ตอนที่ ๒
“อ้าว...! นี่ลูกรู้จักกับหนูกรกฎเค้าแล้วเหรอ ดีจังจะได้ไม่มีปัญหา”
“นี่แหล่ะตัวปัญหาเลยค่ะ พ่อรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้นี่แหล่ะที่เตะกระป๋องโดนหัวพิมพ์วันนั้น แล้วหน้าอย่างนี้นะคะจะมาดูแลพิมพ์ ขนาดตัวเองยังดูแลตัวเองไม่ได้เลย โดนพิชิตจับแขนหน่อยเดียวร้องจะเป็นจะตาย” พูดจบยังส่งค้อนวงใหญ่ให้กรกฎอีกด้วย
“จริงเหรอกรกฎ” นครเอ่ยถามเจ้าตัวที่นั่งนิ่งอึ้ง พูดไม่ออกอยู่นาน
“เอ่อ...คือเรื่องนี้ หนูอธิบายได้ค่ะท่าน คือวันนั้นหนูไม่ได้ตั้งใจมันบังเอิญมากกว่า แล้วหนูก็รู้ตัวว่าผิดก็เลยไม่ได้ตอบโต้อะไรค่ะ” กรกฎอธิบายเรื่องราว โดยไม่สนใจคนที่มองมาที่เธอตาเขียวปั๊ด
“อะไรๆ ไม่ต้องมาโม้เลย แล้วหน้าเด็กเด๊าะแด๊ะแบบนี้ จะมาดูแลพิมพ์ได้ไงคะคุณพ่อ” พิมพ์รตายังหาข้ออ้างอย่างหมั่นไส้ท่าทางที่อวดดีของยายบ้าที่ยิ้มกวนเธอเหลือเกิน
“เพื่อนพ่อเป็นเจ้านายของหนูกรกฎ เขาบอกว่ากรกฎได้ยูโดสายดำด้วยต้องเก่งอยู่แล้ว ส่วนหน้าตาที่ลูกว่าเด็กนั่นน่ะ กรกฎเค้าอ่อนกว่าลูกแค่ปีเดียวเองนะจ๊ะ” พ่ออธิบายให้พิมพ์รตาฟังถึงที่มาของคนที่จะมาดูแลเธอ
“เชอะยูโดสายดำแล้วไง ฟลุ๊คหรือเปล่าก็ไม่รู้” พิมพ์รตายังไม่วายตั้งแง่
“ชัยเข้ามานี่สิ” นครเรียกลูกน้องคนสนิท
“ครับนาย” ชัยรีบเดินเข้ามาทันที
“ชัยทดสอบหนูกรกฎแล้วใช่ไหม” นครสอบถาม
“ครับนาย ใช้ได้ดีทีเดียวครับ ผมรับรองว่าเธอสามารถดูแลคุณหนูได้แน่นอนครับนาย” ชัยบอกกับนครเจ้านายอย่างมั่นใจ
“ลุงชัยเพิ่งรู้จักเค้าไม่ใช่เหรอ แล้วจะมั่นใจอะไรนักหนา” พิมพ์รตาหน้างออย่างขัดใจ ที่ทั้งพ่อกับลุงชัยคนเก่าแก่ของบ้านนี้ กลับเห็นดีเห็นงามไปกับยายเด็กนั่นกันไปหมด
“ชัยไปบอกพิชิตให้ไปที่สนามหน้าบ้านไป” นครบอกกับชัยไปอย่างตัดสินใจ ไม่งั้นพิมพ์รตาลูกสาวแสนดื้อของเขา คงไม่ยอมง่ายๆ เป็นแน่
“พ่อจะทำอะไรคะ” พิมพ์รตาถามพ่ออย่างแปลกใจ
“เดี๋ยวลูกก็รู้เอง กรกฎพร้อมไหม” นครบอกลูกสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนหันไปถามกรกฎซึ่งนั่งนิ่งเงียบ และเข้าใจดีกับสิ่งที่นครถาม
“ค่ะท่าน” ก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมในทันที
“ไปลูก ไปดูกันว่ากรกฎ เค้าจะดูแลลูกได้จริงหรือเปล่า” นครเดินไปจูงมือพิมพ์รตาให้เดินตามไปที่สนามหน้าบ้าน พิมพ์รตาเดินตามพ่อออกไปอย่างงงๆ
ที่สนามหน้าบ้าน พิชิตยืนรออยู่ก่อนแล้วเมื่อทุกคนเดินไปถึง
“ชัยบอกพิชิตแล้วใช่ไหม ว่าให้มาทำอะไร” นครเอ่ยถามชัย
“ครับท่าน” ชัยบอกอย่างนอบน้อม
