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยามาบ้างเลยพอจะดูอาการออก แคลเป็นผู้หญิงขี้เหงาที่ต้องการความรักมากๆเท่านั้น เพราะงั้นเวลาที่เค้ารู้สึกว่าขาดมันไป เค้าก็เลยต้องหาเอาจากใครๆที่พอจะให้เค้าได้ และมันก็เลยเป็นสาเหตุให้เค้าคิดว่า เค้าต้องการฉันเมื่อก่อนนี้ ก่อนที่คุณจะกลับมา และก็เป็นคุณนั่นแหละที่จะหยุดอาการโหยหาความรักของเค้าได้ เข้าใจไหมคะ”
แองเจล่ากระพริบตาหลายๆครั้งเหมือนไม่เชื่อหูว่าได้ยินอะไร แต่แล้วเขาก็ทำให้เธอแปลกใจกับคำวิจารณ์ที่ออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“รู้ไหมว่า..ตอนนี้ฉันคิดว่า เธอน่ะกลายเป็นบอดี้การ์ดของแคลไปแล้วนะ..ดิออนจัง”
“พูดอะไรคะ ไม่รู้เรื่อง” เด็กสาวถามโพล่งออกมาและปล่อยมือที่ตัวเองกุมไว้จนเพลินนี้ออก แล้วก็นึกเสียดายมันขึ้นมา ทหารบ้าอะไรมือนุ่มขนาดนี้นะ ยิงปืนเป็นแน่หรือเปล่าเนี่ย เธอแอบคิดในใจ แล้วก็หัวคิ้วกระตุกกับคำตอบที่ได้
“ก็ดูเธอสิ ออกหน้าปกป้องแคลออกขนาดนี้ เธอดูแลเค้าได้ดีกว่าฉันอีกนะ..รู้หรือเปล่า”
“ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันก็แค่พูดตามความจริง ก็เค้าต้องการคุณจริงๆนี่นา”
ดิออนแย้งให้อีกคนส่ายหน้ากลับมาให้ แปลกใจในความคิดของเขาจริงๆ แต่ที่แปลกใจกว่า ก็คือทำไมแคลยังไม่ตื่นอีก ทั้งที่พวกเธอคุยกันอยู่ตลอด จะนอนไปถึงไหนนะ หรือว่าไข้ขึ้นมากกว่าเดิม เป็นห่วงขึ้นมาเลยลุกขึ้นเดินกลับไปหาคนนอน เอามืออังหน้าผากหล่อนแล้วก็ขมวดคิ้ว บ่นพึมพำ
“สงสัยต้องเช็ดตัวแล้วค่ะ คุณทำได้ไหม..ผู้พัน”
“แล้วทำไมเธอไม่ทำล่ะ เธอก็ทำได้นี่”
โดนย้อนแบบนี้ก็หันขวับกลับมาทำตาถลึงใส่คนตัวใหญ่ที่ทำหน้าตกใจกับท่าทางของเธอทันที เขารีบเดินเข้ามาหาเธอและก้มตัวลงตรวจดูอาการคนป่วยที่กำลังหลับไม่ได้สติ คงเพราะพิษไข้ที่ทำให้เป็น หากแต่ดิออนก็ต้องแปลกใจกับคำพูดที่เขาพึมพำ
“ฉันรู้ว่าเธอตื่นแล้ว..แคลลี่ ลืมตาขึ้นมา ไม่งั้นฉันจะจับเธอแก้ผ้าต่อหน้าดิออนนะ”
ดิออนกระพริบตาอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็พบว่าสองตาของเธอจ้องอยู่กับใบหน้าหวานของคนที่นอนอยู่ตรงหน้าเหมือนว่าต้องการจะเห็นอะไร และเธอก็เห็นมันจริงๆ ดวงตาสีแดงยิ้มได้เปิดขึ้นมาและหันมามองหน้าเธอเต็มๆริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มหวาน แค่นี้ก็รู้สึกแล้วว่าหน้าตัวเองร้อนแค่ไหน หมายความว่าหล่อนได้ยินเธอพูดหมดทุกคำ.. ใช่ไหม...
โอ้..ตายแล้ว.. ฉันโดนหลอกเหรอเนี่ย.. พวกเขารวมหัวกันต้มฉันซะเปื่อย
“ขอบใจมากจ้ะดิออนที่เป็นห่วง ดีใจที่สุดเลยนะ”
เสียงหวานๆนั่นพูดออกมา แต่แทนที่เธอจะนึกดีใจกับความปลอดภัยและอารมณ์ดีของหล่อน ดิออนกลับพบว่าตัวเองเข้าไปผลักร่างที่กำลังลุกขึ้นมาจากที่นอนให้ลงนอนไปอีกครั้งและคว้าหมอนมาตีหัวหล่อนหลายๆครั้ง
“ยัยบ้า.. โรคจิต! แกล้งฉันเหรอ บ้าๆๆ!!”
“ดิออน.. ฉันแค่ล้อเล่น อย่าตีฉัน ฉันเจ็บ แอนทำอะไรสักอย่างสิ..แอน”
“แล้วจะให้ทำอะไรล่ะแคลลี่ เริ่มก่อนนะ สมควรแล้ว..”
“แอนน่ะ พูดแบบนี้เหรอ..พี่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไม่ใช่หรือไงเล่า ดิออนอย่า..”
“ฉันจะตีเธอให้เป็นไข้จริงๆเลย..แคลลี่”
“ดิออนใจร้าย..”
“ดิออน.. หยุดเถอะ เดี๋ยวแคลก็ตายจริงหรอก..”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน พวกบ้า! บ้าที่สุด! ฉันไม่อยู่กับพวกเธอแล้ว..”ร่างบางส่งเสียงตะโกนแล้ววิ่งหนีออกมาจากห้อง ไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยและร้องห้ามที่ดังออกมาให้ได้ยินหรือเสียงหัวเราะคิกคักของใครบางคนที่อยู่ในเหตุการณ์
ดิออนหอบน้อยๆขณะยืนพิงเสาอยู่ รู้สึกเหนื่อยผิดปกติ สงสัยเพราะวิ่งเร็วไปหน่อย แต่กระนั้นสาวน้อยก็พบว่าตัวเองยิ้มออกมาได้แม้จะหงุดหงิดที่ถูกแกล้ง โดนรุมแกล้งอีกแล้ว
“พวกบ้า.. อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะ คอยดู” พูดพึมพำขึ้นมาเหมือนจะแค้นพวกเขาแต่ทำไมเธอถึงได้ยิ้ม คงเพราะมันก็สนุกดี
แคลลี่กับแองเจล่าช่างหาเรื่องมาทำให้เธอประหลาดใจได้อยู่เสมอ ถ้าเธอไม่ได้เจอพวกเขา ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ ชีวิตคงน่าเบื่อพิลึก หากแต่เมื่อกำลังนึกเรื่องราวที่ได้เจอมาอย่างมีความสุข ความรู้สึกหนึ่งก็ทำให้เธอต้องชะงักและยกมือขึ้นกุมศีรษะตัวเอง ปวดหัวจนแทบจะระเบิด เกิดมายังไม่เคยปวดอะไรเท่านี้มาก่อน จากนั้นดิออนก็พบว่าตัวเองร้องออกมาเสียงดัง ด้วยข้อความที่สองหูเธอแทบจะไม่ได้ยิน
“แคลลี่.. ช่วยด้วย!”
TBC.