“พ่อจะทำอะไรกันแน่คะ” พิมพ์รตาเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“พ่อก็จะพิสูจน์ให้ลูกดูไง ลูกจะได้หายสงสัยในตัวหนูกรกฎซะที” นครหันไปบอกลูกสาวอย่างมั่นใจในสิ่งที่เขาจะทำ
“กรกฎรู้ใช่ไหมว่าถ้าทดสอบไม่ผ่าน เธอก็จะอดได้งานนี้” นครหันไปพูดกับกรกฎ
“ค่ะท่าน” กรกฎตอบคำถามนครสั้นๆ อย่างเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำ
พิชิตจ้องมองกรกฎที่เดินลงมาในสนามอย่างไม่กระพริบสายตา‘เดี๋ยวเธอได้คลานกลับไปแน่ เรื่องอะไรฉันจะออมมือให้ตามที่ลุงชัยบอก ในเมื่อเธอจะมาแทนที่ฉัน ฉันไม่ยอมง่ายๆ หรอก’ กรกฎเดินลงไปในสนามช้าๆ เมื่อเธอเข้าไปใกล้ระยะ พิชิตซึ่งรอจังหวะอยู่แล้ว เตะใส่เธอทันที แต่กรกฎดึงตัวเองถอยออกมาแค่นิดเดียว ก็ทำให้พิชิตเตะวืดไปเหมือนกัน
พิชิตโกรธที่กรกฎหลบลูกเตะของเขาได้ ไม่รอช้าเขาต่อยหมัดตรงกะให้โดนหน้ากรกฎจังๆ แต่เธอหลบฉากออกทางซ้ายมือ แล้วใช้เท้าถีบยันไปบริเวณหน้าท้องพิชิตเต็มแรง จนทำให้พิชิตถึงกับจุกจนทรุดลง แต่เขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วก้าวยาวๆ เข้าประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาใช้สองมือบีบคอเธออย่างโกรธจัดจนลืมตัว
“ยืนบื้อให้เขาบีบคออยู่ได้ เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกพอดีกัน ยายบ้าเอ้ย” พิมพ์รตาซึ่งนั่งมองอยู่ที่ข้างสนาม มองเห็นพิชิตบีบคอกรกฎแน่นอย่างนั้น เธอตกใจจนลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว
กรกฎเหมือนได้ยินเสียงของพิมพ์รตา เธอเกร็งลำคอไว้แล้วประสานมือยกขึ้นกระแทกมือพิชิตให้ออกจากกัน พร้อมกระแทกส้นเท้าที่หน้าแข้งเขาอย่างแรง
“โอ๊ย...!!!” พิชิตร้องเสียงดัง ล้มลงกุมหน้าแข้งอย่างเจ็บปวด ก่อนจะมองจ้องหน้ากรกฎอย่างโกรธแค้นสุดๆ
“เอ้า...พอ...พอแค่นี้แหล่ะ” นครร้องบอกทั้งคู่ ก่อนจะหันมาถามลูกสาว
“ไงล่ะพิมพ์ ลูกเห็นหรือยังว่ากรกฎเค้าดูแลลูกได้แน่นอน”
“ค่ะพ่อ” ตอบพ่อเสียงแผ่ว อย่างยอมรับโดยดี
“เป็นไงบ้างกรกฎ เจ็บตรงไหนบ้าง” นครเอ่ยถามกรกฎ เมื่อเข้ามานั่งยังห้องนั่งเล่นกันแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะท่าน” กรกฎบอกท่านอย่างซาบซึ้งที่ท่านกรุณาถามเธอ ก่อนจะเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณนคร เจอกับสายตาที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว กรกฎรู้สึกว่าสายตาที่เคยขุ่นขึ้งนั้นดูคลายลง มีความเป็นมิตรมากขึ้น
“ตกลงว่าให้กรกฎ ดูแลลูกได้แล้วใช่ไหมพิมพ์” นครโอบกอดลูกสาวเบาๆ ก่อนสอบถาม
“ก็คงต้องตามนั้นแหล่ะค่ะ” พิมพ์รตาบอกโดยที่ไม่ได้เหลือบแลไปยังที่กรกฎนั่งอยู่เลย
“กรกฎ หนูพร้อมที่จะทำงานนี้แล้วใช่ไหม” นครถามกรกฎ
“ค่ะท่าน” กรกฎตอบคำถามอย่างมั่นใจ
“งั้นหนูต้องย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ เพื่อดูแลพิมพ์อย่างใกล้ชิด”
“อะไรนะคะ หนูต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ” กรกฎสอบถามอย่างคิดไม่ถึง
“ใช่ซิจ๊ะหนูต้องดูแลพิมพ์เค้าแบบใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาสามเดือน จนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น” นครยืนยันให้กรกฎเข้าใจในหน้าที่ของเธอ
“ถ้าเขาไม่อยากทำ ก็อย่าบังคับเค้าเลยค่ะ” พิมพ์รตาบอกพ่ออย่างรู้สึกหมั่นไส้กับอาการลังเลของกรกฎ
“เอ้อ...ทำค่ะ แต่หนูยังไม่ได้เตรียมตัว เพราะไม่รู้ว่าต้องย้ายมาอยู่ที่นี้ด้วย” กรกฎจำต้องบอกเสียงอ่อย
‘ฉันต้องใช้เงินนี่ ถ้าไม่ทำแล้วจะเอาอะไรกิน งานยิ่งหายากๆ อยู่ ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนเธอนี่ ยายคุณหนู’ กรกฎคิดอย่างหมั่นไส้กับท่าทางของคนที่จะมาเป็นเจ้านายเธอ
“งั้นพรุ่งนี้ เธอก็เก็บข้าวของ เข้ามาอยู่ได้เลย เดี๋ยวฉันจะให้คนจัดห้องข้างๆ ห้องพิมพ์ไว้ให้เธอ กรกฎเธอต้องเข้าใจนะว่าระหว่างการหาเสียง มันเป็นเวลาที่เสี่ยง อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ฉันไว้ใจให้เธอดูแลลูกสาวฉันนะจ๊ะ” นครบอกกับกรกฎอย่างไว้วางใจ ก่อนเดินมาวางมือลงบนบ่ากรกฎเบาๆ
“ค่ะท่าน หนูจะปกป้องดูแลคุณหนูอย่างดีที่สุดค่ะ” กรกฎบอกนครเสียงหนักแน่น สายตาที่มองเลยมาที่พิมพ์รตานั้นมุ่งมั่น อย่างอยากจะบอกให้รู้ และให้วางใจว่าเธอจะดูแลอย่างดีที่สุด
“แล้วทำไมเธอไม่ย้ายมาวันนี้เลยล่ะ” พิมพ์รตาเอ่ยถามเสียงแข็ง
“ก็บอกคุณหนูแล้วไงค่ะ ว่าไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่ออยู่” กรกฎตอบเสียงเรียบ
“พรุ่งนี้ฉันมีธุระออกไปข้างนอก แล้วใครจะไปดูแลฉันล่ะ เธอจะต้องเตรียมตัวอะไรนักหนา ข้าวของอะไรก็มีให้หมด เก็บแค่เสื้อผ้าเท่านั้นเอง กลับไปเก็บวันนี้แหล่ะ เดี๋ยวเอารถฉันไปเธอขี่มอเตอร์ไซค์มาไม่ใช่เหรอ จะขนของยังไง ฉันจะไปด้วย” ออกคำสั่งเสียงเข้มอย่างวางอำนาจเต็มที่ ทำเอากรกฎขุ่นเคืองขึ้นมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายอมทำตามคำสั่ง ดีกว่าตกงาน
“ค่ะคุณหนู” เธอเน้นคำอย่างประชดประชัน จนคนฟังรู้สึก
“นี่...แล้วอีกอย่างนะ อย่ามาเรียกฉันคุณหนูอีก ฉันชื่อพิมพ์” โดนแหวใส่จนได้
“แจ๋ว...แจ๋ว...เดี๋ยวจัดห้องให้คุณกรกฎเค้าด้วยนะ เดี๋ยวฉันจะพาเค้าไปเก็บข้าวของ บอกพ่อกับป้าน้อมด้วยนะ” พิมพ์รตาบอกเด็กเสร็จแล้วเดินนำกรกฎไปยังโรงรถทันที กรกฎเดินตามอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถสปอร์ต BMWสีขาวที่จอดอยู่ในโรงรถพิมพ์รตายื่นกุญแจรถให้กรกฎทันที
“เธอขับ” บอกสั้นๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูข้างคนขับ แล้วขึ้นไปนั่งรอทันที กรกฎยืนอึ้งถือกุญแจไว้อย่างงงๆ
“เอ้า...เธอจะยืนบื้ออีกนานไหม หรือว่าเธอขับไม่เป็น” พิมพ์รตาร้องถาม ทำเอากรกฎลนลานเข้าไปนั่งประจำที่คนขับทันที ก่อนที่เสียงตวาดแว๊ดจะดังมาอีกรอบ
‘ขับรถน่ะขับเป็น แต่ว่าเกิดมายังไม่เคยขับรถหรูขนาดนี้มาก่อนนี่นา ฉันไม่ได้เกิดมารวยอย่างเธอนี่ ยายคุณหนู’ กรกฎอดคิดค่อนแคะความร่ำรวยของคนนั่งข้างๆ ไม่ได้ รถทั้งคันมีแต่ความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์เบาๆ พิมพ์รตารู้สึกอึดอัดจนต้องเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ
‘ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร
ไม่รู้ว่าโลกความจริง ของเรานั้นเป็นอย่างไร
สิ่งที่สำคัญที่สุด อาจไม่สำคัญเท่าไร
เท่าวันที่เราได้เจอ ได้คุยได้อยู่ใกล้กัน
ให้เธอลืมโลกที่กว้างใหญ่
ลืมมันไปให้เหลือแค่เพียงเรา
เก็บทุกความสุข ให้เหมือนวันสุดท้าย
ยินดีที่ไม่รู้จัก ไม่รู้จัก แค่รู้ว่ารักก็พอใจ
แค่คำว่าไม่รู้จัก ไม่รู้จัก
รักเราก็ไม่ได้น้อยลงจริงไหม
แค่มีเธอใกล้ๆ มันก็ใช่ที่สุดแล้ว’[/i]
(ยินดีที่ไม่รู้จัก=ทเวนตี้ไฟว์ อาวเวอร์ส)[/center]
พิมพ์รตาเหลือบมองด้านข้างของคนขับ ผมยาวที่รวบตึงเผยให้เห็นใบหน้ายาวเรียว ดวงตาเรียวเล็ก จมูกโด่งรับกับใบหน้า ปากบางรับกับคางที่แหลมยาว รวมกันบนใบหน้านี้ก็ดูดีไม่น้อย กรกฎรู้สึกว่าคนข้างๆ จ้องมองเธอนานแล้ว แกล้งหันไปมอง พิมพ์รตาหลบสายตาที่มองมาก่อนจะเอ่ยถามแก้เก้อ
“เธอมีชื่อเล่นไหม กรกฎยาวไป”
“ปูค่ะ” กรกฎตอบสั้นๆ
“อื้อ...ง่ายดีเนอะ กรกฎคือปู เธอเกิดเดือนกรกฎาคมแน่ๆ เลยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ” สั้นๆ อีกเช่นเคย
“พูดยาวๆ เป็นมั่งไหม” พิมพ์รตาเริ่มตีรวนใส่
‘คนอะไรหน้าเฉยชาเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ ดีล่ะจะแกล้งให้เข็ดเลย แม่บอดี้การ์ด’ พิมพ์รตาคิดอย่างขำๆ จนเผลอยิ้มออกมา ทำให้คนที่มองมารู้สึกดี ที่เห็นรอยยิ้มนั้น อย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
‘แค่หล่อนยิ้มแค่นี้ ทำไมเหมือนโลกมันสว่างสดใสจัง’ กรกฎคิดหาคำตอบให้ตัวเอง